ดาวอินคาชื่อสมุนไพร ดาวอินคาชื่ออื่นๆ ถั่วดาวอินคาชื่อวิทยาศาสตร์ Plukenetia volubilis.ชื่อสามัญ sacha inchi, sacha mani , Inca peanut.วงศ์ Euphorbiaceae ถิ่นกำเนิดดาวอินคาติดอยู่ เป็นพืชวงศ์ Euphorbiaceae เช่นเดียวกับ ยางพารา สบู่ดำ หรือมันสำปะหลัง นับเป็นพืชเฉพาะถิ่นชนิดหนึ่ง มีถิ่นกําเนิดจากรอบๆลุ่มแม่น้ําอเมซอน ในประเทศประเทศเปรู ทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งมนุษย์รู้จักนำมาใช้คุณประโยชน์ตั้งแต่ยุคอินค้าง หรือในช่วงปี ค.ศ. 1438-1533 และสืบทอดมากันมาสู่คนพื้นบ้านมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีการนำดาวอินติดอยู่มาใช้ประโยชน์นานาประการ ดังนี้ จากแหล่งเกิด และก็ความเป็นมาที่ชาวอินคานำมาใช้ประโยชน์ ประเทศไทยก็เลยเรียกพืชชนิดนี้ว่า ถั่วดาวอินคา ในปัจจุบันก็มีการเพาะปลูกดาวอินคาในแถบทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีการนำดาวอินติดอยู่มาแปรรูป เช่น น้ำมันดาวอินคาที่ได้จากการสกัด ถั่วดาวอินคาอบเกลือ หรือถั่วดาวอินติดอยู่คั่ว
สำหรับในประเทศไทยได้มีบริษัทเอกชนนำดาวอินค้างเข้ามาช่วยเหลือการปลูกทีแรก เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มที่จังหวัดหนองคายเนื่องจากมีความคิดเห็นว่ามีที่ตั้งภูมิศาสตร์เส้นทางการติดต่อสื่อสารที่เหมาะสม แล้วก็สามารถเชื่อมโยงไปสู่กรุ๊ปประเทศอินโดจีนได้จนมีการปลูกอย่างแพร่หลายในหลายพื้นที่ในปัจจุบัน
ลักษณะทั่วไป ดาวอินคาจัดเป็นไม้เลื้อยเพราะเหตุว่ามีลำต้นเป็นไม้เลื้อยที่มีอายุนาน 10-50 ปี ลำต้นแตกกิ่งเป็นเถาเลื้อยได้ยาวมากว่า 2 เมตร เถาอ่อนมีสีเขียว เถาแก่หรือโคนเถามีสีน้ำตาล แก่นเถาแข็ง รวมทั้งเหนียว
ใบของถั่วดาวอินติดอยู่เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ แตกใบเป็นใบโดดเดี่ยว เรียงสลับเยื้องกันตามความยาวของเถา ใบมีรูปหัวใจ โคนใบกว้าง แล้วก็เว้าตรงกลางเป็นฐานหัวใจ ส่วนปลายใบแหลม แผ่นใบมีสีเขียวสด แล้วก็มีร่องตื้นๆตามเส้นกิ้งก้านใบ ส่วนขอบของใบหยักเป็นฟันเลื่อย มีก้านใบยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร ส่วนแผ่นใบกว้างราวๆ 8-10 ซม. ยาวราวๆ 12-18 เซนติเมตร
ดอกเป็นช่อตามซอกใบบนเถา แต่ละช่อมีดอกขนาดเล็กจำนวนไม่น้อย ดอกมีลักษณะทรงกลม สีเขียวอมเหลือง เป็นดอกประเภทแยกเพส แม้กระนั้นรวมอยู่ในช่อดอก แล้วก็ต้นเดียวกัน โดยดอกเพสเมียจะอยู่รอบๆโคนช่อดอก 2-4 ดอก ส่วนดอกเพศผู้มีเยอะแยะต่อจากดอกเพศเมียมาจนถึงปลายช่อดอก ทั้งนี้ ถั่วดาวอินคาจะติดดอกครั้งแรกเมื่ออายุประมาณ 5 เดือน หลังเมล็ดแตกหน่อรวมทั้งผลจะแก่ที่พร้อมเก็บได้ประมาณอีก 3-4 เดือน หลังออกดอกผลเรียกเป็นฝัก มีลักษณะเป็นแคปซูลที่แบ่งได้พูๆหรือแฉก 4-7 พูขนาดฝักกว้าง 3-5 ซม. เปลือกผลอ่อนมีสีเขียวสด รวมทั้งมีประสีขาวกระจัดกระจายทั่ว และก็หลังจากนั้นจึงค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีดำเมื่อสุก แล้วก็แก่จนแห้งกลายเป็นสีน้ำตาล พร้อมกับเปลือกปริแตกกระทั่งแลเห็นเมล็ดภายใน
เม็ดดาวอินคาใน 1 ผลหรือฝัก จะมีจำนวนเม็ดตามพูหรือแฉก เป็นต้นว่า ฝักมี 5 พู ก็จะมี 5 เม็ด ถ้าหากมี 7 พู ก็จะมี 7 เม็ด โดยเมล็ดจะแทรกอยู่ในแต่ละพูในแนวตั้งเม็ดมีทรงกลม รวมทั้งแบน ขอบเมล็ดบางแหลมกึ่งกลางเม็ดนูนเด่น ขนาดเมล็ดกว้าง 1.5-2.0 เซนติเมตร ยาว1.8-2.2 เซนติเมตร น้ำหนักเม็ดเฉลี่ย 1.5 กรัม/เม็ด เปลือกเม็ดเป็นแผ่นบาง มีสีน้ำตาลอมดำ ถัดมาจากเปลือกเป็นเนื้อเม็ดที่มีสีขาว เนื้อเม็ดเมื่อคั่วสุกจะกรอบ แล้วก็มีรสมันอร่อย มีน้ำมันจำนวนมาก
การขยายพันธุ์ ดาวอินค้างสามารเติบโตได้ดิบได้ดีในสภาพภูมิอากาศอุ่น ที่อุณหภูมิ 10-36 องศาเซลเซียสที่มีความสูงตั้งแต่100-2000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งสามารถปลุกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย
สำหรับเพื่อการเพาะพันธุ์สามารถขยายพันธุ์โดยเม็ด โดยการนำเม็ดที่แก่แล้วมาเพาะในถุงดำ เมื่อต้นสูงประมาณ 30 ซม. จึงย้ายปลูกหรือหยอดเมล็ดในหลุมปลูกเลยก็ได้ ระยะปลูก 2 x 3 ถึง 2 x 4 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ 200 – 300 ต้น เป็นพืชที่รังเกียจน้ำขังเฉอะแฉะในพื้นที่ต่ำควรชูร่อง ทำค้างสำหรับให้ต้นเลื้อยพัน โดยใช้สิ่งของในพื้นที่ ที่ใช้กันอยู่ในตอนนี้มักใช้ท่อพีวีซีเป็นเสาหลักแล้วใช้สายโทรศัพท์เก่าขึงระหว่างเสาเป็นค้างสำหรับให้ยอดเลื้อยพัน ส่วนปุ๋ยที่ใช้ควรเป็นปุ๋ยอินทรีย์ โดยปกติดาวอินคาสามารถให้ผลผลิต 600 – 800 โลต่อไร่รวมทั้งให้ผลผลิตนาน 15 – 50 ปี เลยทีเดียว
และน้ำมัน (35-60%) โดยมีกรดไขมันจำพวก omega-3 เป็นต้นว่าlinolenic acid โดยประมาณ 45-53% (12.8–16.0 g/100 g seed) , omega-6 ดังเช่นว่า linoleic acid ประมาณ 34-39% (12.4–14.1 g/100 g seed) รวมทั้ง omega-9 ประมาณ 6-10% ของไขมันทั้งสิ้น อัตราส่วนของ omega-6 /omega-3 อยู่ในตอน 0.83–1.09 ยิ่งไปกว่านี้มี phytosterols ดังเช่น beta-sitosterol รวมทั้งstigmasterol สารที่มีฤทธิ์ต้านทานขบวนการออกซิเดชันอย่างเช่น วิตามินอีในรูป tocopherols สารกรุ๊ปฟีโนลิก และแคโรทีนอยด์ รวมทั้งกรดอะไม่โยหลายประเภทเช่น สิสเตอีน (cysteine) ไทโรซีน (tyrosine) ทรีโอนีน (threonine) และก็ทริปโตเฟน (tryptophan)
ส่วนค่าทางโภชนาการของเม็ดดาวอินค้าง (คั่วเกลือจำนวน 100 กรัม) พลังงาน 607 กิโลแคลอรี โปรตีน 32.14 กรัม ไขมันทั้งปวง 46.43 กรัม คาร์โบไฮเดรต 17.86 กรัม น้ำตาล 3.57 กรัมแคลเซียม 143 มก. ธาตุเหล็ก 4.59 มิลลิกรัม โซเดียม 643 มก.
ประโยชน์/คุณประโยชน์ เม็ดดาวอินติดอยู่สามารถใช้ดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ของกินเล่น เป็นต้นว่า ถั่วคั่วเกลือ ถั่วทอด หรือ เอามาดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เป็นต้นว่า ซอส ซีอิ้วเต้าเจี้ยว รวมถึงแปรรูปเป็นแป้ง ดาวอินค้างสำหรับใช้ปรุงอาหารและทำอาหารหวาน ในตอนนี้นิยมนำเม็ดดาวอินคานำมาสกัดน้ำมัน ซึ่งใช้ประโยชน์คุณประโยชน์ในหลายด้าน เช่น ใช้เป็นน้ำมันกินเพื่อเป็นอาหารเสริมให้แก่ร่างกาย โดยมักผลิตในรูปบรรจุขวดหรือใส่แคปซูลพร้อมกิน ใช้เป็นน้ำมันทอดหรือเข้าครัว ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องแต่งตัว ยกตัวอย่างเช่น โฟมที่ใช้ล้างหน้า สบู่ น้ำหอม แล้วก็ครีมบำรุงผิว น้ำมันที่สกัดได้ใช้สำหรับทานวดแก้ปวดเมื่อย รวมทั้งใช้ชโลมผมให้ดกดำ และจัดทรงง่าย
ส่วน
สรรพคุณของดาวอินติดอยู่ มีดังนี้ สารสำคัญที่พบในเมล็ด
ดาวอินคา อย่างเช่นกรดไขมันโดยเฉพาะอย่างยิ่ง omega-3 แล้วก็ phytosterols นั้นมีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอลในเลือดนอกเหนือจากนั้นสารต้านทานขบวนการออกซิเดชัน เช่น tocopherols สารกรุ๊ปฟีโนลิก และแคโรทีนอยด์ สามารถต้านทานอนุมูลอิสระรวมทั้งปกป้องการออกซิเดชันของไขมัน ก็เลยสามารถช่วย ลดไขมันในเลือด และก็ปกป้องโรคหัวใจรวมทั้งหลอดเลือดได้ แล้วก็กรดไขมันโอเมก้า 3 ในดาวอินคายังมีคุณประโยชน์ช่วยให้ร่างกายซับแคลเซียมมาบำรุขี้งกประจำเดือนกเจริญขึ้น อีกทั้งยังช่วยรักษาความแข็งแรงของเยื่อห่อหุ้มเซลล์ ลดการอักเสบของหลอดเลือด รวมทั้งลดความเสี่ยงโรคไขข้อได้อีกด้วย อีกทั้งในดาวอินคายังอุดมไปด้วยวิตามินอี และก็วิตามินเอที่ช่วยบำรุงสุขภาพผิวแล้วก็ผมช่วยป้องกันสารต้านอนุมูลอิสระอันเป็นที่มาของการอักเสบ ช่วยลดริ้วรอย รวมทั้งช่วยทำนุบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น
นอกจากนี้ยังช่วยคุ้มครองป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ (cardiovascular disease) ต้าน rheumatiod arthritis โรคมะเร็ง แล้วก็คุ้มครองป้องกันเชื้อไวรัส โทโคฟีคอยล (tocopherols) ไฟโตสเตอรอคอยล (phytosterol) สารโทโคฟีรอลและฟลาโวนอยด์จากถั่วดาวอินติดอยู่ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจรวมทั้งโรคมะเร็ง สารประกอบฟีนอลิก (phenolic compounds) แล้วก็สารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ในส่วนของเปลือกและเม็ดพบกรดไขมันอิ่มตัวที่มีคุณลักษณะ anti-antherogenic, anti-thrombogenic และก็ hypercholesterolemic effect รวมถึงยังช่วย ช่วยคุ้มครองป้องกันการแข็งตัวของเลือด คุ้มครองปกป้องโรคความดันเลือดสูง ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด แล้วก็ปกป้องโรคเบาหวาน กระตุ้นความจำช่วยสนับสนุนพัฒนาการของสมองปกป้องโรคสมองเสื่อม ควบคุมความดันในดวงตา แล้วก็เส้นเลือด
ต้นแบบ/ขนาดวิธีใช้ ในขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดแบบ / ขนาดการใช้หรือขนาดกินดาวอินคาอย่างแน่ชัด โดยบางงานค้นคว้าวิจัยบอกว่า เมล็ดดาวอินติดอยู่รับประทานไม่ได้ ด้วยเหตุว่ามีสารกลุ่มที่ยั้งกานดำเนินการของเอ็นไซม์ทริปสิน (trypsin inhibitor) แต่สามารถนำมาหีบเอาน้ำมันมาใช้กินเพื่อได้ประโยชน์จากน้ำมันดาวอินคาและบางงานศึกษาค้นคว้าวิจัยบอกว่าเม็ดดาวอินค้างสามารถรับประทานได้เมื่อทำให้สุกแล้ว แต่อย่างไรก็ตามถ้าเกิดต้องการรับประทานเพื่อคุ้มครองป้องกันและก็บรรเทาโรคควรจะหารือแพทย์หรือผู้ชำนาญก็จะเป็นการดีที่สุด
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยาก่อนหน้านี้ที่ผ่านมามีการค้นคว้าทางสถานพยาบาลที่เรียนถึงผลของน้ำมันดาวอินคา ว่ามีคุณลักษณะที่สามารถน้ามาใช้แทนโอเมก้า-3 ที่มีอยู่ในน้้ามันปลาได้หรือเปล่า โดยมีงานวิจัยที่เล่าเรียนผลของน้ำมันจาก
ดาวอินคาต่อการลดระดับไขมันในเลือด ทดลองในคนป่วยที่มีปัญหาคลอเรสเตอรอลในเลือดสูง โดยให้กินน้ำมันที่สกัดจากดาวอินติดอยู่ 5 หรือ10 มิลลิลิตรเป็นระยะเวลา 4 เดือน พบว่าทั้งยัง 2 กลุ่มส่งผลคลอ-เรสเตอรอคอยลทั้งสิ้นแล้วก็ไขมันที่ไม่จ้าเป็นในเลือดน้อยลง แล้วก็เพิ่มระดับไขมันเอชดีแอล บ่งบอกถึงถึงว่ากรดไขมันโอเมก้า-3 ที่อยู่ในดาวอินติดอยู่ออกฤทธิ์ละม้ายกับกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่สกัดออกมาได้จากน้ำมันปลา
การเรียนทางพิษวิทยา สำหรับความปลอดภัยสำหรับการกินน้ำมันดาวอินคา ได้มีงานค้นคว้า ให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบอายุระหว่าง 25-55 ปีจ้านวน 30 คน เป็นเพศชาย 13 คน และผู้หญิง 17 คน กินน้ำมันดาวอินค้าง วันละ 10-15 มิลลิลิตร โดยเปรียบเทียบกับน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันจำนวนเท่ากัน ช่วงเวลาเช้า เป็นระยะเวลา 4 เดือน พบว่าผลกระทบที่พบเป็นหลักในกรุ๊ปที่กินน้ำมันดาวอินค้าง เช่นอาการอ้วก เรอ ส่วนอาการอื่นๆที่เจอบ้าง ดังเช่น ร้อนวูบวาบ ปวดศีรษะ เจ็บท้อง ท้องผูก ส่วนผลข้างเคียงที่พบเป็นหลักในกรุ๊ปที่รับประทานน้ำมันเม็ดดอกทานตะวัน อาทิเช่นอ้วกท้องขึ้น ส่วนอาการอื่นๆที่พบบ้าง อาทิเช่น เจ็บท้อง ในส่วนของค่า ลักษณะการทำงานของตับตัวอย่างเช่น AST (Aspartate transaminase), ALT (Alanine Aminotransferase), GGT (Gammaglutamyl transferase), Alkaline Phosphatase, Total Bilirubin, Albumin, Total protein ค่าการท้าทายงานของไต ดังเช่นว่า Creatinine ค่าการอักเสบ อาทิเช่น CRP รวมทั้งค่ากรดยูริค(Uric acid) ทั้งหมดทั้งปวงนี้ไม่พบว่ามีความผิดธรรมดา ข้อเสนอแนะ / ข้อควรตรึกตรอง
1. เนื่องมาจากยังไม่มีการกำหนดขนาดการใช้ดาวอินค้างอย่างแน่ชัด ด้วยเหตุผลดังกล่าวสำหรับเพื่อการใช้ป้องกันหรือรักษาโรค ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้ที่มีความชำนาญ
2. ไม่สมควรใช้ต่อเนื่องกันในจำนวนมากลเป็นเวลานานเพราะว่าอาจส่งผลต่อระบบต่างๆในร่างกาย
3. สำหรับเพื่อการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปของดาวอินติดอยู่ ควรเลือดผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและก็ได้รับการยืนยันจากองค์การอาหารและยา
เอกสารอ้างอิง- มารู้จักถั่วดาวอินคา กันเถอะ??.. จดหมายข่าว วิทย์-แพทย์ คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเยา.ปีที่5.ฉบับที่ 2.เมษายน-มิถุนายน 2557
- Gonzales GF , Gonzales C. A randomized, double-blind placebo-controlled study on acceptability, safety and efficacy of oral administration of sacha inchi oil (Plukenetia volubilis L.) in adult human subjects. Food Chem Toxicol. 2014;65:168-76.https://www.disthai.com/
- อุดมวิทย์ ไวทยากร,กัญญรัตน์ จำปาทอง,เถลิงศักดิ์ วีระวุฒิ.ดาวอินคา พืชมหัศจรรย์ สุดยอดโภชนาการ.จดหมายข่าวผลิใบ ก้าวใหม่การวิจัยและพัฒนาการเกษตร.กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- Souza, A.H.P., Gohara, A.K., Rodrigues, A.C., Souza, N.E., Visentainer, J.V. & Matsushita, M. (2013). Sacha inchi as potential source of essential fatty acids and tocopherols: multivariate study of nut and shell. Acta Scientiarum, 35, 757-763.
- รัชนก ภูวพัฒน์.การศึกษาการเปรียบเทียบความสามารในการผลิตสารทุติยภูมิจากใบอ่อนใบเพสลาดและใบแก่ของถั่วดาวอินคาเพ่อรองรับการผลินใบชาเพื่อชุมน ของจังหวัดนราธิวาส.วารสารมหาวิทยาลัยพระธิวาสราชนครินทร์.ปีที่ 8.ฉบับที่2.พฤษภาคม-สิงหาคม 2559
- เปลือกถั่วดาวอินคา.กระดานถาม-ตอบ สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- ธนกฤต ศิลปะธรากุล.ประสิทธิผล ของอาหารเสริมจากน้ำมันถั่วดาวอินคาในรูปรับประทาน ต่อการทำงานของสมองด้านสติปัญญา.สรุปการประชุมวิชาการและเสนอผลงานวิจัยระดับชาติครั้งที่ 3 ก้าวสู่ทศวรรษที่2:บูรณาการวิจัยใช้องค์ความรู้สู่ความยั่งยืน 17 มิถุนายน 2559 ณ.วิทยาลัยนครราชสีมา อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา.หน้า 14-21
- Maurer, N.E., Sakoda, B.H., Chagman, G.P. & Saona, L.E.R. (2012). Characterization and authentication of a nevel vegetable source of omega-3 fatty acid, sacha inchi (Plukenetia volubilis L.) oil. Food Chemistry, 134, 1173-1180.
- ถั่วดาวอินคา สรรพคุณ และการปลูกถั่วดาวอินคา.พืชเกษตรดอทคอม
- Chirnos, R., Zuloeta, G., Pedreschi, R., Mignolet, E., Larondelle, Y. & Campos, D. (2013). Sacha inchi (Plukenetia volubilis): A seed source of polyunsaturated fatty acids, tocopherols, phytosterols, phenolic compounds and antioxidant capacity. Food Chemistry, 141, 1732-1739.
- Hanssen, H.P. & Hubsch, M.S. (2011). Sacha Inchi (Plukenetia volubilis L.) nut oil and its therapeutic and nutritional uses. Nuts & Seeds in health and disease prevention, 991-994.
- Van Welzen,P.C. and K. Chayamarit. Euphorbiaceae. pp. 509 – 512. In Santisuk, T and K. Larsen (eds.) Flora of Thailand. Volume Eight. Part Two. The Forest Herbarium. National Park, Wildlife and Plant Conservation Department, Bangkok.
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
คาวอินคาTags : ดาวอินคา