รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ลูกซัด มีประโยชน์เเละสรรพคุณ  (อ่าน 548 ครั้ง)

มม

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 20
    • ดูรายละเอียด
ลูกซัด มีประโยชน์เเละสรรพคุณ
« เมื่อ: ธันวาคม 08, 2018, 03:04:07 AM »


ลูกซัด
ชื่อสมุนไพร  ลูกซัด
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น  ไม่มีข้อมูล
ชื่อวิทยาศาสตร์   Trigonella foenum-graecum L.
ชื่อสามัญ  Fenugreek , Methi
วงศ์ LEGUMINOSAE (FABACEAE) - PAPILIONIODEAE
ถิ่นกำเนิด
ลูกซัดเป็นพืชที่มีบ้านเกิดเมืองนอนในแถบเมติเตอร์เรเนียน แล้วก็มีการกระจายจำพวกไปในประเทศอินเดีย จีน รวมถึงประเทศแอฟริกา อาทิเช่น อียิปต์ , เอธิโอเปีย ในตอนนี้สามารถ พบได้ในหลายพื้นที่ทั่วทั้งโลกทั้งยังในทวีปเอเชีย แอฟริกา และก็ยุโรปโดยส่วนใหญ่นิยมใช้เม็ดของลูกซัดซึ่งมีกลิ่น เฉพาะบุคคล เป็นเครื่องเทศสำหรับการทำอาหาร โดยยิ่งไปกว่านั้นในอาหรับและอินเดีย ส่วนแหล่งปลูกเพื่อการค้าขายที่สำคัญ ตัวอย่างเช่น ประเทศอินเดีย อียิปต์ ตูนีเซีย โมร็อกโก เอธิโอเปียประเทศฝรั่งเศส ตุรกี รวมทั้ง จีน
ลักษณะทั่วไป
ลูกซัดจัดเป็นไม้ล้มลุกอายุปีเดียว ลำต้นตั้งชัน สูงได้ถึง 60 เซนติเมตร รากแก้วขนาดใหญ่ใบประกอบแบบขน มีใบย่อย 3 ใบ เรียงสลับ หูใบขนาดเล็ก ก้านใบยาว 1-4 หรือ 1-6 ซม. แกนกลางสั้น ใบย่อยรูปไข่กลับหรือขอบขนาด กว้าง 0.5-2 ซม. ยาว 1.5-4 เซนติเมตร ดอกเดี่ยวออกที่ซอกใบ รูปดอกถั่ว สีเหลือง ยาว 1-1.5 ซึม ฝักรูปขอบขนาน กว้าง 2-4 เซนติเมตร ยาว 5-19 ซม. ผิวเนียน ในฝักมีเม็ด 10-20 เมล็ด เม็ดแก่สีน้ำตาลอ่อน หรือสีเหลืองทอง เมล็ดมีขนาดเล็ก ขนาดกว้าง 3 มิลลิเมตร ยาว 4 มิลลิเมตร ครึ้ม 1 มิลลิเมตร มีร่องตรงกลางเมล็ด มีกลิ่นแรงเฉพาะบุคคล เม็ดมีรสฝาด มีกลิ่นหอมสดชื่น
การขยายพันธุ์
ลูกซัดสามารถแพร่พันธุ์ได้โดยการใช้เม็ด และการปักชำ โดยมีวิธีการเพาะเมล็ดและก็ใช้กิ่งปักชำ รวมทั้งกรรมวิธีการปลูกเหมือนกันกับพืชชนิดอื่นๆธรรมดา
องค์ประกอบทางเคมี
เมื่อเล่าเรียนทางด้านองค์ประกอบทางเคมีพบว่าสาระสำคัญที่เจอในลูกซัดมีgalactomannan จำนวนร้อยละ 14-15 น้ำมันระเหยยาก (fixed oil) มีรสขมแล้วก็กลิ่นเหม็น น้ำมันระเหยง่ายร้อยละ 0.02 พบสารกลุ่มAlkaloids อาทิเช่น trigonelline , สารกลุ่ม saponin เป็นต้นว่า diosgenin, yamogenin, tigogenin, neotigogenin, Graecunin A-G sarsapogenin smilgenin trigofoenside A trigofoenoside B,C trigofoenoside D trigofoenoside F,G yuccagenin, gitogenin สารกรุ๊ปflaronoids อาทิเช่น vitexin, orientin, quercetin, luteolin kaempferol กรดอะมิโนชื่อ 4-hydroxyisoleucine

ที่มา : Wikipedia
ยิ่งไปกว่านี้ ลูกซัดยังมีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้ คุณค่าทางโภชนาการของเม็ดลูกซัดต่อ (100 กรัม) (3.5 ออนซ์)
พลังงาน 1,352 kJ (323 kcal)
คาร์โบไฮเดรต 58 กรัม
เส้นใยอาหาร 25 กรัม
ไขมัน 6.4 กรัม
โปรตีน 23 กรัม
วิตามิน
Thiamine(B 1 ) ไทอะมีน (วิตามิน B1) 0.322 mg
Riboflavin (B 2 ) ไรโบฟลาวิน (วิตามิน B2) 0.366 มก
ไนอาสิน(B 3 ) (วิตามิน B3) 1.64 มก
ไพริดอกซิน (วิตามิน บี6) 0.6 มก
โฟเลต(B 9 ) (วิตามิน B9) 57 ไมโครกรัม
แอสคอบิดเอซิด (วิตามินซี) 3 มก
แร่
แคลเซียม 176 มก.
เหล็ก 34 มก
แมกนีเซียม 191 มก
แมงกานีส 1.23 mg
ธาตุฟอสฟอรัส 296 มก
โพแทสเซียม 770 มก
โซเดียม 67 มก
สังกะสี 2.5 มก
องค์ประกอบอื่นๆ
น้ำ 8.8 กรัม
คุณประโยชน์/สรรพคุณ
ลูกซัดถูกนำมาใช้เป็นเครื่องเทศในการประกอบอาหาร เพราะเหตุว่าให้กลิ่นหอมสดชื่น และมีรสขมเฉพาะตัว เป็นรสเสน่ห์ของกินอย่างหนึ่ง ซึ่งลูกซัดจะมีกลิ่นหอมสดชื่นเหมือนขึ้นฉ่ายแต่ว่าแรงกว่า รสออกขมนิดๆขมหน่อยๆเมื่อจะใช้เขานำไปคั่วไฟก่อน ไฟจำเป็นต้องอ่อนมากมายๆเนื่องจากว่าลูกซัดบอบบาง ไหม้ง่าย เมื่อคั่วแล้วจะมีกลิ่นหอมหวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเกิดคั่วด้วยน้ำมันเม็ดจะพองตัว รสออกขมเข้มขึ้น เจือด้วยรสเผ็ดนิดๆแล้วก็ด้วยคุณลักษณะกลิ่นและรสดังที่กล่าวมาแล้ว ลูกซัดก็เลยกลายเป็นส่วนผสมที่สำคัญใน ?ผงกะหรี่? อันเป็นเครื่องเทศสากลที่ใช้กันทั่วโลก และก็ที่คนประเทศอินเดียใช้ ลูกซัดสำหรับในการดองมะม่วง พริก กระเทียมรวมทั้งผักอื่นๆทำเป็น Achar (อาจาด) ที่ใช้เป็นเครื่องเคียงของสะเต๊ะ รวมทั้งในอีกหลายๆประเทศก็ยังมีการใช้ลูกซัดมาเป็นส่วนผสมของแป้งเพื่อเตรียมเป็นอาหารชนิดต่างๆยกตัวอย่างเช่น ขนมปัง แป้งพิซซ่า มัฟฟิน แล้วก็ขนมเค้ก และก็มีการสร้างสรรค์เพื่อปรับปรุงลูกซัดในลักษณะของอาหารเพื่อสุขภาพ (functional food) แล้วก็ ผลิตภัณฑ์เสริมของกิน (dietary supplement) อีกด้วย ในประเทศอินเดียวมีการใช้เมล็ดแก้ท้องร่วง รักษาเกาต์ โรคเบาหวานขับนม กระตุ้นกำหนัด แล้วก็ขับเมนส์ ส่วนในประเทศทางแถบยุโรป จะใช้เมล็ดรักษาเบาหวาน รวมทั้งขับน้ำนม
สำหรับสรรพคุณทางยาตามตำรายาไทย: ใช้เมล็ด แก้ท้องเสีย กล่อมเสมหะรวมทั้งอาจมแก้ธาตุทุพพลภาพแก้ท้องขึ้น ขับลมในลำไส้ขับฉี่ บำรุงธาตุ ทำให้เจริญอาหาร บดแล้วประยุกต์ใช้พอก ฝี ลดอาการบวม ทาแผลต่างๆแก้อักเสบบวม แก้ไอเรื้อรัง ช่วยทำให้รอบเดือนมาปกติ
คุณประโยชน์แผนโบราณ ขับเสมหะ ทำให้ชุ่มชื้น ต้านการอักเสบ ขับรอบเดือน ขับนมข้างหลังคลอดบุตร รักษาเบาหวาน ส่วนชาวไทยในสมัยโบราณใช้น้ำสุกลูกซัดรวมทั้งเปลือกชะลูดต้มผ้า เพื่อให้ผ้ามีกลิ่นหอมแล้วก็แข็งจับกลีบได้ ซึ่งสารเมือกที่มีในลูกซัดนั่นเองที่ทำให้ผ้าแข็งตัวเป็นเงางาม ตอนนี้ได้มีการใช้เมือกของลูกซัดสำหรับการอาบกระดาษมัน รวมทั้งผสมสำหรับเพื่อการทำยาเม็ดเพื่อการแตกตัวของยาดียิ่งขึ้น
แบบอย่าง/ขนาดการใช้
การใช้ลูกซัดในตอนนี้ได้แก่การใช้สำหรับในการบริโภคในรูปแบบของเครื่องเทศ รวมทั้งของกินมากยิ่งกว่า การใช้สำหรับในการเป็นยารักษาโรคเพราะขนาดในการใช้ยารักษาโรคนั้นก็ยังไม่มีรายงานการศึกษาเรียนรู้ที่ชี้ชัดถึงขั้นการใช้ที่เหมาะสมและมีความปลอดภัยที่แน่นอน
การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา
มีการเรียนฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในสัตว์ทดลอง ทั้งยังปกติรวมทั้งถูกเหนี่ยวนำให้เป็นโรคเบาหวาน โดยพบว่าในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานด้วย alloxan เมื่อฉีดสารสกัดน้ำจากใบ ขนาด 0.06 0.2 0.5 และ 1 กรัม/กิโลกรัม และก็สารสกัด 70% เอทานอลจากใบ ขนาด 0.8 กรัม/กก. เข้าทางช่องท้อง แล้วก็ป้อนสารสกัดน้ำจากใบ ขนาด 1 2 และ 8 ก./กก. ส่งผลลดน้ำตาลในเลือดของหนู ยาต้มและก็สารสกัด 95% เอทานอลจากเม็ด ขนาด 0.5 มิลลิลิตร/ตัว สารสกัด 95% เอทานอลจากเม็ด ขนาด 250 มก./กก. แล้วก็สารสกัดอัลกอฮอล์จากเม็ด ขนาด1 2 และก็ 4 ก./กก. มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในหนูที่ถูกรั้งนำให้บาหวานด้วย alloxan ได้เหมือนกัน
ลูกซัดส่งผลเสริมฤทธิ์ของยารักษาเบาหวานโดยเมื่อให้ผงเม็ดลูกซัดร่วมกับยา glicazide พบว่าลูกซัดจะเสริมรวมทั้งเพิ่มช่วงเวลาการออกฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดของยาในหนูแรทปกติ หนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานด้วย alloxan monohydrate และในกระต่ายธรรมดา โดยไม่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการชักเนื่องด้วยน้ำตาลในเลือดต่ำ สารสกัดเอทานอล ขนาด 500 มก./กิโลกรัม เมื่อให้ร่วมกับยาglibenclamide แก่หนูแรทธรรมดารวมทั้งหนูที่ถูกรั้งนำให้เป็นเบาหวานด้วย streptozotocin จะมีผลเสริมฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดด้วยเหมือนกันผงเม็ด ขนาด 15 กก. มีผลลดน้ำตาลในเลือดรวมทั้งอินซูลินของคนเจ็บ เมื่อทดลองด้วยวิธีการวัดระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร (Meal tolerance test) เมื่อให้ผู้เจ็บป่วย ปริมาณ 15 คน รับประทานอาหารที่ผสมผงเมล็ดลูกซัดที่ขจัดไขมัน จำนวน 100 ก.นาน 10 วัน พบว่าระดับน้ำตาลแล้วก็อินซูลินในเลือดลดลง คนป่วย อายุระหว่าง38-54 ปี ปริมาณ 10 คน ที่กินอาหารซึ่งผสมผงเมล็ดลูกซัด ขนาด 25 ก. โดยแบ่งเป็นขนาดเท่าๆกัน รับประทานวันละ2 มื้อ เป็น ช่วงกลางวันและเย็น นาน 15 วัน พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง โดยลูกซัดส่งผลลดระดับน้ำตาลในพลาสมา เพิ่มการใช้เดกซ์โทรส รวมทั้งเพิ่ม insulin receptor บนเม็ดเลือดแดง ทำให้เพิ่มความต้านทานต่อเดกซ์โทรส และก็เมื่อให้ผู้เจ็บป่วย ปริมาณ 60 คน รับประทานอาหารที่ผสมผงเมล็ดลูกซัดในขนาดเดียวกันนี้ นาน 24 สัปดาห์ พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดแล้วก็อินซูลินในคนเจ็บลดน้อยลงเหมือนกัน
การเรียนรู้
 
ในอาสาสมัครร่างกายแข็งแรงที่รับประทานแคปซูลผงใบลูกซัดขนาด 2.5 กรัม วันละ 2 ครั้ง นาน 3 เดือน พบว่าไม่มีผลลดน้ำตาลในเลือด เมื่อให้คนปกติ ปริมาณ 6 คน กินตำรับของกินที่ผสมผงเม็ดลูกซัดดิบ เมล็ดต้น และก็เม็ดกำลังผลิออก ปริมาณ 12.5 ก. วันละครั้งเป็นอาหารมื้อเช้า หรือให้รับประทานตำรับยาซึ่งประกอบด้วยลูกซัด แล้วก็ guar gum พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดลดลงเมล็ด ขนาด 25 กรัม ยางที่สกัดจากเม็ด (gum) ขนาด 5 ก. รวมทั้งใบ ขนาด 150 ก. ส่งผลลดน้ำตาลในเลือดของคนธรรมดาได้ เมื่อให้อาสาสมัครชายร่างกายแข็งแรงอายุ 20-30 ปี ปริมาณ 20 คน กินสารสกัดน้ำจากใบ ขนาด 40 มก./กก.พบว่าระดับน้ำตาลในเลือดลดลง 13.4 ภายหลังจากได้รับสารสกัด 4 ซม. โดยส่งผลข้างๆนิดหน่อย ดังเช่นว่า รู้สึกหิวปัสสาวะบ่อยมาก แล้วก็เวียนหัว
 
ยิ่งไปกว่านี้ยังมีงานศึกษาเรียนรู้
 
ปริมาณหนึ่งทำการทดสอบโดยให้สตรี ที่อยู่ในตอนให้นมลูกดื่มชาที่มีส่วนผสมของลูกซัด ผลที่ได้ เป็น มีสัญญาณบ่งชี้ถึงปริมาณน้ำนมที่มากขึ้นของม่าม้าในกลุ่มทดลองอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุมที่มิได้บริโภคชาที่มีส่วนผสมของลูกซัด จึงอาจจะกล่าวว่า อาหารเพิ่มน้ำนมที่มีส่วนผสมของลูกซัดบางทีอาจช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนม รวมทั้งมีส่วนช่วยเพิ่มน้ำหนักตัวเด็กในช่วงหลังคลอดได้ด้วย อย่างไรก็ดี หลักฐานที่แจ่มกระจ่างด้านการแพทย์เกี่ยวกับลูกซัดที่สโมสรกับการเพิ่มปริมาณนมในสตรีที่ให้นมบุตรยังคงมีจำกัดรวมทั้งนักค้นคว้ายังกล่าวว่าต้องมีการศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเติมต่อไป
 
การเรียนรู้ทางพิษวิทยา
ลูกซัด การทดสอบความเป็นพิษ ยาต้มจากใบ สารสกัดน้ำจากใบ หรือสารสกัดเอทานอล:น้ำจากเม็ดเมื่อฉีดเข้าทางท้องหนูแรท รวมทั้งหนูเม้าส์ มีค่าLD50 พอๆกับ 4 กรัม/กิโลกรัม 1.9 กรัม/กก. แล้วก็ 1ก/กก. ตามลำดับ เมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารกสัดน้ำจากใบพบว่ามีค่า LD50 พอๆกับ 10 กรัม/กิโลกรัม สารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์จากเมล็ด เมื่อทดสอบในกระต่ายและหนูแรทมีค่า LD50 มากกว่า 2 รวมทั้ง 5ก./กิโลกรัม เป็นลำดับ
การรับประทานเมล็ดลูกซัด ขนาด 25 กรัม/วัน ไม่ทำให้มีการเกิดพิษ การเล่าเรียนความเป็นพิษในคนเจ็บที่เป็นโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 จำนวน 60 คน โดยให้ทานอาหารที่เสริมผงเมล็ดลูกซัด 25 ก. นาน 24 สัปดาห์ พบว่าไม่เป็นพิษต่อตับและก็ไต และไม่เจอความเปลี่ยนไปจากปกติของค่าทางโลหิตวิทยา แต่หรูหรายูเรียในเลือดน้อยลงภายหลังจากรับประทาน 12 อาทิตย์
พิษต่อเซลล์ สารสกัดน้ำจากเมล็ด ความเข้มข้น 0.3 มก./มิลลิลิตร เป็นพิษต่อเซลล์ตับของหนูแรท โดยการทำให้กำเนิดความเปลี่ยนไปจากปกติของไครโมโซม
พิษต่อตัวอ่อน ไม่เจอความเป็นพิษต่อตัวอ่อน เมื่อป้องผงเมล็ดแห้ง ขนาด 175 มิลลิกรัม/กก. ให้แก่หนูแรทที่ตั้งท้อง เมล็ด ขนาด 2 ก./ตัว ไม่เป็นผลทำให้หนูแรทแท้ง
มีรายงานคนเจ็บที่การเกิดอาการแพ้จากการสูดดมผงเมล็ดลูกซัด โดยการทำให้น้ำมูกไหลมาก หอบแล้วก็สลบ แล้วก็คนป่วยที่เกิดอาการแพ้จากการรับประทานเครื่องแกง ที่มีลูกซัดเป็นส่วนประกอบ โดยมีลักษณะหลอดลมบีบเกร็ง หอบ รวมทั้งท้องร่วง และจะเสริมให้แพ้มากในคนไข้ที่แพ้ถั่วดินด้วย ในคนเจ็บที่เป็นอาการหอบหืดเรื้อรังซึ่งใช้ผลเมล็ดลูกซัดสำหรับแก้รังแค พบว่าทำให้หนังหัวหมดความรู้สึก หน้าบวม รวมทั้งหอบ
 
ข้อเสนอแนะ/สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวัง

1. ไม่แนะนำให้คนที่แพ้ของกินประเภทถั่วทานลูกซัด เนื่องจากว่าถั่วลูกซัดเป็นพืชเครือญาติถั่ว หากแม้จะจัดเป็นเครื่องเทศก็ตาม
2. หญิงตั้งท้องไม่ควรทานถั่วลูกซัด เนื่องจากถั่วลูกซัดบางทีอาจเข้าไปกระตุ้นการหดตัวของมดลูกได้
3. ต้องระวังการใช้ลูกซัดร่วมกับยารักษาโรคเบาหวาน อาทิเช่น ยาในกลุ่ม sulfonylureas ตัวอย่างเช่น chlorpropamide, glibencamide, glipizide, gliclazide, gliquidone แล้วก็ glimepiride ด้วยเหตุว่าลูกซัด อาจไปเสริมฤทธิ์ของยา
4. อาจมีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงมากจนเกินความจำเป็น ด้วยเหตุนี้ถ้าเกิดคนไข้โรคเบาหวาน จะรับประทานลูกซัด ควรจะขอความเห็นแพทย์รวมทั้งอยู่ภายใต้ข้อเสนอแนะของแพทย์อย่างใกล้ชิด
5. ควรรอบคอบสำหรับในการใช้ร่วมกับยาละลายลิ่มเลือด ตัวอย่างเช่น warfarin หรือสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต่อต้านการรวมตัวของเกร็ดเลือด อย่างเช่น กระเทียม หรือแปะก๊วย เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการตกเลือดได้
6. ลูกซัดบางทีอาจมีผลก่อให้เกิดผลข้างเคียงอื่นๆได้ อย่างเช่น ท้องเสีย ท้องไส้ป่วนปั่น เรอ มีก๊าซในท้อง หรือเยี่ยวมีกลิ่นคล้ายเมเปิลไซรัป
7. ถึงแม้ยังไม่มีรายงานการใช้ในสตรีตั้งท้องและก็ให้นมลูก แต่สตรีมีครรภ์และก็ให้นมบุตร แต่ว่าสตรีมีครรภ์ควรระมัดระวังสำหรับการใช้ เพราะลูกซัดส่งผลลดน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ยังมีรายงานวิจัยว่า สารสกัดน้ำ 95% เอทานอล แล้วก็เมทานอลจากเมล็ด มีฤทธิ์กระตุ้นมดลูกของหนูที่กำลังท้อง โดยเหตุนี้ อาจมีผลนำมาซึ่งแท้งลูกได้ ฉะนั้นควรขอความเห็นแพทย์และก็ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญก่อนใช้รวมถึงไม่สมควรใช้ในปริมาณมาก รวมทั้งสม่ำเสมอเป็นระยะเวลาที่ยาวนานๆ
 
เอกสารอ้างอิง

  • ธิดารัตน์ จันทร์ดอน.ลูกซัด...เครื่องเทศมีประโยชน์.จุลสารข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.ปีที่35.ฉบับที่1 ตุลาคม.2560
  • Chan HT, So LT, Li SW, Siu CW, Lau CP, Tse HF. Effect of herbal consumption on time in therapeutic range of warfarin therapy in patients with atrial fibrillation. J Cardiovasc Pharmacol. 2011;58(1):87-90.
  • นันทวัน บุณยะประภัศร อรนุช โชคชัยเจริญพร.บรรณาธิการ.สมุนไพรไม้พื้นบ้าน เล่ม 4 กรุงเทพฯ:บริษัท ประชาชน จำกัด,2543:740 หน้าhttps://www.disthai.com/
  • นิจศิริ เรืองรังสี เครื่องเทศ.กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.2542:206 หน้า.
  • อรัญญา ศรีบุศราคัม.ลูกซัด...แก้เบาหวาน.จุลสารข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.ปีที่ 27.ฉบับที่1 ตุลาคม.2552.หน้า4-11
  • El Bairi K, Ouzir M, Agnieszka N, Khalki L. Anticancer potential of Trigonella foenum graecum: cellular and molecular targets. Biomed Pharmacother 2017;90:479-91.
  • ลูกซัด..ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีEthan M. Natural standard herb and supplement reference: evidence-based clinical reviews. New York: Elsevier Mosby; 2005.
  • Lu FR, Shen L, Qin Y, Gao L, Li H, Dai Y. Clinical observation on Trigonella foenum-graecum L. total saponins in combination with sulfonylureas in the treatment of type 2 diabetes mellitus. Chin J Integr Med. 2008;14(1):56-60.
  • Nagulapalli VKC, Swaroop A, Bagchi D, Bishayee A. A small plant with big benefits: fenugreek (Trigonella foenum-graecum Linn.) for disease prevention and health promotion. Mol Nutr Food Res. 2017;61(6):1-26.
  • Izzo AA, Di Carlo G, Borrelli F, Ernst E. Cardiovascular pharmacotherapy and herbal medicines: the risk of drug interaction. Int J Cardiol. 2005;98(1):1-14.
  • Lambert JP, Cormier J. Potential interaction between warfarin and boldo-fenugreek. Pharmacotherapy. 2001;21(4):509-12.



Tags : ลูกซัด
บันทึกการเข้า