รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: กฎหมายว่าด้วยการเช่า เมื่อสร้างบ้านระหว่างเช่า  (อ่าน 453 ครั้ง)

saibennn9

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 274
    • ดูรายละเอียด
    • ทนายความเชียงใหม่

                การเช่าที่ดินเพื่อทำธุรกิจในระยะยาว เมื่อมีการก่อสร้างอาคาร สำนักงาน หรือแม้จะปลูกบ้านลงไปในที่ดินแล้ว ต่อมาเมื่อการเช่าสิ้นสุดลง ก็เลยมีคำถามที่ต้องถามกลับมาว่า คนไหนกันจะเป็นเจ้าของอาคาร อาคาร สำนักงาน หรือ บ้านที่ผู้เช่าได้ปลูกสร้าง ในมุมของผู้ให้เช่ายอมจำต้องคิดว่า ในเมื่อมีการก่อสร้างในที่ดินของผู้ให้เช่าแล้ว ตึก อาคาร สำนักงาน หรือบ้าน ย่อมเป็นของผู้ให้เช่าโดยเป็นส่วนควบของที่ดินที่เช่า ในมุมของผู้เช่าก็เห็นว่า ผู้เช่าได้ใช้สิทธิเช่าเพื่อมาสร้าง อาคาร อาคาร ที่ทำการหรือบ้าน ในระหว่างที่เช่า จึงการปลูกสร้างอาคาร อาคาร ที่ทำการหรือ บ้านโดยมีสิทธิ สิ่งก่อสร้างดังกล่าวจึงเป็นของผู้เช่า นอกเหนือจากนั้น ยังมีประเด็นตามว่า ผู้เช่าต้องออกจากที่ดินที่เช่าหรือไม่ จึงมีการฟ้องร้องกันระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่า โดย ศาลได้ตัดสินแล้วว่า สิ่งปลูกสร้างของผู้เช่า เป็นของผู้เช่าไม่ตกเป็นของผู้ให้เช่า แม้กระนั้นผู้เช่าจะต้องรื้อถอนออกไปจากที่ดินที่เช่า และก็ข้อความสำคัญถัดมา ผู้เช่าจะต้องออกมาจากที่ดินที่เช่า แล้วก็การที่ผู้เช่าอยู่ในที่ดินที่เช่านับแต่เวลาจบระยะเวลาเช่าแล้ว ย่อมเป็นการอยู่โดยละเมิดสิทธิของผู้ให้เช่า โดยเหตุนี้ ผู้เช่าจำเป็นต้องชดใช้ค่าปรับให้แก่ผู้ให้เช่า รวมทั้งออกจากที่ดินของผู้ให้เช่า ข้อเท็จจริงมี
                คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4260/2550 เดิมที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของ ท. ต่อมาผู้จัดการมรดกของ ท. ได้ทำสัญญาให้ ธ. เช่าที่ดินมีกำหนด 20 ปี การที่ ธ. ปลูกสร้างตึกแถวลงบนที่ดิน จึงไม่ถือว่าเป็นส่วนควบกับที่ดินตาม ป.พ.พ. มาตรา 146 โจทก์ซื้อที่ดินมาจากผู้จัดการมรดกของ ท. ระหว่างอายุสัญญาเช่า โจทก์จึงไม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตึกแถว แต่เมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าที่ดิน ธ. ย่อมหมดสิทธิในที่ดินต้องรื้อถอนตึกแถวออกไป เว้นแต่ ธ. ยินยอมให้ตึกแถวตกเป็นของโจทก์ ตึกแถวย่อมกลายเป็นส่วนควบของที่ดินและตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามมาตรา 144 วรรคสอง เมื่อโจทก์ได้รับมอบสิทธิในตึกแถวแล้ว ตึกแถวย่อมกลายเป็นส่วนควบของที่ดินและตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามมาตรา 144 วรรคสอง แต่ ธ. ซึ่งเป็นเจ้าของตึกแถวไม่มีอำนาจให้เช่าห้องพิพาทเกินกำหนดระยะเวลาการเช่าที่ดิน เมื่อสัญญาเช่าที่ดินครบกำหนดแล้ว ระยะเวลาการเช่าห้องพิพาทส่วนที่เกินกว่านั้นย่อมไม่ตกมายังโจทก์ตามมาตรา 569 เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์ที่จะให้จำเลยอยู่ในห้องพิพาทอีกต่อไป แต่จำเลยไม่ยอมออกไป จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย
                ฉะนั้น จะมองเห็นได้ว่า ไม่ว่าเช่นไรผู้ให้เช่าผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิเหนือที่ดินตามหลักกรรมสิทธิ์ บุคคลภายนอกย่อมไม่มีสิทธิ์ดีมากกว่าเจ้าของที่ดิน
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ทนายความเชียงใหม่

ที่มา : https://www.นพนภัสทนายความเชียงใหม่.com/

Tags : ทนายความเชียงใหม่
บันทึกการเข้า