รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคไซนัสอักเสบ มีสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์สมารถรักษาให้โรคหายขาดได้เป็นอย่  (อ่าน 519 ครั้ง)

กาลครั้งหนึ่ง2560

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 120
    • ดูรายละเอียด


โรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis)
โรคไซนัสอักเสบเป็นยังไง  ไซนัสหมายถึงโพรงอากาศที่อยู่ด้านในกระดูกบริเวณรอบๆหรือใกล้เคียงกับจมูก ซึ่งมีอยู่ 4 กลุ่มใหญ่ๆในแต่ละข้าง  ไซนัสที่ใหญ่ที่สุดอยู่ภายในกระดูกโหนกแก้ม (maxillary sinus)  อีกกลุ่มหนึ่งมีอยู่หลายโพรง มีขนาดเล็ก และอยู่ระหว่างรอบๆโคนจมูก แล้วก็หัวตาแต่ละข้าง (ethmoidal sinuses)  ในกระดูกหน้าผากก็มีไซนัสด้านใน (frontal sinus) นอกจากนี้ยังมีไซนัสที่อยู่ใต้ฐานกะโหลกศีรษะ (sphenoidal sinus) ด้วย  หน้าที่ของไซนัสนั้นไม่ทราบแจ้งชัด  แต่มั่นใจว่าอาจช่วยให้เสียงที่พวกเราเปล่งแสงออกมา กังวานขึ้น, ช่วยทำให้กะโหลกศีรษะเบาขึ้น รวมทั้งช่วยรักษาสมดุลของศีรษะ, ช่วยสำหรับการปรับความดันของอากาศภายในโพรงจมูก  ในกรณีที่มีการเปลี่ยนของความดัน รวมทั้งสร้างสารคัดเลือกหลั่งที่คุ้มครองป้องกันการติดเชื้อของโพรงจมูกและก็ไซนัส
ซึ่งในคนปกติทั่วๆไป เมือกที่ผลิตขึ้นในโพรงไซนัสจะระบายลงตามทางเชื่อมมาออกที่รูเปิดในโพรงจมูก แปลงเป็นน้ำมูก หรือเสมหะใส เพื่อให้ความชื้นและก็ชำระล้างโพรงจมูก แต่ถ้าเกิดรูเปิดดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วถูกอุดกั้น (อย่างเช่น เป็นไข้หวัด หรือโรคไข้หวัดภูมิแพ้) ทำให้เมือกในโพรงไซนัสไม่สามารถ ระบายออกมาได้ มูกก็จะหมักหมมแปลงเป็นอาหารสำหรับในการเจริญวัยของเชื้อโรคที่แผ่ขยายมาจากโพรงจมูกเข้าไปในไซนัส ทำให้เยื่อบุภูมิแพ้บวม ขนอ่อนในไซนัสสูญเสียหน้าที่สำหรับการขับเมือก ทำให้มีการสะสมของมูกมากเพิ่มขึ้นแปลงเป็นหนองขังอยู่ในไซนัส เกิดลักษณะโรคไซนัสอักเสบขึ้นมา
โรคไซนัสอักเสบ ยังสามารถแบ่งได้เป็น 3 จำพวก คือประเภทรุนแรง (มีอาการน้อยกว่า 30 วัน) ชนิดครึ่งหนึ่งกะทันหัน (มีลักษณะอยู่ระหว่าง 30-90 วัน) และจำพวกเรื้อรัง (มีลักษณะมากกว่า 90 วัน) โดยการอักเสบอาจกำเนิดกับไซนัสได้ทุกตำแหน่ง ยกตัวอย่างเช่น ไซนัสข้างตา (Ethmoid sinus), ไซนัสหน้าผาก (Frontal sinus), ไซนัสโหนกแก้ม (Maxillary sinus) และไซนัสที่อยู่ใต้ฐานกะโหลกศีรษะ (Sphenoidal sinus) แม้กระนั้นที่พบได้ทั่วไปที่สุดหมายถึงไซนัสโหนกแก้ม (Maxillary sinus) ซึ่งจะมีผลให้มีลักษณะอาการปวดที่รอบๆโหนกแก้ม  แม้กระนั้นโรคนี้โดยมากชอบไม่มีความรุนแรง นอกจากสร้างความหงุดหงิดหรือปวดทรมาทรกรรม ส่วนน้อยที่อาจเกิดภาวะแทรกร้ายแรง ถ้าเกิดได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่แรก ก็มักจะหายได้ หรือลดภาวะแทรกซ้อนลงได้
  โรคแพ้อากาศเป็นโรคที่มักพบที่สุดโรคหนึ่งที่ทำให้คนไข้มาเจอหมอ  โดยประมาณกันว่าประชาชนทั่วๆไป 1 ใน 8 คน  จะเป็นโรคไซนัสอักเสบในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต  อุบัติการของการเกิดภูมิแพ้   มีทิศทางที่เกิดเพิ่มมากขึ้นในฤดูกาลที่มีคนจับไข้หวัดหรือมีการอักเสบติดเชื้อในทางเดินหายใจมาก โดยทั่วไป
มากยิ่งกว่า 0.5% ของคนเจ็บที่เป็นโรคหวัด มีโอกาสเกิดเป็นภูมิแพ้ตาม มา ผู้เจ็บป่วยที่เป็นโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ (Allergic rhinitis) หรือโรคหืดจะมีภูมิแพ้ร่วมด้วยโดยประมาณ 40-50% อุบัติการของไซนัสอักเสบชนิดกะทันหันที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในผู้ใหญ่ที่เกิดตามหลังไข้หวัดพบได้ราวจำนวนร้อยละ 0.5-2 รวมทั้งในเด็กพบได้โดยประมาณจำนวนร้อยละ 5-10 สำหรับโรคไซนัสอักเสบเรื้อรังนั้น  ในกลุ่มประชาชนทั่วไปพบโรคไซนัสอักเสบเรื้อรังราวๆปริมาณร้อยละ 1.2-6 
สาเหตุของโรคแพ้อากาศ

  • การตำหนิดเชื้อของระบบฟุตบาทหายใจตอนบน (Upper respiratory tract infec tion) ระยะเริ่มต้นเกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสโรคไข้หวัด ซึ่งจะไปทำให้เยื่อบุจมูกอักเสบ ซึ่งอาจอักเสบต่อ เนื่องเข้าไปถึงในไซนัส ถัดมามีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย โดยทั่วไปก็จะหายได้เป็นปกติ แต่ว่าหากการต่อว่าดเชื้อนั้นรุนแรง บางทีอาจเกิดการทำลายของเยื่อบุจมูกรวมทั้งเยื่อบุไซนัส ทำให้มีการบวมและมีพังผืด ส่งผลให้เกิดการอุดตันของรูเปิดระหว่างไซนัสกับโพรงจมูก ร่วมกับการที่เซลล์ขน (Cilia) ที่มีบทบาทส่งเสริมสารคัดหลั่งในไซนัส ไม่ทำงาน ก็จะก่อให้การอักเสบเปลี่ยนเป็นการอักเสบเรื้อรังได้
  • การต่อว่าดเชื้อของฟัน โดยเฉพาะฟันกรามน้อยและฟันกรามแถวบน โดยธรรมดาพบว่า ราวๆ 10% ของการอักเสบของไซนัสแมกสิลลาจะเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากฟันผุ (เนื่องจากฝาผนังด้านล่างของไซนัสแมกซิลลาจะติดกับรากฟันดังที่ได้กล่าวมาแล้ว) บางรายจะแสดงอาการแจ่มกระจ่างภายหลังที่ไปถอนฟันแล้วกำเนิดรูทะลุระหว่างไซนัสแมกสิลลาและเหงือก (Oroantral fistula) ขึ้น
  • โรคติดเชื้ออื่นๆอาทิเช่น ไข้หวัดใหญ่ โรคหัด โรคไอกรน
  • การว่ายน้ำ มุดน้ำ ซึ่งอาจมีการสำลักน้ำเข้าไปในจมูกรวมทั้งเข้าไปในไซนัสได้ โดยอาจมีเชื้อโรคเข้าไปด้วย ก่อให้เกิดการอักเสบได้ ยิ่งไปกว่านี้ สารคลอรีน (Chlorine) ในสระว่ายน้ำ ยังเป็นสารเคมีที่นำไปสู่การอักเสบของเยื่อบุไซนัสได้
  • การกระทบกระแทกอย่างแรงบริเวณใบหน้า อาจจะส่งผลให้ไซนัสโพรงอันใดโพรงหนึ่งแตกหัก ช้ำบวม หรือมีเลือดออกข้างในโพรง กระตุ้นให้เกิดการอักเสบติดโรคตามมาได้
  • มีสิ่งแปลกปลอมในจมูก ดังเช่น เมล็ด จึงก่อการตันโพรงจมูก จึงเป็นสาเหตุให้มีการติดโรคในโพรงจมูก และในไซนัส
  • จากการเปลี่ยนแปลงความดันอากาศรอบๆตัวในทันที (Barotrauma หรือ Aero sinusitis) ยกตัวอย่างเช่น ขณะเครื่องบินขึ้นหรือลงหยุด รวมทั้งการดำน้ำลึก เป็นต้น หากรูเปิดของไซนัสขณะ นั้นบวมอยู่ เช่น กำลังเป็นหวัด หรือโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ (Allergic rhinitis) กำเริบ จะส่งผลให้เยื่อบุ บวมเยอะขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งอาจมีการหลั่งของเหลว/สารคัดหลั่งออกมา หรือมีเลือดออกได้ จึงก่อการอักเสบขึ้น ซึ่งพบมากที่ไซนัสฟรอนตัล ที่มา  :    wikipedia                 


ส่วนไซนัสอักเสบเรื้อรังมักได้ผลสำเร็จสอดแทรกจากภูมิแพ้กระทันหันที่  มิได้รับการรักษาที่ถูก นอกนั้น ยังอาจเกิดจากต้นเหตุอื่นๆเป็นต้นว่า โรคหวัดภูมิแพ้เรื้อรัง ริดสีดวงจมูก เนื้องอกในโพรงจมูกหรือไซนัส ผนังกั้นจมูกคด การตำหนิดเชื้อของทางเท้าหายใจส่วนต้นจำเจ การสูบบุหรี่ มลภาวะที่เกิดขึ้นทางอากาศ โรคกรดไหลย้อน (หูรูดปลายหลอดอาหารเสื่อม ทำให้มีน้ำย่อยซึ่งเป็น กรดไหลย้อนขึ้นมาที่ไซนัส เวลานอนค่ำคืน) โรคฟันรวมทั้งช่องปากเรื้อรัง ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ (อาทิเช่น โรคเบาหวาน โรคภูมิคุมกันบกพร่อง) ฯลฯ
อนึ่งในการอักเสบกระทันหันของไซนัส มักมีสาเหตุมาจากการต่อว่าดเชื้อไวรัส ดังเช่นว่า เชื้อไวรัสโรคหวัด แต่เมื่อเป็นการอักเสบเรื้อรัง มักมีต้นเหตุมาจากการตำหนิดเชื้อแบคทีเรีย ดังเช่นว่า Streptococci, Staphylococcus, Haemophilus influenzae, Klebsiella pneumoniae, Bacteroides melaninogenicus, แต่ว่าบางทีอาจเจอจากการต่อว่าดเชื้อราได้ อย่างเช่น Aspergillus รวมทั้ง Dematiaceous fungi
ลักษณะของโรคไซนัสอักเสบ
ไซนัสอักเสบกะทันหัน  ในผู้ใหญ่มักมีอาการปวดบริเวณใบหน้าบริเวณไซนัสที่อักเสบ ตัวอย่างเช่น ปวดที่แถวๆหัวตา หน้าผาก โหนกแก้ม  รอบๆกระบอกตา หรือหลังกระบอกตา บางรายบางทีอาจรู้สึก คล้ายปวดฟัน         ที่มา  :    wikipedia               
ตรงฟันซี่บน บางทีอาจปวดเพียงแค่ข้างเดียวหรือ 2 ข้างก็ได้ อาการปวดมักเป็นมากเวลาเช้าหรือบ่าย เวลาก้มศีรษะหรือเปลี่ยนแปลงท่า ผู้ป่วยมักมีลักษณะคัดแน่นจมูก พูดเสียงขึ้นจมูก มีน้ำมูกเป็นหนองออกข้นเหลืองหรือเขียว                 
หรือมีเสมหะข้นเหลืองหรือเขียวไหลจากด้านหลังจมูกลงในคอ จำต้องรอสูดหรือขากออก  อาจมีอาการปวดศีรษะ เป็นไข้ อ่อนเพลีย เจ็บคอ ปวดหู ไอ หายใจมีกลิ่นเหม็น ความรู้สึก ในการรับรู้กลิ่นหรือรสลดน้อยลง
ในเด็ก อาการมักไม่กระจ่างเท่าผู้ใหญ่ อาจมีอาการเป็นหวัดนานกว่าปกติ กล่าวคือมีน้ำมูก (ใสหรือข้นเป็นหนองก็ได้) รวมทั้งไอยาวนานกว่า 10 วัน ชอบไอทั้งยังช่วงเวลากลางวันรวมทั้งเวลากลางคืน อาจมีไข้ต่ำๆและก็หายใจมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย  เด็กบางรายอาจออกอาการเป็นหวัดรุนแรงกว่าปกติ ดังเช่น มีไข้สูงกว่า 39 องศาเซลเซียส น้ำมูกข้นเป็นหนอง ปวดที่บริเวณใบหน้า หลังตื่นนอนมองเห็นอาการบวมรอบๆตา ซึ่งอาการของภูมิแพ้เวลานี้มีช่วงเวลาฟื้นตัวจนหายดีราวๆ 2 – 4 อาทิตย์
ไซนัสอักเสบเรื้อรัง มักมีอาการตลอดทุกวันนานเกิน 90 วัน โดยในผู้ใหญ่มักมีลักษณะคัดจมูก มีเสมหะข้นเหลืองหรือเขียวไหลจากด้านหลังจมูกลงในคอหายใจมีกลิ่นเหม็น ความรู้สึกสำหรับการรับทราบกลิ่นต่ำลง จำนวนมากมักไม่มีไข้และลักษณะของการปวดไซนัสแบบที่เจอในภูมิแพ้กระทันหัน  ในเด็กมักมีอาการไอ น้ำมูกไหล จาม หายใจมีกลิ่นเหม็น มีโรคติดเชื้อของฟุตบาทหายใจส่วนต้น หรือหูชั้นกลางอักเสบ โดยในอาการของภูมิแพ้ตอนนี้มักเกิดต่อเนื่องกำเนิด 12 อาทิตย์ แล้วก็พบได้บ่อยร่วมกับโรคภูมิแพ้
ทั้งนี้ภูมิแพ้มักมีเหตุมาจากการต่อว่าดเชื้อไวรัส พบในอัตรา 90% ของผู้ป่วย ถ้าหากว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือการพัฒนาโรคที่ร้ายแรงขึ้น อาการจะดีขึ้นกว่าเดิมแล้วก็หายดีเองภายในช่วงระยะเวลาราวๆ 10 วัน ในเวลาที่การต่อว่าดเชื้อแบคทีเรียจนทำให้ภูมิแพ้จะเจอได้ไม่บ่อยนัก ราว 5-10% เพียงแค่นั้น และก็จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาต่อต้านเชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซึ่งมักมีอาการเป็นเวลายาวนานกว่า 10 วัน หรืออาการกำเริบหลังจากเป็นมานาน 5 วัน
กระบวนการรักษาโรคไซนัสอักเสบ ในเบื้องต้นแพทย์จะไต่ถามอาการรวมทั้งเรื่องราวเจ็บไข้ ร่วมกับการตรวจร่างกายเป็นสำคัญและอาจมีการตรวจพิเศษเสริมเติม ดังนี้
เรื่องราวรักษา/ความเป็นมาอาการ

  • ประวัติความเป็นมาที่ช่วยสำหรับในการวินิจฉัยโรคไซนัสอักเสบกะทันหัน เช่น เป็นหวัดมานานมากกว่า 7-10 วัน,  เป็นหวัดที่มีลักษณะรุนแรงมากมาย,  ไข้สูง,  คัดจมูก, มีน้ำมูกเหลืองข้น,  ได้กลิ่นน้อยลง, ปวดหรือ
  • ตื้อทึบบริเวณโหนกแก้มคล้ายปวดฟันบน, ปวดรอบๆจมูก หัวคิ้ว หรือหน้าผาก, เจ็บคอ, เสมหะไหลลงคอ, ไอ, ปวดศีรษะ, อาการทางจมูกที่ไม่ดีขึ้นหลังให้ยาหดหลอดเลือด  โดยมีอาการดังกล่าวภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน   ผู้ป่วยโรคไซนัสอักเสบเรื้อรังมักมีอาการไม่เฉพาะเจาะจงเช่น คัดจมูก, การรับกลิ่นลดลงหรือไม่ได้กลิ่น, มีน้ำมูกสีเขียวเหลืองในจมูกหรือไหลลงคอ, ปวดศีรษะ, มีกลิ่นปาก, ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น, ลิ้นเป็นฝ้า, คอแห้ง, มีเสมหะในคอ, เจ็บคอ ระคายคอเรื้อรัง, ไอ, ปวดหูหรือ หูอื้อ
  • การตรวจร่างกาย ได้แก่
  • การตรวจในโพรงจมูก มักพบว่าเยื่อบุจมูกบวมแดง อาจพบมีหนองหรือมูก บางรายอาจพบหนองตามตำแหน่งที่มีรูเปิดของไซนัส
  • มีอาการเจ็บ โดยเมื่อกดลงบนใบหน้า ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บ จุดกดเจ็บของไซนัสแม็กซิลล่าอยู่ที่ผนังด้านหน้าชิดกับจมูก จุดกดเจ็บของไซนัสฟรอนตัลอยู่ที่ใต้หัวคิ้วใกล้กับดั้งจมูก หรืออาจจะเคาะเบาๆที่บริเวณหน้าผากซึ่งถ้ามีการอักเสบจะรู้สึกเจ็บ จุดกดเจ็บของไซนัสเอธมอยด์อยู่ที่บริเวณหัวตา ส่วนไซนัสสฟีนอยด์ไม่สามารถตรวจได้เนื่องจากอยู่ลึกมาก แต่ทั้งนี้ ในไซ นัสอักเสบเรื้อรัง มักไม่มีอาการกดเจ็บอย่างชัดเจน ยกเว้นแต่มีการอักเสบเฉียบพลันแทรกซ้อน
  • การตรวจในช่องปาก อาจพบมีหนองไหลจากโพรงหลังจมูกลงมาบนผนังลำคอ เรียกว่า Postnasal drip ซึ่งเป็นตัวช่วยในการวินิจฉัยไซนัสอักเสบเรื้อรังที่ค่อนข้างจะแน่นอนอย่างหนึ่ง อาจพบผนังลำคอเป็นตุ่ม ขรุขระ เนื่องจากมีเนื้อเยื่อน้ำเหลืองในช่องคอโตขึ้น จากต้องทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคที่ติดมากับหนองจากไซนัส ซึ่งไหลลงมาในลำคอเป็นประจำ แต่ลักษณะขรุขระนี้ อาจจะพบได้ในผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ คอหอยอักเสบ และผู้ป่วยที่ผ่าตัดต่อมทอนซิล และอาจพบมีฟันผุโดยเฉพาะ ฟันกรามบน
  • การตรวจพิเศษ เช่น
  • การตรวจเพื่อดูการผ่านทะลุของแสง (Transillumination test) ใช้ช่วยการวินิจฉัยการอัก เสบของไซนัสแม็กซิลล่า และ ของไซนัสฟรอนตัล ถ้าไซนัสไม่มีแสงสว่างผ่านลอดไปได้เลยจะช่วยบอกว่ามีโรคได้อย่างแม่นยำ แต่ในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี วิธีนี้มักไม่ได้ประโยชน์เพราะเยื่อบุและผนังกระดูกเด็กที่ล้อมไซนัส มักจะหนากว่าผู้ใหญ่ แสงจึงมักผ่านไม่ได้
  • การตรวจภาพไซนัสด้วยอัลตราซาวด์ สามารถตรวจหาหนองในโพรงไซนัสได้ดี
  • การเจาะไซนัส (Antral proof puncture) ใช้ตรวจไซนัสแมกซิลลา
  • Sinuscopy เป็นการส่องกล้องตรวจในไซนัส ปัจจุบันเกือบจะเข้ามาแทนที่วิธีเจาะไซนัส Antral proof puncture โดยทำต่อจากการถ่ายภาพเอกซเรย์ธรรมดา ไซนัสสำหรับผู้ป่วยโพรงอากาศข้างจมูกแม็กซิลล่าอักเสบเรื้อรัง ถ้าพบหนองก็สามารถเก็บตัวอย่างส่งเพาะเชื้อ และล้างหนองได้ในคราวเดียวกัน ถ้าพบเป็นถุงน้ำ หรือ ริดสีดวงขนาดเล็กก็จะตัดออกผ่านทางกล้องส่องได้ นอกจากนี้ การเห็นพยาธิสภาพและการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุและของรูเปิดไซนัสด้วยตาโดยตรง ทำให้สามารถวินิจฉัยและวางแผนให้การรักษาไซนัสอักเสบที่เหมาะสมต่อไปได้อย่างเหมาะสม
  • การถ่ายภาพไซนัสด้วยเอมอาร์ไอ ใช้แยกก้อนเนื้อ หรือถุงน้ำออกจากของเหลว
  • การตรวจด้วยการส่องกล้องโพรงจมูก (Nasal endoscopy)
  • การถ่ายภาพไซนัสด้วยเอกซเรย์
  • การถ่ายภาพไซนัสด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เป็นวิธีดีที่สุดในการตรวจหาพยาธิสภาพของไซนัสในปัจจุบัน แต่ค่าใช้จ่ายในการตรวจค่อนข้างแพง
  • หลักในการรักษาโรคไซนัสอักเสบ ประกอบด้วย
  • กำจัดเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ  โดยการให้ยาต้านจุลชีพ  เพื่อทำให้อาการของโรคดีขึ้นเร็ว   การเลือกชนิดของยาต้านจุลชีพขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ, การดำเนินโรค,  ความไวต่อยาต้านจุลชีพของเชื้อนั้นๆ และ อุบัติการของการดื้อยา     ระยะเวลาของการให้ยาต้านจุลชีพนั้น  ในรายที่เป็นไซนัสอักเสบเฉียบพลันควรให้ยาต้านจุลชีพอย่างน้อย 10-14 วัน หรือให้จนผู้ป่วยไม่มีอาการผิดปกติแล้วให้ต่ออีก 1 สัปดาห์หลังจากนั้น     ในรายที่เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรังควรให้ยาต้านจุลชีพเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3-6 สัปดาห์ เช่น ยากลุ่ม Amoxicillin, Clarithromycin และ Azithromycin แต่หากผู้ป่วยต้องอยู่อาศัยในบริเวณที่มีโอกาสติดเชื้อสูง หรืออาการไม่ดีขึ้นหลังรับยาไปแล้ว 2-3 วัน แพทย์จะใช้ยารักษาในขั้นถัดไป เช่น Amoxicillin-clavulanate, Cephalosporins, Macrolides, Fluoroquinolones และ Clindamycin เป็นต้น
  • ทำให้การไหลเวียนของสารคัดหลั่งและอากาศภายในไซนัสดีขึ้น
  • 1 ยาหดหลอดเลือด ทำให้การบวมของเยื่อบุจมูกลดลง,  บรรเทาอาการคัดจมูก ทำให้รูเปิดของไซนัสโล่งขึ้น  อาจให้ในรูปยาพ่นหรือยาหยอดจมูก หรือ ยารับประทาน หรือให้ร่วมกันทั้งสองชนิดก็ได้    สำหรับยาหดหลอดเลือดที่พ่นหรือหยอดจมูก ไม่ควรใช้นานกว่า 7 วัน เพราะจะทำให้เยื่อบุจมูกเสียได้   ส่วนยาหดหลอดเลือดชนิดรับประทาน  ควรระวังผลข้างเคียง เช่น ความดันโลหิตสูง  หัวใจเต้นเร็ว  นอนไม่หลับ  กระสับกระส่ายด้วย เช่น pseudoephedrine และ phenylephrine โดยแพทย์จะจ่ายยาในปริมาณรับประทาน 10 - 14 วัน ยาลดอาการคัดจมูกแบบพ่นหรือหยด เช่น Oxymetazoline และ Hydrochloride ใช้รักษาภายใน 3-5 วัน
  • 2 ยาสตีรอยด์พ่นจมูก (Nasal Cortixosteroids) อาจมีประโยชน์ในรายที่เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง หรือ ไซนัสอักเสบเป็นๆ หายๆ โดยเฉพาะถ้ามีโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือชนิดที่ไม่แพ้ร่วมด้วย ยาพ่นจมูกดังกล่าวจะช่วยลดการอักเสบในจมูก  ทำให้รูเปิดของไซนัส ที่มาเปิดในโพรงจมูกโล่งขึ้น  ช่วยให้การไหลเวียนของอากาศ  การระบายของสารคัดหลั่งหรือ หนองที่อยู่ภายในไซนัสดีขึ้น
  • 3 ยาต้านฮิสตะมีน ไม่แนะนำให้ใช้ ยาต้านฮิสตะมีนรุ่นเก่าในผู้ป่วยไซนัสอักเสบ ที่ไม่ได้มีโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร่วมด้วย   เนื่องจากอาจทำให้น้ำมูกและสารคัดหลั่งแห้งและเหนียวได้ ในรายที่มีโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร่วมด้วย  ควรเลือกใช้ยาต้านฮิสตะมีนรุ่นใหม่  เนื่องจากมีผลข้างเคียงดังกล่าวค่อนข้างน้อย 
  • 4  ยาละลายมูกหรือเสมหะ ยังไม่มีการศึกษาที่แสดงถึงประสิทธิภาพของยาละลายมูกในการรักษาโรค ไซนัสอักเสบชัดเจน
  • 5 การล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ  เป็นการชะล้างเอาน้ำมูก หนอง  สิ่งสกปรกในจมูก ซึ่งเกิดจากการอักเสบในโพรงจมูกและไซนัสออก  เพื่อให้โพรงจมูกและบริเวณรูเปิดของไซนัสโล่ง   ทำให้การพัดโบกของขนกวัดที่เยื่อบุจมูกดีขึ้น อาการต่างๆ ของผู้ป่วยจะดีขึ้นเร็ว
  • 6 การสูดดมไอน้ำเดือด จะช่วยทำให้เยื่อบุจมูกยุบบวม  โล่ง  อาการคัดจมูกน้อยลง  อาการปวดตื้อๆ ที่ศีรษะดีขึ้น   นอกจากนั้นยังทำให้การพ่นยาเข้าไปในจมูก มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • 7 การผ่าตัด   ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยที่เป็นโรคไซนัสอักเสบ มักจะหายได้โดยการใช้ยาอย่างเต็มที่  ส่วนน้อยที่ต้องรับการผ่าตัด  ดังนั้นในการรักษาจึงพยายามใช้ยาอย่างเต็มที่ก่อน   การผ่าตัดเป็นการแก้ไขพยาธิสภาพที่ทำให้รูเปิดระหว่างโพรงจมูกและไซนัสอุดตัน โดยแพทย์จะใช้การผ่าตัดด้วยวิธี Functional Endoscopic Sinus Surgery (FESS) เป็นการผ่าตัดผ่านทางรูจมูกด้วยกล้องเอ็นโดสโคปซึ่งเป็นกล้องขยายที่มีขนาดเล็ก แพทย์จะใช้เครื่องมือที่ถูกออกแบบมาพิเศษในการผ่าตัดนี้และมองภาพขณะผ่าตัดผ่านกล้อง ผู้ป่วยจะได้รับยาชาหรือยาสลบในขณะผ่าตัดโดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการป่วย
สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ก่อกำเนิดโรคแพ้อากาศ

  • เป็นโรคหวัดเรื้อรังโดยมิได้รับการดูแลและรักษาให้หายขาด
  • การเกิดการตำหนิดเชื้อที่ฟัน อาทิเช่น ฟันผุ การถอนฟันแล้วเกิดการติดเชื้อตอนหลัง
  • การถูกกระทบอย่างแรงที่บริเวณใบหน้ารอบๆโพรงไซนัส
  • ผู้ที่มีภาวะของโรคภูมิแพ้
  • อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ตัวอย่างเช่นบริเวณโรงงาน หรือ ชุมชนแออัด
  • ผนังข้างๆของโพรงจมูกโค้งงอผิดแบบ (Paradoxical turbinate)
  • ต่อมอะดีนอยด์โต หรือ มีสิ่งแปลกปลอมในจมูกเด็กเป็นระยะเวลานานๆได้แก่ เมล็ดผลไม้ต่างๆ
  • ผู้เจ็บป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจ หรือใส่สายให้อาหารทางจมูก อยู่เป็นระยะเวลานาน
  • สภาวะที่ทำให้เซลล์ขน (Cilia) ซึ่งเป็นเซลล์สนับสนุนสารคัดเลือกหลั่งออกจากไซนัส เสียไป ก็เลยมีการคั่งของสารคัดหลั่งในไซนัส และมีการอักเสบติดเชื้อโรคได้ ดังเช่นว่า ในสภาวะข้างหลังเป็นโรคหวัด


การติดต่อของโรคไซนัสอักเสบ โรคไซนัสอักเสบเป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบบวมของเยื่อบุไซนัสนำมาซึ่งการตีบของรูเปิดจากไซนัสที่เข้าสู่โพรงจมูก รวมทั้งมีการค้างของสารคัดหลั่ง (มูก) ในโพรงไซนัสไม่สามารถที่จะกระบายออกรวมทั้งเมื่อมีการสะสมของเมือกมากจึงเปลี่ยนเป็นหนองขังในไซนัสกำเนิดอาการต่างๆตามมา โดยโรคไซนัสอักเสบนี้ไม่จัดอยู่ในโรคติดต่อเพราะเหตุว่าไม่เจอการติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คนอะไร
การกระทำตนเมื่อมีอาการป่วยเป็นโรคไซนัสอักเสบ

  • ควรจะกินยาดังที่หมอสั่งให้การรักษาอย่างเอาจริงเอาจัง รวมทั้งติดตามผลของการรักษากับหมออย่างสม่ำเสมอ
  • พักให้พอเพียง
  • ดื่มน้ำมากมายๆ
  • ดมละอองน้ำอุ่น แล้วก็ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ (ในเรื่องที่แพทย์เสนอแนะรวมทั้งสอนให้ทำ)
  • เลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ควันของบุหรี่ แล้วก็มลภาวะทางอากาศ
  • งดเว้นดื่มเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์
  • หลบหลีกการว่ายน้ำในสระว่ายน้ำนานๆเนื่อง จากคลอรีนในสระอาจจะก่อให้มีการเคืองเยื่อบุจมูกแล้วก็ไซนัสได้
  • หลีกเลี่ยงการเดินทางโดยเครื่องบินในช่วงเวลาที่เป็นไข้หวัด หวัดภูมิแพ้ หรือภูมิแพ้กำเริบเสิบสาน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรจะกินยาแก้คัดจมูก อย่างเช่น สูโดเอฟีดรีน (pseudoephedrine) ครั้งละ 1-2 เม็ดก่อนเดินทาง และก็ซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมงระหว่างเดินทางระยะไกล
การปกป้องตนเองจากโรคแพ้อากาศ

  • หมั่นดูแลรักษาสุขภาพร่างกายทั่วๆไปให้แข็งแรง (เป็นต้นว่า ทานอาหาร สุขภาพ บริหารร่างกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ คลายเครียด)
  • ป้องกันตนเองจากไข้หวัด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการป่วยไซนัสอักเสบ หรือถ้าเกิดจับไข้หวัดแล้วจำเป็นต้องรีบรักษาให้หายสนิทอย่างรวดเร็ว
  • อยู่ในที่มีอากาศระบาย ไม่มีฝุ่นผง หรือสิ่งที่จะส่งผลให้เกิดลักษณะโรคภูมิแพ้
  • อย่าให้ร่างกายจะต้องปรับเปลี่ยนอุณหภูมิอย่างเร็วเหลือเกิน
  • ไม่ว่ายน้ำ มุดน้ำ ในช่วงเวลาที่มีการติดเชื้อในช่องจมูก
  • ลด หรือ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • รักษาสุขภาพฟันป้องกันไม่ให้ฟันผุเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อในโพรงปากที่เป็นต้นเหตุของโรไซนัสอักเสบ
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองปกป้อง/รักษาโรคไซนัสอักเสบ
ฟ้าทะลายมิจฉาชีพ ชื่อวิทยาศาสตร์Andrographis paniculata (Burm. f.) Nees วงศ์    Acanthaceae สารออกฤทธิ์ andrographolide, deoxyandographolide, didehydro-deoxyandrographolide และก็ neoandrographolide ฟ้าทะลายขโมยได้ผลในการคุ้มครองหวัดและก็ทุเลาอาการหวัด การเรียนในนักเรียนโตตอนหน้าหนาว ให้รับประทานยาเม็ดฟ้าทะลายมิจฉาชีพแห้ง ขนาด 200 มก./วัน ในเดือนแรกของการทดสอบยังไม่เจอไม่เหมือนกันระหว่างกลุ่มที่กินยารวมทั้งกลุ่มควบคุม ภายหลัง 3 เดือนของการทดลอง อุบัติการณ์การเป็นหวัดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม อัตราการเป็นหวัดในกลุ่มที่ได้รับฟ้าทะลายโจรพอๆกับ 20% ในระหว่างที่กรุ๊ปควบคุมมีอัตราการเป็นหวัดเท่ากับ 62%    การเรียนรู้ทางคลินิก ในผู้ที่มีอาการติดเชื้อของระบบทางเท้าหายใจส่วนบนอย่างฉับพลัน และก็กรุ๊ปอาการภูมิแพ้ด้วย กลุ่มทดลอง 95 คน กินยา Kan Jang (ประกอบด้วยสารสกัดมาตรฐานของฟ้าทะลายขโมย 85 มิลลิกรัม (มี andrographolide 5 มิลลิกรัม) และสารสกัด Eleutherococcus senticosus 120 มก.) กลุ่มควบคุม 90 คน กินยาหลอก ทั้งคู่กรุ๊ปกินยานาน 5 วัน วัดผลโดยให้คะแนนจากการคาดคะเนอุณหภูมิ ลักษณะของการปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ อาการแสดงทางคอ ไอ อาการแสดงทางจมูก ความรู้สึกป่วยตัว แล้วก็อาการทางตา ผลวิจัยพบว่า คะแนนรวมทั้งหมดของกลุ่มทดลองสูงกว่ากลุ่มควบคุม โดยจะมีอาการปวดศีรษะ อาการทางจมูก อาการทางคอ และความรู้สึกป่วยไข้ตัวลดน้อยลง
ปีบ ชื่ออื่นๆ กาซะลอง กาดสะทดลอง (เหนือ)  ชื่อวิทยาศาสตร์  Millingtonia hortensis L.f. ชื่อวงศ์Bignoniaceae  สรรพคุณ         ตำราเรียนยาไทย ดอก รสหวานขมหอม ขยายหลอดลม มวนเป็นบุหรี่ดูดรักษาโรคหืด ดูดแก้ริดสีดวงจมูก ภูมิแพ้ บำรุงน้ำดี เพิ่มการหลั่งน้ำดี บำรุงเลือด  ส่วนประกอบทางเคมี  ดอกมีสารฟลาโวนอยด์ hispidulin ช่วยขยายหลอดลม และเจอฟลาโวนอยด์อื่นๆยกตัวอย่างเช่น scutellarein, scutellarein-5-galactoside, hortensin, cornoside, recimic, rengyolone, rengyoside B, rengyol, rengyoside A,  iso rengyol, millingtonine ใบพบฟลาโวนอยด์ hispidulin, dinatin รวมทั้งสารอื่นๆอาทิเช่น ß carotene, rutinoside เปลือกต้น พบสารที่ให้ความขม และสารแทนนิน รากเจอ Lapachol, β-sitosterol, poulownin
เอกสารอ้างอิง

  • ผศ.นพ.สุรเกียรติ อาศนะเสน.ไซนัสอักเสบ..รักษาได้.สาขาวิทยาโรคจมูกและภูมิแพ้ ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล.
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.ไซนัสอักเสบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่3
บันทึกการเข้า