รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ส้มป่อยมีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างน่าทึ่ง  (อ่าน 652 ครั้ง)

billcudror1122

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 100
    • ดูรายละเอียด

ส้มป่อย
ชื่อสมุนไพร ส้มป่อย
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น  ส้มขอน , ส้มคอน (ไทยใหญ่,แม่ฮ่องสอน) , ส้มพอดี (อีสาน) , ผ่อชิละ ผ่อชิบูทู (กะเหรี่ยง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Acacia concinna (Willd.) DC.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Acacia rugata (Lam.) Merr., Mimosa concinna (Willd.) DC.
ตระกูล FABACEAE
ถิ่นกำเนิด ส้มป่อย เป็นพืชที่เป็นที่รู้จักดันดีในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคเหนือที่ถือว่าส้มป่อยเป็นพืชที่มีความมงคล โดยมีความคิดกันว่าถ้าบ้านใดมีต้นส้มป่อยในบ้าน จะช่วยคุ้มครองป้องกันเพศภัยแล้วก็เคราะห์ต่างๆให้ปล่อยออกไปจากบ้านดังชื่อของส้มป่อย รวมทั้งฝักของส้มป่อยก็ใช้แช่น้ำมั่นใจว่าจะก่อให้เป็นน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ใช้ขจัดสิ่งชั่วร้ายต่างๆได้ ซึ่งส้มป่อยนี้เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย ได้แก่ เอเซียอาคเนย์ อาทิเช่น ประเทศไทย , พม่า , ลาว , กัมพูชา , มาเลเซีย , และก็ประเทศในทวีปเอเชียใต้ ตัวอย่างเช่น ประเทศอินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ ฯลฯ  ส้มป่อยเป็นไม้ที่มีความคงทนต่อสภาพแห้งเจริญ พบได้มากขึ้นตามป่าคืนสภาพ ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ที่ราบเชิงเขา และก็ที่รกร้างว่างเปล่าทั่วไป  ในประเทศไทยสามารถเจอได้ทุกภาคของประเทศ
ลักษณะทั่วไป ส้มป่อยจัดเป็นไม้พุ่มรอเลื้อยซึ่งจะ พาดพันต้นไม้อื่นได้ราวๆ สูง 3-6 เมตร เถามีเนื้อแข็ง ผิวเรียบสีน้ำตาล ขนาดใหญ่ มีหนามเล็กแหลมตามลำต้น แขนงแล้วก็ใบ ไม่มีมือเกาะจะเลื้อยพิงพันต้นไม้อื่น เถาอ่อนสีน้ำตาลแดง มีขนกำมะหยี่หรือขนสั้นดกนุ่ม ใบเป็นใบประกอบแบบขนสองชั้น เรียงสลับ ช่อใบย่อย 5-10 คู่ ใบย่อย 10-35 คู่ ต่อช่อ ใบย่อยรูปขอบขนาน ขนาดเล็ก ออกเรียงตรงข้าม ปลายใบมนหรือแหลม ที่ปลายเป็นติ่งหนามแหลมอ่อนโค้ง โคนใบตัด ขอบของใบดกเรียบ แผ่นใบเรียบ ก้านใบยาว 3.6-5.0 เซนติเมตร มีขนสั้นนุ่มรวมทั้งหนาแน่น พบก้อนนูนสีน้ำตาลคล้ายต่อม 1 อัน อยู่ที่โคนก้านใบ ศูนย์กลางยาว 6.6-8.5 ซม. ก้านใบย่อยสั้นมากมาย ยาว 0.5 มิลลิเมตร หรือน้อยกว่า หมดจด รวมทั้งมีขนนุ่มหนาแน่น ดอกเป็นช่อกลุ่มกลม ออกตามซอกใบข้างลำต้น 1-3 ช่อดอกต่อข้อ ขนาด 0.7-1.3 ซม. มี 35-45 ดอก ก้านช่อดอกยาว 2.5-3.2 มม. มีขนนุ่มหนาแน่น ใบตกแต่งดอก 1 อัน รูปแถบ ยาวไม่เกิน 1 มม. โคนสอบเรียว สีแดง มีขนกระจายทั่วไป ดอกขนาดเล็กอัดแน่นอยู่เป็นแกนดอก กลีบดอกไม้เป็นหลอด สีขาวนวล กลีบเลี้ยงแล้วก็กลีบดอกไม้อย่างละ 5 กลีบ กลีบเลี้ยง หลอดกลีบกว้าง 1.0-1.5 มิลลิเมตรยาว 2.5-3.0 เซนติเมตร ปลายแหลม สีแดง อาจมีสีขาวผสมเล็กน้อย กลีบดอกไม้ หลอดกลีบกว้าง 1.0-1.5 มม. ยาว 3.5-4.0 มม. มีขนบางส่วนที่ปลายกลีบ เกสรเพศผู้ 200-250 อัน ยาว 4-6 มม. เกสรเพศเมีย รังไข่ยาว 1 มม. มี 10-12 ออวุล มีก้านรังไข่ยาว 1 มม. ก้านและก็ยอดเกสรเพศเมียยาว 2.5-3.5 มม. สีขาวอมเหลืองหรือสีเขียวอมเหลือง ผลเป็นฝักรูปขอบขนาน แบนยาว ครึ้ม ขนาด กว้าง 1.3-1.4 ซม. ยาว 7.0-9.3 ซม. ฝักอ่อนเปลือกสีเขียวอมแดง เมื่อแก่สีน้ำตาลเข้ม ผิวฝักเป็นลอนคลื่นเป็นข้อ ปลายฝักมีหางแหลม สันฝักดก ผิวร่นมากมายเมื่อแห้ง ก้านผลยาว 2.8-3.0 ซม. แต่ละผลมี 5-12 เมล็ด เม็ดสีดำ แบนรี ผิวมัน กว้าง 4-5 มิลลิเมตร ยาว 7-8 มม. ออกดอกราวมกราคมถึงพ.ค. ติดผลพฤษภาคมถึงต.ค.
การขยายพันธุ์ ส้มป่อยมักจะเจอได้ในป่าเบญจพรรณและก็ป่าดิบแล้วบริเวณที่ราบเชิงเขาส่วนการขยายพันธุ์  ส้มป่อยนั้นสามารถทำได้ด้วยขั้นตอนการเพาะเมล็ดรวมทั้งการปักชำ แต่ว่าวิธีที่เป็นที่นิยมกันมากเป็นการปักชำ โดยตัดกิ่งแก่ให้ยาวราวๆ 50 ซม.มาปักชำในกระถางหรือในรอบๆที่ต้องการจะเพาะชำ ซึ่งในกระถางหรือบริเวณดังกล่าต้องมีความชุ่มชื้นมาก แล้วก็รดน้ำทุกวี่ทุกวันจนกิ่งที่ชำกำเนิดรากแล้วจึงย้ายลงหลุมที่จะปลูกต่อไป สำหรับในการปลูกส้มป่อยนั้นควรจะปลูกเอาไว้ภายในที่โล่งหรือที่ๆมีแสงมาก สามารถปลูกได้ในดิน      Malic acid ที่มา : Wikipedia     ทุกจำพวกที่มีการระบายน้ำเจริญ ด้วยเหตุว่าส้มป่อยชอบความชุ่มชื้นปานกลางถึงน้อยและชอบแสงแดดมากมาย ส่วนการดูแลรักษานั้น ส้มป่อยไม่ค่อยมีโรครวมทั้งศัตรูพืชมากมาย แม้กระนั้นควรตัดแต่งกิ่งหรือทำค้างให้ลำต้นของส้มป่อยพันเลื้อยขึ้นไปเพื่อสบายในการเก็บเกี่ยวผลผลิตของส้มป่อย
องค์ประกอบทางเคมี ฝักมีสารซาโปนิน 20.8% อาทิเช่น acasinin       Tannin   ที่มา : Wikipedia
A, B, C, D รวมทั้ง E   azepin , tannin , malic  acid , concinnamide, lupeol , machaerinic acid , menthiafolic, sonuside, sitosterol ส่วนค่าทางโภชนาการของส้มป่อยมีดังนี้
ค่าทางโภชนาการ ส้มป่อย 100 กรัม ประกอบด้วย  น้ำ 85.6  กรัม  แคลเซียม 95 มิลลิกรัม ไทอะมีน 0.04 มิลลิกรัม เบต้าแคโรทีน 6568 ไมโครกรัม ไนอะซิน 1.1 มก. วิตามินเอรวม 1095 RE วิตามินซี 6 มก. วิตามินอี 6.7 มิลลิกรัม                                 
คุณประโยชน์/สรรพคุณ ยอดอ่อน แล้วก็ใบอ่อน ของส้มป่อย ใช้กินเป็นผักรวมทั้งเครื่องปรุงรส ช่วยให้อาหารมีรสเปรี้ยว แล้วก็ช่วยขจัดกลิ่น คาวปลา ยอดเอามาทำอาหารได้หลายอย่าง อาทิเช่น machaerinic acid ที่มา : Wikipedia  แกงส้ม ต้มปลา ต้มน้ำกะทิปลาเค็ม น้ำของฝักส้มป่อย ใช้ขัดเครื่องเงิน เครื่องทองให้เงาสวยได้ ฝักแก่แห้งเอามาต้มเอาน้ำใช้สระผมแก้รังแค แก้อาการคันหัว บำรุงเส้นผม ทำให้ผมชุ่มชื้นเป็นเงาสวย เป็นยาปลูกผม รวมทั้งคุ้มครองปกป้องผมหงอกก่อนวัย  ใบส้มป่อยสามารถนำมาสกัดทำเป็นสีย้อมเส้นไหมได้ โดยสีที่ได้คือสีเขียวอ่อน สีเหลืองอ่อน สีน้ำตาลอ่อน หรือสีครีม  ในด้านของความศรัทธาส้มป่อยนับว่าเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของชาวล้านนา โดยชาวบ้านจะใช้ฝักในพิธีการทำน้ำมนต์เพื่อสะเดาะเคราะห์ ใช้ในงานมงคล ทำน้ำมนต์รดน้ำดำหัวคนแก่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์  หรือใช้สรงน้ำพระพุทธปฏิมา  ทั้งส้มป่อยยังจัดเป็นไม้มงคลของชาวไทย โดยเชื่อว่าการปลูกส้มป่อยจะช่วยขับไล่ภูตผีปีศาจรวมทั้งเรื่องเลวร้ายไม่ให้มารบกวน ช่วยเสริมหรือคืนอำนาจให้ผู้มีถลาค้างเวทมนตร์คาถา โดยกำหนดให้ปลูกไว้ทางทิศเหนือ  ส่วนคุณประโยชน์ทางยาของส้มป่อยนั้นมีดังนี้
ใบ แก้โรคตา จ่ายมูกมันในลำไส้ ยาถ่ายเสลด ถ่ายระดูขาว แก้บิด ถูล้างเลือดประจำเดือน ประคบให้เส้นเอ็นหย่อน ใบใช้ในสูตรยาอบสมุนไพร มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆช่วยชะล้างสิ่งสกปรก เพิ่มความต้านทานโรคให้กับผิวหนัง บำรุงผิวพรรณ แก้หวัด แก้เมื่อย สูตรยาลูกประคบสมุนไพร ช่วยทำนุบำรุงผิว แก้โรคผิวหนัง ลดความดัน  ใบตำห่อผ้าประคบเส้นให้เส้นอ่อน ใช้ใบอ่อน ต้มเอาน้ำผสมกับน้ำผึ้ง รับประทานเป็นยาขับฉี่ ฝัก มีรสเปรี้ยว เป็นยาถ่าย ขับเสลด แก้ไอ แก้บิด แก้ไข้จับสั่น ฝักปิ้งให้เหลือง ชงน้ำจิบแก้ไอ ขับเสมหะ แก้น้ำลายเหนียว เป็นยาถ่ายทำให้อ้วก แก้ซางในเด็ก ใช้สระผม ทำให้ผมชุ่มชื้นเป็นเงางาม ไม่มีรังแค ต้มน้ำอาบข้างหลังคลอด ฝักตำพอกหรือชุบสำลีปิดแผลโรคผิวหนัง เปลือกฝัก รสขมเปรี้ยวเผ็ดปร่า เจริญอาหาร กัดเสลด แก้ไอ ต้น รสเปรี้ยวฝาด เป็นยาระบาย แก้โรคตาแดง แก้น้ำตาทุพพลภาพ  ยอดอ่อน เอามาต้มน้ำ และผสมกับน้ำผึ้งดื่มเป็นยาช่วยขับปัสสาวะ หรือเอามาตำรวมกับขมิ้นอ้อย แล้วใส่น้ำมันพืชน้อย หมกไฟพออุ่น นำไปพอกแก้ฝี ดอก รสเปรี้ยว ฝาด มัน แก้เอ็นที่ทุพพลภาพให้สมบูรณ์ ใบรวมทั้งฝัก ต้มอาบ ชำระล้าง บำรุงผิว ราก รสขม แก้ไข้
บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เริ่มแรก ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5)    ปรากฏการกางใบและฝักส้มป่อย ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ เป็นยารักษากลุ่มอาการทางระบบทางเดินอาหาร ตำรับ “ยาถ่ายดีเกลือฝรั่ง” มี ดีเกลือฝรั่ง ยาดำ ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มป่อย ฝักคูน รากขี้กาแดง รากขี้กาขาว รากตองแตก ฝักส้มป่อย สมอไทย สมอดีงู เถาวัลย์เปรียง ขี้เหล็ก หัวหอม ต้นหญ้าไทร ใบไผ่ป่า สรรพคุณ แก้ท้องผูก ในกรณีที่ใช้ยาอื่นแล้วไม่ได้ผล
รูปแบบ/ขนาดวิธีใช้   แก้ไอ ด้วยการใช้ฝักเอามาปิ้งให้เหลืองแล้วชงกับน้ำจิบกินเป็นยา หรือจะใช้เปลือกนำมาแช่กับน้ำดื่มทำให้เปียกแฉะคอแก้ไอได้  เม็ดเอามาคั่วให้ไหม้เกรียมแล้วบดให้ละเอียด ใช้เป่าจมูก ทำให้คันจมูกและทำให้จามได้  ยอดอ่อนหรือใบอ่อนนำมาต้มกับน้ำ รวมทั้งผสมกับน้ำผึ้งใช้ดื่มรับประทานเป็นยาช่วยขับฉี่  ยอดอ่อนนำมาตำผสมกับขมิ้นอ้อย แล้วใส่น้ำมันพืชน้อย หมกไฟพออุ่น แล้วค่อยนำไปพอกจะช่วยแก้ฝี แก้พิษฝี ทำให้ฝีแตกเร็วหรือยุบไป ส่วนอีกวิธีใช้รากส้มป่อยนำมาฝนใส่น้ำปูนใสทาบริเวณที่เป็นฝี  ใบใช้ตำประคบหรือตำห่อผ้าประคบเส้นช่วยทำให้เส้นเอ็นอ่อน แก้เส้นเอ็นทุพพลภาพ ปวดเมื่อย  ช่วยให้สตรีตั้งครรภ์คลอดได้ง่าย ด้วยการใช้ฝักส้มป่อยราวๆ 3-7 ข้อ นำมาต้มกับน้ำอาบตอนเวลาเย็น โดยให้อาบก่อนกำหนดคลอด 2-3 วัน แต่ว่าห้ามอาบมากมายด้วยเหตุว่าจะมีผลให้รู้สึกร้อน
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา

  • ฤทธิ์ต่อต้านเชื้อรา สารสกัดน้ำจากผล ความเข้มข้น 20 มก./มล. มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อรา Epidermophyton floccosum ในหลอดทดสอบ แต่ไม่มีฤทธิ์ต้านทานเชื้อรา Trichophyton rubrum และ Microsporum gypseum เหมือนกับสารสกัดอัลกอฮอล์จากผล ความเข้มข้น 100 มิลลิกรัม/มล. ไม่มีฤทธิ์ต้านทานเชื้อรา T. rubrum, M. gypseum รวมทั้ง E. floccosum
  • ฤทธิ์ต่อต้านเชื้อยีสต์ สารสกัดน้ำ และก็สารสกัดอัลกอฮอล์จากผล ความเข้มข้น 100 แล้วก็ 200 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร เป็นลำดับ และสารสกัดน้ำจากส้มป่อย (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้และความเข้มข้น) ไม่มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อยีสต์ Candida albicans
  • ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย สารสกัดน้ำและก็สารสกัดอัลกอฮอล์จากผล ความเข้มข้น 100 และ 200 มก./มิลลิลิตร เป็นลำดับ และก็สารสกัดน้ำจากส้มป่อย (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้รวมทั้งความเข้มข้น) ไม่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus
  • เมื่อปี ค.ศ.2006 ที่ประเทศอินเดีย ได้กระทำทดลองสารสกัดจากดอกส้มป่อยกับหนูเพศผู้ โดยการให้สารสกัดในขนาด 50 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม โดยใช้ช่วงเวลาการทดสอบนาน 3 สัปดาห์ ผลการทดสอบพบว่า ค่าคอเลสเตอรอลในเลือดของหนูทดลองลดน้อยลง ไตรกลีเซอไรด์ลดลง อย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ แล้วก็สารสกัดจากส้มป่อยยังส่งผลลดน้ำเชื้อและ endometrial glands ในมดลูก มีการเปลี่ยนแปลงในชั้นเซลล์ในมดลูก สรุปว่าสมุนไพรส้มป่อยสามารถใช้เป็นยาคุมได้ด้วย
  • สารสกัดซาโปนินจากเปลือกส้มปอยและก็สารสกัดเอทานอลและน้ำ ในอัตราส่วน 1:1 มีฤทธิ์ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงแตก โดยค่าดัชนีการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงพอๆกับ 1,350
การศึกษาทางพิษวิทยา  หลักฐานความเป็นพิษและก็การทดสอบความเป็นพิษ
          เมื่อให้สารสกัดจากใบและลำต้น (ไม่เจาะจงสารสกัดที่ใช้) แล้วก็สารสกัดเอทานอล:น้ำ (1:1) จากใบและก็ลำต้น ขนาด 10 ก./กิโลกรัม ทางสายยางให้อาหารหนูถีบจักร ไม่เจอพิษ เมื่อฉีดสารสกัดจากใบรวมทั้งลำต้น (ไม่กำหนดสารสกัดที่ใช้) ขนาด 10 กรัม/กิโลกรัม เข้าใต้ผิวหนังหนูถีบจักร ไม่พบพิษเช่นเดียวกัน รวมทั้งเมื่อฉีดสารสกัดเอทานอล:น้ำ (1:1) จากส่วนเหนือดินเข้าช่องท้องหนูถีบจักร มีค่า LD50พอๆกับ 125 มิลลิกรัม/กก.
          ส่วนสกัดซาโปนินจากเปลือก (ไม่เจาะจงความเข้มข้น) รวมทั้งสารสกัดเอทานอล:น้ำ (1:1) (ไม่ระบุส่วนที่ใช้) มีฤทธิ์ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงแตก ค่าดัชนีการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงพอๆกับ 1,350
          สาร acacic acid จากเปลือก (ไม่ระบุความเข้มข้น) มีฤทธิ์ฆ่าสเปิร์ม แล้วก็ส่วนสกัดซาโปนินจากเปลือก ความเข้มข้น 0.004% มีฤทธิ์ฆ่าสเปิร์มในคนเพศชาย
          สารสกัดเอทานอล:น้ำ (1:1) จากส่วนเหนือดิน ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ CA-9KB ขนาดของสารที่เป็นพิษต่อเซลล์กึ่งหนึ่ง มากกว่า 20 มคก./มิลลิลิตร สารสกัดเมทานอล 75% จากผลเป็นพิษต่อเซลล์ Fibrosarcoma HT-1080 ความเข้มข้นของสารที่เป็นพิษต่อเซลล์ครึ่งหนึ่งเท่ากับ 2.1 มคก./มล. โดยมีสารที่ออกฤทธิ์เป็น Kinmoonosides A, B รวมทั้ง C มีขนาดของสารที่เป็นพิษต่อเซลล์ครึ่งหนึ่งพอๆกับ  4.89,  1.43,  แล้วก็  1.87 มคก./มล. ตามลำดับ  ส่วนสารสกัดเมทานอล  ส่วนสกัดที่ละลายน้ำ  สารสกัดเมทานอล:เอทานอล (1:1) จากผล เป็นพิษต่อเซลล์ Fibrosarcoma HT-1080 อย่างอ่อน ความเข้มข้นของสารที่เป็นพิษต่อเซลล์ครึ่งหนึ่งพอๆกับ 10, 17.9 และก็ 21.5 มคกรัม/มล. ตามลำดับ สารสกัดคลอโรฟอร์ม สารสกัดอะซีโตน ส่วนสกัดที่ละลายน้ำ สารสกัดเมทานอลรวมทั้งสารสกัดเมทานอล:เอทานอล (1:1) จากผล เป็นพิษต่อเซลล์ CA-Colon-26-L5 อย่างอ่อน
ข้อเสนอแนะ/สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวัง ถึงแม้ในขณะนี้ไม่มีข้อมูลในด้านข้อควรพิจารณาสำหรับในการใช้ส้มป่อยแต่อย่างไรก็ดีส้มป่อยก็ยังเป็นราวกับสมุนไพรชนิดอื่นๆที่ต้องมีการระมัดระวังสำหรับเพื่อการกินถ้าเกิดกินเป็นอาหารหรือส่วนประกอบของอาหารอาจไม่มีอันตรายอะไร แต่ว่าถ้าเกิดจะใช้เพื่อคุณประโยชน์ทางยานั้นควรจะใช้แต่พอดี ไม่ใช้ในปริมาณที่มากและไม่ควรที่จะใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเพราะบางทีอาจเกิดโทษต่อสุขภาพได้
เอกสารอ้างอิง

  • มงคล โมกขะสมิต กมล สวัสดีมงคล ประยุทธ สาตราวาหะ.  การศึกษาพิษของสมุนไพรไทย.  วารสารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 2514;13:36-66.
  • ส้มป่อย.ฐานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
  • หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1.  (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์).  “ส้มป่อย (Som Poi)”.  หน้า 282.
  • วันดี อวิรุทธ์นันท์ แม้นสรวง วุฒิอุดมเลิศ.  ฤทธิ์ต้านเชื้อราของพืชสมุนไพร.  วารสารเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล 2536;10(3):87-9.
  • Banerji R, Prakash D, Misra G, et al.  Cardiovascular and hemolytic activity of saponins.  Indian Drugs 1981;18(4):121-4.
  • วไลพร พงวิรุฬห์ วีณา ถือวิเศษสิน วีณา จิรัจฉริยากูล และคณะ.  ดัชนีการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงในมาตรฐานสมุนไพรไทย.  โครงการพิเศษ ม.มหิดล, 2531-2532.
  • ส้มป่อย.ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. http://www.disthai.com/
  • หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ.  (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล).  “ส้มป่อย”.  หน้า 33.
  • Avirutnant W, Pongpan A.  The antimicrobial activity of some Thai flowers and plants.  Mahidol Univ J Pharm Sci 1983;10(3):81-6.
  • ส้มป่อย.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • หนังสือสมุนไพรลดไขมันในเลือด 140 ชนิด.  (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก).  “ส้มป่อย”  หน้า 178.
  • Mokkhasmit M, Swatdimongkol K, Satrawaha P.  Study on toxicity of Thai medicinal plants.  Bull Dept Med Sci 1971;12(2/4):36-65.
  • Banerji R, Nigam SK.  Chemistry of Acacia concinna and a Cassia bark.  J Indian Chem Soc 1980;57:1043-4.
  • Ikegami F, Sekine T, Hjima O, Fujii Y, Okonogi S, Murakoshi I.  Anti-dermatophyte activities of “tea seed cake” and “pegu – catechu”.  Thai J Pharm Sci 1993;17(2):57-9.
  • ส้มป่อย.ฐานข้อมูลความปลอดภัยของสมุนไพรที่มีการขึ้นทะเบียนยาแผนโบราณ.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • Tezuka Y, Honda K, Banskota AH, Thet MM, Kadota S.  Kinmoonosides A-C, three new cytotoxic saponins from the fruits of Acacia concinna, a medicinal plant collected in Myanmar.  J Nat Prod 2000;63:1658-64.
  • Banergi R, Srivastava AK, Misra G, Nigam SK, Singh S, Nigam SC, Saxena RC.  Steroid and triterpenoid saponins as spermicidal agents.  Indian Drugs 1979;17(1):6-8.
  • Bhakuni DS, Dhar ML, Dhar MM, Dhawan BN, Gupta B, Srimali RC.  Screening of Indian plants for biological activity. Part III.  Indian J Exp Biol 1971;9:91.

บันทึกการเข้า