รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์  (อ่าน 525 ครั้ง)

loidsfsa6519

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 7
    • ดูรายละเอียด
ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
« เมื่อ: สิงหาคม 16, 2018, 08:24:36 AM »


ราชพฤกษ์
ที่มาที่ไปของต้นราชพฤกษ์
   จากสมัยก่อนก่อนหน้าที่ผ่านมากว่า 50 ปี ทางราชการมีความเพียรพยายามบ่อยมากสำหรับเพื่อการกำหนดให้มีเครื่องหมายประจำชาติไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนด ต้นไม้ รวมทั้ง ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มต้นที่กรมป่าไม้ได้เชิญให้ราษฎรสนใจต้นราชพฤกษ์หรือคูณมาตั้งแต่ตอนปี พุทธศักราช2494 โดยรัฐบาลลงความเห็นให้ถือวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ (arbour day) มีการชวนให้ปลูกต้นไม้ที่เป็นประโยชน์จำพวกต่างๆมากมาย ในเวลาเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ คงจะถือเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   จนถึงในปี พ.ศ.2506 มีการสัมมนาเพื่อกำหนดสัญลักษณ์ต้นไม้แล้วก็สัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ ไม้มงคลที่เป็นประโยชน์แล้วก็รู้จักกันอย่างล้นหลามฯลฯไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวโยงกับขนบธรรมเนียมไทยรวมทั้งประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอครั้งนั้นมิได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาสัญลักษณ์ที่บ่งถึงความเป็นอิสระยจึงมีนานาประการ ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่คนประเทศไทยคุ้นเคยแล้วก็ประสบพบเห็นบ่อย ยกตัวอย่างเช่น พระปรางค์วัดใกล้รุ่งฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เหมือนกันกับ ต้นราชพฤกษ์ รวมทั้ง ช้างเผือก ยังคงถูกชื่นชมให้เป็นเครื่องหมายประจำชาติตลอดมา
            ปี พ.ศ.2530 มีการช่วยเหลือให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกที เพื่อเป็นการสรรเสริญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยมีการผลักดันให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วทั้งประเทศจำนวน 99,999 ต้น ขณะนี้จึงมีต้นราชพฤกษ์อยู่มากทั่วทั้งประเทศไทย
            ผลสรุปเรื่องเครื่องหมายประจำชาติดูเหมือนจะยังกำกวม จนถึงตอนปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังที่กล่าวถึงแล้วกลับมาเสนออีกครั้ง แล้วก็มีผลสรุปเสนอให้มีการกำหนดเครื่องหมายประจำชาติ 3 สิ่งคือ ดอกไม้ สัตว์แล้วก็สถาปัตยกรรม แล้วก็การพินิจพิเคราะห์ที่ผ่านมาเสนอให้ระบุดอกไม้ประจำชาติคือ ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติ คือ ช้างไทย แล้วก็สถาปัตยกรรมประจำชาติคือ ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติเนื่องจากว่ามีความเหมาะสมในหลายๆด้านหมายถึงเป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้ฯลฯไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ ฯลฯไม้ที่แก่ยืน ทนทาน ปลูกขึ้นได้ดีทั่วทุกภาคของประเทศ ฯลฯไม้ประจำถิ่นที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อแตกต่างในแต่ละภาค อาทิเช่น ต้นลมแล้ง คูน อ้อดิบ ราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลใช้ประโยชน์ในพิธีหลักๆเป็นต้นว่า ลงหลักเมือง ลงเสาเอก ทำคฑาจอมพลรวมทั้งยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในช่วงฤดูร้อนราชพฤกษ์จะมีดอกสะพรั่งทั้งต้น ช่อดอกมีทรงสวย สีเหลืองแพรวพราวเป็นเครื่องหมายของศาสนาพุทธอันเป็นศาสนาประจำชาติ รวมทั้งเป็นสีเดียวกับวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกเหนือจากนั้นความสวยสดงดงามของช่อดอก และก็ความหมายที่ดียังถูกจำทดลองแบบเสริมแต่งไว้บนอินทรธนูของข้าราชการพลเรือนอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทยเป็นดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อด้านวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์ คือ Cassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองสวยงามที่พบได้บ่อยเห็นได้ทั่วไปตามข้างถนนสายต่างๆคือสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการชื่นชมให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย อีกทั้งเชื่อว่าเป็นต้นไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนในบ้านมีเกียรติขั้นชื่อ เสียงมากยิ่งขึ้นด้วย ยิ่งใกล้ไปสู่เวลาที่การเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำเนื้อหาเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันจ้า
เรื่องราวดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้พื้นเมืองของทวีปเอเชียใต้ ตั้งแต่ปากีสถาน อินเดีย ประเทศพม่า แล้วก็ศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตได้ดิบได้ดีในที่โล่ง แล้วก็เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แม้กระนั้นก็ยังมิได้ข้อสรุปแจ้งชัด ตราบจนกระทั่งมีการลงนามให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 26 ต.ค. พุทธศักราช 2544

ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เพราะเหตุว่า ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองยกช่อ มองสง่างาม อีกทั้งยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชการบังเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระเจ้าแผ่นดิน" รวมทั้งมีการลงนามให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นเยี่ยมใน 3 สัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย และ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เหตุเพราะเป็นต้นไม้พื้นเมืองที่รู้จักกันอย่างมากมาย รวมทั้งมีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมสำคัญๆในไทยและเป็นต้นพืชที่มีความมงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้นานาประการ ดังเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ ฯลฯ
  • มีสีเหลืองสวยงาม พุ่มสวยเต็มต้น เปรียบเป็นเครื่องหมายที่พุทธศาสนา
  • แก่ยืนนาน และก็แข็งแรง
ลักษณะทั่วไป
           เป็นต้นไม้ขนาดกึ่งกลาง สูงประมาณ 10-20 เมตร มีดอกเป็นช่อสีเหลืองแพรวพราว แต่ละช่อยาวราว 20-40 ซม. โดยกลีบดอกจะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ ส่งผลยาวราว 30-60 ซม. มีกลิ่นแรง และก็มีเมล็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์
           นิยมนำมาปลูกด้วยเมล็ด โดยจะมีการเจริญเติบโตช้าในช่วง 1-3 ปีแรก แม้กระนั้นหลังจากนั้นจะมีการเติบโตเร็วขึ้น รวมทั้งออกดอกตอนอายุราวๆ 4-5 ปี
การดูแลรักษา
           แสงสว่าง : ต้องการแดดจัด หรือกลางแจ้ง รวมทั้งเจริญเติบโตได้ดีในเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนก้าวหน้า
           ดิน : สามารถเติบโตได้ดิบได้ดีในดินซึ่งร่วนซุย ดินร่วนผสมทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมให้ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยธรรมชาติ ในอัตรา 2-3 โลต่อต้น และก็ควรจะให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           วิธีแพร่พันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยม คือ การเพาะเม็ด โดยใช้เม็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แม้กระนั้นจำเป็นต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ แล้วหลังจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ผ่านวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือปริมาณพอหล่อเลี้ยงเมล็ดได้ แล้วทิ้งไว้อีกคืนก็จะพบรากแตกออก แล้วก็สามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อถือเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           เชื่อว่าฯลฯพืชที่มีความมงคล ที่ควรจะปลูกเอาไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ แล้วก็ถ้าเกิดปลูกเอาไว้ภายในบ้านจะช่วยทำให้มีเกียรติยศ เกียรติยศ และก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยศาสตร์ โดยใช้ใบทำน้ำพระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ เพราะเหตุว่าเป็นพืชที่มีความมงคลนาม http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า