รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - nanasee

หน้า: [1] 2 3 ... 7
1

น้ำยาล้างห้องน้ำออร์แกนิค สูตรฆ่าเชื้อโรค ปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำจากธรรมชาติ สูตรฆ่าเชื้อแบคทีเรียจากธรรมชาติ นวัตกรรมใหม่ในการทำความสะอาดห้องน้ำ ถูกใจทาสหมา ทาสแมว คนรักสัตว์เลี้ยง แน่นอน
ด้วยสารทำความสะอาดจากธรรมชาติและเอนไซม์โบรมีเลนจากสับปะรดมีคุณสมบัติในการขจัดคราบสกปรกและคราบสบู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผสานสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียจาก ที ทรี ออยล์ กลิ่นไม่ฉุน ไม่แสบตาหรือแสบจมูก ปราศจากกรดไฮโดรคลอริก จึงไม่ทำลายพื้นผิวและยาแนว

น้ำยาล้างห้องน้ำ สูตรฆ่าเชื้อโรค สำหรับคนรักสัตว์เลี้ยง
น้ำยาล้างห้องน้ำที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้และปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยงและครอบครัว น้ำยาล้างห้องน้ำ พิพเพอร์ สแตนดาร์ด สูตรฆ่าเชื้อแบคทีเรีย สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ 99.9%* มีส่วนผสมที่อ่อนโยน และปราศจากสารเคมีรุนแรงที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ช่วยในการขจัดคราบและกลิ่นไม่พึงประสงค์โดยไม่มีผลข้างเคียงต่อสัตว์เลี้ยง การเลือกใช้น้ำยาล้างห้องน้ำที่ปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยงและครอบครัวควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเคมีอันตราย ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ในทั้งคนและสัตว์เลี้ยงได้

วิธีใช้ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำ
ล้างบริเวณที่ต้องการทำความสะอาดด้วยน้ำ ฉีดผลิตภัณฑ์ลงบนพื้นผิวห้องน้ำที่ต้องการทำความสะอาด ทิ้งไว้ 5 ถึง 10 นาที แล้วใช้แปรงขัดทำความสะอาดตามปกติ ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำ พิพเพอร์ สแตนดาร์ด มีให้เลือก 4 ขนาด
•   ชนิดขวด กลิ่นออเรนจ์ บลอสซั่ม ขนาด 500 มล.
•   ชนิดถุงเติม กลิ่นออเรนจ์ บลอสซั่ม ขนาด 400 มล.
•   ชนิดขวด สูตรฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขนาด 400 มล.
•   ชนิดถุงเติม สูตรฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขนาด 325 มล.

การทำความสะอาดพื้นที่ของสัตว์เลี้ยง
การทำความสะอาดพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทั้งสัตว์เลี้ยงและบ้านของคุณสะอาดและปลอดเชื้อแบคทีเรีย นี่คือแนวทางพื้นฐานในการทำความสะอาดพื้นที่ของสัตว์เลี้ยง

1.   กำจัดขยะและของเสียทุกวัน สำหรับพื้นที่ที่สัตว์เลี้ยงใช้บ่อย เช่น ถาดขยะหรือพื้นที่ขับถ่าย ควรทำความสะอาดทุกวัน เพื่อป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์และยับยั้งการเพาะพันธุ์ของแบคทีเรียและเชื้อโรค

2.   ล้างและฆ่าเชื้อพื้นที่ที่สัตว์เลี้ยงใช้งาน ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยงเพื่อล้างทำความสะอาดพื้นที่ต่างๆ เช่น ที่นอน, กรง, และของเล่น อาจใช้ น้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ เพื่อทำความสะอาดและขจัดกลิ่น

3.   ทำความสะอาดและตรวจสอบของเล่นและอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ ของเล่นและอุปกรณ์อื่นๆ ควรทำความสะอาดด้วยน้ำร้อนหรือใช้น้ำยาล้างจานออร์แกนิคที่อ่อนโยนและปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยง เพื่อล้างเชื้อโรคและรักษาความสะอาด

4.   ใช้ผ้าม็อบหรือผ้าขนหนูที่สะอาดแยกต่างหาก เพื่อความสะดวกและปลอดภัย ควรมีผ้าม็อบหรือผ้าขนหนูที่ใช้เฉพาะสำหรับทำความสะอาดพื้นที่สัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปยังพื้นที่อื่นๆ ในบ้าน

5.   การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้บ้านของคุณสะอาดและปลอดภัยสำหรับทั้งสัตว์เลี้ยงและคนในครอบครัวได้

วิธีเลือกน้ำยาล้างห้องน้ำ สำหรับสัตว์เลี้ยง
น้ำยาล้างห้องน้ำที่เหมาะสำหรับใช้ในบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง ควรมีคุณสมบัติที่ปลอดสารเคมีรุนแรง เพราะสารเหล่านี้สามารถเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงได้ สารเหล่านี้สามารถทำให้เกิดการระคายเคืองที่ผิวหนัง, ตา, และทางเดินหายใจ

ฆ่าเชื้อโรคได้มีประสิทธิภาพ น้ำยาที่เลือกใช้ควรมีสามารถในการขจัดเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้ดีเพื่อความสะอาดและปลอดภัยในบ้าน และนอกจากนี้สัตว์เลี้ยงมักมีความไวต่อกลิ่นมากกว่ามนุษย์ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นน้อยหรือไม่มีกลิ่นสามารถยังช่วยลดความเครียดให้กับสัตว์เลี้ยงได้อีกด้วย

มีส่วนผสมจากธรรมชาติ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมธรรมชาติเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยง การตรวจสอบการรับรองสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้าน สามารถเป็นการยืนยันว่าผลิตภัณฑ์นั้นปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเหล่านี้จะช่วยให้คุณรักษาความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับคำนึงถึงความปลอดภัยของสัตว์เลี้ยงและคนในบ้านของคุณ

2

Power BI คืออะไร
Power BI คือ 1 ในเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูล (Business Intelligence Tool : BI Tool) และการทำ Data Visualization ที่ทรงพลังและใช้งานง่าย พัฒนาโดย Microsoft เพื่อช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถนำข้อมูลที่มีมาแปลงเป็นภาพ หรือสร้างเป็นแดชบอร์ดที่ปรับแต่งได้ สวยงาม และเข้าใจได้ง่าย โดยสามารถเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น Excel, SQL Server หรือบริการคลาวด์ต่าง ๆ ที่ทำให้สามารถสร้างกราฟ หรือแผนภูมิในแบบต่าง ๆ รวมไปถึงใช้งานร่วมกันกับคนอื่น ๆ ได้อีกด้วย โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อน เพราะสามารถใช้เพียงแค่ Drag & Drop โดย Power BI สามารถใช้ทำความสะอาดข้อมูลเบื้องต้น (Data Cleansing) วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ (Data Analytics) จนถึงการสร้าง Dashboard (Data Visualization) ปัจจุบันหลายบริษัทเริ่มให้ความสนใจ และจัดอบรม power bi ให้กับพนักงาน เพื่อให้พนักงานมีความรู้ มีความเข้าใจกับการใช้ power bi มากขึ้น

คอร์ส อบรม power bi ที่หลายบริษัทเลือกใช้เพื่ออบรมพนักงาน

•   คอร์สเรียน Power BI ราคาไม่แพง หลักสูตรอบรม 2568 แบบเข้มข้น!
Team Digital จัดคอร์สเรียนการตลาดออนไลน์ ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย หลากหลายหลักสูตรทุกเดือน เช่น คอร์สเรียน Digital Marketing, คอร์สเรียนขายของใน Shopee/Lazada, คอร์สเรียน SEO, คอร์สเรียน Google Ads, คอร์สเรียนยิงแอด Facebook, คอร์สเรียน LINE OA, คอร์สเรียนเป็น YouTuber, คอร์สเรียน Google Analytics, คอร์สเรียน WordPress, คอร์สเรียน TikTok และ คอร์สเรียน Power BI รวมทั้งยังรับจัดหลักสูตรอบรมภายในองค์กร (In-House Training) ให้กับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ
•   ZyGen
ให้บริการคอร์ส 'Power BI Training' ที่เน้นการฝึกอบรมจากพื้นฐานสู่ระดับมืออาชีพ พร้อม Workshop ที่ปรับแต่งตามความต้องการของธุรกิจ เพื่อให้พนักงานสามารถสร้าง Dashboard และรายงานที่ตอบโจทย์องค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
•   TrainzIT
ศูนย์อบรมคอมพิวเตอร์ที่มีหลักสูตร Power BI สำหรับองค์กร โดยเน้นการฝึกอบรมที่ปรับให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของแต่ละบริษัท เพื่อให้พนักงานสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการทำงานได้จริง
•   Thep Excel
ให้บริการคอร์สอบรม Excel และ Power BI สำหรับองค์กร (In-House Training) โดยมีการปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับระดับความรู้ของพนักงาน และเน้นการฝึกปฏิบัติจริง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
•   Fusion Solution
ให้บริการอบรมและ Workshop Power BI โดยทีมงานที่มีประสบการณ์ด้าน Data กว่า 16 ปี พร้อมปรับเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการขององค์กร เพื่อให้พนักงานสามารถใช้งาน Power BI ได้อย่างมืออาชีพ
•   9Expert Training
เปิดสอนหลักสูตร 'Power BI Desktop for Business Analytics' ที่เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจและการสร้างรายงานแบบ Interactive Dashboard เพื่อให้พนักงานสามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์และนำเสนอได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้การเลือกคอร์สอบรม power bi ที่เหมาะสมควรพิจารณาจากความต้องการ และระดับความรู้ของพนักงาน รวมถึงความสามารถในการปรับเนื้อหาให้ตรงกับลักษณะงานขององค์กร เพื่อให้การฝึกอบรมมีประสิทธิภาพสูงสุด

3

ตะคริว เกิดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้ออย่างฉับพลันโดยที่เราไม่สามารถบังคับได้ ตะคริวจะมีลักษณะเป็นก้อนแข็งและทำให้รู้สึกปวดหรือเจ็บกล้ามเนื้อมัดที่เกิดการหดเกร็ง ซึ่งมักจะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งหรือเพียงชั่วครู่เท่านั้น พอทิ้งไว้สักพักอาการก็จะดีขึ้นได้

รวมสาเหตุที่ทำให้เกิดเป็นตะคริวบ่อย

ขาดเกลือแร่ และดื่มน้ำไม่เพียงพอ
การขาดน้ำหรือเกลือแร่ เช่น โพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียม อาจทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งได้ง่ายขึ้น การดื่มน้ำไม่เพียงพอหรือเสียเหงื่อมากเกินไประหว่างออกกำลังกายสามารถทำให้ระดับเกลือแร่ในร่างกายลดลง ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ
การใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไป
การออกกำลังกายหนัก หรือใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไปโดยไม่มีการพักผ่อนเพียงพอ สามารถกระตุ้นให้เกิดตะคริวได้ กล้ามเนื้อที่ถูกใช้งานหนักจะเกิดความเมื่อยล้าและหดเกร็งได้ง่าย โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่ได้มีการวอร์มอัพหรือคูลดาวน์
การไหลเวียนของเลือดไม่ดี  หรือมีปัญหา
การนั่งหรือยืนในท่าเดิมนาน จนทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี จนส่งผลให้เกิดเป็นตะคริว การที่เลือดไม่สามารถไหลเวียนไปยังกล้ามเนื้อได้อย่างเต็มที่ ทำให้กล้ามเนื้อขาดออกซิเจนและสารอาหารที่จำเป็น
อายุที่เพิ่มขึ้น
เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อจะสูญเสียความยืดหยุ่น และมีโอกาสเกิดตะคริวได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระบบประสาทและระบบไหลเวียนเลือด นอกจากนี้ การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อยังทำให้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง
ภาวะทางสุขภาพ
โรคบางชนิด เช่น เบาหวาน หรือโรคเกี่ยวกับระบบประสาท อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดตะคริว ภาวะเหล่านี้สามารถส่งผลต่อระบบประสาทหรือระบบไหลเวียนเลือด ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ

การรักษาอาการเป็นตะคริว
แพทย์อาจจ่ายยาให้รับประทานเพื่อบรรเทาอาการปวด แต่ไม่มียารับประทานหรือยาฉีดใด ๆ ที่ช่วยให้หายเป็นตะคริวได้ทันที
การออกกำลังแบบยืดเหยียดช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นตะคริวได้

การเป็นตะคริวบ่อยนั้นแม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่ก็สร้างความลำบากให้กับผู้ที่เป็นไม่น้อย ดังนั้นการทำความเข้าใจถึงสาเหตุ วิธีป้องกัน เป็นตะคริวบ่อย ต้องกินอะไรถึงจะลดการเป็นตะคริว และวิธีรักษาจะช่วยให้คุณจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

4

Power BI คือ หนึ่งในเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูล และการทำ Data Visualization ที่ทรงพลังและใช้งานง่าย พัฒนาโดย Microsoft เพื่อช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถนำข้อมูลที่มีมาแปลงเป็นภาพ หรือสร้างเป็นแดชบอร์ดที่ปรับแต่งได้ สวยงาม และเข้าใจได้ง่าย โดยสามารถเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น Excel, SQL Server หรือบริการคลาวด์ต่าง ๆ ที่ทำให้สามารถสร้างกราฟ หรือแผนภูมิในแบบต่าง ๆ รวมไปถึงใช้งานร่วมกันกับคนอื่น ๆ ได้อีกด้วย โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อน

คอร์สเรียน Power BI สำหรับผู้เริ่มต้น
power bi คอร์สเรียนสำหรับผู้เริ่มต้น โดย Power BI Essentials ออกแบบเนื้อหามาสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการใช้ BI Tool มาก่อน ให้สามารถทำ Data Visualization และสร้างแดชบอร์ดแรกของตัวเองได้ เพื่อเอาไปประยุกต์ใช้ในงานต่อไป โดยในคอร์สนี้คุณจะได้เรียนตั้งแต่
1.คำสั่งต่าง ๆ ของการใช้งานโปรแกรม Power BI เบื้องต้น และการเชื่อมต่อข้อมูลจากฐานข้อมูลต่าง ๆ เข้ากับ Power BI
2.เตรียมข้อมูลให้พร้อมต่อการนำไปวิเคราะห์ และแสดงผล โดยเรียนรู้การใช้ Power Query เพื่อเตรียมข้อมูล (Data Preparation) , ทำความสะอาด (Data Cleansing), แปลงรูปแบบข้อมูล (Data Transformation) รวมไปถึงการรวบรวม และจัดการข้อมูลด้วยวิธีการอื่น ๆ ให้อยู่ในรูปแบบที่พร้อมสำหรับการวิเคราะห์
3.สร้าง Visualization และ Interactive Dashboard ด้วย Power BI โดยลงมือสร้างกราฟ (Visualization) แบบต่าง ๆ ด้วย Power BI Desktop พร้อมร้อยเรียงเป็น Interactive Dashboard เพื่อนำเสนอ Insight ให้กับธุรกิจ
4.เรียนรู้แนวทางการเลือกใช้กราฟให้ตรงกับวัตถุประสงค์ และแนวคิดในการนำ Dashboard ไปใช้ในเชิงธุรกิจ
5.ฝึกฝนการสร้าง Data Model เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างตารางข้อมูล และเรียนรู้พื้นฐานการเขียนภาษา Data Analysis Expression (DAX) เพื่อสร้าง Column และ Measure ในการคำนวณที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

โดยสิ่งที่คาดว่าจะได้รับจากการลง power bi คอร์สเรียนนี้ คือ เรียนรู้พื้นฐานการใช้โปรแกรม Power BI,สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและแสดงผลผ่านทาง Visualization Dashboard โดยใช้โปรแกรม Power BI ได้ด้วยตัวเอง,สามารถสร้าง Dashboard เพื่อช่วยแสดงผลข้อมูลจำนวนมาก ที่ช่วยชี้ให้เห็นถึงปัญหาและโอกาสเพื่อนำไปสู่ Action ต่อไป และสามารถสร้างไอเดียและโครงการใหม่ๆ โดยการนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้

#power bi คอร์ส

5

Power BI คืออะไร?
Power BI คือ หนึ่งในเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูล (Business Intelligence Tool : BI Tool) และการทำ Data Visualization ที่ทรงพลังและใช้งานง่าย พัฒนาโดย Microsoft เพื่อช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถนำข้อมูลที่มีมาแปลงเป็นภาพ หรือสร้างเป็นแดชบอร์ดที่ปรับแต่งได้ สวยงาม และเข้าใจได้ง่าย โดยสามารถเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น Excel, SQL Server หรือบริการคลาวด์ต่าง ๆ ที่ทำให้สามารถสร้างกราฟ หรือแผนภูมิในแบบต่าง ๆ รวมไปถึงใช้งานร่วมกันกับคนอื่น ๆ ได้อีกด้วย โดยที่ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อน เพราะสามารถใช้เพียงแค่ Drag & Drop โดย Power BI สามารถใช้วิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เบื้องต้นทำ ไปจนถึงการสร้าง Dashboard (Data Visualization) ปัจจุบันมีหลายบริษัทเริ่มมีการนำเครื่องมือ Power BI เข้ามาใช้ในองค์กรกันมากขึ้น ดังนั้นจึงมีคอร์สเรียน power bi เบื้องต้นให้ได้เรียนเยอะ

คอร์สเรียน Power BI สำหรับผู้เริ่มต้น
Power BI Essentials ออกแบบเนื้อหามาสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการใช้ BI Tool มาก่อน ให้สามารถทำ Data Visualization และสร้างแดชบอร์ดแรกของตัวเองได้ เพื่อเอาไปประยุกต์ใช้ในงานต่อไป ดังนี้
1.คำสั่งต่าง ๆ ของการใช้งานโปรแกรม Power BI เบื้องต้น และการเชื่อมต่อข้อมูลจากฐานข้อมูลต่าง ๆ เข้ากับ Power BI

2.เตรียมข้อมูลให้พร้อมต่อการนำไปวิเคราะห์ และแสดงผล โดยเรียนรู้การใช้ Power Query เพื่อเตรียมข้อมูล (Data Preparation) , ทำความสะอาด (Data Cleansing), แปลงรูปแบบข้อมูล (Data Transformation) รวมไปถึงการรวบรวม และจัดการข้อมูลด้วยวิธีการอื่น ๆ ให้อยู่ในรูปแบบที่พร้อมสำหรับการวิเคราะห์

3.สร้าง Visualization และ Interactive Dashboard ด้วย Power BI โดยลงมือสร้างกราฟ (Visualization) แบบต่าง ๆ ด้วย Power BI Desktop พร้อมร้อยเรียงเป็น Interactive Dashboard เพื่อนำเสนอ Insight ให้กับธุรกิจ

4.เรียนรู้แนวทางการเลือกใช้กราฟให้ตรงกับวัตถุประสงค์ และแนวคิดในการนำ Dashboard ไปใช้ในเชิงธุรกิจ

5. ฝึกการสร้าง Data Model เพื่อที่จะเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างตารางข้อมูล

ประโยชน์จากการใช้ Power BI ในด้านธุรกิจ
1.นำไปใช้งานได้ง่าย
ง่ายต่อการเริ่มต้นใช้งานสามารถแปลงข้อมูลจาก Raw Data เป็น Insight Data ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ การใช้งานไม่ซับซ้อน และยังมีบริการอีกมากมายที่สามารถเชื่อมต่อกับ Dashboard ได้ ไม่ว่าจะเป็น Microsoft Dynamics, Salesforce, Google Analytics, Adobe Analytics และอื่นๆ

2.สร้างและแจกจ่ายรายงานอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
สามารถอัปโหลดรายงานที่สร้างขึ้นมาใหม่ ไปยังบริการของ Power BI ได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว อีกทั้งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไข และมีการ Refresh ชุดข้อมูล รายงานก็จะสามารถ Refresh ได้โดยอัตโนมัติเช่นกัน

3. แสดงข้อมูลแบบ Real-Time
ไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลของรายงานจะเก่าและไม่ถูกต้อง เพราะข้อมูลจะถูกอัปเดตแบบเรียลไทม์ โดยชุดข้อมูลที่เชื่อมต่อนั้น จะถูกส่งออกและถูกอัปเดตไปยังบริการต่างๆ ทำให้ธุรกิจสามารถวัดผลและทำการตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว

4. รองรับแหล่งข้อมูลได้หลากหลาย
เนื่องจากธุรกิจแต่ละประเภทอาจไม่ได้มีเพียงแหล่งข้อมูลเดียว ด้วย Power BI คุณจะสามารถเชื่อมต่อข้อมูลได้หลากหลายประเภทจากแหล่งต่างๆ ทั้งระบบภายในและภายนอก เพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูลได้ในคราวเดียว

5. Power BI กับ AI
ด้วยฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Quick Insights จะช่วยจำลองแนวโน้มของข้อมูล โดยการวิเคราะห์ข้อมูล และจะแสดงผลออกมาในรูปแบบกราฟ ซึ่งถ้าหากต้องการเข้าถึงฟีเจอร์การรับรู้รูปภาพ (Image Recognition) และวิเคราะห์ลักษณะข้อความ (Text Analytics) สามารถทำได้โดยเชื่อมต่อกับ Azure Machine Learning ซึ่งฟังก์ชั่นนี้จะสร้างโมเดลสำหรับการเรียนรู้ โดยใช้ความสามารถของ AI มาช่วยในการจดจำข้อมูลต่างๆ

6. ข้อมูลเยอะก็ไม่เป็นปัญหา
การวิเคราะห์ชุดข้อมูลบน Microsoft Excel อาจซับซ้อนและใช้เวลามาก เนื่องจากต้องวิเคราะห์ข้อมูลมากกว่าล้านแถว ดังนั้นจึงขอแนะนำ “Large Datasets” ซึ่งฟีเจอร์นี้ จะบีบอัดข้อมูล ทำให้สามารถหา Insights Data จากชุดข้อมูลขนาดใหญ่ได้ดีขึ้น กล่าวคือ เราสามารถวิเคราะห์ชุดข้อมูลจากหลายสิบล้านแถวได้นั่นเอง

7. ‘Get Data’ Feature
“Get Data feature “ เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ของ Power BI ที่น่าสนใจและใช้งานได้จริง เนื่องจากช่วยให้สามารถเลือกสิ่งที่ต้องการจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น Excel , Power BI datasets , SQL Server , Azure เป็นต้น ทั้งแบบมีโครงสร้างหรือไม่มีโครงสร้าง นอกจากนี้ยังอาจเป็นแหล่งข้อมูลที่อยู่บน On-site หรือ Cloud-based ก็ได้

8. Dashboards and Visualization Options
“Dashboards” เป็นพื้นฐานของ Power BI อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่รวบรวม “Visualization” หรือ หน้ารายงานต่างๆ ที่เราสามารถออกแบบได้ตามใจชอบ รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทำให้ง่ายต่อการเข้าใจและเห็นภาพรวมภายในหน้าเดียว และยังสามารถแชร์ไปยังผู้ใช้งานคนอื่นๆ ภายในองค์กรได้อีกด้วย ซึ่งเหมาะกับธุรกิจเป็นอย่างมากเนื่องจากมีความสะดวกสบายในการใช้งานและง่ายต่อการช่วยตัดสินใจ

9. มีกราฟให้เลือกหลากหลายรูปแบบ
อย่างที่ทราบกันว่า Power BI จะนำเสนอ Visualizations ที่น่าสนใจหลากหลายรูปแบบ โดยการนำเสนอข้อมูลธุรกิจในรูปแบบของรูปภาพ เป็นหัวใจหลักของ Power BI ซึ่ง “ Visualizations Feature “ นี้เอง ทำให้สามารถสร้างรายงานและแดชบอร์ดที่มีแผนภูมิที่ซับซ้อนหรือตรงไปตรงมาได้ อีกทั้งยังมีตัวเลือกในการสร้าง Visualizations อีกมากมายให้ได้เลือกใช้ตามความเหมาะสมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Line chart, Area chart, Scatter chart, Donut chart, Ribbon chart, Stacked bar chart, Map, Filled map, Clustered bar chart และ Gauge chart เป็นต้น

สรุป
จะเห็นได้ว่า Power BI มีประโยชน์หลายอย่างมากที่จะช่วยตอบโจทย์ทางด้านธุรกิจ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่รอให้คุณได้ลองใช้งาน ซึ่งคุณสามารถลงคอร์สเรียน power bi ต่างๆ เพื่อนำความรู้ที่ได้รับมาปรับใช้กับธุรกิจ หรือองค์กร ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ยังมี Power BI Desktop ให้ทดลองใช้ฟรีอีกด้วย (แต่ใช้ได้แค่บางฟีเจอร์นะคะ)

6
อื่น ๆ / ทำไมการทำธุรกิจจะต้องยิงแอด Google
« เมื่อ: ธันวาคม 19, 2024, 02:49:25 AM »

ความสำคัญของ Google ads ในด้านการตลาด
Google Ads คือการทำโฆษณาผ่าน Search Engine ของ Google อัลกอริทึมจะจับคู่ Keyword ที่ผู้ใช้ค้นหาเข้ากับคำบนโฆษณาที่เขียนขึ้นจากทั้งใน Landing Page และข้อความโฆษณาโดยปกติแล้วส่วนที่เป็นโฆษณาหรือ SEM จะปรากฏอยู่ในอันดับบนสุดถัดมาถึงจะเป็นคอนเทนต์แบบ SEO เพื่อให้ผู้ใช้งานให้ความสนใจกับโฆษณาก่อนเป็นอย่างแรกซึ่งตัวโฆษณาสามารถสร้าง CTA กำหนดให้ผู้ใช้งานเข้ามามีส่วนร่วมกับโฆษณาในแบบต่าง ๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น เพิ่มยอดการโทร ยอดการเข้าชมเว็บไซต์ หรือกรอกข้อมูลติดต่อกลับเพื่อให้ปิดการขาย โดยที่ผู้ลงโฆษณาสามารถกำหนดงบประมาณ การออกแบบแคมเปญ และควบคุมการยิงโฆษณาผ่านหลังบ้าน Google Ads ได้ด้วย ปัจจุบันมีคอร์สสอนยิงแอด google เอาไว้มากมายให้ผู้ที่สนใจสามารถเลือกเข้าไปเรียนรู้ เพื่อนำมาปรับใช้กับธุรกิจของตนเองได้อย่างตรงจุด และได้ผลลัพธ์ดีที่สุด

การยิงแอด Google มีหลักการทำงานอย่างไร?
การยิงแอด Google ใช้ระบบการโฆษณาแบบ PPC (Pay Per Click) ซึ่งหมายถึงการโฆษณาบนเครื่องมือค้นหา โดยผู้ลงโฆษณาจะกำหนด Keyword หรือคำค้นหาที่ผู้คนใช้ในการค้นหาบน Google และเสนอราคา Bidding ใน Keyword ตามที่ต้องการได้ นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดงบประมาณสำหรับโฆษณารายวันสูงสุดได้อีกด้วย โดยการจ่ายเงินในการประมูลโฆษณา Google Ads มี 3 รูปแบบดังนี้
1.Cost per click (CPC)  รูปแบบนี้เป็นการจ่ายเงินตามจำนวนครั้งที่มีการคลิกโฆษณาของคุณ สำหรับ Google Ads โดยการกำหนดราคาใช้จ่ายเป็นแบบ CPC นี้ได้รับความนิยมสูงมาก
2.Cost per mille (CPM) คือ CPM หมายถึงต้นทุนต่อพันครั้งการแสดงผล คุณจะต้องกำหนดราคาในการโฆษณาโดยจ่ายเงินสำหรับการแสดงผลครบ 1,000 ครั้ง โดยจะนับรวมทั้งหมด ทั้งโฆษณาที่มีการคลิกเข้ามาดู และโฆษณาที่ไม่มีการคลิกเข้ามาดูเลยก็ตาม
3.Cost per engagement (CPE) คือ รูปแบบนี้เป็นการกำหนดราคาสำหรับการโฆษณาโดยจ่ายเงินตามจำนวนครั้งที่มีคนเข้ามาเข้ามาชม หรือทำการจ้างงานกับโฆษณา เช่น การดูวิดีโอหรือการลงทะเบียน

บริการ Google Ads มีอะไรบ้าง?
1. Google Search
เป็นบริการของ กูเกิล แบบปกติทั่วไป เมื่อมีคนพิมพ์คำค้นหาลงในช่องค้นหา Google จะจับคู่ผลลัพธ์ที่มี Keyword ใกล้เคียงที่สุดขึ้นแสดงผลให้ผู้ใช้งานเห็น แตกต่างจากแบบ SEO คือจะมีการ Bid หรือการประมูลซื้อพื้นที่โฆษณาให้กับแบรนด์ลงบนข้อความโฆษณาส่วนนี้คุณต้องเขียน Headline และ Description โดยใช้ Keyword ที่ครอบคลุมการค้นหาให้มากที่สุด เพื่อให้เว็บไซต์ถูกจัดอันดับที่สูงขึ้น เพราะลิงก์ที่อยู่ลำดับบนจะได้ยอด Click Through Rate สูงกว่าลิงก์ที่อยู่ด้านล่าง

2. Google Display Network (GDN)
เป็นโฆษณาที่เห็นได้มากพอ ๆ กับ Google Search แต่จะเพิ่มลูกเล่นมากกว่าโดยการแทรกรูปภาพสินค้าหรือวิดีโอเข้าไปในแบนเนอร์ ซึ่งก็มักจะปรากฏในหน้าค้นหาของ Google และในหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เปิดพื้นที่ให้ลงโฆษณาได้ ซึ่งก็ต้องเลือกเว็บไซต์ที่จะนำไปลงอีกที โดยแต่ละเว็บที่จะนำไปลงต้องเป็นเว็บที่เกี่ยวข้องกับสินค้า หรือบริการที่คุณมีมากที่สุดเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดที่สุด ยกตัวอย่าง บริษัทที่ให้บริการเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ ควรเลือกทำ GDN กับเว็บไซต์ที่พูดถึงเรื่องเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ แก็ดเจ็ตอุปกรณ์ไอที เป็นต้น

3. YouTube Ads
ถ้าใครที่ไม่มี YouTube Premium ก็ต้องพบเจอกับโฆษณาเข้ามาคั่นเวลาดูวิดีโอกันบ่อยมาก และบางโฆษณาก็กินเวลาหลายวินาทีกว่าจะกดข้ามได้ หรือบางทีก็กดไม่ได้ ซึ่งโฆษณาเหล่านี้คือผลจากการทำ YouTube Ads ที่เอารูปแบนเนอร์หรือวิดีโอลงไปโฆษณาบนยูทูบ ก็เพื่อให้ผู้ใช้งานเห็นผ่านตามากขึ้น โดยการจัดหมวดหมู่โฆษณาว่าแบนเนอร์ไหนควรไปอยู่ในคลิปไหนนั้น มักเลือกจากช่องของ Influencers ที่มีความสนใจตรงกับสินค้าของแบรนด์ด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ คลิปที่มียอดเข้าชมสูง ๆ ก็เป็นที่หมายตาของแบรนด์ด้วยเช่นกัน หรือจะฝากโฆษณากับช่องที่มีกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ติดตามอยู่ก็ดีไม่แพ้กัน

4. Mobile App Ads
เรามักมีภาพจำมาเสมอว่า Google โดยปกติจะให้บริการบนเว็บไซต์แพลตฟอร์มเป็นส่วนใหญ่ แต่จริง ๆ แล้ว Google ยังให้บริการผ่านแอปพลิเคชันด้วยเช่นกัน ซึ่งก็ต้องเป็นแอปฯ ที่เป็นลูกข่ายของ Google Partner ถึงจะใช้งานโฆษณาแฝงนี้ได้ พบได้บ่อยในระบบ Android อย่าง Google Play Store (ส่วนระบบของ Apple เป็นระบบแยกของตัวเองไม่ได้เป็นเครือข่ายของ Google จึงหาแอปฯ Google ได้น้อยกว่า) ซึ่งทุกแอปฯ ที่เปิดให้ดาวน์โหลดใน Play Store ก็นับเป็นส่วนหนึ่งของ Google ที่สามารถแฝงโฆษณาลงไปในแอปฯ ได้แบบเนียน ๆ ซึ่งส่วนมากแล้วจะเป็นแอปฯ ฟรีมากกว่า ยกตัวอย่าง เกมฟรีที่พอเล่นไปสักพักก็จะมีโฆษณาเด้งขึ้นมาให้ซื้อไอเทมหรือเวลาตายก็โฆษณาขึ้นเพื่อชุบชีวิตอย่างนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำ Mobile Apps Ads ด้วยเช่นกัน

5. Google Shopping Ads
เคยไหม? เวลาพิมพ์ค้นหาสินค้าบางชิ้นที่อยากได้บน Google มันก็จะขึ้นรายการสินค้าน่าสนใจขึ้นมาให้ทันทีเลย นี่เป็นผลจากการทำ Google Shopping Ads นี่แหละ การโฆษณาแบบนี้จะขึ้นแสดงรายการสินค้าพร้อมราคาและแหล่งซื้อสินค้าบนบรรทัดแรกของหน้า Search ให้ดูเป็น Pre-Screen ก่อนเข้าไปดูรายละเอียดในหน้าเว็บไซต์ การโฆษณาแบบนี้จะเหมาะกับแบรนด์ที่มีร้านค้าแบบขายปลีก และไม่จำเป็นต้องใช้ Keyword แบบเดียวกับ Google Search เพราะลูกค้าที่จะหาสินค้าเหล่านี้เจอมักเป็นลูกค้าที่มีความสนใจและศึกษาสินค้ามาอยู่ก่อนแล้ว จึงมักค้นหาสินค้าเหล่านั้นได้ลึกถึงระดับชื่อรุ่น ปีที่ผลิตกันเลยทีเดียว ดังนั้น Google Ads จะเก็บข้อมูลจากหน้า Landing Page ของสินค้านั้นแล้วนำไปวิเคราะห์อีกทีว่าชิ้นไหนควรขึ้นมาอยู่ในหน้า Shopping Ads บ้าง ซึ่งการทำโฆษณาแบบให้เห็นรูปตัวอย่างสินค้าพร้อมราคาไปเลยตั้งแต่แรกแบบนี้จะช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้เร็วขึ้นกว่าการกดเข้าเว็บไซต์แบบเดิม

6. โฆษณาแบบ Remarketing
เป็นการเรียกลูกค้าที่สนใจสินค้าของคุณแต่ยังไม่มั่นใจหรือยังไม่ได้กดซื้อสินค้าในทันที ทำให้เส้นทางถูกหยุดอยู่ที่หน้าจ่ายเงิน Remarketing จะช่วยย้ำเตือนลูกค้าให้รู้ว่า “ยังมีสินค้าที่กดเข้ามาดูแล้ว แต่ยังไม่ได้ซื้อเลยนะ กลับเข้ามาดูเราอีกสิ เราอยู่ตรงนี้” พอถึงจุดนี้ลูกค้าก็จะเห็นการ Remarketing อยู่เรื่อย ๆ ย้ำความจำในทุกช่วงเวลาให้กลับมาซื้อสินค้าชิ้นนี้ให้ได้จนกว่าลูกค้าจะซื้อสินค้าหรือไม่ก็เปลี่ยนหัวข้อการค้นหาจนอัลกอริทึมของ Google เลิกสนใจไปเองเลย

สรุป
เมื่อทำความเข้าใจถึงวิธีในการทำ Google Ad และเทคนิคการทำงานแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าการโฆษณาผ่าน Google ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ที่สำคัญก็มีคอร์สการเรียนรู้มากมายที่สอนยิงแอด google และแนะนำการปรับค่าต่าง ๆ ใน Google Ads ให้เข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานได้หลักพันล้านคน เรียกได้ว่าแค่โฆษณาผ่าน Google ก็เอาอยู่แล้ว

7

มาทำความรู้จักกับ Power BI
Power BI คือโปรแกรม และบริการคลาวด์ที่ใช้ในการวิเคราะห์ผลทางธุรกิจ และนำเสนอ ออกมาในรูปแบบ Interactive ทั้งแบบตาราง, กราฟ, ชาร์ท, แผนที่ และรูปร่างต่างๆ โดยสามารถแชร์รายงานให้พนักงานในองค์กร และบุคคลในสาธารณะ ตลอดจน embed คือการฝังรูปภาพลงในไฟล์ต้นฉบับ ไว้บนเว็บสาธารณะหรือแอพอื่นๆ ก็ได้  ที่สำคัญ Power BI สามารถเรียกดูข้อมูลจากหลายที่ได้เพียงคุณ Export ข้อมูลจากแหล่งนั้นมาเป็นฐานข้อมูล แล้วให้ Power BI นำเสนอรายงานออกมา ซึ่งถือว่าสะดวกกว่าการใช้ Pivot บน Excel หรือตัดแปะบน PowerPoint แบบเดิมๆ ทำให้ทำงานได้ง่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
หลักสูตร Power BI ที่ได้รับความนิยม
1.ZyGen Center
มีหลักสูตรเพื่อพัฒนาทักษะจากการเริ่มต้นจนถึงระดับมืออาชีพ, โดยมีการสอนการใช้ DAX และการสร้าง dashboard
2.TrainzIT
จัดอบรมการวิเคราะห์ข้อมูลสำหรับผู้ใช้งานทางธุรกิจด้วย Power BI  มีการฝึกอบรมการเชื่อมต่อข้อมูลและการสร้างตารางข้อมูล
3.9Expert Training
ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ Power BI Desktop สำหรับการวิเคราะห์ธุรกิจ ทั้งในรูปแบบการฝึกอบรมแบบมีสถานที่และออนไลน์
4.Skooldio
ให้หลักสูตรที่ครอบคลุมจากพื้นฐานจนถึงระดับขั้นสูง โดยมีส่วนที่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ และการสร้าง Visualization ที่ใช้ใน Power BI
แต่ละหลักสูตรมีจุดเด่นที่ตอบสนองความต้องการของผู้เรียนได้หลากหลาย จึงควรเลือกหลักสูตรที่ตรงกับเป้าหมายและระดับความสามารถของตนเอง

ข้อดีของการเรียนหลักสูตร Power BI
การเรียนหลักสูตร power bi นำมาซึ่งหลายข้อดีสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูล และการทำงานด้านธุรกิจ
1. เพิ่มความสามารถในการตัดสินใจ Power BI ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ลึกขึ้น มองเห็นแนวโน้มและประเมินผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยให้การตัดสินใจทางธุรกิจมีประสิทธิภาพและตรงประเด็นมากขึ้น
2. ทักษะการนำเสนอข้อมูล ผู้เรียนจะได้เรียนรู้วิธีการสร้างรายงานและ dashboard ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้สามารถนำเสนอข้อมูลได้อย่างชัดเจนและน่าสนใจ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการสื่อสารข้อมูลทางธุรกิจ
3. ความสามารถในการเชื่อมต่อข้อมูล หลักสูตรสอนวิธีการนำเข้าและการเชื่อมต่อข้อมูลจากหลายแหล่ง ช่วยให้ผู้เรียนสามารถจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลจากทรัพยากรต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. พัฒนาทักษะการแปลงข้อมูล ผู้เรียนจะได้เรียนรู้การใช้ Power Query และ DAX ในการแปลงข้อมูล ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการทำความสะอาดและปรับปรุงคุณภาพข้อมูลก่อนนำไปใช้วิเคราะห์
5. ประโยชน์ต่ออาชีพ การมีทักษะด้าน Power BI เป็นทักษะที่ตลาดแรงงานต้องการมาก สามารถเพิ่มโอกาสในการได้รับการจ้างงานในบทบาทที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลและธุรกิจ

บทสรุป
จะเห็นได้ว่าหลักสูตร power bi มีประโยชน์อย่างมากในด้านการทำงาน ทำให้ทำงานได้ง่ายขึ้น ข้อมูลที่ได้รับมาก็ละเอียด ทำให้สามารถทำงานออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงไม่แปลกที่ในปัจจุบันหลายบริษัทจึงเลือกที่จะสอน หรือเสริมหลักสูตร power bi เหล่านี้ให้กับพนักงาน เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ และประสิทธิภาพสูงให้กับองค์กรได้

#หลักสูตร power bi

8

         ซอสคาราเมลเป็นซอสที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้บริโภคของหวาน เพราะมีรสชาติอร่อยหวานหอมมัน โดยซอสคาราเมลเกิดจากการที่เอาน้ำตาลไปละลายด้วยความร้อนจนถึงจุดที่น้ำตาลเริ่มทำปฏิกิริยาทางเคมีที่เรียกว่า "คาราเมลไลซ์" ซึ่งเป็นการทำให้น้ำตาลเปลี่ยนสีจากใสเป็นสีทอง สีน้ำตาลเข้ม และสุดท้ายเป็นสีคาราเมลซึ่งเป็นกระบวนการที่น้ำตาลถูกทำให้ร้อนจนมีการเปลี่ยนแปลงทางเคมีเกิดขึ้น เมื่อได้สีน้ำตาลตามต้องการแล้วจะนำไปผสมกับ ครีม และเนย อาจมีการเติมเกลือเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ จนได้ซอสคาราเมลที่สมบูรณ์แบบในการนำไปทำเมนูขนมหวานต่างๆ เช่น ไอศกรีม, พาย และเค้ก เป็นต้น ดังนั้นหากใครที่ชื่นชอบการทานของหวานคู่กับซอสคาราเมลควรรู้ถึงขั้นตอน และวิธีการทำเอาไว้เพื่อที่จะได้ทำซอสคาราเมลให้ได้ตรงตามความต้องการของตนเองได้มากที่สุด โดยวิธีในการทำนั้นก็ไม่ยุ่งยากสามารถทำตามด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ

ส่วนผสมหลักในการทำซอสคาราเมล
ส่วนผสม
-   1 ถ้วยน้ำตาลทรายขาว/น้ำตาลทรายแดง
-   1/4 ถ้วยน้ำเปล่า
-   1/2 ถ้วยวิปปิ้งครีม
-   1/4 ถ้วยเนยไม่เค็ม
-   1/2 ช้อนชาเกลือ (ถ้าต้องการ)

ขั้นตอนการทำ
1. เตรียมน้ำตาล ใส่น้ำตาลทรายและน้ำลงในกระทะ โดยใช้ไฟกลางต่ำ เริ่มต้มให้น้ำตาลละลาย เมื่อน้ำตาลเริ่มละลายและเดือด ให้ลดไฟลงเพื่อควบคุมการเดือด
2. รอให้น้ำตาลกลายเป็นคาราเมล หลังจากน้ำตาลละลายหมดและเริ่มเดือด ให้รอจนน้ำตาลเริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองคำหรือน้ำตาลเข้ม อย่าคนในขณะที่น้ำตาลกำลังเปลี่ยนสี เพื่อป้องกันการเกิดเกล็ดหรือคราบตามขอบกระทะ
3. เติมเนยและครีม เมื่อน้ำตาลมีสีที่ต้องการแล้ว ให้ลดไฟลงและเติมเนยลงไป คนให้เนยละลายและเข้ากันกับน้ำตาลที่เป็นคาราเมลแล้ว จากนั้นค่อยๆ เติมวิปปิ้งครีมลงไป ในขั้นตอนนี้ซอสจะมีฟองและเดือดขึ้นมา ดังนั้นต้องระวังไม่ให้ไหม้
4. เคี่ยวจนได้ที่ ต้มซอสต่อไปอีกประมาณ 1-2 นาทีในไฟต่ำ หรือจนกว่าซอสจะเข้มข้นขึ้นตามที่ต้องการ หากชอบรสชาติเค็มสามารถเติมเกลือลงไปในขั้นตอนนี้
5. ปล่อยให้เย็นและเก็บรักษา ปล่อยให้ซอสคาราเมลเย็นลงก่อนจะใช้งานหรือเก็บในภาชนะปิดสนิทในตู้เย็น

         ทั้งนี้การทำซอสคาราเมลนั้นไม่ยาก  แต่ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดในขณะทำ เพื่อไม่ให้น้ำตาลไหม้และรสชาติเป็นไปตามต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มวานิลลาหรือเหล้ารัมเล็กน้อยเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมให้กับซอสคาราเมลได้อีกด้วย ซอสคาราเมลที่ทำเสร็จแล้วสามารถใช้ราด หรือโรยบนขนมหวานหลายอย่างได้เลย เช่น ไอศกรีม, เค้ก หรือผลไม้ เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับของหวานให้ดูน่าทาน และอร่อยมากยิ่งขึ้นค่ะขึ้น


9

            ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวิปครีมมีความสำคัญอย่างมากในการทำขนมหวาน เพราะไม่เพียงแต่จะทำให้ขนมของเรามีน่าตาน่าทานแล้ว ยังช่วยให้รสชาติของขนมอร่อยขึ้นอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันมีวิปครีมสำเร็จรูปมากมายให้ได้เลือกใช้ในการนำมาทำขนม มีทั้ง วิปครีมสด และวิปครีมผง ซึ่งข้อดีของวิปครีมสด คือเวลาที่ถูกตีจนฟูจะมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มและละมุนมากกว่า ส่วนวิปครีมผง มีข้อดี คือ มีอายุการเก็บรักษาที่ยาวนานกว่าวิปครีมสด และไม่จำเป็นต้องเก็บในตู้เย็น ซึ่งวิปครีมที่วางขายส่วนใหญ่จะมีรสชาติให้เลือก 2 รส คือรสจืด และรสหวาน ซึ่งถ้ามีวิปครีมสำเร็จรูปแล้วขั้นตอนต่อไปก็ง่ายนิดเดียวเพียงใช้อุปกรณ์ และส่วนผสมไม่กี่อย่างก็สามารถตีวิปครีมได้แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในการตีวิปครีมสด กับวิปครีมผงอาจมีขั้นตอนแตกต่างกันไปดังนี้

ขั้นตอนการตีวิปครีมผง
1. เตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์
-   หาซื้อผงวิปครีมจากร้านค้า ตรวจสอบบนบรรจุภัณฑ์สำหรับอัตราส่วนที่แนะนำในการผสมกับน้ำหรือนม
-   ใช้น้ำหรือนมที่แช่เย็นสำหรับการผสม น้ำหรือนมที่เย็นจะช่วยให้ตีวิปครีมได้ดีขึ้น
2. การผสมวัตถุดิบ
-   ตามอัตราส่วนที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ (โดยทั่วไปอาจเป็นผงวิปครีม 1 ส่วนต่อน้ำหรือนม 4 ส่วน) เทผงวิปครีมลงในชามตี
-   เพิ่มน้ำหรือนมเย็นลงไปและใช้ตะกร้อมือหรือเครื่องตีไฟฟ้าผสมให้เข้ากันเบื้องต้นก่อนตีจริง
3. การตีวิปครีม
-   ใช้เครื่องตีไฟฟ้าตีที่ความเร็วปานกลางถึงสูง ตีผสมจนวิปครีมเริ่มจับตัวและเป็นฟอง
-   ตีต่อไปจนกว่าวิปครีมจะมีความหนาแน่นและรูปทรงตามที่ต้องการ โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 3-5 นาที
4. ตรวจสอบความแน่นของวิปครีม
-   ตรวจสอบความเข้มข้นของวิปครีม ควรมีลักษณะเนียนและหนา สามารถตั้งยอดได้เมื่อยกตะกร้อขึ้น
5. การใช้งานหรือเก็บรักษา
-   ใช้วิปครีมทันทีหลังจากตีเสร็จสำหรับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
-   ถ้ามีเหลือ สามารถเก็บวิปครีมในตู้เย็นได้ภายในเวลาที่แนะนำบนบรรจุภัณฑ์

ขั้นตอนการตีวิปครีมสด
1. เตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์
-   ใช้วิปครีมที่มีไขมันไม่ต่ำกว่า 35% เพื่อให้ง่ายต่อการตีให้ขึ้นฟู
-   แช่วิปครีมในตู้เย็นจนเย็นสนิทก่อนใช้ วิปครีมเย็นจะตีขึ้นฟูได้ดีกว่า
-   เย็นภาชนะและเครื่องมือที่ใช้ในการตี (เช่น ชามและเครื่องตีไฟฟ้า) โดยใส่ในตู้เย็นหรือแช่ในน้ำแข็งก่อนใช้
2. การตีวิปครีมสด
-   ใส่วิปครีมลงในชามที่เย็นจัด สามารถเติมน้ำตาลไอซิ่งหรือวานิลลาตามชอบเพื่อเพิ่มรสชาติ
-   ใช้เครื่องตีไฟฟ้าตีที่ความเร็วต่ำก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มความเร็วขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้วิปครีมกระเด็น
-   ตีจนวิปครีมเริ่มจับตัวเป็นฟองและเริ่มขึ้นฟู เมื่อเริ่มมีลักษณะเป็นยอด ตีต่อไปจนถึงขั้นที่ต้องการ
3. ตรวจสอบการขึ้นฟูของเนื้อวิปครีม
-   เนื้อวิปครีมที่ดีจะต้องตั้งยอดได้
4. การใช้งาน และเก็บรักษา
-   ควรใช้วิปครีมทันทีหลังจากตีเสร็จ เพราะจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
-   หากต้องการเก็บวิปครีมไว้ใช้ภายหลัง ควรเก็บในตู้เย็นและควรใช้ภายใน 24 ชั่วโมง หากเก็บไว้นานกว่านี้อาจจะเกิดการแยกตัวได้

           ทั้งนี้การตีวิปครีมผง และวิปครีมสดต้องจับจังหวะให้ดี เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่หนานุ่มและหวานมันตามที่ต้องการ ใช้ความระมัดระวังไม่ให้ตีนานเกินไปจนเป็นเนย การปฏิบัติตามขั้นตอนที่ระมัดระวังและใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณได้วิปครีมที่มีคุณภาพในการนำไปใช้งาน


10

การเปิดโลกแห่งความงามจากประเทศเกาหลี กับงานโอเพ่นเฮ้าส์สุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกในไทย “COSMAX INNOVATION DAY 2024” โดย COSMAX โรงงานผลิตเครื่องสำอาง อันดับหนึ่งของเกาหลี ที่ได้รับการไว้วางใจให้ผลิตสินค้าไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง (เมคอัพ และสกินแคร์) จากบริษัทฯ ความงามทั่วโลก ที่มาเผยนวัตกรรม ความงามสุดล้ำจากเกาหลีสู่สายตาคนไทย พร้อมโชว์ความพร้อมเรื่องการผลิต และเทคโนโลยีรวมไปถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ครอบคลุม cosmax ผลิตเครื่องสําอางเกาหลี หรือผลิตภัณฑ์ความงามในตลาดทุกประเภทสินค้า ด้วยบริการครบวงจร แบบ One Stop Service ไม่ว่าจะเป็น การผลิต แบบ OEM ODM และ OBM ที่ครบจบในงานเดียว

ไฮไลต์ของงาน นอกเหนือจากการบอกเล่าเรื่องราวเส้นทางของแบรนด์ cosmax ผลิตเครื่องสําอางเกาหลี และโชว์นวัตกรรมความงามในรูปแบบที่น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหอมจากเกาหลีบินตรงมาอัปเดตเทรนด์น้ำหอมก่อนใคร นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตเทรนด์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การเลือกใช้ส่วนผสม นวัตกรรมต่างๆ รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย โดยตัวอย่างเทรนด์ความงามสุดฮอต ที่นักลงทุนและนักธุรกิจที่สนใจเกี่ยวกับเครื่องสำอางไม่ควรพลาด อาทิ โทนเนอร์แพด เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการปฏิวัติวงการบิวตี้ของเกาหลีเลยก็ว่าได้ กับการปล่อยผลิตภัณฑ์ โทนเนอร์ แพด ที่จับโทนเนอร์ มาบรรจุพร้อมวัสดุสำหรับเช็ดเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน และได้พัฒนา เรื่อยมา จนกระทั่งโทนเนอร์แพด ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั้งในเกาหลี และทั่วโลก เพราะโทนเนอร์แพด ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มความสะอาดของผิวหน้า แต่ยังสามารถใช้เป็นการบำรุงเฉพาะจุดแบบเร่งด่วน เสมือนมาสก์บำรุง เป็นตัวช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น จนทำให้การเติบโตต่อปีของโทนเนอร์แพด สูงถึง 38.4% ในปี 2023, Q2 ในตลาดเครื่องสำอางเกาหลี ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในหมวดหมู่สินค้าประเภท Facial Pack (แพ๊คบำรุงผิวหน้า) COSMAX จึงเลือกนำเสนอโทนเนอร์ แพด ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อเพิ่มประสบการณ์การในการใช้งานด้วยแผ่นแพด ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเจลลี นุ่มเด้ง เกาะติดผิวหน้าได้ดี พร้อมการบำรุงขั้นสุด ด้วยการส่งต่อสารบำรุงเข้าผิวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งสิ่งต่างเหล่านี้ล้วนเป็นแค่ตัวอย่างเทรนด์ความสวยความงามที่น่าสนใจบางส่วนจากงาน “COSMAX INNOVATION DAY 2024” เท่านั้น หากสาวๆ คนไหนอยากลองผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จาก cosmax ผลิตเครื่องสําอางเกาหลีที่มีนวัตกรรมสุดล้ำที่ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง บอกเลยว่าไม่ควรพลาดเลยจริงๆ กับ COSMAX ผู้นำเบอร์หนึ่งของโรงงานผลิตเครื่องสำอางเกาหลีในไทย พร้อมอัปเดตเทรนด์ความงาม

11

โปรแกรม morpheus คือ นวัตกรรมที่ช่วยยกกระชับผิว ลดเลือนริ้วรอย แกัปัญหาผิวเหี่ยวย่นได้โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยใช้คลื่นพลังงานวิทยุ (Radio Frequency) ที่ส่งผ่านหัวเข็มขนาดเล็กซึ่งจะเข้าไปกระตุ้นให้เนื้อเยื่อเกิดการหดตัว เส้นใยคอลลาเจนใต้ชั้นผิว จัดเรียงตัวใหม่ ทำให้ผิวที่เคยหย่อนคล้อยกลับมากระชับเต่งตึงมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในด้านการดูแลผิว อย่าง Morpheus8 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานความถี่วิทยุ (RF Microneedling) เพื่อทำการรักษาผิว

วิธีการทำงานของ Morpheus8
Morpheus8 ทำงานโดยการส่งพลังงานความถี่วิทยุผ่านเข็มขนาดเล็กที่ฝังเข้าไปในชั้นผิวหนัง ความร้อนจากความถี่วิทยุจะช่วยในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินซึ่งเป็นโปรตีนหลักในการรักษาความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิว วิธีนี้ให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างถาวร และสามารถเห็นได้ชัดเจนหลังจากผ่านการรักษาหลายครั้ง

ข้อดีของ Morpheus8
ลดริ้วรอยและรอยย่น ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น
รักษาแผลเป็นและรอยดำจากสิว ปรับปรุงสภาพผิวที่มีรอยเป็นหรือรอยดำจากการอักเสบ
กระชับผิวหน้าและผิวกาย เหมาะสำหรับการทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยดูกระชับขึ้น
ปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อย ด้วยการควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำ Morpheus8 ลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง เช่น การหมองคล้ำของผิว

การดูแลหลังการรักษาด้วย Morpheus8 ผู้ป่วยอาจพบอาการบวมเล็กน้อยหรือระคายเคืองซึ่งจะหายไปภายในไม่กี่วัน ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรงและใช้ครีมกันแดดที่มี SPF สูงเพื่อปกป้องผิว นอกจากนี้ยังควรใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยนตามคำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อผลลัพธ์ที่ดีในการฟื้นฟูผิวค่ะ

#morpheus คือ

12

                ตลาดเครื่องสำอางในไทยในช่วงที่ผ่านมาเติบโตขึ้นเร็วมาก และมีแนวโน้มโตขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีบริษัทต่างชาติมากมายเข้ามาลงทุนในตลาดเครื่องสำอางในไทยอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น บริษัท cosmax ผลิตเครื่องสําอางเกาหลี ที่ได้เข้ามาทำการตลาดเครื่องสำอางในไทยกว่า 6 ปี และเห็นถึงการเติบโตของตลาดเครื่องสำอางในไทยมาอย่างต่อเนื่องว่ามีแนวโน้มโตขึ้นทุกปี จึงตัดสินใจลงทุนขยายโรงงานผลิตเครื่องสำอางแห่งใหม่ ด้วยเม็ดเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตจากเดิมเป็น 2 เท่า และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ ภายในไตรมาส 2 ของปี 2569 อีกทั้ง จะมีการนำนวัตกรรม และเทคนิคใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในโรงงานแห่งนี้ด้วย เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดเครื่องสำอางในไทย ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ส่วนลูกค้าของบริษัทเอง ก็ไม่ได้มีแค่นักธุรกิจคนไทยเท่านั้น ยังมีนักธุรกิจจากลาว และเมียนมา ที่เข้ามาสั่งผลิตเครื่องสำอางที่โรงงานในไทย ด้วยเช่นกัน

               ทั้งนี้บริษัท COSMAX จัดว่าเป็นโรงงานผลิตเครื่องสำอางจากเกาหลีใต้ที่มีความมั่นคง และน่าเชื่อถืออย่างมากในเกาหลี และเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเครื่องสำอางมายาวนานกว่า 30 ปี ทำให้มีลูกค้าที่เป็นบริษัทความงามเยอะมีมากกว่า 600 บริษัทที่จดทะเบียนอยู่บนเว็บไซต์ นอกจากโรงงานที่เกาหลีใต้ บริษัทฯ ยังมีการลงทุนตั้งฐานการผลิตเครื่องสำอางที่ประเทศอื่น ๆ อีกด้วย เช่น จีน, ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการลงทุนตั้งโรงงาน 2 แห่งคือ ที่ ไทย และ อินโดนีเซีย สำหรับตลาดหลักที่ทำรายได้เติบโตมากที่สุด คือ เกาหลีใต้, จีน และสหรัฐอเมริกา ซึ่งวัดจากขนาดของตลาด และระยะเวลาในการเข้าไปลงทุนที่นานกว่าประเทศไทย

               อย่างไรก็ดี ตลาดในไทยถือเป็นอีกตลาดที่มีความท้าทาย เพราะมีคู่แข่งจำนวนมาก แต่ก็เป็นตลาดที่กำลังเติบโตสูงเช่นกัน จากตัวเลขผลประกอบการล่าสุด ช่วงครึ่งปีแรก ของปี 2567 บริษัท COSMAX มียอดขายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 66 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

 


13

            ตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทยถือเป็นตลาดที่ต่างประเทศเข้ามาลงทุนกันเยอะมาก เพราะด้วยความนิยมใช้เครื่องสำอางในไทย มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี ล่าสุดโรงงานผลิตเครื่องสำอาง COSMAX จากเกาหลี ก็มาเปิดที่ไทย โดยมี คุณ มินกู คัง เป็นกรรมการบริหาร คอสแมค ในประเทศไทย และได้กล่าวว่า ตลอดกว่า 6 ปีที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย บริษัทฯ แม่ในเกาหลีใต้ เห็นถึงความสำเร็จที่ผ่านมา ในปีนี้ จึงตัดสินใจลงทุนขยายโรงงานผลิตเครื่องสำอางแห่งใหม่ ด้วยเม็ดเงินลงทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตจากเดิมเป็น 2 เท่า และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จ ภายในไตรมาส 2 ของปี 2569

อีกทั้ง จะมีการนำนวัตกรรม และเทคนิคใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในโรงงานแห่งนี้ด้วย เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดเครื่องสำอางในไทย ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ส่วนลูกค้าของบริษัทเอง ก็ไม่ได้มีแค่นักธุรกิจคนไทยเท่านั้น ยังมีนักธุรกิจจากลาว และเมียนมา ที่เข้ามาสั่งผลิตเครื่องสำอางที่โรงงานในไทย ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ COSMAX เป็นโรงงานผลิตเครื่องสำอางจากเกาหลีใต้ ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 30 ปี มีลูกค้าที่เป็นบริษัทความงามมากกว่า 600 บริษัทที่จดทะเบียนอยู่บนเว็บไซต์
นอกจากโรงงานที่เกาหลีใต้ บริษัทฯ ยังมีการลงทุนตั้งฐานการผลิตเครื่องสำอางที่ประเทศอื่น ๆ อีกด้วย เช่น จีน, ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย ส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการลงทุนตั้งโรงงาน 2 แห่งคือ ที่ ไทย และ อินโดนีเซีย

นอกจากนี้ ยังวางเป้าหมายที่จะขยายธุรกิจเพิ่มเติม ทั้งที่ญี่ปุ่น และอเมริกา เพราะ ตลาดมีแนวโน้มเติบโตสูง รวมถึง ยุโรป ก็เติบโตดีเช่นกัน นั่นเป็นเพราะผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเกาหลี หรือ เค บิวตี้ (K-Beauty) ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งผู้บริหาร จาก COSMAX เล่าอีกว่า ความนิยมที่เพิ่มขึ้น เกิดจากปัจจัยหลายเรื่อง เรื่องแรก คือ การพัฒนาด้านนวัตกรรม เนื่องมาจากการที่ ผู้หญิงเกาหลีใต้ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก ทำให้ผู้ผลิตเครื่องสำอางต่างมีการแข่งขันด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อนำมาตอบสนองผู้บริโภคอยู่เสมอ

14

           บ้านมีความสำคัญต่อชีวิตของเราในหลายด้าน ไม่เพียงแต่เป็นที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ให้เราสามารถใช้เวลาอยู่กับครอบครัวได้อย่างมีความสุข เป็นสถานที่ที่ให้เราสามารถปลดปล่อยความเครียดจากงานได้ ซึ่งบ้านในปัจจุบันนั้น มีหลายประเภทมาก ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม คอนโด ทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านมีตัวเลือกเยอะ และสามารถเลือกให้ตรงกับความต้องการของตนเองมากที่สุดได้ แต่ทั้งนี้ทั้งก็ต้องดูกฎหมายควบคู่ไปด้วยนะคะ ซึ่งบ้านแต่ละประเภทนั้นจะมีกฎหมายและข้อบังคับที่แตกต่างกันออกไป เช่น อยากซื้อที่อยู่อาศัยเป็น บ้านแฝด ก็ต้องรู้ถึงกฎหมาย และข้อบังคับเบื้องต้นของบ้านแฝดเอาไว้ดังนี้

กฎหมายและข้อบังคับที่ควรทราบเบื้องต้นเกี่ยวกับบ้านแฝด
การซื้อบ้านแฝดในประเทศไทยมีกฎหมาย และข้อบังคับหลายประการที่ควรทราบ เพื่อให้การซื้อขายเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัยเอาไว้ดังนี้ค่ะ
1.   โฉนดที่ดินและสิทธิ์ในทรัพย์สิน ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าโฉนดที่ดินของบ้านแฝดมีความชัดเจนและไม่มีปัญหาทางกฎหมาย โฉนดที่ดินควรจะมีการลงทะเบียนอย่างถูกต้องและปราศจากภาระผูกพันใดๆ
2.   สัญญาซื้อขาย สัญญาซื้อขายควรมีรายละเอียดที่ชัดเจน เช่น ราคาซื้อขาย, รายละเอียดของทรัพย์สิน, กำหนดการชำระเงิน และข้อตกลงเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์
3.   กฎหมายสร้างบ้าน ในกรณีที่บ้านแฝดอยู่ระหว่างการก่อสร้างหรือมีการปรับปรุงใหม่ ควรตรวจสอบว่าการก่อสร้างนั้นเป็นไปตามมาตรฐานและกฎหมายท้องถิ่นหรือไม่ เช่น กฎหมายควบคุมอาคาร
4.   กฎหมายความเป็นเจ้าของร่วม บ้านแฝดอาจมีบางส่วนที่เป็นการเป็นเจ้าของร่วม เช่น พื้นที่ส่วนกลาง ควรมีการทำความเข้าใจในเรื่องของสิทธิและหน้าที่ในพื้นที่เหล่านี้อย่างชัดเจน
5.   ภาษีและค่าธรรมเนียม ควรทราบถึงภาษีและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อบ้าน เช่น ภาษีการโอนกรรมสิทธิ์, ภาษีธุรกิจเฉพาะ และค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน
6.   ข้อจำกัดในการใช้ทรัพย์สิน ควรตรวจสอบข้อจำกัดหรือข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวกับการใช้งานในทรัพย์สิน  อย่างเช่น ข้อจำกัดในการเช่า ออก หรือการใช้พื้นที่สำหรับกิจการพาณิชย์

             ทั้งนี้การทราบกฎหมาย และข้อบังคับต่างๆ ที่เราได้กล่าวเอาไว้เบื้องต้น และให้ความสำคัญกับการตรวจสอบก่อนซื้อบ้านแฝดกับโครงการต่างๆ อย่าง โครงการของ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้, โครงการ แสนสิริ หรือโครงการอื่นๆ จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และสามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาด้านกฎหมายตามมาในภายหลังได้ค่ะ

15

พิพเพอร์ สแตนดาร์ด เนเชอรัล ครีมนวดผม
อุดมด้วยเคราตินและน้ำมันอโวคาโด ออร์แกนิค ช่วยปิดเกล็ดผมให้แข็งแรง บำรุงเส้นผมและหนังศีรษะด้วยวิตามินอี จากดอกทานตะวัน อ่อนโยนเหมาะกับทุกสภาพผม แม้ผิวแพ้ง่าย ผ่านการทดสอบการระคายเคืองผิว จากแพทย์ผิวหนังชั้นนำ ปราศจาก ซิลิโคน พาราเบน แอลกอฮอร์ และสี

ครีมนวดผม ที่อุดมด้วยเคราตินและน้ำมันอโวคาโด ออร์แกนิค
เคราตินและน้ำมันอโวคาโด เป็นส่วนผสมที่ได้รับความนิยมในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เนื่องจากอโวคาโดอุดมไปด้วยไขมันที่ดีต่อสุขภาพ และวิตามินเอ, ดี, อี ซึ่งช่วยบำรุงเส้นผมให้มีสุขภาพดี เคราตินเองก็มีบทบาทในการซ่อมแซมและเสริมสร้างเส้นผมที่เสียหาย
ข้อดีของเคราตินและน้ำมันอโวคาโด ออร์แกนิค ในผลิตภัณฑ์จะช่วยเพิ่มความแข็งแรง ลดการ เปราะขาด แห้งเสียและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผมได้ ทำให้ผมดูเงางามและสุขภาพดีขึ้น

น้ำมันอโวคาโด บำรุงเส้นผมให้แข็งแรง
น้ำมันอโวคาโด สามารถช่วยบำรุงเส้นผมได้ดีมาก นี่คือบางประโยชน์ของอโวคาโดที่เกี่ยวข้องกับเคราตินในเส้นผม
1.   บำรุงเส้นผม อโวคาโดมีไขมันไม่อิ่มตัวเดี่ยวและวิตามิน E ซึ่งช่วยบำรุงเส้นผม ทำให้เส้นผมนุ่มและมีน้ำหนัก รวมถึงช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม
2.   ปกป้องเส้นผม ด้วยวิตามิน E จากน้ำมันอโวคาโดมีคุณสมบัติที่ช่วยป้องกันเส้นผมจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระและความเสียหายจากรังสี UV
3.   น้ำมันอโวคาโด ช่วยเสริมสร้างการผลิตเคราติน โปรตีนและวิตามิน B ผ่านกระบวนการผลิตเคราตินในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของเส้นผมที่แข็งแรง
การใช้น้ำมันอโวคาโดเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลเส้นผมหรือหนังศีรษะ จะช่วยเสริมสร้างเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรงด้วยสารอาหารที่อุดมไปด้วยคุณค่าจากธรรมชาติ

ครีมนวดผมที่มีส่วนผสมของเคราตินและน้ำมันอโวคาโด ออร์แกนิค สารสกัดธรรมชาตินี้มีประสิทธิภาพในการช่วยเสริมสร้างโครงสร้างเส้นผม ลดปัญหาผมแตกปลาย และคืนความชุ่มชื้นให้กับเส้นผม นอกจากนี้ยังช่วยให้ผมนุ่ม เรียบเนียน และมีความเงางามอย่างเห็นได้ชัด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลและปรับปรุงสภาพเส้นผมของตนให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน

หน้า: [1] 2 3 ... 7