รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: มะกรูดเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์เป็นอย่างมาก  (อ่าน 559 ครั้ง)

แสงจันทร์5555

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 77
    • ดูรายละเอียด

มะกรูด
ชื่อสมุนไพร  มะกรูด
ชื่ออื่นๆ/ชื่อแคว้น มะขูด , มะขุน (ภาคเหนือ) , ส้มมั่วผี , ส้มกรูด (ภาคใต้) , โกร้ยเชีด (เขมร) , มะขู (แม่ฮ่องสอน)
ชื่อสามัญ    Kaffir lime , Mauritius papeda , Leech lime
ชื่อวิทยาศาสตร์  Citrus hystrix DC.
สกุล  RUTACEAE
ถิ่นเกิด เป็นพืชตระกูลส้ม แล้วก็มะนาว เป็นพืชประจำถิ่นในเขตร้อนชื้นแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิเช่น ไทย พม่า ลาว กัมพูชา ฯลฯ  ซึ่งถูกจัดเป็นไม้ผล สำหรับมะกรูดในประเทศไทยนั้น  คนไทยอาจจะคุ้นเคยกันอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากเป็นสมุนไพรคู่ห้องครัวไทยมาอย่างนาน เพราะเหตุว่านิยมใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องแกงที่จำเป็นจะต้องอย่างขาดไม่ได้เลย (ซึ่งโดยธรรมดาแล้วพวกเราชอบนิยมใช้ใบมะกรูดรวมทั้งผิวมะกรูดมาเป็นส่วนประกอบของพริกแกง) นอกเหนือจากนั้นมะกรูดก็ยังมีคุณประโยชน์ในด้านอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในด้านของความงามรวมทั้งในด้านของยาสมุนไพร อีกทั้งยังนับได้ว่าเป็นพืชที่มีความมงคลที่นิยมนำมาปลูกไว้รอบๆบ้านอีกด้วย เพราะมั่นใจว่าจะทำให้ผู้อยู่อาศัยสุขสบาย โดยมักจะปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉเหนือของตัวบ้าน
ลักษณะทั่วไป
มะกรูด เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก แก่นไม้เป็นเนื้อแข็ง เปลือกเรียบมีสีน้ำตาลอ่อน ลำต้นแตกกิ่งก้านมากไม่น้อยเลยทีเดียวตั้งแต่ระดับล่างของลำต้นทำให้มีลักษณะเป็นพุ่มไม้ ตามลำต้น และกิ่งมีหนามแหลมยาว ใบมะกรูด เป็นใบประกอบ ออกเป็นใบคนเดียว มีก้านใบแผ่ออกเป็นครีบเหมือนแผ่นใบ ใบมีลักษณะหนา เรียบ มีผิวมัน สีเขียว และเขียวเข้มตามอายุของใบ ใบมีคอดกิ่วที่กลางใบทำให้ใบแบ่งได้ 2 ตอน หรือ เหมือนใบไม้ 2 ใบ ต่อกัน ขนาดใบกว้างราว 2.5-5 ซม. ยาวราวๆ 5-12 ซม. ใบมีกลิ่นหอมหวนมากมายเนื่องจากว่ามีต่อมน้ำมันอยู่  ดอกมะกรูดเป็นดอกบริบูรณ์เพศ ดอกออกเป็นช่อมีสีขาว แทงออกบริเวณส่วนยอดหรือตามซอกใบ แต่ละช่อมีดอกโดยประมาณ 1-5 ดอก หลีบดอกมีสีขาวครีม 5 กลีบ มีขนปกคลุม ข้างในดอกมีเกสรมีสีเหลือง ดอกมีกลิ่นหอมหวนบางส่วน และเมื่อแก่จะหล่นง่าย  ผลมะกรูดหรือลูกมะกรูด มีลักษณะค่อนข้างกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5-7 เซนติเมตร ผลเหมือนผลส้มซ่า ผลมีขนาดใหญ่กว่ามะนาวเล็กน้อย ลักษณะของผลมีรูปร่างแตกต่างกันไปสุดแท้แต่จำพวก เปลือกผลออกจะดก ผิวเปลือกมีสีเขียวเข้ม ผิวขรุขระเป็นคลื่นหรือเป็นปุ่มนูน ภายในเปลือกมีต่อมน้ำมันหอมระเหยจำนวนมาก มีจุกที่หัว และท้ายของผล เมื่อสุก ผลจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง  ข้างในผลประกอบด้วยเนื้อชุ่มฉ่ำน้ำ มีเม็ดแทรกบริเวณกลางผล 5-10 เมล็ด เนื้อผลมีรสเปรี้ยวคละเคล้าขมน้อย
การขยายพันธุ์   การขยายพันธุ์มะกรูดสามารถทำได้ด้วยหลายวิธี เช่น การทำหมันกิ่ง การทาบกิ่ง การต่อว่าดตา การต่อยอด รวมทั้งการเพาะเมล็ด แต่ว่าวิธีที่ได้รับความนิยม เช่น การตอนกิ่ง การต่อยอด และก็การเพาะด้วยเมล็ด เมื่อได้ต้นกล้าที่จะนำไปปลูกแล้ว ลำดับต่อไป ให้ขุดหลุม ให้ขนาดหลุมกว้าง x ยาว x ลึก ประมาณ 50 x 50 x 50 เซนติเมตร รองตูดหลุมด้วยขี้วัวผสมดิน กรีดถุงสีดำออก น้ำต้นกล้าลงปลูก กลบดิน รดน้ำ คลุมฟาง แล้วก็ทำหลักปักกับต้นเพื่อกันโยกเวลาลมพัด  โดยธรรมดานิยมนำมาปลูกมะกรูดระยะใกล้หมายถึง2×2 เมตร 1 ไร่จะได้มะกรูด 400 ต้น ถ้าเกิดปลูกระยะ 1.5 x 1.5 เมตร 1 ไร่จะได้ 1067 ต้น สำหรับการปลูกระยะใกล้นี้จะเป็นการปลูกมะกรูดเพื่อจำหน่ายใบ เพราะว่ามีการตัดใบขายทุกๆ3 – 4 เดือน พุ่มไม้มะกรูดก็จะไม่ชิดกันมากมาย  หากอยากปลูกเพื่อขายเป็นลูกมะกรูด ผู้ปลูกอาจปลูกระยะห่าง 4 x 4 เมตร 1 ไร่จะได้ 200 ต้น หรือ 5 x 5 เมตร 1 ไร่จะได้ 65 ต้น ฯลฯ
สำหรับมะกรูดปลูกก้าวหน้าในดินทุกชนิดรวมทั้งระยะปลูกมะกรูดนั้น ปลูกได้หลายระยะขึ้นกับเป้าประสงค์และก็พื้นที่ของผู้ปลูกดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
องค์ประกอบทางเคมี นํ้ามันหอมระเหยมะกรูดประกอบด้วย 2 โดยมากๆคือ สารในกลุ่มเทอร์พีน ( terpenes) และสารที่ไม่ใช่กลุ่มเทอร์พีน ( non-terpene) หรือ oxygenated compounds อาทิเช่น ในผิวมะกรูดมีน้ำมันระเหยง่ายจำนวนร้อยละ 4 มีองค์ประกอบหลักเป็น “เบตาไพนีน” (beta-pinene) ราวๆร้อยละ 30 , “ลิโมนีน” (limonene)  ประมาณร้อยละ 29 , beta-phellandrene, citronellal นอกเหนือจากนี้ยังเจอ linalool, borneol, camphor, sabinene, germacrene D, aviprin   
ที่มา :  Wikipedia
       สารกรุ๊ปคูมาริน เช่น umbelliferone, bergamottin,  oxypeucedanin, psoralen, N-(iminoethyl)-L-ornithine (L-NIO)       น้ำจากผลพบกรด citric
ส่วนในใบมะกรูดเมื่อกลั่นด้วยละอองน้ำ จะได้น้ำมันระเหยง่ายราวจำนวนร้อยละ 0.08 มีส่วนประกอบหลักเป็น “แอล-สิโตรเนลลาล”(l-citronellal) โดยประมาณจำนวนร้อยละ 65, citronellol, citronellol acetate นอกจากนั้นยังเจอ sabinene, alpha-pinene, beta-pinene, alpha –phellandrene, limonene, terpinene, cymene, linalool รวมทั้งสารอื่นที่พบยกตัวอย่างเช่น indole alkaloids, rutin, hesperidin, diosmin, alpha-tocopherol ส่วนคุณประโยชน์ทางโภชนาการของมะกรูดนั้นสามารถแยกได้ดังต่อไปนี้
คุณประโยชน์ทางโภชนาการของใบมะกรูด (100 กรัม)

  • พลังงาน 171 กิโลแคลอรี่
  • โปรตีน 6.8 กรัม
  • ไขมัน 3.1 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 29.0 กรัม
  • เส้นใย 8.2 กรัม
  • แคลเซียม 1672 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 20 มก.
  • เหล็ก 3.8 มิลลิกรัม
  • วิตามินเอ 303 ไมโครกรัม
  • ไทอามีน 0.20 มิลลิกรัม
  • ไรโบฟลาวิน 0.35 มก.
  • ไนอาซิน 1.0 มก.
  • วิตามินซี 20 มก.
  • ขี้เถ้า 4.0 กรัม


ค่าทางโภชนาการของผิวลูกมะกรูด (100 กรัม)

  • คาร์โบไฮเดรต 21.3 กรัม
  • โปรตีน 2.8 กรัม
  • ไขมัน 1.1 กรัม
  • ใยอาหาร 3.4 กรัม
  • แคลเซียม 322 มก.
  • ธาตุฟอสฟอรัส 62 มก.
  • เหล็ก 1.7 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 1 0 มก.
  • วิตามินบี 2 0.13 มก.
  • วิตามินซี 115 มก.


คุณประโยชน์ทางโภชนาการของน้ำมะกรูด (100 กรัม)

  • คาร์โบไฮเดรต 10.8 กรัม
  • โปรตีน 0.6 กรัม
  • ไขมัน 0 กรัม
  • ใยอาหาร 0 กรัม
  • แคลเซียม 20 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 20 มิลลิกรัม
  • เหล็ก 0.6 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 1 0.02 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 2 58 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 55 มก.
ผลดี/สรรพคุณ
ใบมะกรูดและน้ำมะกรูดสามารถใช้กำจัดกลิ่นคาวในอาหารและก็ใช้สำหรับการเตรียมอาหารแล้วก็แต่งเหม็นกลิ่นคาวหวานของของกิน อาทิเช่น ต้มยำ แกงเผ็ด ผัดเผ็ด ฉู่ฉี่ ห่อหมก อื่นๆอีกมากมาย มีการนำเปลือกของมะกรูดมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องแต่งหน้าบางประเภท เช่น สบู่ ยาสระผมมะกรูดหรือแชมพูมะกรูด สินค้าคุ้มครองยุงและแมลง เป็นต้น ส่วนคุณประโยชน์ทางยาของมะกรูดนั้นมีดังนี้
หนังสือเรียนยาไทย: ใบมะกรูด มีรสปร่า หอม แก้ไอ แก้อ้วกเป็นเลือด แก้ช้ำใน กัดเสลดในคอ แก้น้ำลายเหนียว กัดเถาดานในท้อง แก้เมนส์เสียฟอกโลหิตเมนส์ ขับเมนส์ ขับลมในไส้ แก้จุกเสียด ผิว มีรสปร่าหอม ร้อน เป็นยาขับลมในไส้ แก้แน่น ขับประจำเดือน ขับผายลม เป็นยาบำรุงหัวใจ ผล ดองเป็นยาฟอกเลือดในสตรี ช่วยขับระดู ขับลมในลำไส้ แก้จุกเสียด ลักปิดลักเปิด น้ำมันจากผิวช่วยคุ้มครองรังแค และก็ทำให้เส้นผมดกดำเป็นเงาสวย ผล รสเปรี้ยว กัดเสลด แก้น้ำลายเหนียว กัดเถาดานในท้อง แก้ประจำเดือนเสีย ฟอกโลหิตระดู ขับระดู ขับลมในไส้ ทำลายพิษผิดสำแดง ผล ปิ้งไฟให้สุก ผ่าครึ่งลูก เอาถูฟอกสระผม ทำให้ผมดกดำเป็นเงางาม นุ่มสลวย แก้คัน แก้รังแค แก้ชันนะตุ ทำให้ผมสะอาดแพทย์ตามชนบทใช้ผลเอาไส้ออก ใส่มหาหิงคุ์แทน สุมไฟให้เกรียม บดปัดกวาดปากลิ้นเด็กอ่อน ขับขี้เทา ขับลม แก้ปวดท้องในเด็ก หรือใช้ผลสดนำมาผิงไฟให้เกรียม แล้วละลายให้เข้ากับน้ำผึ้ง ใช้ทาลิ้นให้เด็กที่เกิดใหม่ ยาท้องถิ่นบางถิ่นใช้น้ำมันมะกรูดดองยาที่เรียกว่า “ยาดองเปรี้ยวเค็ม” ที่ใช้กินเป็นยาฟอกโลหิตในสตรี น้ำผลมะกรูด มีรสเปรี้ยว แก้เสมหะในลำคอ แก้เลือดออกตามไรฟัน ฟอกโลหิตประจำเดือน ขับลมในไส้ และก็ใช้ถนอมยาไม่ให้บูดเน่า แก้อาการท้องอืด ช่วยเจริญอาหาร ใช้สระผมกันรังแค  เนื้อของผล แก้ปวดหัว
ตำรายาไทย: ผิวมะกรูดจัดอยู่ใน “เปลือกส้ม 8 ประการ” มี ผิวส้มเขียวหวาน ผิวส้มจีน ผิวส้มซ่า ผิวส้มโอ ผิวส้มตรังกานู ผิวมะงั่ว ผิวมะนาว หรือผิวส้มโอมือ และก็ผิวมะกรูด มีสรรพคุณแก้ลมกองละเอียด กองหยาบ แก้เสมหะโลหะ ใช้ปรุงยาหอม แก้ทางลม
           ในแบบเรียนพระโอสถพระนารายณ์: ระบุตำรับ “น้ำมันมหาจักร” จัดเตรียมได้ง่าย ใช้เครื่องยาน้อยสิ่ง หาซื้อได้ง่าย ในตำรับให้ใช้น้ำมันงา 1 ทะนาน (ขนาดทะนาน 600) มะกรูดสด 30 ลูก ปอกเอาแต่ผิว จัดเตรียมโดยเอาน้ำมันงาตั้งไฟให้ร้อน เอาผิวมะกรูดใส่ลง ทอดจนกระทั่งเหลืองไหม้เกรียมก็ดีให้ชูน้ำมันลง กรองเอากากออก ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วเอาเครื่องยาอีก 7 สิ่ง บดให้เป็นผงละเอียด ใส่ลงในน้ำมันที่ได้ เครื่องยาที่ใช้มี เทียนทั้งยัง 5 (เทียนตาตั๊กแตน เทียนขาว เทียนข้าวเปลือก เทียนแดง และก็เทียนดำ) หนักสิ่งละ 2 สลึง ดีปลีหนัก 1 บาท และการบูรหนัก 2 บาท สรรพคุณ ใช้ยอนหู แก้ลม แก้ริดสีดวง แก้เปื่อยคันก็ได้ ทาแก้เมื่อยขบ แล้วก็ใส่รอยแผล ที่มีอาการปวด ที่เกิดจากเศษไม้ จากหนาม จากหอกกระบี่ ระวังอย่าให้แผลถูกน้ำ จะไม่เป็นหนอง
           นอกเหนือจากนั้นบัญชียาจากสมุนไพร ที่มีการใช้ตามองค์วิชาความรู้เริ่มแรก ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา ปรากฏการใช้ผิวมะกรูด ในยารักษาอาการของโรคในระบบต่างๆของร่างกาย อาทิเช่น ตำรับ”ยาหอมเทพจิตร” มีส่วนประกอบของผิวมะกรูด อยู่ใน ”เปลือกส้ม 8 ประการ” ร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณในการแก้ลมเวียนหัว แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียนอาเจียน อ้วก แก้ลมจุกแน่นในท้อง  ตำรับ “ยาประสะไพล” มีส่วนประกอบของผิวมะกรูด ร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆในตำรับ ใช้ในสตรีที่รอบเดือนมาไม่บ่อยนัก หรือมาน้อชูว่าปกติ แล้วก็ขับน้ำคาวปลาในสตรีหลังคลอด
รูปแบบ/ขนาดการใช้ ใช้ขับลมในลำไส้ แก้แน่น แก้เสลด ฝานผิวมะกรูดสดเป็นชิ้นเล็กๆ1 ช้อนแกง เพิ่มเติมการบูร หรือพิมเสน 1 จับมือ ชงด้วยน้ำเดือดแช่ทิ้งไว้ ดื่มแต่น้ำกิน 1-2 ครั้ง ถ้ายังไม่ดีขึ้นกินต่อเนื่องกัน 2-3 วัน ใช้สระผม ให้ดกดำ เงาสวย รักษาชันนะตุ  ให้ผ่ามะกรูดเป็น 2 ชิ้น เมื่อสระผมเสร็จแล้ว เอามะกรูดมาสระซ้ำโดยยีไปบนผม น้ำมะกรูดเป็นกรดจะทำให้ผมสะอาด แล้วล้างเอาสมุนไพรออกให้หมด หรือใช้ผลเผาไฟ นำมาผ่าซีกใช้สระผม  ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ด้วยการใช้ผิวมะกรูด รากชะเอม ไพล เฉพร้า ขมิ้นอ้อย ในปริมาณเสมอกัน เอามาบดเป็นผุยผง เอามาชงละลายน้ำร้อนหรือต้มเป็นน้ำดื่ม  ช่วยฟอกโลหิต ด้วยการนำผลมะกรูดสดมาผ่าเป็น 2 ซีกแล้วหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปดองกับเกลือหรือน้ำผึ้งโดยประมาณ 1 เดือน แล้วรินเอาแต่น้ำ จะช่วยฟอกโลหิตได้อย่างดีเยี่ยม
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ สาร coumarins 2 ประเภทที่ได้จากผลมะกรูด ตัวอย่างเช่น bergamottin แล้วก็ N-(iminoethyl)-L-ornithine (L-NIO) มีฤทธิ์ยั้งการหลั่งไนตริกออกไซด์ (NO) ในหลอดทดสอบ ซึ่งเป็นสารที่นำไปสู่การอักเสบ ซึ่งหลั่งจาก macrophage ของหนูที่ถูกกระตุ้นด้วย lipopolysaccharide (LPS) และก็ interferon-g (IFN- g)  โดยมีค่า IC50 พอๆกับ 14.0 µM และก็ 7.9 µM ตามลำดับ
      สารคูมาริน 3 ชนิด ได้แก่ bergamottin, oxypeucedanin รวมทั้ง psoralen สามารถยับยั้งการสร้างไนตริกออกไซด์ เมื่อทดลองในเซลล์แมคโครฟาจ RAW 264.7 ของหนู ที่ถูกกระตุ้นด้วยลิโปพอลิแซ็กคาร์ไรด์ (LPS) แล้วก็อินเตอร์เฟอรอน (interferon)
ฤทธิ์ปกป้องตับ    เรียนฤทธิ์ปกป้องตับของใบมะกรูดในหนูขาว โดยให้สารสกัด 80% เมทานอล จากใบมะกรูด ขนาด 200 mg/kg ตรงเวลา 7 วัน ก่อนให้ยา paracetamol ขนาด 2 g/kg ตรงเวลา 5 วัน เพื่อทำให้มีการเกิดพิษต่อตับ ซึ่งยา paracetamol จะทำการกระตุ้นให้ตับของหนูกำเนิดพิษในวันที่ 5 ใช้สาร Silymarin ขนาด 100 mg/kg เป็นสารมาตรฐาน ในวันที่ 7 จะมีการตรวจประเมินรูปแบบการทำงานของตับ ดังเช่นว่า ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับ (ALT, AST, ALP), total bilirubin, total protein,blood serums และก็ hepatic antioxidants (SOD, CAT, GSH and GPx) จากการทดสอบพบว่าสารสกัดใบมะกรูดจะช่วยฟื้นฟูตับ โดยทำให้ระดับเอนไซม์ตับ และก็เอนไซม์ต้านทานอนุมูลอิสระของตับกลับมาอยู่ในระดับธรรมดาได้อย่งมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) ซึ่งการศึกษาค้นคว้าวิจัยนี้สรุปได้ว่าสารสกัดใบมะกรูดมีฤทธิ์คุ้มครองปกป้องตับไม่ให้กำเนิดพิษจากยา paracetamol ได้
การทดสอบพิษฉับพลันของสารสกัดใบด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโล (คิดเป็น 357 เท่า เปรียบเทียบกับขนาดรักษาในคน) และก็ให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนู ในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 โล ตรวจไม่เจออาการเป็นพิษ
มีการทดลองความเป็นพิษอีกฉบับหนึ่งบอกว่า สารสกัดผิวมะกรูดด้วยเอทานอล (95%) เมื่อป้อนให้หนูกินเพื่อเรียนความเป็นพิษรุนแรง พบว่าขนาดที่ทำให้สัตว์ทดสอบตายเป็นปริมาณกึ่งหนึ่ง (LD50) มีค่ามากยิ่งกว่า 100  กรัม/กก.
ฤทธิ์เสริมการเกิดโรคมะเร็งตับ    จากการทบทวนการค้นคว้าวิจัยพบว่ามะกรูดมีฤทธิ์ต่อต้านฤทธิ์ของสารเสริมการเกิดมะเร็ง (tumor promoter) สำหรับการทดสอบแบบ tumor promoter-induced Epstein-Barr virus activation ได้ งานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะเรียนรู้ฤทธิ์ของมะกรูดต่อการเกิดมะเร็งตับของหนูขาว สายพันธุ์ F344 ที่ได้รับสารก่อโรคมะเร็ง 2-amino-3,8-dimethylimidazo 4,5-ƒ quinoxaline (MeIQx) สำหรับในการทดลองแบบ medium-term bioassay ผลที่ได้รับจากการวิจัยพบว่ามะกรูดมีฤทธิ์เสริมฤทธิ์ของ MelQx สำหรับเพื่อการทําให้กำเนิดโรคมะเร็งตับ (preneoplastic liver foci) อย่างมีความนัยสําคัญทางสถิติ
พิษต่อระบบสืบพันธุ์   เมื่อป้อนสารสกัดผิวมะกรูดด้วยเอทานอล (95%) ให้กับหนูขาวที่ตั้งครรภ์ขนาด 1 รวมทั้ง 2.5 กรัม/กก. ทางสายยางให้อาหารวันละ 2 ครั้ง พบว่าสามารถต้านการฝังตัวของตัวอ่อนได้ 42.5 ±14.8 แล้วก็ 86.1±8.1% ตามลำดับ รวมทั้งส่งผลทำให้แท้งได้ 86.3±9.6 แล้วก็ 96.9±3.1% เป็นลำดับ รวมทั้งสารสกัดผิวมะกรูดด้วยคลอโรฟอร์มเมื่อป้อนให้กับหนูที่ตั้งท้องในขนาด 0.5 และก็ 1.0 ก./กก. ทางสายยางให้อาหารวันละ 2 ครั้ง เช่นเดียวกัน พบว่าสามารถต้านการฝังตัวของตัวอ่อนได้ 34.4±14.3 และก็ 62.2±14.5% เป็นลำดับ รวมทั้งมีผลทำให้แท้งได้ 62.2±14.5 รวมทั้ง 91.9± 5.5%
พิษต่อเซลล์สารสกัดใบด้วยเมทานอล กระทำทดลองกับเซลล์ ด้วยความเข้มข้น 20 มคก./มิลลิลิตร พบว่ามีพิษต่อ Cells-Raji (9) น้ำมันหอมระเหย (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้รวมทั้งขนาด) เป็นพิษต่อเซลล์ CEM-SS
ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์     สารสกัดใบด้วยน้ำ รวมทั้งน้ำร้อน กระทำทดสอบในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ ด้วยความเข้มข้น 0.5 มิลลิลิตร/จาน พบว่าไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ต่อเชื้อ Bacillus subtilis H-17 (Rec+) แล้วก็ B. subtilis M-45 (Rec-)
ข้อเสนอ/ข้อควรคำนึง การใช้น้ำมันหอมระเหยกับผิวหนังในจำนวนที่มาก  ต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงเนื่องด้วยน้ำมันที่ได้จากการบีบผิวผล อาจจะเป็นผลให้เกิดพิษเมื่อสัมผัสกับแสงได้ และก็กำเนิดมีสารสีเกินที่ผิวหนัง ใบหน้า และก็คอ เนื่องจากว่ามีสารกรุ๊ปคูมาริน แต่น้ำมันจากผิวผลที่ได้จากการกลั่นจะไม่มีสารนี้  น้ำมะกรูดมีความเป็นกรดสูง จำเป็นต้องระมัดระวังการรับประทานขณะท้องว่าง เนื่องจากอาจทำให้เกิดการระคายต่อระบบทางเดินอาหารได้
เอกสารอ้างอิง

  • ดนัย ทิวาเวช, Hirose M, Futakuchi M, วิทยา ธรรมวิทย์, Ito N, Shirai T.  ฤทธิ์เสริมการเกิดมะเร็งตับของข่า กระชาย และมะกรูด ในหนูที่ได้รับสารก่อมะเร็ง 2-amino-3,8-dimethylimidazo(4,5-ƒ)quinoxaline (MeIQx).  การประชุมวิชาการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 11 “ วิทยาศาสตร์การแพทย์ไทยกับกติกาใหม่ของโลก ” กรุงเทพฯ, 9-11 ตุลาคม 2543:33
  • มะกรูด (ผิวผล).ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
  • กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.2546.ประมวลผลผลงานวิจัยด้านพิษวิทยา ของสถาบันวิจัยสมุนไพร เล่ม 1.โรงพิมพ์การศาสนา:กรุงเทพมหานคร. http://www.disthai.com/
  • Murakami A, Gao G, Kim OK, Omura M, Yano M, Ito C, et al. Identification of coumarins from the fruit of Citrus hystrix DC as inhibitors of nitric oxide generation in mouse macrophage RAW 264.7 cells. J Agric food chem. 1999;47:333-339.
  • กอบกุล เฉลิมพันธ์ชัย ดวงชัย บำเพ็ญบุญ ธิดา โตจิราการ และคณะ.  ตำรับยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ทำลายจุลินทรีย์.  รวมบทคัดย่องานวิจัยการแพทย์แผนไทยและทิศทางการวิจัยในอนาคต สถาบันการแพทย์แผนไทย, 2543.
  • คุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย.กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข.2544.
  • มะกรูด/ใบมะกรูดประโยชน์และสรรพคุณมะกรูด.พืชเกษตรดอทคอม
  • Tangyuenyongwatana P, Gritsanapan W. Prasaplai: An essential Thai traditional formulation for primary dysmenorrhea treatment. TANG. 2014;4(2):10-11.
  • ชนิพรรณ บุตรยี่. การศึกษาชีวภาพความพร้อมและคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระของฟลาโวนอยด์จากใบมะกรูดในหลอดทดลองและศักยภาพในการป้องกันการแตกหักของโครโมโซมในหนูเม้าส์โดยวิธีการตรวจไมโครนิวเคลียสในเม็ดเลือดแดง [วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต]. กรุงเทพฯ. มหาวิทยาลัยมหิดล;2551.
  • มะกรูด(ใบ).ฐานข้อมูลเครื่องยาคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี



Tags : มะกรูด
บันทึกการเข้า