รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: กระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์ดีนักหนาอย่างไร  (อ่าน 575 ครั้ง)

pussy22

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 14
    • ดูรายละเอียด


กระเทียม
ลักษณะทางกายภาพและเคมีที่ดี:
           ปริมาณน้ำไม่เกิน 68% w/w  ปริมาณขี้เถ้ารวมไม่เกิน 2.5% w/w  จำนวนเถ้าที่ไม่ละลายในกรดไม่เกิน 1% และก็จำนวนสารสกัดเฮกเซน แอลกอฮอล์ และน้ำ ราวๆ 0.52, 0.50 และก็ 15% w/w  ตามลำดับ เภสัชตำรับอังกฤษกำหนดปริมาณสาร alliin ไม่น้อยกว่า 0.45 % w/w
สรรพคุณ:
           แบบเรียนยาไทยใช้หัวกระเทียมเป็นยาขับลม แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ธาตุทุพพลภาพ  อาหารไม่ย่อย ขับเสมหะ ขับเหงื่อ ลดไขมัน รักษาปอด แก้ปอดพิการ  แก้อุจจาระเป็นมูกเลือด  บำรุงธาตุ  กระจัดกระจายเลือด  ขับเยี่ยว แก้บวมพุพอง  ขับพยาธิ  แก้ตาปลา  แก้ตาแดง ร้องไห้  ตามัว รักษาโรคลักปิดลักเปิด  รักษาโรคมะเร็งคุด   รักษาริดสีดวง แก้ไอ  คุมกำเนิด แก้สะอึก  บำบัดรักษาโรคในอก แก้พรรดึก รักษาฟันเป็นรำมะนาด  แก้หูอื้อ แก้อัมพาต  ลมเข้าข้อ  แก้อาการชักของเด็ก พอกหัวเหน่าแก้ขัดเบา รักษาวัณโรค  แก้โรคประสาท แก้โรคหืด แก้ปวดมวนในท้อง บำรุงสุขภาพทางกามคุณ  ขับเลือดรอบเดือน  บำรุงเส้นประสาท   แก้ไข้   แก้ฟกช้ำดำเขียว แก้ปวดกระบอกตา แก้โรคในปาก แก้หวัดคัดจมูก   แก้ไข้เพื่อเสลด ทำให้ผมเงาสวย  บำรุงเส้นผมให้ดกดำ ใช้ภายนอก รักษาแผลเรื้อรัง รักษาขี้กลากโรคเกลื้อน แก้โรคผิวหนัง  ทาภายนอกทุเลาลักษณะของการปวดบวมตามข้อด้วยเหตุว่าเป็นยาพอกให้ร้อน ใช้พอกตรงที่ถูกแมลง ตะขาบ แมงป่องต่อยเป็นส่วนประกอบในตำรับยาเหลืองปิดสมุทร (แก้ท้องเดิน), ยาประสะไพล (ขับน้ำคร่ำ ในสตรีข้างหลังคลอด), ยาธาตุบรรจบ (แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ  ท้องเสีย ใช้กระเทียม 3 กลีบ ตีชงน้ำร้อน ใช้เป็นน้ำกระสายยา สำหรับยาผง)
         บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เริ่มแรก ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ เจาะจงการใช้กระเทียมในตำรับ “ยาแก้ลมอัมพฤกษ์” มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณทุเลาลักษณะของการปวดตามเอ็น กล้ามเนื้อ มือ เท้า ตึงหรือชา ตำรับ "ยาประสะไพล" มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณรักษาระดูมาไม่บ่อยนักหรือมาน้อยกว่าธรรมดา บรรเทาอาการปวดเมนส์  และขับน้ำคาวปลาในหญิงหลังคลอดบุตร
ต้นแบบและขนาดวิธีใช้ยา:
กระเทียมสด 2-5 กรัมต่อวัน กระเทียมแห้ง 0.4-1.2 กรัมต่อวัน น้ำมันกระเทียม 2-5 มิลลิกรัมต่อวัน สารสกัด 300-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือรูปแบบยาอื่นๆที่มีสาร alliin 4-12 มิลลิกรัมหรือสาร allicin 2-5 มิลลิกรัม
ขนาดแล้วก็การใช้สำหรับอาการท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียด:
ใช้กระเทียม  5-10  กลีบ ซอกซอยละเอียด  กินหลังรับประทานอาหาร หรือพร้อมของกิน
ขนาดแล้วก็วิธีการใช้สำหรับรักษากลากโรคเกลื้อน:
                   ฝานกระเทียมถูเสมอๆรอบๆที่เป็น  หรือตำแล้วขยี้ทาบริเวณที่เป็น  วันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะทายาใช้ไม้บางๆเล็กๆที่ได้ฆ่าเชื้อโรคแล้ว (โดยการแช่ในแอลกอฮอล์ 70%  หรือต้มในน้ำเดือด 10-15 นาที) ขูดบริเวณที่เป็น ให้ผิวหนังแดงๆก่อนทา เพื่อให้ตัวยาซึมลงไปได้ดีขึ้น เมื่อหายแล้วให้ป้ายยาต่ออีก 7-10 วัน
ขนาดรวมทั้งวิธีใช้สำหรับแก้ไอ:
                   ตำรายาไทยให้ใช้กระเทียม และขิงสดอย่างละเสมอกันตำละเอียด ละลายน้ำอ้อยสด คั้นเอาน้ำจิบแก้ไอ กัดเสมหะ ทำให้เสมหะแห้ง ตำราเรียนยาไทยบางตำรับให้คั้นกระเทียมกับน้ำมะนาวเติมเกลือใช้จิดหรือปัดกวาดคอ
องค์ประกอบทางเคมี:
           น้ำมันหอมระเหย โดยประมาณ 0.1-0.4% มีส่วนประกอบหลักเป็น allicin  ajoene  alliin  allyldisulfide diallyldisulfide ซึ่งเป็นสารประกอบกลุ่มกรุ๊ป organosulfur  สารในกลุ่มนี้ที่เจอในกระเทียมอย่างเช่น  สารกรุ๊ป S-(+)-alkyl-L-cysteine sulfoxides , alliin 1% , methiin 0.2% , isoalliin 0.06% และ cycloalliin 0.1% แล้วก็สารที่ไม่ระเหยเป็น สารกรุ๊ป gamma-L-glutamyl-S-alkyl-L-cysteines , gamma-glutamyl-S-trans-1-propenylcysteine 0.6% รวมทั้ง gamma-glutamyl-S-allylcysteine รวมโดยประมาณ 82% ของสารกลุ่ม organosulpur ทั้งหมดทั้งปวง ส่วนสารกรุ๊ป thiosulfinates (allicin) สารกรุ๊ป ajoenes (E-ajoene แล้วก็ Z-ajoene) สารกลุ่ม vinyldithiins (2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)-1,2-dithiin) และสารกรุ๊ป sulfides (diallyl disulfide , diallyl trisulfide) ซึ่งเป็นสารที่ไม่ได้เจอในธรรมชาติแม้กระนั้นเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการเสื่อมสภาพของสาร allin ซึ่งถูกสลายตัวด้วยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี alliinase จากนั้นจึงเกิดการรวมตัวกันใหม่ได้สาร allicin ซึ่งเป็นสารที่ไม่เสถียร เสื่อมสภาพได้สารกรุ๊ป sulfides อื่นๆด้วยเหตุผลดังกล่าวกระเทียมที่ผ่านแนวทางการสกัด การกลั่นน้ำมัน หรือความร้อน สารประกอบโดยมากที่เจอเป็นสารกรุ๊ป diallyl sulfide , diallyl disulfide , diallyl trisulfide และก็ diallyl tetrasulfide ส่วนกระเทียมที่ผ่านกระบวนการหมักในน้ำมัน สารประกอบที่พบส่วนใหญ่เป็น 2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)1,2-dithiin , E-ajoene และก็ Z-ajoene จำนวนของ alliin ที่เจอในกระเทียมสด ราว 0.25-1.15% สารกรุ๊ปอื่นๆที่เจอ ตัวอย่างเช่น สารเมือก รวมทั้ง albumin, scordinins, saponins 0.07% , beta-sitosterol 0.0015%, steroids, triterpenoids และ flavonoids
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา: 
ฤทธิ์ปกป้องรักษาตับจากพิษ
      การทดสอบป้อนสาร diallyl disulfide (DADS) จากกระเทียมให้แก่หนูขาว ขนาดวันละ 50 รวมทั้ง 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ในหนูแต่ละกรุ๊ป นานติดต่อกัน 5 วัน ก่อนเหนี่ยวนำให้ตับเกิดการเสียหายด้วยสาร carbon tetrachloride (CCl4) พบว่า DADS ทั้งสองขนาดสามารถคุ้มครองปกป้องตับเป็นพิษได้ การสำรวจลักษณะทางจุลกายตอนศาสตร์พบว่าสามารถยั้งความเสียหายของเซลล์ตับ โดยลดหลักการทำงานของเอนไซม์ aspartate transaminase (AST) แล้วก็ alanine transaminase (ALT) ในตับลงได้ ลดการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวเนื่องในกรรมวิธีอักเสบ รวมทั้งการถึงแก่กรรมของเซลล์ตับ ดังเช่น Bax, cytochrome C, caspase-3, nuclear factor-kappa B, I kappa B alpha นอกนั้นยังส่งผลเพิ่มการแสดงออกของโปรตีน รวมทั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวพันในขั้นตอนต้านทานอนุมูลอิสระ ได้แก่ catalase, superoxide dismutase, glutathione peroxidase, glutathione reductase, glutathione S-transferase ผลจากการเรียนชี้ให้เห็นว่า สาร DADS จากกระเทียมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและปกป้องรักษาตับจากพิษ โดยกลไกกระตุ้นการทำงานของ nuclear factor E2-related factor 2 (Nrf2) ซึ่งเป็น transcription factor หรือโปรตีนที่ควบคุมการแสดงออกของยีนที่ปฏิบัติภารกิจปกป้องรักษาเซลล์ และเยื่อจากอนุมูลออกซิเจนที่ว่องต่อปฏิกิริยา การกระตุ้น Nrf2 ส่งผลรั้งนำการสร้างโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีต่อต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งสร้างโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในระบบการกำจัดพิษออกมาจากร่างกายในขั้นตอนที่ 2 (detoxifying Phase II  enzyme) และก็ยับยั้ง nuclear factor-kappa B ส่งผลให้ลดการผลิตสารที่เกี่ยวเนื่องกับการอักเสบลง และคุ้มครองปกป้องตับจากสารพิษได้ (Lee, et al, 2014)
ฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ
      เรียนฤทธิ์ต้านการอักเสบของสารสกัดน้ำโดยไม่ผ่านความร้อน (raw garlic) แล้วก็สารสกัดกระเทียมที่ผ่านการต้มแล้ว นำมาทดสอบในหลอดทดลอง โดยใช้เนื้อเยื่อของกระต่าย พบว่า raw garlic สามารถยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase (ที่นำมาซึ่งการผลิตสารอักเสบ) แบบ non-competitive และ irreversible จากการเรียนรู้พบว่า raw garlic สามารถยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase ได้ โดยมีค่า IC50 ต่อเกล็ดเลือด,ปอด แล้วก็เส้นเลือดแดงในกระต่ายพอๆกับ 0.35, 1.10 และ 0.90 mg ในเวลาที่กระเทียมที่ต้มแล้วมีฤทธิ์ยั้ง cyclooxygenase ได้น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับกระเทียมที่ไม่ผ่านความร้อน เหตุเพราะองค์ประกอบสำคัญในกระเทียมนั้นถูกทำลายในขณะให้ความร้อน จากผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยแสดงให้เห็นว่ากระเทียมน่าจะมีสาระสำหรับในการคุ้มครองโรคเส้นเลือดตันได้ (Ali, 1995)
      จากการรวบรวมงานศึกษาเรียนรู้วิจัย ที่ศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบของกระเทียม โดยสรุปพบว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบผ่านหลายกลไก ดังต่อไปนี้คือ ต้านการอักเสบผ่าน T-cell lymphocytes โดยไปยับยั้ง SDF1a-chemokine-induced chemotaxis ส่งผลให้การมารวมกรุ๊ปกันของสารที่นำมาซึ่งการอักเสบลดน้อยลง, ยับยั้ง transendothelial migration of neutrophils มีผลให้ลดการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวประเภท neutrophil ในกรรมวิธีอักเสบลง, ยั้งการหลั่งสาร TNFα ซึ่งเป็นสารเริ่มต้นในกระบวนการอักเสบ, กดการสร้างอนุมูลไนโตรเจนที่ว่องไวต่อการเกิดปฏิกิริยาการอักเสบ และการทำงานผ่าน ERK1/2  2 กลไก อย่างเช่น การยับยั้ง phosphatase-activity (directly related with ERK1/2 phosphorylation) แล้วก็การเพิ่ม phosphorylation of ERK1/2 kinase (ผ่านทาง p21ras protein thioallylation) มีผลทำให้การอักเสบลดน้อยลง (Martins, et al, 2016)

ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย
      การทดลองความสามารถสำหรับการต่อต้านเชื้อ Escherichia coli ซึ่งป็นเชื้อก่อโรคทางเดินอาหาร ของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  รวมทั้งการสกัดสดโดยแนวทางกดดันแบบเย็น โดยใช้แนวทาง microdilution broth susceptibility test พบว่าการสกัดสดมีค่า MIC แล้วก็ค่า MBC น้อยที่สุด (3.125กรัมต่อลิตร) รวมทั้งรองลงมาคือ สารสกัดจากตัวทำละลาย เอทานอล เมทานอล และก็อะซิโตน ให้ค่า MIC แล้วก็ MBC เสมอกัน (6.25กรัมต่อลิตร) หมายความว่าสารสกัดสดมีสมบัติสำหรับเพื่อการยับยั้ง รวมทั้งทำลายเชื้อแบคทีเรียเยี่ยมที่สุด เนื่องด้วยในกระเทียมสดมี allin เป็นสารประกอบกำมะถันที่สำคัญ เมื่อกระเทียมสดถูกบด หรือผ่านกระบวนการดัดแปลง allinase จะถูกปลดปล่อยออกมาจากด้านใน vacuole ของเซลล์ และก็อาศัยน้ำเป็นกลไกสำหรับการทำปฏิกิริยาได้เป็น allicin ซึ่งเป็นสารที่มีความสามารถสำหรับเพื่อการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งวิธีการสกัดสดช่วยทำให้แนวทางการทำปฏิกิริยาระหว่างสาร allin แล้วก็ allinase ดีขึ้น เหตุเพราะจะต้องใช้เวลาสำหรับเพื่อการบีบเค้นน้ำกระเทียมซึ่งช่วงเวลาดังที่กล่าวมาข้างต้นช่วยทำให้กระบวนการทำปฏิกิริยาระหว่างสารเยอะขึ้นเรื่อยๆ อาจก่อให้ได้ allicin มากขึ้น (ภรภัทร แล้วก็รังสินี, 2554)
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
         เมื่อนำสารสกัดกระเทียมที่ได้จากการบ่มสกัด (aged garlic extract (AGE) ด้วย 20 % เอทานอล เป็นเวลา 20 เดือน ที่อุณหภูมิห้อง เอามาทดสอบการต้านการเกิดปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชันของไลโปโปรตีนประเภทความหนาแน่นต่ำ หรือต่อต้านการเกิด oxidized LDL (ซึ่งเป็นต้นเหตุหนึ่งที่ส่งผลให้เกิดภาวะเส้นเลือดแดงแข็ง) โดยนำ LDL ที่แยกได้จากคนมาทดสอบในภาวการณ์ที่มีหรือไม่มี AGE โดยใช้ CuSO4 รวมทั้ง 5-lipoxygenase รั้งนำให้กำเนิด oxidized LDL และทดลองสารสกัดของ AGE ผลการทดสอบพบว่า AGE มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระโดยลดการผลิต superoxide ion (อนุมูลอิสระของออกสิเจน) แล้วก็ลดการเกิด lipid peroxide (ออกซิเดชันของไขมัน)  โดย AGE 10%v/v เมื่อใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย สามารถยั้งการเกิด superoxide ได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ของ AGE ให้ผล 34%  ฤทธิ์ลดการเกิด lipid peroxidation ของ LDL พบว่าสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ลดการเกิด lipid peroxidation ที่เกิดจากการเหนี่ยวนำของ Cu2+ และก็ 5-lipoxygenase ได้ 81% รวมทั้ง 37% ตามลำดับ สรุปได้ว่า AGE ส่งผลยั้งการเกิด oxidation ของ LDL โดยลดการผลิต superoxide และยับยั้งการเกิด lipid peroxide  ฉะนั้น AGE จึงอาจมีหน้าที่สำหรับเพื่อการปกป้องการเกิดสภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว (atherosclerotic disease) ได้ (Dillon, et al, 2003)
      การเล่าเรียนฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  และก็การสกัดสดโดยวิธีบีบคั้นแบบเย็น ทดสอบโดยแนวทางการยับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH, การต้านออกซิไดส์จากสาร hydrogen peroxide (hydrogen peroxide (H2O2) scavenging activity ผลของการทดสอบฤทธิ์ยั้งอนุมูลอิสระ DPPH พบว่าการสกัดกระเทียมด้วยตัวทำละลายอะซิโตน ให้ค่า IC50 น้อยที่สุด พอๆกับ 3.58±0.02 mg/ml รองลงมา อาทิเช่น สารสกัดเมทานอล เอทานอล และการสกัดสด ตามลำดับ โดยมีค่า IC50 พอๆกับ 3.72±0.03, 4.47±0.20 และก็ 55.36±3.96 mg/ml เป็นลำดับ  ผลการต้านทานสารออกสิไดซ์ที่รุนแรง ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) พบว่าสารสกัดด้วยตัวทำละลายเมทานอล มีโภคทรัพย์การต้านออกสิไดส์ของสาร H http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า