รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรเหงือปลาหมอ เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างมากมาย  (อ่าน 535 ครั้ง)

หนุ่มน้อยคอยรัก007

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 98
    • ดูรายละเอียด

เหงือกปลาหมอ
ชื่อสมุนไพร  เหงือกปลาหมอ
ชื่ออื่นๆ/ชื่อแคว้น  แก้มหมอ (จังหวัดสตูล) , อีเกร็ง (ภาคกึ่งกลาง) , แก้มแพทย์เล (กระบี่) , นางเกร็ง,จะเกร็ง อื่นๆอีกมากมาย
ชื่อวิทยาศาสตร์     Acanthus ebracteatus Vahl. (เหงือกปลาหมอดอกสีขาว)
Acanthus ilicifolius L. var. ilicifolius (เหงือกปลาหมอดอกสีม่วง)
ชื่อสามัญ  Sea Holly.
สกุล  ACANTHACEAE
ถิ่นกำเนิด เหงือกปลาหมอนับว่าเป็นสมุนไพรท้องถิ่นของไทยเราเนื่องจากมีประวัติสำหรับเพื่อการประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่โบราณแล้ว ซึ่งเหงือกปลาหมอนี้เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นกลางแจ้งแล้วก็มักจะพบได้บ่อยในบริเวณป่าชายเลน หรือตามพื้นที่ชายน้ำริมฝั่งลำคลอง เจริญวัยก้าวหน้าในที่ร่มแล้วก็มีความชื้นสูง หรือในแถบที่ดินเค็มและไม่ถูกใจที่ดอน แถบภาคอีสารก็มีรายงายว่าปลูกได้เช่นกัน เหงือกปลาแพทย์ เจออยู่ 2 จำพวก คือ ชนิดดอกสีขาว Acanthus ebracteatus Vahl พบบ่อยในภาคกึ่งกลางและภาคตะวันออก ประเภทดอกสีม่วง  Acanthus ilicifolius L. พบทางภาคใต้ ทั้งยังเหงือกปลาหมอยังเป็นพันธุ์ไม่ลือชื่อของจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย
ลักษณะทั่วไป

  • ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกึ่งกลาง มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งตรง มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางโดยประมาณ 1.5 ซม.
  • ใบเหงือกปลาแพทย์ ใบเป็นใบผู้เดียว ลักษณะของใบมีหนามคมอยู่ขอบขอบใบแล้วก็ปลายใบ ขอบของใบเว้าเป็นช่วงๆผิวใบเรียบเป็นมันลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีชำเลืองสีขาวเป็นแนวก้างปลา เนื้อเรือใบแข็งและก็เหนียว ใบกว้างราว 4-7 ซม. และก็ยาวโดยประมาณ 10-20 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ก้านใบสั้น
  • ดอกเหงือกปลาแพทย์ มีดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวโดยประมาณ 4-6 นิ้ว ดังนี้สีของดอกขึ้นอยู่กับพันธุ์ของต้นเหงือกปลาแพทย์เป็น ดอกมีทั้งจำพวกดอกสีม่วง หรือสีฟ้า รวมทั้งพันธุ์ดอกสีขาว แต่ว่าลักษณะอื่นๆเหมือกันคือ ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน ส่วนกลีบเป็นท่อปลายบานโต ยาวราวๆ 2-4 เซนติเมตร บริเวณกึ่งกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้แล้วก็เกสรตัวเมียอยู่
  • ผลเหงือกปลาหมอ ลักษณะของผลเป็นฝักสีน้ำตาล รูปแบบของฝักเป็นทรงกระบอกกลมรี รูปไข่ ยาวราวๆ 2-3 ซม. เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ภายในฝักมีเมล็ด 4 เม็ด


การขยายพันธุ์ เหงือกปลาแพทย์สามารถขยายพันธุ์ได้ด้วยแนวทางเพาะเมล็ดและการใช้กิ่งปักชำ แต่ว่าวิธีที่เป็นที่ชื่นชอบและเห็นผลผลิตที่ดีหมายถึงการใช้กิ่งปักชำ นำกิ่งที่ไม่แก่และไม่อ่อนกระทั่งเกินความจำเป็น อายุ 1-2 ปี มาชำลงในดินโคลน รอรดน้ำให้เปียก ประมาณ 2 เดือน จะงอกราก จึงทำการย้ายปลูก ก่อนปลูกควรจะจัดแจงแปลงปลูก ระยะปลูก 80x80 ซม. รองตูดหลุมด้วยปุ๋ยธรรมชาติหรือปุ๋ยคอก ใส่ปุ๋ยคอกหว่านรอบโคนต้นปีละ 2 ครั้งๆละ 1 กิโลกรัม/ต้น ให้ปุ๋ยบ่อยครั้งขึ้นในกรณีที่เก็บเกี่ยวผลผลิตบ่อยมาก ทำให้ต้นเสื่อมโทรม ใบเป็นสีเหลือง กำจัดวัชพืชดูแลรักษาแปลงให้สะอาด
                ข้างหลังปลูก 1 ปี ก็เลยจะเก็บผลิตผล โดยตัดกิ่งให้หมอทั้งยังต้น (โคน) ให้เหลือความยาวกึ่งหนึ่ง เพื่อแตกใหม่ในปีหน้า กิ่งที่ได้นำมาสับเป็นท่อนๆละ 6 นิ้ว นำไปผึ่งแดดจนแห้งดี หรืออบแห้ง กิ่งและก็ใบสด  3 กิโลกรัม จะตากแห้งได้ 1 กก. และก็ผลผลิตจากต้นอายุ 1 ปี ปริมาณ 4 ต้น (กอ) จะมีน้ำหนักสด 1 กิโลกรัม
องค์ประกอบทางเคมี ในใบพบสาร : alpha-amyrin, beta-amyrin, ursolic acid apigenin-7-O-beta-D-glucuronide, methyl apigenin-7-O-beta-glucuronate campesterol, 28-isofucosterol, beta-sitosterol ในรากเจอสาร : benzoxazoline-2-one, daucosterol, octacosan-1-ol, stigmasterol ทั้งต้นพบสาร : acanthicifoline, lupeol, oleanolic acid, quercetin, isoquercetin, trigonelline , dimeric oxazolinone
สรรพคุณ ยาสมุนไพรท้องถิ่น ใช้  ใบ ต้มกับน้ำ แก้นิ่วในไต ต้น 10 ส่วน กับพริกไทย 5 ส่วน ทำเป็นยาลูกกลอน แก้โรคกระเพาะ ขับเลือด เป็นยาอายุวัฒนะ ทั้งต้น ใช้รักษาแผลฝีหนอง ใช้  ใบและต้น แก้ตกขาว โดยตำเป็นผุยผงละลายน้ำผึ้ง หรือน้ำมันงา ปั้นเป็นลูกกลอนรับประทาน
               ตำราเรียนยาไทย  ใช้  ใบ รสเค็มกร่อยร้อน ตัดรากฝีด้านใน และข้างนอกทุกประเภท แก้น้ำเหลืองเสีย ช่วยบำรุงรักษารากผม แก้ประป่าดง ใบเป็นยาอายุวัฒนะ รักษาตกขาว , ระดูขาวของสตรี ใบสด แก้ไข้ ลมพิษฝี แก้ฝีทราง หรือใช้ใบสดเอามาตำให้ละเอียด ใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกงูกัด พอกฝี และก็แผลอักเสบ ต้นแล้วก็เม็ด มีรสเผ็ดร้อน รักษาฝี แก้โรคน้ำเหลืองเสีย เม็ด ใช้เป็นยาขับพยาธิ เป็นยาแก้ไอ ขับเลือด แก้ฝี ทั้งยังต้น มีรสเค็มกร่อย อีกทั้งต้นสด รักษาโรคผิวหนังประเภทพุพอง น้ำเหลืองเสีย และผื่นคันตามร่างกาย ต้มกินแก้พิษฝีดาษ พิษฝีด้านใน ตัดรากฝีทั้งหมด แก้โรคผิวหนัง น้ำเหลืองเสีย เป็นยาอายุวัฒนะ ต้มอาบ แก้พิษไข้หัว แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ตำพอก ปิดหัวฝี แผลเรื้อรัง คั้นเอาน้ำทาหัวบำรุงรากผม ใช้ยับยั้ง/ต้านมะเร็ว ช่วยเจริญอาหาร บรรเทาลักษณะของการปวดศีรษะ ราก ใช้รากสด เอามาต้มเอาน้ำดื่มเป็นยาแก้โรคงูสวัด บำรุงประสาท แก้หอบหืด ขับเสมหะ เหงือกปลาแพทย์ ทั้งยัง 5 (ราก,ต้น,ใบ,ผล,เมล็ด) มีสรรพคุณช่วยแก้พิษฝี แก้มะเร็ง ช่วยในการเจริญอาหาร ช่วยให้เลือดลดปกติ เป็นยาอายุวัฒนะ
ต้นแบบ/ขนาดวิธีการใช้

  • ยั้งโรคมะเร็งต้านทานโรคมะเร็ง นำเหงือกปลาหมอทั้ง 5 ส่วน (ราก,ต้น,ใบ,ผล,เม็ด) มาต้มกับน้ำ ดื่มกิน
  • รักษาประจำเดือนมาไม่ปกติ นำทั้งยังต้นมาตำผสมกับน้ำมันงาและก็น้ำผึ้งนำมากิน
  • แก้ผื่นคัน นำใบรวมทั้งต้นสดราว 3-4 กำมือเอามาสับต้นน้ำอาบเป็นประจำ 3-4 ครั้ง
  • แก้ไข้หนาวสั่น นำต้นมาตำผสมกับขิง
  • แก้ผิวแตกตลอดตัว นำอีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน และก็ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ
  • ขับเสลด บำรุงประสาท แก้ไอ แก้หืด รักษามุตกิดตกขาว นำรากมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
  • รักษาโรคผิวหนัง ขับน้ำเหลืองเสียแก้แผลผุพอง เป็นฝีบ่อยๆนำต้น ใบรวมทั้งเมล็ดต้มกับน้ำอาบ
  • ปรับแต่งข้ออักเสบ แก้ปวดต่างๆนำใบมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
  • ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน สุขภาพแข็งแรง เลือดลมไหลเวียนดี เส้นเลือดไม่อุดตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้อีกทั้งต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วคละเคล้าผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอนไว้กิน
  • ช่วยแก้โรคกษัย อาการผอมโซเหลืองหมดทั้งตัว ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผงกินทุกวี่วัน
  • แก้อาการร้อนทั้งตัว เจ็บระบบทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนศีรษะ หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้ทั้งยังต้นของเหงือกปลาหมอแล้วก็เปลือกมะรุมอย่างละเสมอกัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือนิดหน่อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วใช้ฟืน 30 แท่ง ต้มกับน้ำเดือดจนกระทั่งงวดแล้วชูลง เมื่อเสร็จให้กลั้นใจกินขณะอุ่นๆจนกระทั่งหมด อาการก็จะดียิ่งขึ้น
  • รากช่วยแก้แล้วก็บรรเทาอาการไอ หรือจะใช้เม็ดเอามาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้เช่นเดียวกัน
  • แก้อาการไอ เม็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ
  • ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้ทั้งต้นและก็พริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน
  • ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย เอามาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายโจร ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้


ในตอนนี้เหงือกปลาแพทย์ มีการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยาแคปซูลสมุนไพรเหงือกปลาหมอ ยาชงสมุนไพรรวมทั้งยาเม็ด มีสรรพคุณใช้รักษาโรคผิวหนังทั้งเหงือกปลาแพทย์ยังเป็นสมุนไพรที่ใช้สำหรับการอบตัวเป็นการอบตัวด้วยละอองน้ำที่ได้จากการต้มสมุนไพร แล้วก็การอบแฉะแบบเข้ากระโจม โดยเหงือกปลาแพทย์มีคุณประโยชน์สำหรับรักษาโรคผิวหนัง
นอกจากนี้เหงือกปลาแพทย์ยังเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งหน้าต่างๆเป็นต้นว่า ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมและสบู่สมุนไพร เป็นต้น
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ลดการอักเสบ  ทดลองน้ำสกัดจากใบแห้ง ความเข้มข้น 500 มคกรัม/มล. กับหนูขาว พบว่าสารสกัดดังกล่าวมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ โดยไปยั้งการผลิต leukotriene B-4 แต่ว่าสารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์เป็น serotonin antagonist  เมื่อเร็วๆนี้ มีงานศึกษาเรียนรู้วิจัยว่าสารสกัดด้วยเอทานอลจากทั้งยังต้น ขนาด 500 มคก./มล. มีฤทธิ์ยั้ง 5-lipoxygenase activity ด้วยกลไกสำหรับในการลดการสร้าง leukotriene B-4 ถึง 64% และสารสกัดด้วยน้ำ ขนาด 500 มคกรัม/มิลลิลิตร ลดได้ 44% รวมทั้งมีการพินิจพิจารณาสารสำคัญของเหงือกปลาแพทย์ดอกม่วงที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ พบว่าสารนั้นเป็นพวก dimeric oxazolinone ที่มีสูตรองค์ประกอบเป็น 5,5¢-bis-benzoxazoline-2,2¢-dione
ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย มีการทดลองสารสกัดเอทานอล (90%) จากทั้งต้นแห้ง (ไม่ทราบความเข้มข้น) กับ Staphylococcus aureus พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์ แม้กระนั้นการทดสอบเม็ดเหงือกปลาแพทย์ พบว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อ S. aureus
ฤทธิ์ต่อต้านการเกิดออกซิเดชั่น          มีการทดสอบสารสกัดอัลกอฮอล์จากใบของเหงือกปลาหมอดอกม่วง พบว่าสารสกัดนี้มีฤทธิ์ต้านการเกิดอนุมูลอิสระหลากหลายประเภท อาทิเช่น superoxide radical, hydroxyl radical, nitric oxide radical รวมทั้ง lipid peroxide เป็นต้น นอกเหนือจากนี้สารสกัดจากส่วนผลด้วยเมทานอล เมื่อทดสอบในหนูถีบจักร เจอฤทธิ์ต้านทานการเกิดอนุมูลอิสระ โดยมีขนาดที่ยับยั้งได้ 50% (IC50) คือ 79.67 มคล./มิลลิลิตร และก็เจอฤทธิ์ยับยั้งการเกิด lipid peroxide โดยขนาดที่ยั้งได้ 50% (IC50) คือ 38.4 มคล./มิลลิลิตร
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่เกี่ยวกับการเพิ่มภูมิคุ้มกัน  มีการนำสารสกัดน้ำอย่างหยาบคายจากรากของเหงือกปลาหมอมาทำให้ครึ่งหนึ่งบริสุทธิ์ โดยแนวทาง gel filtration (Sephadex G-25) เพื่อศึกษาฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกันที่มีต่อ mononuclear cell (PMBC) ของคนธรรมดา 20 ราย โดยวัดผลการศึกษาจาก H3-thymidine uptake พบว่าสารสกัดครึ่งหนึ่งบริสุทธิ์ของเหงือกปลาแพทย์ดอกม่วง ที่ความเข้มข้นต่ำ (10 มคกรัม/มล.) สามารถกระตุ้นการแบ่งตัวของ lymphocytes ได้สูงยิ่งกว่ากลุ่มควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง (P < 0.05)
การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา หลักฐานความเป็นพิษและก็การทดสอบความเป็นพิษ
          เมื่อให้สารสกัดลำต้นแห้งด้วยน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ ขนาดความเข้มข้น 5 ซีซี/จานเพาะเชื้อ ไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดการก่อกลายพันธุ์ ใน Salmonella typhimurium TA98 และก็ TA100 แต่ว่าเมื่อให้สารสกัดด้วยน้ำจากส่วนรากกับหนูเพศภรรยาขนาด 2.7 และ 13.5 ก./กิโลกรัม ตรงเวลา 12 เดือน พบความเป็นพิษต่อตับในหนูทดลอง
หลักฐานความเป็นพิษ และยังมีการวิจัยเกี่ยววกับการทดลองความเป็นพิษของเหงือกปลาแพทย์อีกหลายชิ้นบอกว่า เมื่อฉีดสารสกัดพืชต้นด้วยเอทานอล (90%) เข้าทางท้องของหนูถีบจักร ขนาดที่ทำให้หนูตายเป็นจำนวนครึ่งเดียว (LD50) มีค่ามากยิ่งกว่า 1 ก./กก. ส่วนสารสกัดใบด้วยเมทานอลและก็น้ำ (1:1) ฉีดเข้าช่องท้องหนูถีบจักรเพศผู้ ค่า LD50 มีค่ามากยิ่งกว่า 1 กรัม/กิโลกรัม และก็สารสกัดจากใบร่วมกับต้นด้วยเมทานอลแล้วก็น้ำ (1:1) ฉีดเข้าช่องท้องหนูถีบจักรเพศผู้เหมือนกัน ค่า LD50 พอๆกับ 750 มก./กก. สารสกัดจากต้นด้วยเมทานอลและก็น้ำ (1:1) ค่า LD50 มีค่ามากกว่า 1 กรัม/กก. เมื่อกรอกสารสกัดใบร่วมกับก้านใบ ลำต้น รากแห้ง ด้วยน้ำหรือน้ำร้อน หรือฉีดเข้าท้องของหนูถีบจักร (ไม่ระบุขนาด) ไม่นำไปสู่พิษ และก็เมื่อกรอกสารสกัดรากแห้งด้วยน้ำให้หนูถีบจักร ในขนาด 0.013 มิลลิกรัม/สัตว์ทดลอง ไม่เจอพิษ  ทั้งยังมีการเล่าเรียนถึงพิษของเหงือกปลาแพทย์ดอกม่วงแบบรุนแรงและแบบครึ่งทันควันในหนูประเภทสวิส โดยใช้ส่วนสกัดจากใบรวมทั้งรากแยกกัน ในขนาดความเข้มข้นต่างๆพบว่า สารสกัดดังที่กล่าวมาข้างต้นไม่มีพิษอย่างกระทันหัน แต่การใช้เหงือกปลาหมอในขนาดสูงๆเป็นเวลานานอาจก่อให้เป็นผลข้างเคียงต่อระบบทางเท้าเยี่ยวได้ รวมถึงมีการทดสอบนำสารสกัดจากรากเหงือกปลาหมอกับ mononuclear cell (PMBC) ของคนภายในหลอดทดลองโดยใช้สารสกัดอย่างหยาบคาย พบว่าสารสกัดดังที่กล่าวมาแล้ว ขนาด 100 มคก./มล. เป็นพิษต่อ PBMC (P< 0.05) แต่เมื่อนำสารสกัดหยาบมาทำให้ครึ่งบริสุทธิ์โดยแนวทาง gel filtration (Sephadex G-25) พบว่าสารสกัดครึ่งบริสุทธิ์ที่ได้ไม่เป็นพิษต่อ PMBC ที่เลี้ยงไว้ในหลอดทดสอบหากแม้จะใช้ในความเข้มข้น 1,000 มคก./มล.
การต้านการฝังตัวของตัวอ่อน ให้สารสกัดเอทานอล (90%) ขนาด 100 มก./กิโลกรัม กับหนูขาวที่ท้อง พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์ต้านทานการฝังตัวของตัวอ่อน
ข้อเสนอ/ข้อควรคำนึง ในการค้นคว้าทางด้านพิษวิทยาและการทดสอบความเป็นพิษของเหงือกปลาหมอประเภทดอกสีม่วงรวมทั้งประเภทดอกสีขาว จะมีผลการเรียนรู้ระบุว่า ไม่มีพิษแม้กระนั้นอย่างไรก็แล้วแต่ การใช้สมุนไพรเหงือกปลาหมอก็คล้ายกับการใช้สมุนไพรจำพวกอื่นซึ่งก็คือ ไม่ควรใช้ในขนาดแล้วก็จำนวนที่สูง และใช้เป็นเวลานาน เนื่องจากอาจส่งผลให้กำเนิดความเปลี่ยนไปจากปกติหรือผลข้างเคียงต่อระบบต่างๆของร่างกายได้
เอกสารอ้างอิง

  • เอมอร โสมนะพันธุ์ 2543. สมุนไพรและผักพื้นบ้านกับโรคเอดส์และโรคฉวยโอกาส ในโครงการสัมมนาวิชาการ เรื่อง การดูแลผู้ติดเชื้อเอดส์ด้วยสมุนไพรและผักพื้นบ้าน, 19-21 เมษายน 2543 ณ. ห้องประชุมตะกั่วป่า โรงแรมเจ.บี. อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หน้า 1-26.
  • Hoult JRS, Houghton PJ, Laupattarakesem P.  Investigation of four Thai medicinal plants for inhibition of pro-inflammatory eicosanoid synthesis in activated leukocytes.  J Pharm Pharmacol Suppl 1997;49(4):218.
  • Ghosh, A. et al. 1985. Phytochemistry, 24(8) : 1725-1727. http://www.disthai.com/
  • จงรัก วัจนคุปต์.  การตรวจหาสมุนไพรที่มีอำนาจทำลายเชื้อแบคทีเรีย.  Special Project Chulalongkorn Univ, 2495.
  • เหงือกปลาหมอ.ฐานข้อมูลสมุนไพร.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
  • Nair, A.G.R. and Pouchaname, V. 1987. J. Indian Chem Soc. 64(4) : 228-229.
  • Bhakuni DS, Dhawan BN, Garg HS, Goel AK, Mehrotra BN, Srimal RC, Srivastava MN.  Bioactivity of marine organisms:part VI-screening of some marine flora from Indian coasts.  Indian J Exp Biol 1992;30(6):512-7.
  • Laupattarakesem P, Houghton PJ, Hoult JRS.  An evaluation of the activity related to inflammation of four plants used in Thailand to treat arthritis.  J Ethnopharmacol 2003;85:207-15
  • Bunyapraphatsara N, Srisukh V, Jutiviboonsuk A, et al. Vegetables from the mangrove areas. Thai J Phytopharm 2002;9(1):1-12
  • Minocha, P.K. and Tiwari, K.P. 1981. Phytochemistry, 20: 135-137.
  • ชุลี มาเสถียร ผ่องพรรณ ศิริพงษ์ จงรักษ์ เพิ่มมงคล.  ฤทธิ์สร้างเสริมภูมิคุ้มกันของสารสกัดจากรากเหงือกปลาหมอที่มีต่อ lymphocytes ของคนในหลอดทดลอง.  Bull Fac Med Tech Mahidol Univ 1991;15(2):104.
  • D’Souza L, Wahidulla S, Mishra PD.  Bisoxazolinone from the mangrove Acanthus ilicifolius.  Indian J Chem, Sect B: Org Chem Incl Med Chem 1997;36B(11):1079-81.
  • เหงือกปลาหมอดอกขาว.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • Babu BH, Shylesh BS, Padikkala J.  Antioxidant and hepatoprotective effect of Acanthus ilicifolius.  Fitoterapia 2001;72(3):272-7.
  • เหงือกปลาหมอดอกม่วง.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานสมุนไพรคณะเภสัชมหาวิทยาลัยมหิดล.
  • Srivatanakul P, Naka L.  Effect of Acanthus ilicifolius Linn. in treatment of leukemic mice.  Cancer J (Thailand) 1981;27(3):89-93.
  • ปิยวรรณ ญาณภิรัต สุนันทา จริยาเลิศศักดิ์ จงรักษ์ เพิ่มมงคล และคณะ.  การศึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับพิษของสมุนไพรเหงือกปลาหมอในหนูขาว.  วารสารโรคมะเร็ง 530;13(1):158-64.
  • Piyaviriyakul S, Kupradinun P, Senapeng B, et al. Chronic toxicity of Acanthus ebracteatus Vahl. in rat.  Poster Session 6th National Cancer Conference, Bangkok, Dec. 3-4, 2001.
  • Nakanishi K, Sasaki SI, Kiang AK, et al.  Phytochemical survey of Malaysian plants. Preliminary chemical and pharmacological screening.  Chem Pharm Bull 1965;13(7):882-90. 
  •    Jongsuwat Y.  Antileukemic activity of Acanthus ilicifolius.  Master Thesis, Chulalongkorn University, 1981:151pp.
  • Rojanapo W, Tepsuwan A, Siripong P.  Mutagenicity and antimutagenicity of Thai medicinal plants.  Basic Life Sci 1990;52:447-52.

บันทึกการเข้า