รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ขิง เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณอันน่าทึ่ง  (อ่าน 590 ครั้ง)

h5s5s8c54fgjnz

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 4
    • ดูรายละเอียด


ขิง
ขิง เป็นพืชที่มีเหง้าใต้ดิน ด้านนอกเหง้าเป็นน้ำตาลปนเหลือง เนื้อในสีขาวหรือเหลืองอ่อน มักนำมาทำกับข้าวเนื่องจากว่าส่งกลิ่นหอม นอกจากนี้ ขิงยังใช้เป็นองค์ประกอบในเครื่องดื่ม สบู่ รวมทั้งเครื่องแต่งตัวทั้งหลายแหล่เช่นกัน ด้านผลดีต่อสุขภาพ มีความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ขิงรักษาโรคหลากหลายชนิดมาอย่างช้านาน ตัวอย่างเช่น โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับระบบการทำงานด้านการย่อยอาหารอย่างท้องเดิน มีก๊าซในกระเพาะ ของกินไม่ย่อย อาการเมารถเมาเรือ อาเจียน ไม่อยากอาหาร
คุณลักษณะของขิงมั่นใจว่าประกอบด้วยสารที่บางทีอาจช่วยลดอาการคลื่นไส้รวมทั้งลดการอักเสบ โดยนักค้นคว้าโดยมากคาดว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในกระเพาะและลำไส้ และสารนี้บางทีอาจส่งผลต่อสมองหรือระบบประสาทส่วนที่ควบคุมอาการอ้วกด้วย แม้กระนั้นข้อสันนิษฐานดังกล่าวข้างต้นยังกำกวมนัก รวมทั้งคุณลักษณะด้านอื่นๆมีข้อมูลน้อยกว่า ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับมาจากขิงต่อสุขภาพที่พวกเราเชื่อกันนั้น ตอนนี้ทางด้านวิทยาศาสตร์มีข้อมูลชี้แจงไว้ดังนี้
การรักษาที่อาจสำเร็จ
อาการอาเจียนอ้วกที่เกิดขึ้นมาจากการใช้ยาต่อต้านเชื้อไวรัสไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือเอดส์ สรรพคุณบรรเทาอาการคลื่นไส้อ้วกของขิงอาจมีประโยชน์ต่อคนเจ็บโรคนี้ที่เอาแต่ได้รับผลกระทบจากการใช้ยารักษาโรค โดยจากการศึกษาผู้ป่วยปริมาณ 102 คน แบ่งให้กลุ่มหนึ่งรับประทานขิง 500 กรัม อีกกรุ๊ปรับประทานยาหลอกวันละ 2 ครั้ง ในตอน 30 นาทีก่อนที่จะได้รับยารักษาโรคเอดส์อย่างยาต่อต้านรีโทรเชื้อไวรัส ตรงเวลาทั้งหมดทั้งปวง 14 วัน พบว่าขิงช่วยลดอาการอาเจียนคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นมาจากการดูแลและรักษาโรคติดเชื้อเอชไอวีได้
อาการอาเจียนอาเจียนภายหลังการผ่าตัด ขิงบางทีอาจช่วยทุเลาอาการอาเจียนและก็อ้วกจากการผ่าตัดได้เหมือนกัน โดยการศึกษาเล่าเรียนทางวิทยาศาสตร์โดยมากชี้ว่าการรับประทานขิง 1-1.5 กรัม ในช่วง 1 ชั่วโมงก่อนจะมีการผ่าตัดนั้นดูเหมือนจะช่วยลดอาการอาเจียนอ้วกที่บางทีอาจเกิดขึ้นในระหว่าง 24 ชั่วโมงข้างหลังได้รับการผ่าตัด
งานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยหนึ่งทดสอบแบ่งผู้เจ็บป่วยปริมาณ 122 รับการผ่าตัดต้อกระจกให้กินแคปซูลขิง 1 กรัม และอีกกลุ่มได้รับแคปซูลขิง 500 มก.แม้กระนั้นแบ่งให้ 2 คราวก่อนผ่าตัด ซึ่งคำตอบพบว่าคนไข้ในกรุ๊ปหลังมีลักษณะอาการอาเจียนอาเจียนน้อยครั้งรวมทั้งมีความรุนแรงของอาการน้อยกว่า โดยงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยนี้พบว่าการใช้ขิงนั้นน่าจะให้ความสามารถสูงสุดเมื่อรับประทานเสมอๆแล้วก็บ่อยโดยแบ่งจำนวนการใช้
นอกเหนือจากนี้ การทดสอบทาน้ำมันขิงบริเวณข้อมือของคนไข้ก่อนเข้ารับการผ่าตัด พบว่าช่วยคุ้มครองอาการคลื่นไส้ในผู้เจ็บป่วยราว 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้เข้ารับการผ่าตัดทั้งผอง แต่การใช้ขิงช่วยลดอาการอ้วกอาเจียนร่วมกับยาลดอ้วกคลื่นไส้นั้นบางทีอาจได้ผลได้ไม่ดีนัก และการใช้ขิงกับคนป่วยที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการอาเจียนอาเจียนน้อยอยู่แล้วก็บางทีอาจไม่เป็นผลด้วยเหมือนกัน
อาการแพ้ท้อง การรับประทานขิงอาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการแพ้ท้อง อาทิเช่น อาเจียน คลื่นไส้ หรือเวียนหัว ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ช่วยยืนยันคุณสมบัตินี้เป็นการทดสอบในหญิงที่มีอายุท้องต่ำกว่า 20 สัปดาห์ ปริมาณ 120 คน ซึ่งเผชิญอาการแพ้ท้องทุกวี่วันนานอย่างต่ำ 1 อาทิตย์ และไม่รู้สึกดีขึ้นแม้ว่าจะแปลงการรับประทานอาหารและจากนั้นก็ตาม ภายหลังจากกินสารสกัดจากขิง 125 มิลลิกรัม ซึ่งเสมอกันกับขิงแห้ง 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง 4 วัน ผลสรุปได้ชี้ให้เห็นว่าขิงบางทีอาจสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในฐานะการรักษาทางเลือกต่ออาการแพ้ท้องได้
นับว่าสอดคล้องกับอีกงานค้นคว้าก่อนหน้าที่ชี้ว่าการกินขิง 1 กรัมต่อวัน ติดต่อนาน 4 วัน สามารถช่วยลดความร้ายแรงของอาการคลื่นไส้คลื่นไส้ในหญิงท้องที่มีลักษณะอาการแพ้ท้องได้ อย่างไรก็แล้วแต่การใช้ขิงสำหรับคุณค่าด้านนี้อาจเห็นการดูแลและรักษาได้ช้ากว่าหรือให้ผลดีไม่พอๆกับการใช้ยาแก้อาเจียนอาเจียน นอกจากนี้ การศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติช่วยลดอาการแพ้ท้องของขิงยังมีข้อจำกัดรวมทั้งพบผลที่ไม่สม่ำเสมอ โดยมีบางการทดลองที่ชี้ว่าขิงบางทีอาจไม่ได้มีส่วนช่วยในการลดอาการแพ้ท้องเหมือนกัน
อาการวิงเวียนศีรษะ อาการที่เกิดขึ้นพร้อมด้วยการอาเจียนนี้อาจบรรเทาให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วยการใช้คุณประโยชน์จากขิง จากงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยที่ทดสอบด้วยการให้คนที่มีอาการบ้านหมุน รวมทั้งตากระตุๆกจากการกระตุ้นโดยใช้อุณหภูมิรับประทานผงเหง้าขิง ปรากฏว่าเหง้าขิงช่วยลดอาการวิงเวียนหัวได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอก แม้กระนั้นไม่ได้ช่วยลดช่วงเวลาหรือชะลอการกระตุกของตามากนัก
โรคข้อเสื่อม มีการเรียนบางงานที่ชี้ว่าขิงอาจมีคุณประโยชน์ลดลักษณะการเจ็บที่เกิดจากโรคข้อเสื่อม จากการทดลองหนึ่งที่ให้ผู้ป่วยรับประทานสารสกัดจากขิงชนิดหนึ่ง (Zintona EC) ในจำนวน 250 กรัม วันละ 4 ครั้ง พบว่าช่วยลดลักษณะของการปวดข้อเข่าภายหลังจากการรักษาเป็นเวลา 3 เดือน ส่วนอีกงานค้นคว้าที่ใช้สารสกัดจากขิงผสมกับข่า พบว่าให้ผลลัพธ์สำหรับเพื่อการช่วยลดลักษณะการเจ็บขณะยืน ลักษณะของการเจ็บข้างหลังเดิน และก็อาการข้อติด
นอกเหนือจากนั้น มีการเรียนรู้เปรียบเทียบความสามารถระหว่างขิงแล้วก็ยาแก้ปวด โดยให้คนป่วยโรคข้ออักเสบในกระดูกบั้นท้ายและก็ข้อหัวเข่ารับประทานสารสกัดขิง 500 มก.วันแล้ววันเล่า วันละ 2 ครั้ง ขิงได้ผลทุเลาลักษณะของการปวดได้เทียบเท่ากับการใช้ยาไอบูโพรเฟน 400 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง และก็ยังมีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยที่ชี้แนะว่าการนวดด้วยน้ำมันที่มีส่วนผสมของขิงและส้มอาจช่วยทุเลาลักษณะของการปวดแล้วก็อ่อนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆของคนเจ็บที่มีลักษณะเจ็บหัวเข่าได้ด้วย
อาการปวดเมนส์ เว้นเสียแต่ลักษณะของการปวดจากโรคข้อเสื่อม การเล่าเรียนบางงานยังชี้ว่าขิงอาจมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาลักษณะของการปวดรอบเดือน อาทิเช่น การทดลองในนิสิตมหาวิทยาลัย 120 คน โดยให้รับประทานผงเหง้าขิงทีละ 500 มก. วันละ 3 ครั้งในช่วง 2 วันก่อนเริ่มมีระดูสม่ำเสมอไปจนกระทั่ง 3 วันแรกของการมีประจำเดือน รวมเป็น 5 วัน พบว่าผงเหง้าขิงมีส่วนช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดเมนส์ได้อย่างมีนัยสำคัญด้านการเล่าเรียนเปรียบคุณภาพของขิงและยาลดลักษณะของการปวดประจำเดือนอย่างเมเฟนามิค (Mefenamic acid) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) 400 มก. ในอาสาสมัคร 150 คน โดยแบ่งกลุ่มรับประทานแคปซูลขิงหรือยาแต่ละประเภทในจำนวน 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง นาน 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่มีระดู คำตอบปรากฏไปในทิศทางเดียวกันกับการค้นคว้าวิจัยแรก คือ ขิงมีคุณภาพบรรเทาความรุนแรงของอาการปวดเมนส์ไม่ต่างกับการใช้ยาเมเฟนามิคหรือไอบูโพรเฟน
การดูแลและรักษาที่บางทีอาจไม่ได้เรื่อง
อาการเมารถและเมาเรือ นับเป็นคุณประโยชน์ของขิงที่มีการกล่าวถึงกันมาก ทว่าถึงแม้ขิงบางครั้งก็อาจจะช่วยลดอาการตาลายได้ แต่ว่าในการวิงเวียนอ้วกที่เกิดขึ้นจากการเดินทางนั้น งานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยส่วนใหญ่กล่าวว่าขิงบางทีอาจไม่มีส่วนช่วยได้จริง อย่างเช่น การแบ่งกลุ่มให้นักเรียนนายเรือ 80 ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการออกเรือท่ามกลางทะเลที่มีคลื่นแรง รับประทานเหง้าขิง 1 กรัม เทียบกับอีกกลุ่มที่กินยาหลอก ปรากฏว่ากลุ่มที่กินขิงนั้นมีอาการอาเจียนและก็เวียนหัวน้อยลงจริงแม้กระนั้นอยู่ในระดับนิดหน่อยเพียงแค่นั้น หรือในอีกการค้นคว้าที่ชี้ว่าการกินผงขิงในปริมาณ 500 กรัม 1,000 กรัม หรือเหง้าขิงสด 1,000 มก. ต่างไม่มีส่วนช่วยในการปกป้องอาการเมารถหรือลักษณะการทำงานของกระเพาะอาหารที่เกี่ยวพันกับอาการเมารถที่เกิดขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังแต่อย่างใด
การดูแลและรักษาที่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอต่อการกำหนดความสามารถ
อาการอาเจียนอ้วกจากแนวทางการทำเคมีบรรเทา อีกหนึ่งคุณประโยชน์คือลดอาการคลื่นไส้และก็อ้วก ซึ่งมีการศึกษาเล่าเรียนด้านวิทยาศาสตร์ แต่ว่าหลักฐานเกี่ยวกับการใช้ขิงในคนไข้ที่รับเคมีบำบัดรักษานั้นยังเป็นที่ปะทะคารมกันอยู่ว่าจะมีส่วนช่วยได้ใช่หรือไม่ การเล่าเรียนหนึ่งที่ชี้ถึงคุณประโยชน์ข้อนี้ของขิง โดยให้ผู้ป่วยรับประทานแคปซูลขิงที่มีขิง 0.5-1.5 กรัม เทียบกับยาหลอก ตั้งแต่ 3 วันก่อนวันทำเคมีบำบัดนานต่อเนื่องตรงเวลา 6 วัน พบว่า มีระดับความรุนแรงของอาการคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นภายหลังจากการดูแลรักษาน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับประทานแคปซูลขิง แม้กระนั้นเห็นผลได้ชัดในกรุ๊ปที่ใช้แคปซูลขิง 0.5 กรัม กับ 1 กรัมเพียงแค่นั้น ส่วนกลุ่มที่รับประทานแคปซูลขิง 1.5 กรัมกลับสำเร็จน้อยกว่า มีความหมายว่าการกินขิงในจำนวนมากก็เลยบางทีอาจมิได้ทำให้อาการอาเจียนดีขึ้นอย่างที่น่าจะเป็น
แม้กระนั้น มีหลักฐานที่โต้เถียงข้อช่วยเหลือดังที่กล่าวมาแล้วซึ่งเป็นงานวิจัยที่เผยว่าการกินขิงไม่ได้มีประสิทธิภาพดีไปกว่าการใช้ยาแก้อ้วก ดังนี้ ผลการศึกษาเรียนรู้ที่ขัดแย้งกันนี้ คาดว่าอาจมีต้นเหตุมาจากจำนวนขิงที่ใช้ทดลองนั้นไม่เหมือนกัน รวมทั้งช่วงเวลาที่เริ่มรักษาโดยใช้ ขิงจะนำมาใช้ผลดีทางด้านการแพทย์ในด้านนี้แล้วได้ผลไหมอาจจะต้องมีการยืนยันเพิ่มอีกถัดไป
เบาหวาน คุณสมบัติของขิงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานในตอนนี้ยังมีผลการค้นคว้าที่ไม่แน่นอน งานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยหนึ่งพบว่าการกินขิง 2 กรัม นาน 12 อาทิตย์ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ระดับไขมันในเลือด และสารมาลอนไดอัลดีไฮด์ที่แสดงถึงระดับอนุมูลอิสระในคนเจ็บเบาหวานจำพวกที่ 2 รวมถึงอาจช่วยลดการเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังบางจำพวกจากโรคเบาหวานได้ ในขณะเดียวกัน มีงานวิจัยอื่นๆที่ชี้แนะว่าขิงนั้นมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดจริง แต่ไม่เป็นผลต่อระดับอินซูลิน หรือบางงานศึกษาเรียนรู้บอกว่าขิงส่งผลกับอินซูลิน แต่กลับไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลง ซึ่งผลการค้นคว้าที่แตกต่างกันนั้นอาจมาจากปริมาณขิงหรือช่วงเวลาที่คนเจ็บได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคโรคเบาหวานในแต่ละการทดลองนั้นแตกต่างกันนั่นเอง
อาหารไม่ย่อย มีการศึกษาค้นคว้าศึกษาเล่าเรียนความสามารถของขิงในคนเจ็บที่มีอาการอาหารไม่ย่อยจำนวน 11 คน โดยให้รับประทานแคปซูลที่ประกอบด้วยขิง 1.2 กรัมภายหลังจากการละของกิน 8 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าขิงช่วยกระตุ้นให้กระเพาะเกิดการย่อยของกินแล้วก็มีการบีบตัวของกระเพาะส่วนปลาย แต่การกินขิงนั้นไม่มีผลต่ออาการที่เกี่ยวพันกับระบบทางเดินอาหารหรือสารเปปไทด์ในลำไส้ อย่างไรก็แล้วแต่ ผู้ร่วมการทดลองนี้มีจำนวนน้อย ทำให้ไม่อาจกำหนดได้อย่างชัดเจนว่าขิงช่วยลดอาการอาหารไม่ย่อยได้แน่นอนเท่าใด
อาการแฮงค์ เชื่อกันว่าการกินน้ำขิงจะสามารถช่วยทุเลาอาการแฮงค์ซึ่งได้ผลสำเร็จใกล้กันจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ สำหรับประโยชน์ข้อนี้มีงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยแต่ก่อนที่ชี้แนะว่าการผสมขิงกับเปลือกข้างในของส้มเขียวหวาน และก็น้ำตาลก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการแฮงค์ในคราวหลัง รวมทั้งอาการอาเจียน อ้วกและท้องเดิน แม้กระนั้น การศึกษาเล่าเรียนดังที่กล่าวมาแล้วยังนับว่าไม่ชัดเจนอยู่มากมายและไม่อาจยืนยันได้ว่าเกิดจากขิงจริงๆหรือส่วนผสมอื่นๆที่ใช้ประกอบ
ลดคอเลสเตอรอล คุณลักษณะของขิงซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลนั้นได้มีการทดสอบโดยให้คนไข้ที่มีสภาวะไขมันในเลือดสูงกินแคปซูลขิงวันละ 3 ครั้ง ทีละ 1 กรัม คำตอบระบุว่าเมื่อเทียบกับคนป่วยกลุ่มที่กินยาหลอก ขิงมีคุณภาพช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลลงได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งการใช้ขิงลดระดับคอเลสเตอรอลจะให้ผลดีกระทั่งสามารถนำมาใช้รักษาผู้เจ็บป่วยภาวการณ์นี้ได้หรือเปล่าคงจะต้องรอคอยการศึกษาเล่าเรียนในอนาคตที่แจ่มกระจ่างกันถัดไป
ลักษณะของการเจ็บกล้ามข้างหลังบริหารร่างกาย คุณสมบัติด้านการบรรเทาปวดและลดการอักเสบของขิงจะช่วยลดลักษณะการเจ็บจากการบริหารร่างกายได้ด้วยไหมนั้นยังคงไม่ชัดแจ้งรวมทั้งเป็นที่โต้แย้งกันอยู่เช่นกัน จากการทดสอบหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมกินขิงสดหรือขิงที่ทำให้สุกด้วยความร้อนแล้ว 2 กรัมโดยตลอดนาน 11 วัน พบว่าทั้งยังขิงสดรวมทั้งขิงสุกต่างมีส่วนช่วยลดอาการเจ็บกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายแบบหดยืดกล้ามได้ในระดับปานกลางไปจนถึงระดับมาก
แต่อีกการค้นคว้าหนึ่งกลับเจอคำตอบตรงกันข้าม จากการให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบที่ทำกิจกรรมออกกำลังกายยืดหดกล้ามแบบเดียวกัน รับประทานขิง 2 กรัมในช่วง 1 วันและ 48 ชั่วโมงหลังจากการออกกำลังกาย พบว่าไม่ได้นำมาซึ่งการทำให้ลักษณะของการเจ็บกล้าม การอักเสบ หรือเจ็บที่เกิดจากการบริหารร่างกายลดลง แต่นักวิจัยพบว่าการกินขิงบางทีอาจช่วยให้อาการเจ็บกล้ามเนื้อค่อยๆดียิ่งขึ้นในทุกๆวัน ถึงแม้บางทีอาจมองไม่เห็นผลประโยชน์ทันที
ลักษณะของการปวดศีรษะไมเกรน มีการศึกษาเล่าเรียนกับคนไข้ 100 คน ที่เคยมีลักษณะอาการปวดหัวไมเกรนกระทันหันโดยให้รับผงขิงหรือยารักษา http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรขิง
บันทึกการเข้า