รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์  (อ่าน 494 ครั้ง)

boo1000iyuism

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 10
    • ดูรายละเอียด
ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
« เมื่อ: สิงหาคม 16, 2018, 04:30:00 AM »


ราชพฤกษ์
ที่ไปที่มาของต้นราชพฤกษ์
   จากอดีตก่อนหน้านี้กว่า 50 ปี ทางด้านราชการมีความพยายามหลายคราวสำหรับในการกำหนดให้มีเครื่องหมายประจำชาติไทย โดยยิ่งไปกว่านั้นการกำหนด ต้นไม้ และ ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มที่กรมป่าไม้ได้ชักชวนให้สามัญชนสนใจต้นราชพฤกษ์หรือคูณมาตั้งแต่ช่วงปี พุทธศักราช2494 โดยรัฐบาลลงความเห็นให้ถือวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันต้นไม้รายปีของชาติ (arbour day) มีการชวนให้ปลูกต้นไม้ที่มีสาระชนิดต่างๆมากมายก่ายกอง ในเวลาเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ คงจะถือเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   จนถึงในปี พ.ศ.2506 มีการประชุมเพื่อกำหนดสัญลักษณ์ต้นไม้และสัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ ไม้มงคลที่มีสาระและก็รู้จักกันอย่างแพร่หลายเป็นต้นไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวเนื่องกับจารีตประเพณีไทยแล้วก็ประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอตอนนั้นมิได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนี้ตลอดเวลาก่อนหน้าที่ผ่านมาเครื่องหมายที่บอกถึงความเป็นไทยก็เลยมีหลากหลาย ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่คนไทยคุ้นเคยแล้วก็พบเห็นบ่อยมาก ได้แก่ พระปรางค์วัดใกล้รุ่งฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เหมือนกับ ต้นราชพฤกษ์ แล้วก็ ช้างเผือก ยังคงถูกสรรเสริญให้เป็นเครื่องหมายประจำชาติตลอดมา
            ปี พ.ศ.2530 มีการส่งเสริมให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกที เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยมีการสนับสนุนให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วราชอาณาจักรจำนวน 99,999 ต้น ขณะนี้จึงมีต้นราชพฤกษ์อยู่ล้นหลามทั่วทั้งประเทศไทย
            ข้อสรุปเรื่องสัญลักษณ์ประจำชาติดูเหมือนจะยังไม่ชัดแจ้ง จนถึงตอนปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังที่กล่าวมาข้างต้นกลับมาเสนออีกครั้ง และมีข้อสรุปเสนอให้มีการกำหนดเครื่องหมายประจำชาติ 3 สิ่งคือ ดอกไม้ สัตว์และสถาปัตยกรรม รวมทั้งการพิจารณาก่อนหน้าที่ผ่านมาเสนอให้กำหนดดอกไม้ประจำชาติคือ ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติหมายถึงช้างไทย และก็สถาปัตยกรรมประจำชาติคือ ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติด้วยเหตุว่ามีความเหมาะสมในหลายๆด้านเป็นเป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้ฯลฯไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ เป็นต้นไม้ที่แก่ยืน คงทน ปลูกขึ้นก้าวหน้าทั่วทุกภาคของประเทศ เป็นต้นไม้ท้องถิ่นที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อแตกต่างในแต่ละภาค เช่น ลมแล้ง คูน อ้อดิบ ราชพฤกษ์เป็นไม้มงคลใช้ประโยชน์ในพิธีสำคัญๆเช่น ลงหลักเมือง ลงเสาฤกษ์ ทำคฑาจอมพลแล้วก็ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในช่วงฤดูร้อนราชพฤกษ์จะมีดอกสะพรั่งทั้งต้น ช่อดอกมีทรงสวย สีเหลืองสวยงามเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำประเทศ รวมทั้งเป็นสีเดียวกับวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกเหนือจากนี้ความงดงามของช่อดอก แล้วก็ความหมายที่ดียังถูกจำทดลองแบบแต่งแต้มไว้บนอินทรธนูของข้าราชการอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทยเป็นดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อด้านวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์หมายถึงCassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองอร่ามที่พบมากมองเห็นได้ทั่วๆไปตามริมถนนสายต่างๆคือสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการเชิดชูให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย ทั้งมั่นใจว่าเป็นต้นไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนในบ้านทรงเกียรติขั้นชื่อ เสียงมากยิ่งขึ้นด้วย ยิ่งใกล้ไปสู่เวลาที่การเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำเนื้อหาเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันแรง
ความเป็นมาดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน ฯลฯไม้ท้องถิ่นของเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน ประเทศอินเดีย เมียนมาร์ และก็ศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากมายในเขตร้อน สามารถเจริญวัยได้ดีในที่โล่ง และก็เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 แต่ว่าก็ยังไม่ได้ข้อสรุปแน่ชัด จนถึงมีการเซ็นชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ช่วงวันที่ 26 ต.ค. พ.ศ. 2544

ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เนื่องด้วย ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองยกช่อ มองสง่างาม ทั้งยังยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระเจ้าแผ่นดิน" และมีการลงชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นเลิศใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย รวมทั้ง 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เนื่องจากเป็นต้นไม้พื้นบ้านที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย รวมทั้งมีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวข้องกับประเพณีหลักๆในไทยแล้วก็ฯลฯไม้มงคลที่นิยมปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้นานาประการ ยกตัวอย่างเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังคงใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ เป็นต้น
  • มีสีเหลืองอร่าม พุ่มงามเต็มต้น เปรียบเทียบเป็นเครื่องหมายแห่งศาสนาพุทธ
  • แก่ยืนนาน รวมทั้งคงทน
ลักษณะทั่วไป
           เป็นต้นไม้ขนาดกลาง สูงราว 10-20 เมตร มีดอกเป็นช่อสีเหลืองสวยงาม แต่ละช่อยาวโดยประมาณ 20-40 ซม. โดยกลีบจะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ ส่งผลยาวประมาณ 30-60 ซม. มีกลิ่นแรง รวมทั้งมีเมล็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์
           นิยมปลูกด้วยเมล็ด โดยจะมีการเติบโตช้าในช่วง 1-3 ปีแรก แต่ว่าหลังจากนั้นจะมีการเติบโตเร็วขึ้น รวมทั้งออกดอกตอนอายุประมาณ 4-5 ปี
การดูแลรักษา
           แสง : อยากแดดจัด หรือกลางแจ้ง แล้วก็เจริญวัยได้ดีในเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรจะรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับสภาพภูมิอากาศร้อนได้ดิบได้ดี
           ดิน : สามารถเจริญวัยได้ดีในดินซึ่งร่วนซุย ดินร่วนซุยผสมทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมให้ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยคอก ในอัตรา 2-3 กิโลต่อต้น และก็ควรจะให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           แนวทางเพาะพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมหมายถึงการเพาะเมล็ด โดยใช้เมล็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่ว่าจำต้องเลือกขลิบบริเวณด้านป้าน ด้วยเหตุว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ จากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งเอาไว้ผ่านวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนพอเพียงหล่อเลี้ยงเม็ดได้ จากนั้นทิ้งไว้อีกคืนก็จะเจอรากงอก และสามารถนำลงปลูกได้เลย
ความศรัทธาเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           มั่นใจว่าฯลฯไม้มงคล ที่ควรปลูกเอาไว้ภายในทิศตะวันตกเฉียงใต้ แล้วก็แม้ปลูกไว้ในบ้านจะช่วยทำให้ทรงเกียรติยศ เกียรติยศ รวมทั้งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำพระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ เนื่องมาจากเป็นไม้มงคลนาม http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า