รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์  (อ่าน 430 ครั้ง)

sadgs257sa2

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 6
    • ดูรายละเอียด
ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
« เมื่อ: สิงหาคม 17, 2018, 07:59:11 AM »


ราชพฤกษ์
ที่มาที่ไปของต้นราชพฤกษ์
   จากสมัยก่อนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมากว่า 50 ปี ทางการมีความอุตสาหะหลายคราวสำหรับในการกำหนดให้มีสัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยเฉพาะการกำหนด ต้นไม้ รวมทั้ง ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มต้นที่กรมป่าไม้ได้เชื้อเชิญให้ประชากรพึงพอใจต้นราชพฤกษ์หรือคูณมาตั้งแต่ช่วงปี พุทธศักราช2494 โดยรัฐบาลมีมติให้ถือวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันต้นไม้รายปีของชาติ (arbour day) มีการชวนให้ปลูกต้นไม้ที่มีคุณประโยชน์จำพวกต่างๆมาก ในเวลาเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ คงจะนับว่าเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   กระทั่งในปี พ.ศ.2506 มีการสัมมนาเพื่อระบุเครื่องหมายต้นไม้แล้วก็สัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ พืชที่มีความมงคลที่มีประโยชน์แล้วก็รู้จักกันอย่างแพร่หลายฯลฯไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวโยงกับจารีตประเพณีไทยแล้วก็ประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอคราวนั้นมิได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนั้นตลอดระยะเวลาก่อนหน้านี้สัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความเป็นไทยจึงมีมากมาย ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่คนประเทศไทยเคยชินและพบเห็นบ่อยมาก ดังเช่น พระปรางค์วัดย่ำรุ่งฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เหมือนกับ ต้นราชพฤกษ์ และก็ ช้างเผือก ยังคงถูกยกย่องให้เป็นเครื่องหมายประจำชาติตลอดมา
            ปี พ.ศ.2530 มีการผลักดันให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกรอบ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระอายุครบ 5 รอบ โดยมีการเกื้อหนุนให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วประเทศจำนวน 99,999 ต้น ตอนนี้จึงมีต้นราชพฤกษ์อยู่มากไม่น้อยเลยทีเดียวทั่วทั้งประเทศไทย
            ผลสรุปเรื่องเครื่องหมายประจำชาติดูเหมือนจะยังไม่ชัดแจ้ง กระทั่งช่วงปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังกล่าวกลับมาเสนออีกที และก็มีผลสรุปเสนอให้มีการกำหนดสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่งคือ ดอกไม้ สัตว์รวมทั้งสถาปัตยกรรม รวมทั้งการพินิจก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเสนอให้ระบุดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติ คือ ช้างไทย และก็สถาปัตยกรรมประจำชาติเป็น ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติเนื่องจากว่ามีความเหมาะสมในหลายๆด้านเป็นเป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้ฯลฯไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ ฯลฯไม้ที่มีอายุยืน คงทน ปลูกขึ้นก้าวหน้าทั่วทุกภาคของประเทศ เป็นต้นไม้พื้นบ้านที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อไม่เหมือนกันในแต่ละภาค ได้แก่ ต้นลมแล้ง คูน อ๋อดิบ ราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความมงคลใช้ประโยชน์ในพิธีสำคัญๆตัวอย่างเช่น ลงหลักเมือง ลงเสาฤกษ์ ทำคฑาจอมพลรวมทั้งยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในฤดูร้อนราชพฤกษ์จะมีดอกสะพรั่งอีกทั้งต้น ช่อดอกมีทรงสวยงาม สีเหลืองแพรวพราวเป็นสัญลักษณ์ของพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติ รวมทั้งเป็นสีเดียวกับวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกนั้นความงดงามของช่อดอก และก็ความหมายที่ดียังถูกจำทดลองแบบประดับไว้บนอินทรธนูของข้าราชการอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทยเป็นดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์หมายถึงCassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองอร่ามที่พบบ่อยเห็นได้ทั่วไปตามข้างถนนสายต่างๆคือสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการชื่นชมให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย ทั้งมั่นใจว่าฯลฯไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนภายในบ้านมีเกียรติตำแหน่งชื่อ เสียงมากขึ้นเรื่อยๆด้วย ยิ่งใกล้เข้าสู่เวลาที่การเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำข้อมูลเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันแรง
เรื่องราวดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้ประจำถิ่นของทวีปเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน อินเดีย ประเทศพม่า แล้วก็ศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเจริญวัยก้าวหน้าใน และก็เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แม้กระนั้นก็ยังมิได้บทสรุปกระจ่างแจ้ง จวบจนกระทั่งมีการลงชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ตอนวันที่ 26 เดือนตุลาคม พุทธศักราช 2544

ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เหตุเพราะ ต้นราชพฤกษ์ ออกดอกสีเหลืองชูช่อ มองสง่างาม อีกทั้งยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็เลยถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระเจ้าอยู่หัว" และก็มีการลงชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นเยี่ยมใน 3 สัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย และก็ 3. ดอก[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url] เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เนื่องด้วยเป็นต้นไม้ประจำถิ่นที่รู้จักกันอย่างมากมาย และมีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย
  • มีประวัติเกี่ยวกับจารีตประเพณีสำคัญๆในไทยรวมทั้งเป็นต้นไม้มงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้มากมาย ดังเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังคงใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ เป็นต้น
  • มีสีเหลืองสวยงาม พุ่มไม้งามเต็มต้น เปรียบเทียบเป็นสัญลักษณ์แห่งพุทธศาสนา
  • แก่ยืนนาน และทนทาน
ลักษณะทั่วไป
           ฯลฯไม้ขนาดกลาง สูงราวๆ 10-20 เมตร ออกดอกเป็นช่อสีเหลืองสวยงาม แต่ละช่อยาวประมาณ 20-40 ซม. โดยกลีบดอกจะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ ส่งผลยาวราวๆ 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นแรง รวมทั้งมีเม็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์
           นิยมปลูกด้วยเมล็ด โดยจะมีการเจริญวัยช้าในช่วง 1-3 ปีแรก แต่ว่าหลังจากนั้นจะมีการเติบโตเร็วขึ้น และมีดอกตอนอายุราว 4-5 ปี
การดูแลรักษา
           แสง : ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง รวมทั้งเจริญวัยก้าวหน้าในที่โล่งเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับสภาพอากาศร้อนได้ดิบได้ดี
           ดิน : สามารถเติบโตเจริญในดินซึ่งร่วนซุย ดินร่วนคละเคล้าทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมใส่ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยมูลสัตว์ ในอัตรา 2-3 กิโลต่อต้น รวมทั้งควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           แนวทางขยายพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยม คือ การเพาะเม็ด โดยใช้เม็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่ว่าจะต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ หลังจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งเอาไว้ผ่านวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนเพียงพอหล่อเลี้ยงเมล็ดได้ แล้วหลังจากนั้นทิ้งเอาไว้อีกคืนก็จะเจอรากงอก และสามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเลื่อมใสเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           เชื่อว่าเป็นต้นพืชที่มีความเป็นสิริมงคล ที่ควรจะปลูกเอาไว้ภายในทิศตะวันตกเฉียงใต้ และถ้าหากปลูกเอาไว้ในบ้านจะช่วยทำให้ทรงเกียรติขั้น เกียรติ และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยศาสตร์ โดยใช้ใบทำน้ำพระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ เนื่องมาจากเป็นไม้มงคลนาม http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า