รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรพญายอนั้นมีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์  (อ่าน 596 ครั้ง)

posdfnew01257

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 4
    • ดูรายละเอียด


สมุนไพรพญายอ
เสมหะพังพอนตัวเมีย
เสมหะพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสมหะพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในวงศ์เหงือกปลาแพทย์ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสลดพังพอนตัวเมีย พญายอ มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (จังหวัดเชียงใหม่), พญาข้อคำ (ลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาบ้องดำ พญาปล้องทอง (ภาคกึ่งกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วๆไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนกลาง) เป็นต้น
ลักษณะของเสลดพังพอนตัวเมีย
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มไม้แกมเถา มักเลื้อยพาดไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะเกลี้ยง ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นบ้องสีเขียว ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำหรือแยกเหง้ากิ้งก้านไปปลูก เติบโตก้าวหน้าในดินทุกประเภท ชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำดี มีแสงแดดจัด มีเขตผู้กระทำระจายประเภทในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และก็ไทย ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือเจอปลูกกันตามบ้านทั่วๆไป
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบผู้เดียว ออกเรียงตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆรูปแบบของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบและโคนใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-3 ซม. รวมทั้งยาวราวๆ 7-9 ซม. แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสมหะพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสลดพังพอนตัวเมีย มีดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกประมาณ 3-6 ดอก กลีบดอกไม้เป็นสีแดงส้ม โคนกลีบเชื่อมชิดกันเป็นหลอด ยาวราวๆ 3-4 เซนติเมตร ปลายแยกออกเป็น 2 ปาก คือ ปากล่างรวมทั้งปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบเป็นทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกไม้นั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนเป็นต่อมเหนียวๆอยู่โดยรอบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน มีดอกในช่วงประมาณต.ค.ถึงมกราคม (แม้กระนั้นชอบไม่ค่อยมีดอก)
ดอกเสลดพังพอนตัวเมีย
พญาบ้องทอง
ลิ้นงูเห่า
ผลเสลดพังพอนตัวเมีย ผลได้ผลแห้งและแตกได้ (แต่ผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) รูปแบบของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้ประมาณ 0.5 เซนติเมตร ก้านสั้น ภายในผลมีเม็ดราวๆ 4 เม็ด
หมายเหตุ : เสมหะพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 ประเภทหมายถึงเสมหะพังพอนตัวผู้ และเสลดพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะไม่เหมือนกันตรงที่เสลดพังพอนเพศผู้ลำต้นจะมีหนามและมีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสลดพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามแล้วก็มีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงงมากหลายๆแบบเรียนก็เลยนิยมเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาบ้องทองคำ” โดยเสลดพังพอนเพศผู้นั้นจะมีคุณประโยชน์ทางยาอ่อนกว่าเสมหะพังพอนตัวเมีย และแบบเรียนยาไทยนิยมประยุกต์ใช้ทำยากันมาก
คุณประโยชน์ของเสลดพังพอนตัวเมีย
รากแล้วก็เปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำเป็นยาบำรุงกำลัง (รากแล้วก็เปลือกต้น)
ทั้งยังต้นแล้วก็ใบใช้กินเป็นยาถอนพิษไข้ ดับพิษร้อน (อีกทั้งต้นและก็ใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการกางใบสด 1 กำมือ ตำอย่างถี่ถ้วน ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนศีรษะผู้ป่วยโดยประมาณ 30 นาที ลักษณะของการมีไข้แล้วก็ลักษณะของการปวดศีรษะจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (กินอาหารเป็นพิษไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบ) ด้วยการใช้รากสดเอามาต้มรับประทานครั้งละโดยประมาณ 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาบดประมาณ 10 ใบ กลืนเอาแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการกางใบสดโดยประมาณ 10-15 ใบ ตำอย่างถี่ถ้วนผสมกับสุราโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป แล้วก็ลักษณะการเจ็บปวดจะหายไปภายใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (อีกทั้งต้นและใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับฉี่ ขับรอบเดือน (ราก)
ใช้เป็นยาแก้รอบเดือนมาเปลี่ยนไปจากปกติ (ต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบดีซ่าน (ทั้งยังต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบจับไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการกางใบสดประมาณ 3-4 ใบ นำมาตำกับข้าวสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำพอเพียงเปียก ใช้พอกราว 2-3 รอบ จะช่วยทำให้อาการดียิ่งขึ้น (ใบ)
ลำต้นนำมาฝนแล้วใช้ทาแผลสดจะช่วยทำให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากหมากัดมีเลือดไหล ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 5 ใบ นำมาตำพอกบริเวณแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดเอามาตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดเอามาตำอย่างรอบคอบผสมกับสุรา ใช้เป็นยาพอกรอบๆที่ถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก จะมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อนเจริญ4 ส่วนอีกแบบเรียนระบุว่า นอกเหนือจากที่จะใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยเหตุเพราะถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด และก็แผลที่เกิดขึ้นจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย แค่เพียงนำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ใบราว 3-4 ใบ กับข้าวสาร 5-6 เม็ด เพิ่มเติมน้ำลงไปให้พอเพียงแฉะ แล้วนำมาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองได้ดิบได้ดี ทำให้แผลแห้งไว โดยให้เปลี่ยนแปลงยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปครู่หนึ่งหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการใช้ใบสดตำผสมกับเหล้าใช้ทา หรือใช้เหล้าสกัดใบเสมหะพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวนำมาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผดผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวแล้วก็เม็ดผื่นผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการใช้ใบนำมาโขลกผสมกับเกลือและก็เหล้า ใช้พอกบริเวณที่เป็น เปลี่ยนแปลงยาทุกตอนเช้าแล้วก็เย็น (ใบ)
อีกทั้งต้นและใบใช้เป็นยาขับพิษ ทำลายพิษ โดยยิ่งไปกว่านั้นพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย อย่างเช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง ฯลฯ รวมถึงผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ลมพิษ แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดราว 5-10 ใบ เอามาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดเอามาตำให้พอเพียงแหลก แช่ในเหล้าขาวราว 1 สัปดาห์ แล้วจากนั้นจึงค่อยนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ผื่นคัน ตามข้อมูลระบุว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำน้อย ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)

ชาวเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังจำพวกเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนหมา และก็ใช้เป็นยาทำลายพิษต่างๆด้วยการใช้ใบเสลดพังพอนตัวเมียสดประมาณ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มวาว ไม่อ่อนหรือแก่จนถึงเกินไป) แล้วเอามาตำผสมกับสุราหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลแล้วก็เอากากพอกบริเวณแผล หรืออีกแนวทางให้จัดเตรียมเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 กก. เอามาปั่นอย่างระมัดระวัง เติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังไอน้ำให้ปริมาตรต่ำลงครึ่งเดียว (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) รวมทั้งเพิ่มกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสมหะพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก และก็ใช้ทำลายพิษต่างๆสำหรับหนังสือเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเท่ากัน รวมกันตำให้พอเพียงแหลก แช่กับสุรา แล้วนำมาใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามท้องดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลนลานไฟให้ร้อน แล้วนำมาคลึงเพื่อดูดเอาขนย้ายใบตะลังตังช้างออกเสียก่อน แล้วจึงใช้ใบเสลดพังพอนผสมกับสุราทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า และก็ยางสาวน้อยประแป้ง ด้วยการใช้ใบผสมกับเหล้า เอามาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้หัด เหือด ด้วยการใช้ใบสดราว 7 กำมือ เอามาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกแล้วก็ผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งคู่มาผสมกัน ใช้ทั้งยังรับประทานและก็ทาทา (ยาทาให้ใส่พิมเสนลงไปนิดหน่อย) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้รับประทานวันละ 3 ครั้ง ทีละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ ต้นใช้เป็นยาแก้ปวดบวม กลยุทธ์ปวดเมื่อย บวมช้ำ กระดูกร้าว ช่วยขับความชุ่มชื้นภายในร่างกาย แก้ลักษณะของการปวดปวดเมื่อยเนื่องมาจากเย็นเปียกชื้น (ทั้งต้น)
รากใช้เป็นยาแก้อาการปวดปวดเมื่อยบั้นเอว (ราก)
ขนาดแล้วก็วิธีใช้ : ยาแห้งให้ใช้ครั้งละ 5-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน ส่วนยาสดให้ใช้ครั้งละ 30 กรัม นำมาตำคั้นเอาน้ำรับประทาน หรือตำพอกแผลภายนอก
ข้อควรไตร่ตรองพญายอ
: หากแม้ในอดีตกาลจะมีการใช้ใบสดเอามาตำแล้วพอกรอบๆที่เป็นแผล แต่ว่าในขณะนี้แนวทางนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบแล้ว เพราะจะชำระล้างได้ยาก ทำให้กากติดแผล และก็อาจก่อให้ติดเชื้อเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากพบสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบเจอสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกลุ่ม monoglycosyl diglycerides ตัวอย่างเช่น 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol และสารกลุ่ม glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อไวรัสเริม
จากการทดสอบในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสลดพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสลดพังพอนตัวเมียจำนวนร้อยละ 5 ใน Cold cream และก็สารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ เอามาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แต่เมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่ได้เรื่อง
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 กิโล มีประสิทธิภาพต่อต้านการอักเสบก้าวหน้า
เมื่อให้หนูเม้าส์รับประทานสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกรั้งนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติเตียนคได้ โดยสารสกัดความแรง 90 มิลลิกรัมต่อกิโล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก.ต่อกิโล ส่วนสารสกัดด้วยน้ำแล้วก็สารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่เป็นผลลดความเจ็บปวด
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และเอทิลอะซิเตทจากใบเสลดพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 4 และใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อไวรัสได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในช่วงเวลาที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ รวมทั้งจากรายงานการดูแลและรักษาผู้ป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์จำพวกเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสมหะพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir แล้วก็ยาหลอก โดยให้คนไข้ทายาวันละ 4 ครั้ง ตรงเวลา 6 วัน พบว่าไม่ได้ต่างอะไรในระยะเวลาการตกสะเก็ดของแผลผู้เจ็บป่วยที่ใช้ยาจากสารสกัดใบและยา acyclovir โดยแผลจะเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน รวมทั้งหายสนิทข้างใน 7 วัน ซึ่งแตกต่างกันกับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ โดยยาที่สกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียจะไม่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการอักเสบและเคือง ในขณะที่ acyclovir จะมีผลให้แสบ นอกเหนือจากนั้นยังมีการใช้ยาที่ทำมาจากเสมหะพังพอนตัวเมียในผู้ป่วยโรคเริม งูสวัด และก็แผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลรวมทั้งลดการอักเสบเจริญ
[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url] สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสลดพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดที่ทำให้เกิดเริมและก็อีสุกอีใส3 จากรายงานการรักษาคนเจ็บโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ป้ายยาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 1-2 อาทิตย์ จวบจนกระทั่งแผลจะหาย พบว่าผู้เจ็บป่วยหวานใจษาด้วยสารสกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลตกสะเก็ดข้างใน 3 วัน แล้วก็หายข้างใน 7-10 วัน จะมีมากมายกว่ากลุ่มสุดที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และระดับความเจ็บจะน้อยลงเร็วกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก โดยไม่พบผลข้างเคียงใดๆ9
จากการทดลองความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่าเป็นพิษนิดหน่อย แต่จะเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกก. (เทียบเท่าใบแห้ง 5.44 กรัมต่อกิโลกรัม) เมื่อเอามาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าช่องท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่นำมาซึ่งอาการเป็นพิษใดๆ
จากการเล่าเรียนพิษกึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 และ 540 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ให้หนูแรททุกๆวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่มีผลต่อการเจริญเติบโต แต่ว่าพบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง ในขณะที่น้ำหนักของตับเพิ่มขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดธรรมดาต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่ประสงค์แต่ว่าอ http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า