รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์  (อ่าน 555 ครั้ง)

yulyul

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 20
    • ดูรายละเอียด
ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
« เมื่อ: สิงหาคม 15, 2018, 01:31:27 AM »


ราชพฤกษ์
ภูมิหลังของต้นราชพฤกษ์
   จากอดีตกาลก่อนหน้านี้กว่า 50 ปี ทางราชการมีความเพียรพยายามบ่อยสำหรับในการกำหนดให้มีสัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยเฉพาะการกำหนด ต้นไม้ และก็ ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มที่กรมป่าไม้ได้เชิญชวนให้ประชาชนพึงพอใจต้นราชพฤกษ์หรือคูณมาตั้งแต่ช่วงปี พุทธศักราช2494 โดยรัฐบาลลงความเห็นให้ถือวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ (arbour day) มีการชักชวนให้ปลูกต้นไม้ที่เป็นประโยชน์จำพวกต่างๆเยอะแยะ ในขณะเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ น่าจะถือเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   จนถึงในปี พุทธศักราช2506 มีการสัมมนาเพื่อกำหนดเครื่องหมายต้นไม้รวมทั้งสัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ พืชที่มีความมงคลที่มีคุณประโยชน์แล้วก็รู้จักกันอย่างมากมายเป็นต้นไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวโยงกับประเพณีไทยและก็ประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอตอนนั้นมิได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ โดยเหตุนี้ตลอดเวลาก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาสัญลักษณ์ที่บอกถึงความเป็นเอกราชยก็เลยมีมากมาย ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่ชาวไทยรู้จักดีรวมทั้งพบเจอบ่อย เช่น พระปรางค์วัดย่ำรุ่งฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เช่นเดียวกับ ต้นราชพฤกษ์ และ ช้างเผือก ยังคงถูกเชิดชูให้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติตลอดมา
            ปี พ.ศ.2530 มีการช่วยเหลือให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกครั้ง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยมีการส่งเสริมให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วประเทศปริมาณ 99,999 ต้น ขณะนี้จึงมีต้นราชพฤกษ์อยู่มากมายทั่วราชอาณาจักรไทย
            บทสรุปเรื่องเครื่องหมายประจำชาติดูเหมือนจะยังไม่ชัดแจ้ง จนถึงช่วงปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังที่ได้กล่าวมาแล้วกลับมาเสนออีกครั้ง แล้วก็มีข้อสรุปเสนอให้มีการระบุสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่งเป็น ดอกไม้ สัตว์รวมทั้งสถาปัตยกรรม และก็การพิเคราะห์ก่อนหน้านี้เสนอให้กำหนดดอกไม้ประจำชาติคือ ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติหมายถึงช้างไทย แล้วก็สถาปัตยกรรมประจำชาติเป็น ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติเพราะเหตุว่ามีความเหมาะสมในหลายๆด้านหมายถึงเป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้ฯลฯไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ ฯลฯไม้ที่แก่ยืน แข็งแรง ปลูกขึ้นได้ดิบได้ดีทั่วทุกภาคของประเทศ เป็นต้นไม้พื้นเมืองที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อไม่เหมือนกันในแต่ละภาค ตัวอย่างเช่น ลมแล้ง คูน อ๋อดิบ ราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลใช้ประโยชน์ในพิธีการสำคัญๆดังเช่นว่า ลงหลักเมือง ลงเสาฤกษ์ ทำคฑาจอมพลรวมทั้งยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในฤดูร้อนราชพฤกษ์จะออกดอกสะพรั่งทั้งต้น ช่อดอกมีรูปทรงสวยสดงดงาม สีเหลืองงามเป็นเครื่องหมายของพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำประเทศ และก็เป็นสีเดียวกับวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกจากนั้นความงดงามของช่อดอก แล้วก็ความหมายที่ดียังถูกจำทดลองแบบประดับไว้บนอินทรธนูของเจ้าหน้าที่รัฐอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทย คือ ดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อด้านวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์เป็นCassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองแพรวพราวที่พบบ่อยมองเห็นได้ทั่วๆไปตามริมถนนสายต่างๆคือสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการสรรเสริญให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย ทั้งมั่นใจว่าฯลฯไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนในบ้านมีเกียรติยศชื่อ เสียงมากขึ้นด้วย ยิ่งใกล้ไปสู่เวลาแห่งการเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำเนื้อหาเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันแรง
เรื่องราวดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้ประจำถิ่นของเอเชียใต้ ตั้งแต่ปากีสถาน อินเดีย ประเทศพม่า รวมทั้งศรีลังกา โดยนิยมปลูกกันมากมายในเขตร้อน สามารถเติบโตเจริญในที่โล่งแจ้ง และมีชื่อเสียงในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แม้กระนั้นก็ยังมิได้บทสรุปแจ่มกระจ่าง จนกว่ามีการเซ็นชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พุทธศักราช 2544

ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เนื่องมาจาก ต้นราชพฤกษ์ ออกดอกสีเหลืองยกช่อ มองสง่างาม ทั้งยังยังมีสีตรงกับ สีประจำวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็เลยถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระมหากษัตริย์" แล้วก็มีการลงนามให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นหนึ่งใน 3 สัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย และก็ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เพราะเหตุว่าฯลฯไม้ประจำถิ่นที่รู้จักกันอย่างมากมาย แล้วก็มีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวข้องกับจารีตประเพณีหลักๆในไทยและฯลฯไม้มงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ได้แก่ ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังคงใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ เป็นต้น
  • มีสีเหลืองอร่าม พุ่มสวยเต็มต้น เปรียบเทียบเป็นสัญลักษณ์แห่งพุทธศาสนา
  • แก่ยืนนาน แล้วก็คงทน
ลักษณะทั่วไป
           ฯลฯไม้ขนาดกึ่งกลาง สูงโดยประมาณ 10-20 เมตร ออกดอกเป็นช่อสีเหลืองสวยงาม แต่ละช่อยาวราวๆ 20-40 ซม. โดยกลีบดอกจะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ มีผลยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นฉุน รวมทั้งมีเมล็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์
           นิยมนำมาปลูกด้วยเม็ด โดยจะมีการเติบโตช้าในตอน 1-3 ปีแรก แต่ว่าต่อจากนั้นจะมีการเติบโตเร็วขึ้น และก็ออกดอกตอนอายุราว 4-5 ปี
การรักษา
           แสงสว่าง : อยากแสงอาทิตย์จัด หรือที่โล่งแจ้ง แล้วก็เจริญเติบโตก้าวหน้าในที่โล่งเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับสภาพภูมิอากาศร้อนได้ดี
           ดิน : สามารถเจริญวัยได้ดิบได้ดีในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนซุยผสมทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมใส่ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยคอก ในอัตรา 2-3 โลต่อต้น และก็ควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           แนวทางขยายพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยม คือ การเพาะเมล็ด โดยใช้เม็ดสดๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่ต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ หลังจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งเอาไว้ผ่านวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนพอหล่อเลี้ยงเมล็ดได้ แล้วต่อจากนั้นทิ้งไว้อีกคืนก็จะเจอรากแตกออก รวมทั้งสามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           มั่นใจว่าฯลฯพืชที่มีความเป็นสิริมงคล ที่ควรจะปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ และก็หากปลูกเอาไว้ภายในบ้านจะช่วยทำให้มีเกียรติขั้น ศักดิ์ศรี และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำพระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ เนื่องจากว่าเป็นพืชที่มีความมงคลนาม http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า