รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา  (อ่าน 484 ครั้ง)

nainai1199o

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 10
    • ดูรายละเอียด


ทับทิม
ทับทิม คือผลไม้ที่นิยมรับประทานอย่างแพร่หลาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่สำเร็จสดมากที่สุดและก็ยังนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆเป็นต้นว่า น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม สินค้าด้านความสวยสดงดงาม ทั้งยังยังคงใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและก็สารพฤกษเคมีหลากหลายประเภทที่มีคุณประโยชน์ต่อสภาพร่างกาย ก็เลยมั่นใจว่าอาจมีคุณประโยชน์ในการคุ้มครองป้องกันโรคหรือทุเลาอาการ เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือทุเลาอาการหายใจติดขัดจากโรคนี้ โรคหัวใจและก็หลอดเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันโลหิตสูง โรคในโพรงปากแล้วก็โรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง และก็อื่นๆ
ในปัจจุบันยังมีงานศึกษาเรียนรู้วิจัยที่ศึกษาการใช้ทับทิมในแบบไม่เหมือนกันกับการดูแลรักษาโรคที่ค่อนข้างจะจำกัด ทำให้ยังไม่สามารถที่จะเจาะจงคุณภาพของทับทิมต่อการดูแลรักษาโรคได้ชัดแจ้ง ซึ่งตัวอย่างการเล่าเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ทับทิมคือผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว อย่างเช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่มั่นใจว่าช่วยยั้งปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการผลิตโฟมเซลล์ แล้วก็ลดการแข็งตัวของหลอดเลือด ก็เลยบางทีอาจช่วยลดการเสี่ยงสำหรับในการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
จากการเรียนรู้ฤทธิ์การต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินปริมาณ 22 คน จากการกินอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มก. (ประกอบด้วยกรดเอ็งลลิค 610 มิลลิกรัม) รวมทั้งวัดผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการตรวจวัดฤทธิ์สำหรับการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนจะมีการทดลอง พบว่าค่าดังกล่าวน้อยลง ก็เลยคาดว่าการรับประทานทับทิมอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจรวมทั้งเส้นเลือด
นอกเหนือจากนั้น ยังมีงานศึกษาเรียนรู้อีกชิ้นให้ผู้เจ็บป่วยโรคเส้นโลหิตแดงแข็งจำนวน 15 คน กินอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไปรวมทั้ง 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับประทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กรุ๊ปที่ทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป มีระดับไขมันที่ลดน้อยลงราว 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปอื่น ก็เลยทำให้เห็นว่าการรับประทานสารสกัดจากทัมทิมมากกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยสำหรับการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นเลือดแดงแข็ง ดังนี้ ยังคงต้องมีการเล่าเรียนเพิ่มในระยะยาวกับกรุ๊ปการทดลองขนาดใหญ่มากเพิ่มขึ้น ทำให้ยังไม่อาจจะสรุปผลของทับทิมและก็การดูแลรักษาโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้อย่างชัดเจน
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมคือผลไม้อีกประเภทที่มีคุณลักษณะช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย ก็เลยถูกนำมาใช้เป็นตัวเลือกในการรักษาโรคเหงือก เนื่องจากว่าการดูแลและรักษาหลักบางแนวทางที่ยังไม่มีความสามารถพอเพียงสำหรับเพื่อการทุเลาอาการจากโรคมากซักเท่าไหร่และก็ลดการเสี่ยงด้านของสุขภาพจากการดูแลและรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางคลินิกกับคนป่วยโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อดูคุณภาพของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 21 วัน โดยในแต่ละกรุ๊ปจะใช้แนวทางรักษาที่ต่างกัน ผลพบว่า กรุ๊ปที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมพร้อมกันกับการดูแลรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยกรรมวิธีการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีลักษณะอาการดียิ่งขึ้นภายใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เหลือสำหรับเพื่อการทดลอง ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมจึงอาจนำไปปรับใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากสำหรับผู้เจ็บป่วยโรคเหงือกอักเสบพร้อมกันกับการรักษาด้วยแนวทางรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดสอบอีกชิ้นที่ศึกษาความสามารถของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอกแบบเจลสำหรับเพื่อการรักษาคนที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ มีสุขภาพช่องปากและปัญหาโรคเหงือกอักเสบลดลงมากกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก การศึกษาค้นคว้าวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมอาจนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลช่องปาก ดังเช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยคุ้มครองปกป้องรวมทั้งทุเลาลักษณะของโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองปกป้องการเกิดรอยเปื้อนจุลอินทรีย์ สารสกัดจากทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับในการลดคราบจุลชีพตามผิวฟัน รวมทั้งอาจทำให้เกิดโรคทางโพรงปากอีกหลายชนิด ซึ่งจากการทดลองให้อาสาสมัครที่มีสุขอนามัยในโพรงปากดี ปริมาณ 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ธรรมดา แต่สลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน (Chlorhexidine) และยาหลอกในแต่ละกลุ่ม โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดคราบเปื้อนจุลชีพน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญมากกว่ายาหลอก แต่ว่ามีคุณภาพไม่แตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน จึงพอเพียงจะพูดได้ว่าสารสกัดจากทับทิมอาจลดช่องทางสำหรับในการกำเนิดคราบจุลชีพด้านในโพรงปาก
ขณะเดียวกัน การเล่าเรียนอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมคงจะมีส่วนช่วยสำหรับการลดการเกิดคราบจุลชีพ ซึ่งสำหรับการทดลองได้เก็บคราบจุลอินทรีย์จากโพรงปากของอาสาสมัครที่มีร่างกายแข็งแรงและกำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี ปริมาณ 60 คน หลังงดเว้นแปรงฟันเป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อเทียบผลก่อนแล้วก็หลังการใช้น้ำยาบ้วนปากจำพวกแตกต่างกันในแต่ละกรุ๊ป เช่น น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน แล้วก็ยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับในการลดคราบเปื้อนจุลินทรีย์ลงมากที่สุดราวๆ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน 79% และก็ยาหลอกที่น้อยลงเพียง 11% ก็เลยอาจกล่าวได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและเป็นตัวเลือกในการใช้ขจัดคราบจุลอินทรีย์บนผิวฟัน ทั้งนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงควรจะมีการติดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างสม่ำเสมอ เพราะช่วงเวลาในการทดสอบค่อนข้างสั้น
สภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีคุณประโยชน์ที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี จากการศึกษาเล่าเรียนผลของการดื่มน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในคนไข้โรคเบาหวานชนิดที่ 2 รวมทั้งมีภาวการณ์ไขมันในเลือดสูงปริมาณ 22 คน เป็นระยะเวลา 8 อาทิตย์โดยระหว่างการทดสอบจะมีการเก็บข้อมูลอาหารที่รับประทานอาหารด้านใน 24 ชั่วโมง ทุกๆ10 วัน (รวมถึงอาหารที่มีสารฟลาโวนอยด์) ข้างหลังจบอาทิตย์ที่ 8 พบว่าผู้ป่วยหรูหราไขมันรวม ไขมันจำพวกไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี รวมทั้งอัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดน้อยลง แม้กระนั้นไม่เจอการเปลี่ยนแปลงของระดับไตรกลีเซอไรด์รวมทั้งระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งทำให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในผู้เจ็บป่วยเบาหวานลง แต่ว่ายังบอกไม่ได้ชัดแจ้ง เนื่องมาจากอาหารประเภทอื่นที่รับประทานอาจมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดไขมันในเลือดได้เช่นกัน แล้วก็กรุ๊ปการทดสอบมีขนาดเล็ก จึงควรขยายผลการศึกษาในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มเติมอีก นอกเหนือจากนี้ การดูแลและรักษาสภาวะคอเลสเตอรอลสูงจะต้องมีการควบคุมของกินและการบริหารร่างกายไปพร้อม ซึ่งบางทีอาจเป็นประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดมากยิ่งขึ้น
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายประเภท โดยเฉพาะสารโพลีฟีนอลที่มักพบในทับทิม จากรายงานผลที่พบในห้องแลปบอกว่าสารกลุ่มนี้มีส่วนสำคัญสำหรับในการทุเลาอาการของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและก็อาจชะลอไม่ให้โรคพัฒนาอย่างเร็ว ก็เลยมีการศึกษาประสิทธิภาพของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่มเติม โดยให้คนไข้โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จำนวน 30 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่ดื่มน้ำทับทิม 400 มิลลิลิตร (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกติดต่อกันทุกวี่ทุกวันเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่เจอสารโพลิฟีนอลอีกทั้งในเลือดแล้วก็ฉี่ของคนป่วย ทั้งยังยังไม่พบความต่างอย่างเป็นจริงเป็นจังระหว่าง 2 กรุ๊ป จึงคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยสำหรับการรักษาหรือบรรเทาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โดยทั่วไปสารอาหารที่ไปสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมและก็ตรวจเจอได้ในเลือดหรือเยี่ยว แม้กระนั้นผลการศึกษากลับไม่พบสารโพลีฟีนอลจากการกิน ซึ่งบางทีอาจมีเหตุมาจากการย่อยสลายสารเหล่านี้โดยจุลชีวันในระบบที่ทำการย่อยอาหาร จำเป็นต้องทำความเข้าใจแนวทางการซับสารอาหารที่ต่างกันก่อนจะอ้างถึงถึงผลดีด้านของสุขภาพจากการรับประทาน เนื่องจากว่าสารอาหารที่พบในอาหารที่กินอาจไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์คุณประโยชน์ภายในร่างกายคนเราทั้งหมดทั้งปวง
โรครวมทั้งอาการอื่นๆยกตัวอย่างเช่น โรคเส้นเลือดหัวใจ การหย่อนความสามารถทางเพศ เจ็บกล้ามข้างหลังการบริหารร่างกาย กรุ๊ปอาการอ้วนอ้วน โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแดด การตำหนิดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องร่วง โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง แล้วก็อื่นๆยังจำเป็นต้องทำการศึกษาเรียนรู้วิจัยเพิ่มเติมอีกเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับความสามารถแล้วก็ความปลอดภัยของทับทิมสำหรับเพื่อการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (คร่าวๆ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.30 มก.
แมงกานีส 12 มก.
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มก.
โพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม
โซเดียม 3 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.35 มก.
วิตามินซี 10.2 มก.
วิตามินบี 1 0.067 มก.
วิตามินบี 2 0.053 มก.
วิตามินบี 3 0.293 มิลลิกรัม
วิตามินบี 6 0.075 มก.
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มก.
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับการกินทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยธรรมดาการกินน้ำทับทิมค่อนข้างมีความปลอดภัย แต่ในบางรายที่มีอาการแพ้ผลสดของทับทิมบางทีอาจเกิดผลใกล้กันจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพ การรับประทานรากและลำต้นของทับทิมในจำนวนมากบางทีอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมออกจะไม่เป็นอันตรายสำหรับเพื่อการรับประทานหรือนำมาใช้กับผิวหนัง แต่ว่าอาจจะเป็นผลให้กำเนิดอาการแพ้เล็กน้อยในบางราย ได้แก่ อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจไม่สะดวก
การกินน้ำทับทิมค่อนข้างมีความปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานรับรองความปลอดภัยสำหรับเพื่อการรับประทานหรือใช้ทับทิมในรูปแบบอื่น เช่น สารสกัดจากทับทิม จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะมีการกินทุกหน
น้ำทับทิมอาจส่งผลให้ความดันเลือดลดลดน้อยลงนิดหน่อย ซึ่งอาจจะส่งผลให้คนป่วยที่มีสภาวะความดันต่ำอาการไม่ดีขึ้น
ผู้ที่มีอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการรับประทานทับทิม
ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดรับประทานทับทิมอย่างต่ำ 2 อาทิตย์ เพราะว่าทับทิมทำให้ความดันเลือดต่ำลง ก็เลยบางทีอาจกระทบต่อความดันเลือดในขณะผ่าตัดหรือมีผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด
การรับประทานทับทิมพร้อมกันกับยาบางชนิดอาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ดังเช่น ยาที่เกี่ยวเนื่องกับลักษณะการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome จำพวก P450 2D6 หรือจำพวก P450 3A4 ยาลดความดันโลหิตหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรสุวาสแตตำหนิน ผู้ที่กินยาเป็นประจำหรือมีโรคประจำตัวควรจะขอความเห็นแพทย์ก่อนที่จะมีการกินเพื่อให้มีความปลอดภัย
บันทึกการเข้า