รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: กระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์ดีนักหนาอย่างไร  (อ่าน 640 ครั้ง)

าร

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 23
    • ดูรายละเอียด


กระเทียม
ลักษณะทางกายภาพแล้วก็เคมีที่ดี:
           ปริมาณน้ำไม่เกิน 68% w/w  จำนวนขี้เถ้ารวมไม่เกิน 2.5% w/w  จำนวนเถ้าที่ไม่ละลายในกรดไม่เกิน 1% รวมทั้งจำนวนสารสกัดเฮกเซน แอลกอฮอล์ และก็น้ำ ราว 0.52, 0.50 แล้วก็ 15% w/w  เป็นลำดับ เภสัชตำรับอังกฤษเจาะจงปริมาณสาร alliin ไม่น้อยกว่า 0.45 % w/w
คุณประโยชน์:
           แบบเรียนยาไทยใช้หัวกระเทียมเป็นยาขับลม แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ธาตุทุพพลภาพ  อาหารไม่ย่อย ขับเสลด ขับเหงื่อ ลดไขมัน รักษาปอด แก้ปอดทุพพลภาพ  แก้อุจจาระเป็นมูกเลือด  บำรุงธาตุ  กระจัดกระจายเลือด  ขับฉี่ แก้บวมพุพอง  ขับพยาธิ  แก้ตาปลา  แก้ตาแดง น้ำตาไหล  ตาพร่า รักษาโรคลักปิดลักเปิด  รักษามะเร็งคุด   รักษาริดสีดวง แก้ไอ  คุมกำเนิด แก้สะอึก  บำบัดรักษาโรคในอก แก้พรรดึก รักษาฟันเป็นรำมะนาด  แก้หูอื้อ แก้อัมพาต  ลมเข้าข้อ  แก้อาการชักกระตุกของเด็ก พอกหัวเหน่าแก้ขัดค่อย รักษาวัณโรค  แก้โรคประสาท แก้หืด แก้ปวดมวนในท้อง บำรุงสุขภาพทางกามคุณ  ขับเลือดระดู  บำรุงเส้นประสาท   แก้ไข้   แก้ฟกช้ำดำเขียว แก้ปวดกระบอกตา แก้โรคในปาก แก้หวัดคัดจมูก   แก้ไข้เพื่อเสมหะ ทำให้ผมเงาสวย  บำรุงเส้นผมให้ดกดำ ใช้ข้างนอก รักษาแผลเรื้อรัง รักษาขี้กลากเกลื้อน แก้โรคผิวหนัง  ทาภายนอกบรรเทาอาการปวดบวมตามข้อเนื่องจากเป็นยาพอกให้ร้อน ใช้พอกตรงที่ถูกแมลง ตะขาบ แมงป่องต่อยเป็นองค์ประกอบในตำรับยาเหลืองปิดสมุทร (แก้ท้องเดิน), ยาประสะไพล (ขับน้ำคร่ำ ในสตรีหลังคลอด), ยาธาตุบรรจบ (แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ  ท้องเดิน ใช้กระเทียม 3 กลีบ ตีชงน้ำร้อน ใช้เป็นน้ำกระสายยา สำหรับยาผง)
         บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เริ่มแรก ตามประกาศคณะกรรมการปรับปรุงระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ กำหนดการใช้กระเทียมในตำรับ “ยาแก้ลมอัมพฤกษ์” มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์บรรเทาอาการปวดตามเอ็น กล้าม มือ เท้า ตึงหรือชา ตำรับ "ยาประสะไพล" มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์รักษารอบเดือนมาไม่บ่อยนักหรือมาน้อชูว่าธรรมดา ทุเลาลักษณะของการปวดระดู  และขับน้ำคร่ำในหญิงหลังคลอดลูก
แบบและขนาดวิธีใช้ยา:
กระเทียมสด 2-5 กรัมต่อวัน กระเทียมแห้ง 0.4-1.2 กรัมต่อวัน น้ำมันกระเทียม 2-5 มก.ต่อวัน สารสกัด 300-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือรูปแบบยาอื่นๆที่มีสาร alliin 4-12 มก.หรือสาร allicin 2-5 มิลลิกรัม
ขนาดและก็วิธีใช้สำหรับอาการท้องอืดท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียด:
ใช้กระเทียม  5-10  กลีบ ซอกซอยละเอียด  รับประทานหลังรับประทานอาหาร หรือพร้อมของกิน
ขนาดแล้วก็การใช้สำหรับรักษากลากโรคเกลื้อน:
                   ฝานกระเทียมเช็ดเสมอๆรอบๆที่เป็น  หรือตำแล้วขยี้ทาบริเวณที่เป็น  วันละ 2 ครั้ง ก่อนจะป้ายยาใช้ไม้บางๆเล็กๆที่ได้ฆ่าเชื้อโรคแล้ว (โดยการแช่ในแอลกอฮอล์ 70%  หรือต้มในน้ำเดือด 10-15 นาที) ขูดบริเวณที่เป็น ให้ผิวหนังแดงๆก่อนทา เพื่อตัวยาซึมลงไปได้ดีขึ้น เมื่อหายแล้วให้ป้ายยาต่ออีก 7-10 วัน
ขนาดและการใช้สำหรับแก้ไอ:
                   ตำรายาไทยให้ใช้กระเทียม และขิงสดอย่างละเสมอกันตำละเอียด ละลายน้ำอ้อยสด คั้นเอาน้ำจิบแก้ไอ กัดเสลด ทำให้เสลดแห้ง ตำราเรียนยาไทยบางตำรับให้คั้นกระเทียมกับน้ำมะนาวเพิ่มเกลือใช้จิดหรือปัดกวาดคอ
องค์ประกอบทางเคมี:
           น้ำมันหอมระเหย ราวๆ 0.1-0.4% มีส่วนประกอบหลักเป็น allicin  ajoene  alliin  allyldisulfide diallyldisulfide ซึ่งเป็นสารประกอบกรุ๊ปกลุ่ม organosulfur  สารในกลุ่มนี้ที่พบในกระเทียมเช่น  สารกรุ๊ป S-(+)-alkyl-L-cysteine sulfoxides , alliin 1% , methiin 0.2% , isoalliin 0.06% แล้วก็ cycloalliin 0.1% รวมทั้งสารที่ไม่ระเหยเป็น สารกลุ่ม gamma-L-glutamyl-S-alkyl-L-cysteines , gamma-glutamyl-S-trans-1-propenylcysteine 0.6% และก็ gamma-glutamyl-S-allylcysteine รวมโดยประมาณ 82% ของสารกรุ๊ป organosulpur ทั้งผอง ส่วนสารกลุ่ม thiosulfinates (allicin) สารกลุ่ม ajoenes (E-ajoene แล้วก็ Z-ajoene) สารกรุ๊ป vinyldithiins (2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)-1,2-dithiin) รวมทั้งสารกรุ๊ป sulfides (diallyl disulfide , diallyl trisulfide) ซึ่งเป็นสารที่มิได้พบในธรรมชาติแต่ว่าเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการสลายตัวของสาร allin ซึ่งถูกสลายตัวด้วยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี alliinase ต่อจากนั้นก็เลยเกิดการรวมตัวกันใหม่ได้สาร allicin ซึ่งเป็นสารที่ไม่เสถียร ย่อยสลายได้สารกลุ่ม sulfides อื่นๆด้วยเหตุนี้กระเทียมที่ผ่านกระบวนการสกัด การกลั่นน้ำมัน หรือความร้อน สารประกอบส่วนใหญ่ที่เจอเป็นสารกรุ๊ป diallyl sulfide , diallyl disulfide , diallyl trisulfide แล้วก็ diallyl tetrasulfide ส่วนกระเทียมที่ผ่านกระบวนการหมักในน้ำมัน สารประกอบที่พบส่วนใหญ่เป็น 2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)1,2-dithiin , E-ajoene และก็ Z-ajoene ปริมาณของ alliin ที่เจอในกระเทียมสด โดยประมาณ 0.25-1.15% สารกลุ่มอื่นๆที่พบ ยกตัวอย่างเช่น สารมูก รวมทั้ง albumin, scordinins, saponins 0.07% , beta-sitosterol 0.0015%, steroids, triterpenoids และ flavonoids
การเรียนทางเภสัชวิทยา: 
ฤทธิ์คุ้มครองปกป้องตับจากสารพิษ
      การทดลองป้อนสาร diallyl disulfide (DADS) จากกระเทียมให้แก่หนูขาว ขนาดวันละ 50 รวมทั้ง 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ในหนูแต่ละกลุ่ม นานต่อเนื่องกัน 5 วัน ก่อนรั้งนำให้ตับมีการเสียหายด้วยสาร carbon tetrachloride (CCl4) พบว่า DADS ทั้งสองขนาดสามารถปกป้องตับเป็นพิษได้ การพิจารณาลักษณะทางจุลกายวิภาคศาสตร์พบว่าสามารถยับยั้งความเสื่อมโทรมของเซลล์ตับ โดยลดการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี aspartate transaminase (AST) รวมทั้ง alanine transaminase (ALT) ในตับลงได้ ลดการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวข้องในกรรมวิธีอักเสบ และก็การถึงแก่กรรมของเซลล์ตับ เป็นต้นว่า Bax, cytochrome C, caspase-3, nuclear factor-kappa B, I kappa B alpha ยิ่งกว่านั้นยังมีผลเพิ่มการแสดงออกของโปรตีน รวมทั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวโยงในแนวทางการต้านอนุมูลอิสระ อาทิเช่น catalase, superoxide dismutase, glutathione peroxidase, glutathione reductase, glutathione S-transferase ผลจากการศึกษาทำให้เห็นว่า สาร DADS จากกระเทียมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและคุ้มครองป้องกันตับจากพิษ โดยกลไกกระตุ้นการทำงานของ nuclear factor E2-related factor 2 (Nrf2) ซึ่งเป็น transcription factor หรือโปรตีนที่ควบคุมการแสดงออกของยีนที่ปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองปกป้องเซลล์ แล้วก็เนื้อเยื่อจากอนุมูลออกซิเจนที่ว่องไวต่อปฏิกิริยา การกระตุ้น Nrf2 ส่งผลเหนี่ยวนำการสร้างโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีต่อต้านอนุมูลอิสระ แล้วก็สร้างโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในระบบการกำจัดสารพิษออกมาจากร่างกายในขั้นตอนที่ 2 (detoxifying Phase II  enzyme) และก็ยั้ง nuclear factor-kappa B ส่งผลให้ลดการผลิตสารที่เกี่ยวพันกับการอักเสบลง และคุ้มครองตับจากสารพิษได้ (Lee, et al, 2014)
ฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ
      เล่าเรียนฤทธิ์ต้านการอักเสบของสารสกัดน้ำโดยไม่ผ่านความร้อน (raw garlic) และก็สารสกัดกระเทียมที่ผ่านการต้มแล้ว นำมาทดสอบในหลอดทดสอบ โดยใช้เนื้อเยื่อของกระต่าย พบว่า raw garlic สามารถยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase (ที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดการสร้างสารอักเสบ) แบบ non-competitive และ irreversible จากการเล่าเรียนพบว่า raw garlic สามารถยับยั้งเอนไซม์ cyclooxygenase ได้ โดยมีค่า IC50 ต่อเกล็ดเลือด,ปอด และเส้นเลือดแดงในกระต่ายพอๆกับ 0.35, 1.10 รวมทั้ง 0.90 mg ในตอนที่กระเทียมที่ต้มแล้วมีฤทธิ์ยั้ง cyclooxygenase ได้เล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับกระเทียมที่ไม่ผ่านความร้อน เหตุเพราะส่วนประกอบสำคัญในกระเทียมนั้นถูกทำลายตอนที่ให้ความร้อน จากผลวิจัยแสดงให้เห็นว่ากระเทียมน่าจะมีสาระสำหรับในการคุ้มครองปกป้องโรคเส้นโลหิตตันได้ (Ali, 1995)
      จากการรวบรวมงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัย ที่ศึกษาฤทธิ์ต้านทานการอักเสบของกระเทียม โดยสรุปพบว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต้านการอักเสบผ่านหลายกลไก ดังนี้คือ ต่อต้านการอักเสบผ่าน T-cell lymphocytes โดยไปยั้ง SDF1a-chemokine-induced chemotaxis มีผลให้การมารวมกรุ๊ปกันของสารที่นำไปสู่การอักเสบน้อยลง, ยั้ง transendothelial migration of neutrophils มีผลให้ลดการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวประเภท neutrophil ในแนวทางการอักเสบลง, ยับยั้งการหลั่งสาร TNFα ซึ่งเป็นสารเริ่มต้นในวิธีการอักเสบ, กดการผลิตอนุมูลไนโตรเจนที่คล่องแคล่วต่อการเกิดปฏิกิริยาการอักเสบ แล้วก็การทำงานผ่าน ERK1/2 ทั้ง 2 กลไก อย่างเช่น การหยุดยั้ง phosphatase-activity (directly related with ERK1/2 phosphorylation) และการเพิ่ม phosphorylation of ERK1/2 kinase (ผ่านทาง p21ras protein thioallylation) ส่งผลทำให้การอักเสบลดน้อยลง (Martins, et al, 2016)

ฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย
      การทดลองความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการต้านทานเชื้อ Escherichia coli ซึ่งป็นเชื้อก่อโรคทางเดินอาหาร ของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  แล้วก็การสกัดสดโดยวิธีบีบคั้นแบบเย็น โดยใช้วิธี microdilution broth susceptibility test พบว่าการสกัดสดมีค่า MIC และค่า MBC ต่ำที่สุด (3.125กรัมต่อลิตร) แล้วก็รองลงมาเป็น สารสกัดจากตัวทำละลาย เอทานอล เมทานอล รวมทั้งอะซิโตน ให้ค่า MIC และก็ MBC เสมอกัน (6.25กรัมต่อลิตร) แสดงว่าสารสกัดสดมีทรัพย์สินสำหรับเพื่อการยั้ง รวมทั้งทำลายเชื้อแบคทีเรียยอดเยี่ยม เพราะว่าในกระเทียมสดมี allin เป็นสารประกอบกำมะถันที่สำคัญ เมื่อกระเทียมสดถูกบด หรือผ่านกรรมวิธีการแปรรูป allinase จะถูกปล่อยออกมาจากภายใน vacuole ของเซลล์ แล้วก็อาศัยน้ำเป็นกลไกสำหรับการทำปฏิกิริยาได้เป็น allicin ซึ่งเป็นสารที่มีความรู้และความเข้าใจสำหรับการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งขั้นตอนสกัดสดช่วยให้กระบวนการทำปฏิกิริยาระหว่างสาร allin และ allinase  เนื่องด้วยต้องใช้เวลาสำหรับการบีบคาดคั้นน้ำกระเทียมซึ่งระยะเวลาดังที่กล่าวถึงมาแล้วช่วยทำให้แนวทางการทำปฏิกิริยาระหว่างสารมากเพิ่มขึ้น อาจก่อให้ได้ allicin มากขึ้น (ภรดี และก็รังสินี, 2554)
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
         เมื่อนำสารสกัดกระเทียมที่ได้จากการบ่มสกัด (aged garlic extract (AGE) ด้วย 20 % เอทานอล ตรงเวลา 20 เดือน ที่อุณหภูมิห้อง นำมาทดลองการต่อต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของไลโปโปรตีนจำพวกความหนาแน่นต่ำ หรือต่อต้านการเกิด oxidized LDL (ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการเกิดสภาวะเส้นโลหิตแดงแข็ง) โดยนำ LDL ที่แยกได้จากคนมาทดสอบในภาวะที่มีหรือเปล่ามี AGE โดยใช้ CuSO4 รวมทั้ง 5-lipoxygenase เหนี่ยวนำให้เกิด oxidized LDL รวมทั้งทดสอบสารสกัดของ AGE ผลการทดสอบพบว่า AGE มีฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระโดยลดการสร้าง superoxide ion (อนุมูลอิสระของออกสิเจน) และก็ลดการเกิด lipid peroxide (ออกซิเดชันของไขมัน)  โดย AGE 10%v/v เมื่อใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย สามารถยับยั้งการเกิด superoxide ได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ของ AGE ได้ผล 34%  ฤทธิ์ลดการเกิด lipid peroxidation ของ LDL พบว่าสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ลดการเกิด lipid peroxidation ที่เกิดจากการเหนี่ยวนำของ Cu2+ และ 5-lipoxygenase ได้ 81% รวมทั้ง 37% เป็นลำดับ สรุปได้ว่า AGE ส่งผลยั้งการเกิด oxidation ของ LDL โดยลดการผลิต superoxide รวมทั้งยับยั้งการเกิด lipid peroxide  เพราะฉะนั้น AGE จึงอาจมีบทบาทสำหรับการคุ้มครองป้องกันการเกิดภาวการณ์เส้นโลหิตแดงแข็ง (atherosclerotic disease) ได้ (Dillon, et al, 2003)
      การเล่าเรียนฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  และการสกัดสดโดยวิธีบังคับแบบเย็น ทดสอบโดยกรรมวิธียับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH, การต้านออกสิไดส์จากสาร hydrogen peroxide (hydrogen peroxide (H2O2) scavenging activity ผลของการทดลองฤทธิ์ยั้งอนุมูลอิสระ DPPH พบว่าการสกัดกระเทียมด้วยตัวทำละลายอะซิโตน ให้ค่า IC50 ต่ำที่สุด พอๆกับ 3.58±0.02 mg/ml รองลงมา ได้แก่ สารสกัดเมทานอล เอทานอล รวมทั้งการสกัดสด ตามลำดับ โดยมีค่า IC50 พอๆกับ 3.72±0.03, 4.47±0.20 แล้วก็ 55.36±3.96 mg/ml เป็นลำดับ  ผลของการต้านสารออกสิไดซ์ที่รุนแรง ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) พบว่าสารสกัดด้วยตัวทำละลายเมทานอล มีทรัพย์สินการต้านออกซิไดส์ของสาร H http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า