รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคไซนัสอักเสบ มีสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์สมารถรักษาให้โรคหายขาดได้เป็นอย่  (อ่าน 513 ครั้ง)

billcudror1122

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 100
    • ดูรายละเอียด


โรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis)
โรคไซนัสอักเสบคืออะไร  ไซนัส คือ โพรงอากาศที่อยู่ภายในกระดูกบริเวณรอบๆหรือใกล้เคียงกับจมูก ซึ่งมีอยู่ 4 กลุ่มใหญ่ๆในแต่ละข้าง  ไซนัสที่ใหญ่ที่สุดอยู่ด้านในกระดูกโหนกแก้ม (maxillary sinus)  อีกกลุ่มหนึ่งมีอยู่หลายโพรง มีขนาดเล็ก และก็อยู่ระหว่างรอบๆโคนจมูก รวมทั้งหัวตาแต่ละข้าง (ethmoidal sinuses)  ในกระดูกหน้าผากก็มีไซนัสข้างใน (frontal sinus) นอกจากนั้นยังมีไซนัสที่อยู่ใต้ฐานกะโหลกศีรษะ (sphenoidal sinus) ด้วย  หน้าที่ของไซนัสนั้นไม่เคยรู้ชัดเจน  แต่มั่นใจว่าอาจช่วยทำให้เสียงที่เราส่งแสงออกมา กังวานขึ้น, ช่วยให้กะโหลกศีรษะค่อยขึ้น และก็ช่วยรักษาสมดุลของศีรษะ, ช่วยสำหรับการปรับความดันของอากาศด้านในโพรงจมูก  ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงของความดัน แล้วก็สร้างสารคัดหลั่งที่ปกป้องการต่อว่าดเชื้อของโพรงจมูกรวมทั้งไซนัส
ซึ่งในคนปกติทั่วไป มูกที่ทำขึ้นในโพรงไซนัสจะระบายลงตามทางเชื่อมมาออกที่รูเปิดในโพรงจมูก กลายเป็นน้ำมูก หรือเสมหะใส เพื่อความชุ่มชื้นและชะล้างโพรงจมูก แต่ว่าถ้าหากรูเปิดดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วถูกอุดกัน (อาทิเช่น ไม่สบายหวัด หรือโรคไข้หวัดภูมิแพ้) ทำให้มูกในโพรงไซนัสไม่สามารถ ระบายออกมาได้ มูกก็จะหมักหมมกลายเป็นของกินในการเจริญเติบโตของเชื้อโรคที่ขยายมาจากโพรงจมูกเข้าไปในไซนัส ทำให้เยื่อบุภูมิแพ้บวม ขนอ่อนในไซนัสสูญเสียหน้าที่สำหรับการขับมูก ทำให้มีการสะสมของมูกมากขึ้นเรื่อยๆแปลงเป็นหนองขังอยู่ในไซนัส เกิดลักษณะของโรคภูมิแพ้ขึ้นมา
โรคแพ้อากาศ ยังสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือจำพวกรุนแรง (มีลักษณะอาการน้อยกว่า 30 วัน) จำพวกครึ่งกะทันหัน (มีลักษณะอยู่ระหว่าง 30-90 วัน) รวมทั้งจำพวกเรื้อรัง (มีลักษณะอาการมากกว่า 90 วัน) โดยการอักเสบบางทีอาจเกิดกับไซนัสได้ทุกตำแหน่ง อาทิเช่น ไซนัสข้างตา (Ethmoid sinus), ไซนัสหน้าผาก (Frontal sinus), ไซนัสโหนกแก้ม (Maxillary sinus) แล้วก็ไซนัสที่อยู่ใต้ฐานกะโหลกศีรษะ (Sphenoidal sinus) แม้กระนั้นที่พบได้มากที่สุด คือ ไซนัสโหนกแก้ม (Maxillary sinus) ซึ่งจะมีผลให้มีอาการปวดที่รอบๆโหนกแก้ม  แม้กระนั้นโรคนี้ส่วนมากชอบไม่มีความร้ายแรง เว้นแต่สร้างความอารมณ์เสียหรือปวดทรมาทรกรรม ส่วนน้อยที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง แม้ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่แรก ก็มักจะหายได้ หรือลดภาวะแทรกซ้อนลงได้
  โรคไซนัสอักเสบเป็นโรคที่พบได้บ่อยที่สุดโรคหนึ่งที่ทำให้ผู้เจ็บป่วยมาพบแพทย์  ราวกันว่าราษฎรทั่วไป 1 ใน 8 คน  จะเป็นโรคไซนัสอักเสบในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต  เกิดการของการเกิดภูมิแพ้   มีลัษณะทิศทางที่เกิดเพิ่มมากขึ้นในฤดูกาลที่มีคนเจ็บป่วยหวัดหรือมีการอักเสบติดเชื้อในทางเดินหายใจมาก โดยปกติ
มากกว่า 0.5% ของผู้เจ็บป่วยที่เป็นโรคหวัด ได้โอกาสกำเนิดเป็นภูมิแพ้ตาม มา ผู้ป่วยที่เป็นโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ (Allergic rhinitis) หรือโรคหืดจะมีไซนัสอักเสบร่วมด้วยโดยประมาณ 40-50% อุบัติการของภูมิแพ้ประเภทกระทันหันที่เกิดขึ้นมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียในคนแก่ที่เกิดตามหลังหวัดพบได้ราวๆร้อยละ 0.5-2 รวมทั้งในเด็กพบได้ราวจำนวนร้อยละ 5-10 สำหรับโรคไซนัสอักเสบเรื้อรังนั้น  ในกลุ่มมวลชนทั่วไปเจอโรคไซนัสอักเสบเรื้อรังประมาณร้อยละ 1.2-6 
ที่มาของโรคแพ้อากาศ

  • การตำหนิดเชื้อของระบบฟุตบาทหายใจตอนบน (Upper respiratory tract infec tion) ระยะต้นเกิดจากเชื้อไวรัสโรคไข้หวัด ซึ่งจะไปทำให้เยื่อบุจมูกอักเสบ ซึ่งบางทีอาจอักเสบต่อ เนื่องเข้าไปถึงในไซนัส ถัดมามีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย โดยธรรมดาก็จะหายได้เป็นปกติ แม้กระนั้นหากการติดเชื้อนั้นร้ายแรง อาจเกิดการทำลายของเยื่อบุจมูกและก็เยื่อบุไซนัส ทำให้มีการบวมและมีพังผืด นำไปสู่การอุดตันของรูเปิดระหว่างไซนัสกับโพรงจมูก ร่วมกับการที่เซลล์ขน (Cilia) ที่มีบทบาทผลักดันสารคัดหลั่งในไซนัส ไม่ทำงาน ก็จะทำให้การอักเสบแปลงเป็นการอักเสบเรื้อรังได้
  • การต่อว่าดเชื้อของฟัน โดยยิ่งไปกว่านั้นฟันกรามน้อยและก็ฟันกรามแถวบน โดยธรรมดาพบว่า ประมาณ 10% ของการอักเสบของไซนัสแมกสิลลาจะเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากฟันผุ (เนื่องจากผนังด้านล่างของไซนัสแมกสิลลาจะชิดกับรากฟันดังที่กล่าวถึงมาแล้ว) บางรายจะออกอาการชัดแจ้งภายหลังที่ไปถอนฟันแล้วเกิดรูทะลุระหว่างไซนัสแมกสิลลาและเหงือก (Oroantral fistula) ขึ้น
  • โรคติดเชื้ออื่นๆอย่างเช่น ไข้หวัดใหญ่ โรคฝึก โรคไอกรน
  • การว่ายน้ำ มุดน้ำ ซึ่งบางทีอาจเกิดการสำลักน้ำเข้าไปในจมูกและก็เข้าไปในไซนัสได้ โดยอาจมีเชื้อโรคเข้าไปด้วย นำมาซึ่งการอักเสบได้ นอกเหนือจากนั้น สารคลอรีน (Chlorine) ในสระว่ายน้ำ ยังเป็นสารเคมีที่นำไปสู่การอักเสบของเยื่อบุไซนัสได้
  • การกระทบกระแทกอย่างแรงบริเวณใบหน้า อาจจะเป็นผลให้ไซนัสโพรงอันใดโพรงหนึ่งแตกหัก บอบช้ำบวม หรือมีเลือดออกข้างในโพรง กระตุ้นให้เกิดการอักเสบติดโรคตามมาได้
  • มีสิ่งปลอมปนในจมูก ดังเช่นว่า เมล็ดผลไม้ จึงก่อการอุดตันโพรงจมูก จึงเป็นสาเหตุให้มีการติดเชื้อโรคอีกทั้งในโพรงจมูก แล้วก็ในไซนัส
  • จากความเคลื่อนไหวความดันอากาศบริเวณตัวทันที (Barotrauma หรือ Aero sinusitis) ได้แก่ ขณะเครื่องบินขึ้นหรือลงจอด และการดำน้ำลึก เป็นต้น หากรูเปิดของไซนัสขณะ นั้นบวมอยู่ ดังเช่น กำลังเป็นหวัด หรือโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ (Allergic rhinitis) กำเริบ จะทำให้เยื่อบุ บวมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงอาจมีการหลั่งของเหลว/สารคัดหลั่งออกมา หรือมีเลือดออกได้ ก็เลยก่อการอักเสบขึ้น ซึ่งพบบ่อยที่ไซนัสฟรอนตัล ที่มา  :    wikipedia                 


ส่วนไซนัสอักเสบเรื้อรังมักสำเร็จสอดแทรกจากภูมิแพ้ฉับพลันที่  มิได้รับการดูแลรักษาที่ถูก นอกเหนือจากนี้ ยังอาจเป็นเพราะเนื่องจากต้นเหตุอื่นๆอาทิเช่น หวัดภูมิแพ้เรื้อรัง ริดสีดวงจมูก เนื้องอกในโพรงจมูกหรือไซนัส ผนังกั้นจมูกคด การตำหนิดเชื้อของทางเท้าหายใจส่วนต้นซ้ำซาก การสูบบุหรี่ มลภาวะทางอากาศ โรคกรดไหลย้อน (หูรูดปลายหลอดอาหารเสื่อม ทำให้มีน้ำย่อยซึ่งเป็น กรดไหลย้อนขึ้นมาที่ไซนัส เวลาเข้านอนค่ำคืน) โรคฟันรวมทั้งช่องปากเรื้อรัง ภาวการณ์ภูมิคุ้มกันต่ำ (ดังเช่นว่า เบาหวาน เอดส์) เป็นต้น
อนึ่งสำหรับการอักเสบกะทันหันของไซนัส มักมีเหตุที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ดังเช่นว่า เชื้อไวรัสหวัด แม้กระนั้นเมื่อเป็นการอักเสบเรื้อรัง มักมีเหตุที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น Streptococci, Staphylococcus, Haemophilus influenzae, Klebsiella pneumoniae, Bacteroides melaninogenicus, แม้กระนั้นอาจพบจากการติดเชื้อราได้ ดังเช่นว่า Aspergillus และก็ Dematiaceous fungi
ลักษณะของโรคไซนัสอักเสบ
ภูมิแพ้กะทันหัน  ในผู้ใหญ่มักมีอาการปวดบริเวณใบหน้าบริเวณไซนัสที่อักเสบ เป็นต้นว่า ปวดที่บริเวณหัวตา หน้าผาก โหนกแก้ม  บริเวณกระบอกตา หรือข้างหลังกระบอกตา บางรายบางทีอาจรู้สึก เหมือนปวดฟัน         ที่มา  :    wikipedia               
ตรงฟันซี่บน บางทีอาจปวดเพียงแต่ฝ่ายเดียวหรือ 2 ข้างก็ได้ ลักษณะของการปวดมักเป็นมากช่วงเวลาเช้าหรือบ่าย เวลาก้มศีรษะหรือเปลี่ยนแปลงท่า คนเจ็บมักมีอาการคัดแน่นจมูก พูดเสียงขึ้นจมูก มีน้ำมูกเป็นหนองออกข้นเหลืองหรือเขียว                 
หรือมีเสลดข้นเหลืองหรือเขียวไหลจากด้านหลังจมูกลงในคอ จำเป็นต้องคอยสูดหรือขากออก  อาจมีลักษณะของการปวดศีรษะ จับไข้ เมื่อยล้า เจ็บคอ ปวดหู ไอ หายใจมีกลิ่นเหม็น ความรู้สึก สำหรับการรับรู้กลิ่นหรือรสชาติลดน้อยลง
ในเด็ก อาการมักกำกวมเท่าผู้ใหญ่ อาจมีอาการเป็นหวัดเป็นเวลายาวนานกว่าธรรมดา กล่าวคือมีน้ำมูก (ใสหรือข้นเป็นหนองก็ได้) รวมทั้งไอเป็นเวลานานกว่า 10 วัน ชอบไอทั้งยังตอนกลางวันและกลางคืน อาจมีไข้ต่ำๆรวมทั้งหายใจมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย  เด็กบางรายอาจแสดงอาการเป็นหวัดรุนแรงกว่าธรรมดา เป็นต้นว่า จับไข้สูงยิ่งกว่า 39 องศาเซลเซียส น้ำมูกข้นเป็นหนอง ปวดที่ใบหน้า หลังจากที่ตื่นนอนขึ้นมาแล้วมองเห็นอาการบวมรอบๆตา ซึ่งลักษณะของภูมิแพ้ตอนนี้มีระยะเวลาฟื้นตัวจนหายดีราว 2 – 4 อาทิตย์
ไซนัสอักเสบเรื้อรัง มักมีอาการสม่ำเสมอวันแล้ววันเล่านานเกิน 90 วัน โดยในผู้ใหญ่มักมีลักษณะอาการคัดจมูก มีเสมหะข้นเหลืองหรือเขียวไหลจากข้างหลังจมูกลงในคอหายใจมีกลิ่นเหม็น ความรู้สึกในการรับรู้กลิ่นน้อยลง ส่วนมากมักไม่มีไข้และอาการปวดไซนัสแบบที่พบในไซนัสอักเสบกะทันหัน  ในเด็กมักมีลักษณะไอ น้ำมูกไหล จาม หายใจมีกลิ่นเหม็น มีโรคติดเชื้อของทางเท้าหายใจส่วนต้น หรือหูชั้นกลางอักเสบ โดยในอาการของภูมิแพ้ช่วงนี้มักเกิดต่อเนื่องกำเนิด 12 อาทิตย์ และพบได้มากร่วมกับโรคภูมิแพ้
ทั้งนี้ไซนัสอักเสบมักมีสาเหตุจากการตำหนิดเชื้อไวรัส พบในอัตรา 90% ของคนป่วย ถ้าเกิดว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือการพัฒนาโรคที่ร้ายแรงขึ้น อาการจะทุเลาลงและก็หายดีเองภายในช่วงระยะเวลาประมาณ 10 วัน ขณะที่การตำหนิดเชื้อแบคทีเรียจนถึงทำให้ไซนัสอักเสบจะพบได้ไม่บ่อยนัก ราวๆ 5-10% เท่านั้น แล้วก็จำต้องได้รับการดูแลรักษาด้วยยาต้านเชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะ ซึ่งมักมีลักษณะเป็นเวลานานกว่า 10 วัน หรืออาการเกิดขึ้นอีกภายหลังเป็นมานาน 5 วัน
วิธีการรักษาโรคไซนัสอักเสบ ในพื้นฐานหมอจะไต่ถามอาการและก็ประวัติการป่วย ร่วมกับการตรวจร่างกายเป็นสำคัญรวมทั้งอาจมีการตรวจพิเศษเพิ่มเติมอีก ดังนี้
ประวัติการรักษา/ความเป็นมาอาการ

  • ประวัติที่ช่วยสำหรับการวินิจฉัยโรคภูมิแพ้กะทันหัน ตัวอย่างเช่น เป็นหวัดมานานมากกว่า 7-10 วัน,  เป็นหวัดที่มีลักษณะรุนแรงมากมาย,  ไข้สูง,  คัดจมูก, มีน้ำมูกเหลืองข้น,  ได้กลิ่นลดน้อยลง, ปวดหรือ
  • ตื้อทึบบริเวณโหนกแก้มคล้ายปวดฟันบน, ปวดรอบๆจมูก หัวคิ้ว หรือหน้าผาก, เจ็บคอ, เสมหะไหลลงคอ, ไอ, ปวดศีรษะ, อาการทางจมูกที่ไม่ดีขึ้นหลังให้ยาหดหลอดเลือด  โดยมีอาการดังกล่าวภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน   ผู้ป่วยโรคไซนัสอักเสบเรื้อรังมักมีอาการไม่เฉพาะเจาะจงเช่น คัดจมูก, การรับกลิ่นลดลงหรือไม่ได้กลิ่น, มีน้ำมูกสีเขียวเหลืองในจมูกหรือไหลลงคอ, ปวดศีรษะ, มีกลิ่นปาก, ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น, ลิ้นเป็นฝ้า, คอแห้ง, มีเสมหะในคอ, เจ็บคอ ระคายคอเรื้อรัง, ไอ, ปวดหูหรือ หูอื้อ
  • การตรวจร่างกาย ได้แก่
  • การตรวจในโพรงจมูก มักพบว่าเยื่อบุจมูกบวมแดง อาจพบมีหนองหรือมูก บางรายอาจพบหนองตามตำแหน่งที่มีรูเปิดของไซนัส
  • มีอาการเจ็บ โดยเมื่อกดลงบนใบหน้า ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บ จุดกดเจ็บของไซนัสแม็กซิลล่าอยู่ที่ผนังด้านหน้าชิดกับจมูก จุดกดเจ็บของไซนัสฟรอนตัลอยู่ที่ใต้หัวคิ้วใกล้กับดั้งจมูก หรืออาจจะเคาะเบาๆที่บริเวณหน้าผากซึ่งถ้ามีการอักเสบจะรู้สึกเจ็บ จุดกดเจ็บของไซนัสเอธมอยด์อยู่ที่บริเวณหัวตา ส่วนไซนัสสฟีนอยด์ไม่สามารถตรวจได้เนื่องจากอยู่ลึกมาก แต่ทั้งนี้ ในไซ นัสอักเสบเรื้อรัง มักไม่มีอาการกดเจ็บอย่างชัดเจน ยกเว้นแต่มีการอักเสบเฉียบพลันแทรกซ้อน
  • การตรวจในช่องปาก อาจพบมีหนองไหลจากโพรงหลังจมูกลงมาบนผนังลำคอ เรียกว่า Postnasal drip ซึ่งเป็นตัวช่วยในการวินิจฉัยไซนัสอักเสบเรื้อรังที่ค่อนข้างจะแน่นอนอย่างหนึ่ง อาจพบผนังลำคอเป็นตุ่ม ขรุขระ เนื่องจากมีเนื้อเยื่อน้ำเหลืองในช่องคอโตขึ้น จากต้องทำหน้าที่กำจัดเชื้อโรคที่ติดมากับหนองจากไซนัส ซึ่งไหลลงมาในลำคอเป็นประจำ แต่ลักษณะขรุขระนี้ อาจจะพบได้ในผู้ป่วยโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ คอหอยอักเสบ และผู้ป่วยที่ผ่าตัดต่อมทอนซิล และอาจพบมีฟันผุโดยเฉพาะ ฟันกรามบน
  • การตรวจพิเศษ เช่น
  • การตรวจเพื่อดูการผ่านทะลุของแสง (Transillumination test) ใช้ช่วยการวินิจฉัยการอัก เสบของไซนัสแม็กซิลล่า และ ของไซนัสฟรอนตัล ถ้าไซนัสไม่มีแสงสว่างผ่านลอดไปได้เลยจะช่วยบอกว่ามีโรคได้อย่างแม่นยำ แต่ในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี วิธีนี้มักไม่ได้ประโยชน์เพราะเยื่อบุและผนังกระดูกเด็กที่ล้อมไซนัส มักจะหนากว่าผู้ใหญ่ แสงจึงมักผ่านไม่ได้
  • การตรวจภาพไซนัสด้วยอัลตราซาวด์ สามารถตรวจหาหนองในโพรงไซนัสได้ดี
  • การเจาะไซนัส (Antral proof puncture) ใช้ตรวจไซนัสแมกซิลลา
  • Sinuscopy เป็นการส่องกล้องตรวจในไซนัส ปัจจุบันเกือบจะเข้ามาแทนที่วิธีเจาะไซนัส Antral proof puncture โดยทำต่อจากการถ่ายภาพเอกซเรย์ธรรมดา ไซนัสสำหรับผู้ป่วยโพรงอากาศข้างจมูกแม็กซิลล่าอักเสบเรื้อรัง ถ้าพบหนองก็สามารถเก็บตัวอย่างส่งเพาะเชื้อ และล้างหนองได้ในคราวเดียวกัน ถ้าพบเป็นถุงน้ำ หรือ ริดสีดวงขนาดเล็กก็จะตัดออกผ่านทางกล้องส่องได้ นอกจากนี้ การเห็นพยาธิสภาพและการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุและของรูเปิดไซนัสด้วยตาโดยตรง ทำให้สามารถวินิจฉัยและวางแผนให้การรักษาไซนัสอักเสบที่เหมาะสมต่อไปได้อย่างเหมาะสม
  • การถ่ายภาพไซนัสด้วยเอมอาร์ไอ ใช้แยกก้อนเนื้อ หรือถุงน้ำออกจากของเหลว
  • การตรวจด้วยการส่องกล้องโพรงจมูก (Nasal endoscopy)
  • การถ่ายภาพไซนัสด้วยเอกซเรย์
  • การถ่ายภาพไซนัสด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เป็นวิธีดีที่สุดในการตรวจหาพยาธิสภาพของไซนัสในปัจจุบัน แต่ค่าใช้จ่ายในการตรวจค่อนข้างแพง
  • หลักในการรักษาโรคไซนัสอักเสบ ประกอบด้วย
  • กำจัดเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ  โดยการให้ยาต้านจุลชีพ  เพื่อทำให้อาการของโรคดีขึ้นเร็ว   การเลือกชนิดของยาต้านจุลชีพขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ, การดำเนินโรค,  ความไวต่อยาต้านจุลชีพของเชื้อนั้นๆ และ อุบัติการของการดื้อยา     ระยะเวลาของการให้ยาต้านจุลชีพนั้น  ในรายที่เป็นไซนัสอักเสบเฉียบพลันควรให้ยาต้านจุลชีพอย่างน้อย 10-14 วัน หรือให้จนผู้ป่วยไม่มีอาการผิดปกติแล้วให้ต่ออีก 1 สัปดาห์หลังจากนั้น     ในรายที่เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรังควรให้ยาต้านจุลชีพเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3-6 สัปดาห์ เช่น ยากลุ่ม Amoxicillin, Clarithromycin และ Azithromycin แต่หากผู้ป่วยต้องอยู่อาศัยในบริเวณที่มีโอกาสติดเชื้อสูง หรืออาการไม่ดีขึ้นหลังรับยาไปแล้ว 2-3 วัน แพทย์จะใช้ยารักษาในขั้นถัดไป เช่น Amoxicillin-clavulanate, Cephalosporins, Macrolides, Fluoroquinolones และ Clindamycin เป็นต้น
  • ทำให้การไหลเวียนของสารคัดหลั่งและอากาศภายในไซนัสดีขึ้น
  • 1 ยาหดหลอดเลือด ทำให้การบวมของเยื่อบุจมูกลดลง,  บรรเทาอาการคัดจมูก ทำให้รูเปิดของไซนัสโล่งขึ้น  อาจให้ในรูปยาพ่นหรือยาหยอดจมูก หรือ ยารับประทาน หรือให้ร่วมกันทั้งสองชนิดก็ได้    สำหรับยาหดหลอดเลือดที่พ่นหรือหยอดจมูก ไม่ควรใช้นานกว่า 7 วัน เพราะจะทำให้เยื่อบุจมูกเสียได้   ส่วนยาหดหลอดเลือดชนิดรับประทาน  ควรระวังผลข้างเคียง เช่น ความดันโลหิตสูง  หัวใจเต้นเร็ว  นอนไม่หลับ  กระสับกระส่ายด้วย เช่น pseudoephedrine และ phenylephrine โดยแพทย์จะจ่ายยาในปริมาณรับประทาน 10 - 14 วัน ยาลดอาการคัดจมูกแบบพ่นหรือหยด เช่น Oxymetazoline และ Hydrochloride ใช้รักษาภายใน 3-5 วัน
  • 2 ยาสตีรอยด์พ่นจมูก (Nasal Cortixosteroids) อาจมีประโยชน์ในรายที่เป็นไซนัสอักเสบเรื้อรัง หรือ ไซนัสอักเสบเป็นๆ หายๆ โดยเฉพาะถ้ามีโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือชนิดที่ไม่แพ้ร่วมด้วย ยาพ่นจมูกดังกล่าวจะช่วยลดการอักเสบในจมูก  ทำให้รูเปิดของไซนัส ที่มาเปิดในโพรงจมูกโล่งขึ้น  ช่วยให้การไหลเวียนของอากาศ  การระบายของสารคัดหลั่งหรือ หนองที่อยู่ภายในไซนัสดีขึ้น
  • 3 ยาต้านฮิสตะมีน ไม่แนะนำให้ใช้ ยาต้านฮิสตะมีนรุ่นเก่าในผู้ป่วยไซนัสอักเสบ ที่ไม่ได้มีโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร่วมด้วย   เนื่องจากอาจทำให้น้ำมูกและสารคัดหลั่งแห้งและเหนียวได้ ในรายที่มีโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร่วมด้วย  ควรเลือกใช้ยาต้านฮิสตะมีนรุ่นใหม่  เนื่องจากมีผลข้างเคียงดังกล่าวค่อนข้างน้อย 
  • 4  ยาละลายมูกหรือเสมหะ ยังไม่มีการศึกษาที่แสดงถึงประสิทธิภาพของยาละลายมูกในการรักษาโรค ไซนัสอักเสบชัดเจน
  • 5 การล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ  เป็นการชะล้างเอาน้ำมูก หนอง  สิ่งสกปรกในจมูก ซึ่งเกิดจากการอักเสบในโพรงจมูกและไซนัสออก  เพื่อให้โพรงจมูกและบริเวณรูเปิดของไซนัสโล่ง   ทำให้การพัดโบกของขนกวัดที่เยื่อบุจมูกดีขึ้น อาการต่างๆ ของผู้ป่วยจะดีขึ้นเร็ว
  • 6 การสูดดมไอน้ำเดือด จะช่วยทำให้เยื่อบุจมูกยุบบวม  โล่ง  อาการคัดจมูกน้อยลง  อาการปวดตื้อๆ ที่ศีรษะดีขึ้น   นอกจากนั้นยังทำให้การพ่นยาเข้าไปในจมูก มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • 7 การผ่าตัด   ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยที่เป็นโรคไซนัสอักเสบ มักจะหายได้โดยการใช้ยาอย่างเต็มที่  ส่วนน้อยที่ต้องรับการผ่าตัด  ดังนั้นในการรักษาจึงพยายามใช้ยาอย่างเต็มที่ก่อน   การผ่าตัดเป็นการแก้ไขพยาธิสภาพที่ทำให้รูเปิดระหว่างโพรงจมูกและไซนัสอุดตัน โดยแพทย์จะใช้การผ่าตัดด้วยวิธี Functional Endoscopic Sinus Surgery (FESS) เป็นการผ่าตัดผ่านทางรูจมูกด้วยกล้องเอ็นโดสโคปซึ่งเป็นกล้องขยายที่มีขนาดเล็ก แพทย์จะใช้เครื่องมือที่ถูกออกแบบมาพิเศษในการผ่าตัดนี้และมองภาพขณะผ่าตัดผ่านกล้อง ผู้ป่วยจะได้รับยาชาหรือยาสลบในขณะผ่าตัดโดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการป่วย
สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่นำไปสู่โรคไซนัสอักเสบ

  • เป็นโรคหวัดเรื้อรังโดยไม่ได้รับการดูแลและรักษาให้หายขาด
  • การเกิดการต่อว่าดเชื้อที่ฟัน อาทิเช่น ฟันผุ การถอนฟันแล้วมีการติดเชื้อโรคภายหลัง
  • การถูกกระทบอย่างแรงที่บริเวณใบหน้าบริเวณโพรงไซนัส
  • คนที่มีภาวะของโรคภูมิแพ้
  • อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ดังเช่นบริเวณโรงงาน หรือ ชุมชนแออัด
  • ผนังด้านข้างของโพรงจมูกโค้งงอผิดแบบ (Paradoxical turbinate)
  • ต่อมอะดีนอยด์โต หรือ มีสิ่งปลอมปนในจมูกเด็กเป็นระยะเวลานานๆดังเช่น เมล็ดผลไม้ต่างๆ
  • ผู้เจ็บป่วยที่ใส่ท่อช่วยหายใจ หรือใส่สายให้อาหารทางจมูก อยู่เป็นระยะเวลานาน
  • ภาวการณ์ที่ทำให้เซลล์ขน (Cilia) ซึ่งเป็นเซลล์สนับสนุนสารคัดเลือกหลั่งออกจากไซนัส เสียไป ก็เลยเกิดการคั่งของสารคัดเลือกหลั่งในไซนัส และก็เกิดการอักเสบติดโรคได้ ดังเช่นว่า ในภาวการณ์ข้างหลังเป็นโรคหวัด


การติดต่อของโรคแพ้อากาศ โรคไซนัสอักเสบเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาจากการอักเสบบวมของเยื่อบุไซนัสกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการแคบของรูเปิดจากไซนัสที่เข้าสู่โพรงจมูก และมีการค้างของสารคัดหลั่ง (เมือก) ในโพรงไซนัสไม่อาจจะกระบายออกรวมทั้งเมื่อมีการสะสมของเมือกมากมายก็เลยเปลี่ยนเป็นหนองขังในไซนัสเกิดอาการต่างๆตามมา โดยโรคไซนัสอักเสบนี้ไม่จัดอยู่ในโรคติดต่อด้วยเหตุว่าไม่เจอการติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คนอะไร
การปฏิบัติตนเมื่อมีอาการป่วยด้วยโรคแพ้อากาศ

  • ควรจะกินยาดังที่แพทย์สั่งให้การรักษาอย่างจริงจัง รวมทั้งติดตามผลของการรักษากับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
  • พักให้เพียงพอ
  • ดื่มน้ำมากๆ
  • ดมละอองน้ำอุ่น รวมทั้งล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ (ในเรื่องที่หมอเสนอแนะและสอนให้ทำ)
  • หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ ควันบุหรี่ และมลพิษทางอากาศ
  • งดเว้นดื่มเครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำในสระว่ายน้ำนานๆเนื่อง จากคลอรีนในสระอาจส่งผลให้เกิดการเคืองเยื่อบุจมูกแล้วก็ไซนัสได้
  • หลบหลีกการเดินทางโดยเครื่องบินในเวลาที่จับไข้หวัด หวัดภูมิแพ้ หรือภูมิแพ้กำเริบ ถ้าเกิดหลบหลีกไม่ได้ ควรรับประทานยาแก้คัดจมูก ยกตัวอย่างเช่น สูโดเอฟีดรีน (pseudoephedrine) ครั้งละ 1-2 เม็ดก่อนเดินทาง แล้วก็ซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมงระหว่างเดินทางระยะไกล
การคุ้มครองตนเองจากโรคไซนัสอักเสบ

  • หมั่นดูแลรักษาสุขภาพร่างกายทั่วๆไปให้แข็งแรง (อย่างเช่น ทานอาหาร สุขภาพ บริหารร่างกาย นอนพักให้พอเพียง คลายเครียด)
  • ปกป้องตนเองจากไข้หวัด ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของการป่วยภูมิแพ้ หรือหากเจ็บป่วยหวัดแล้วจำเป็นต้องรีบรักษาให้หายสนิทอย่างรวดเร็ว
  • อยู่ในที่มีอากาศระบาย ไม่มีฝุ่นละออง หรือสิ่งที่จะกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการโรคภูมิแพ้
  • อย่าให้ร่างกายจะต้องเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วเกินความจำเป็น
  • ไม่ว่ายน้ำ มุดน้ำ ขณะที่มีการติดโรคในช่องจมูก
  • ลด หรือ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
  • รักษาสุขภาพฟันคุ้มครองไม่ให้ฟันผุเพื่อหลีกเลี่ยงการตำหนิดเชื้อในโพรงปากที่เป็นสาเหตุของโรไซนัสอักเสบ
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคไซนัสอักเสบ
ฟ้าทะลายขโมย ชื่อวิทยาศาสตร์Andrographis paniculata (Burm. f.) Nees วงศ์    Acanthaceae สารออกฤทธิ์ andrographolide, deoxyandographolide, didehydro-deoxyandrographolide และก็ neoandrographolide ฟ้าทะลายโจรได้ผลในการคุ้มครองหวัดแล้วก็บรรเทาอาการหวัด การศึกษาในผู้เรียนโตช่วงหน้าหนาว ให้รับประทานยาเม็ดฟ้าทะลายมิจฉาชีพแห้ง ขนาด 200 มก./วัน ในเดือนแรกของการทดลองยังไม่พบไม่เหมือนกันระหว่างกรุ๊ปที่รับประทานยาและก็กลุ่มควบคุม ภายหลัง 3 เดือนของการทดสอบ อุบัติการณ์การเป็นหวัดน้อยลงอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม อัตราการเป็นหวัดในกลุ่มที่ได้รับฟ้าทะลายโจรพอๆกับ 20% ในช่วงเวลาที่กลุ่มควบคุมมีอัตราการเป็นหวัดพอๆกับ 62%    การศึกษาทางสถานพยาบาล ในคนที่มีลักษณะติดโรคของระบบฟุตบาทหายใจส่วนบนอย่างฉับพลัน และก็กรุ๊ปอาการภูมิแพ้ด้วย กลุ่มทดลอง 95 คน รับประทานยา Kan Jang (มีสารสกัดมาตรฐานของฟ้าทะลายโจร 85 มิลลิกรัม (มี andrographolide 5 มิลลิกรัม) และก็สารสกัด Eleutherococcus senticosus 120 มก.) กลุ่มควบคุม 90 คน กินยาหลอก ทั้งสองกรุ๊ปรับประทานยานาน 5 วัน ประเมินผลโดยให้คะแนนจากการประมาณอุณหภูมิ อาการปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ อาการแสดงทางคอ ไอ อาการแสดงทางจมูก ความรู้สึกป่วยตัว และก็อาการทางตา ผลการศึกษาวิจัยพบว่า คะแนนรวมเบ็ดเสร็จของกลุ่มทดลองสูงยิ่งกว่ากลุ่มควบคุม โดยจะมีลักษณะปวดศีรษะ อาการทางจมูก อาการทางคอ แล้วก็ความรู้สึกป่วยตัวต่ำลง
ปีบ ชื่ออื่นๆ กาซะลอง กาดสะลอง (เหนือ)  ชื่อวิทยาศาสตร์  Millingtonia hortensis L.f. ชื่อสกุลBignoniaceae  คุณประโยชน์         ตำราเรียนยาไทย ดอก รสหวานขมหอม ขยายหลอดลม มวนเป็นยาสูบสูบรักษาหืด ดูดแก้ริดสีดวงจมูก ภูมิแพ้ บำรุงน้ำดี เพิ่มการหลั่งน้ำดี บำรุงโลหิต  ส่วนประกอบทางเคมี  ดอกมีสารฟลาโวนอยด์ hispidulin ช่วยขยายหลอดลม แล้วก็เจอฟลาโวนอยด์อื่นๆดังเช่น scutellarein, scutellarein-5-galactoside, hortensin, cornoside, recimic, rengyolone, rengyoside B, rengyol, rengyoside A,  iso rengyol, millingtonine ใบพบฟลาโวนอยด์ hispidulin, dinatin รวมทั้งสารอื่นๆอาทิเช่น ß carotene, rutinoside เปลือกต้น พบสารที่ให้ความขม และก็สารแทนนิน รากพบ Lapachol, β-sitosterol, poulownin
เอกสารอ้างอิง

  • ผศ.นพ.สุรเกียรติ อาศนะเสน.ไซนัสอักเสบ..รักษาได้.สาขาวิทยาโรคจมูกและภูมิแพ้ ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล.
  • รศ.นพ.สุรเกียร
บันทึกการเข้า