รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคอัไซเมอร์ มีวิธีรักษาอย่างไรเเละมีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างไร  (อ่าน 568 ครั้ง)

bilbill2255

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 112
    • ดูรายละเอียด


โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer Disease)
โรคอัลไซเมอร์คืออะไร โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) เป็นเยี่ยมในโรคสมองเสื่อมที่พบมากที่สุด โรคนี้ศึกษาและทำการค้นพบหนแรกโดยจิตแพทย์ชาวเยอรมันชื่อ Alois Alzheimer ในปี พ.ศ. 2499 ซึ่งมีเหตุที่เกิดจากการถึงแก่กรรมของเซลล์สมอง ทำให้รูปแบบการทำงานของโรคสมองเสื่อมลง ตราบจนกระทั่งมีผลเสียต่อกิจวัตรที่ทำเป็นประจำทุกวันของผู้ป่วย ในช่วง 8 -10 ปี หลังจากเริ่มมีลักษณะและไม่ได้รับการดูแลรักษาคนป่วยโรคอัลไซเมอร์จะมีลักษณะโรคสมองเสื่อมร้ายแรงยิ่งขึ้น
            โดยโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer,s disease, AD) นี้มีรูปทรงคิดเป็นปริมาณร้อยละ 50 ของผู้เจ็บป่วยภาวะสมองทั้งสิ้น จะมีลักษณะหลงๆลืมๆ โดยจะลืมเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้นใหม่ๆในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น ลืมว่าวันนี้กินอาหารรุ่งเช้าหรือยัง ลืมว่าเคยเจอใครกันแน่ในวันนี้ ชอบกล่าวซ้ำ ถามคำถามซ้ำ ปัญญาความเฉลียวฉลาดต่ำลง ทักษะต่างๆเริ่มสูญเสียไป การดำเนินของโรคจะค่อยๆเป็น ค่อยๆไป และก็เสื่อมโทรมลงไปเรื่อยๆซึ่งเป็นโรคที่ไม่สามารถที่จะรักษาให้หายขาดได้
            ในปี คริสต์ศักราช2007 มีการรายงานว่าประเทศอเมริการมีผู้ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer,s disease, AD) มากถึง 5 ล้านคน รวมทั้งจะมากยิ่งขึ้นเป็น 16 ล้านคน ในอีก 40 ปีด้านหน้า ในประเทศทางแถบซีกโลกตะวันตก พบว่าโรคอัลไซเมอร์จะเกิดกับคนสูงอายุเป็นส่วนใหญ่ โดยอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคเพิ่มขึ้นตามอายุ จากบุคคลที่มีอายุ 60-64 ปี มีอัตราเสี่ยงประมาณ 1-3% บุคคลที่มีอายุมากกว่า 65 ปี มีอัตราเสี่ยง 6-8% แล้วก็เพิ่มขึ้นเป็น 30-40% ในบุคคลที่อายุมากกว่า 85 ปี
ต้นเหตุของโรคอัลไซเมอร์ สาเหตุและการดำเนินโรคของโรคอัลไซเมอร์ยังไม่เป็นที่ทราบดีนักในขณะนี้ งานค้นคว้าชี้ว่าโรคนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับองค์ประกอบคล้ายคราบในสมองที่เรียกว่า พลาก (plaque) และแทงเกิล (tangle)  แล้วก็ความไม่ปกติที่มีผลโดยตรงต่อสมอง ซึ่งเป็นศูนย์การสื่อสารที่น่าประหลาดสำหรับเพื่อการควบคุมความรู้สึก แล้วก็การตอบสนอง การสื่อสารที่สำคัญต่างๆภายในร่างกายจะถูกส่งผ่านสมอง โดยมีสารเคมีที่เรียกว่า สารสื่อประสาท (NEURO-TRANMITTER) เป็นตัวติดต่อ สารนี้จะช่วยนำคำสั่งจากสมองไปยังอวัยวะเป้าหมายเพื่อให้เกิดการทำงานขึ้น สำหรับสารสื่อประสาทที่มีความสำคัญอย่าง  ยิ่งต่อความจำของคนคือ สารอะเซติลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์มั่นใจว่าสารนี้ช่วยทำให้มนุษย์มีความรู้และมีความเข้าใจในการจำ และหากในสมองมีสารนี้น้อยลงมากมายจะมีผลให้เซลล์สมองมีปัญหาในการติดต่อสื่อสาร รวมทั้งพบว่าผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์หรูหราของสารอะเซติลโคลีนลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งเชื่อว่าเป็นเหตุทำให้ความสามารถสำหรับการจำและก็การใช้เหตุผลของผู้เจ็บป่วยน้อยลงตามไปด้วย  และก็ยังมีมูลเหตุอื่นๆอีกตัวอย่างเช่น คนเจ็บราว 7% มีสาเหตุจากกรรมพันธุ์ และสามารถถ่ายทอดสู่ลูกหลานได้ ตำแหน่งความไม่ปกติบนโครโมโซมที่พบแจ้งชัดแล้วว่าส่งผลให้เกิดโรคอัลไซเมอร์อยู่บนโครโมโซมคู่ที่ 21, 14, 1, และก็ 19 ผู้ที่มีความผิดปกติของพันธุกรรมเหล่านี้ จะมีอาการป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ที่อายุน้อยกว่าคนที่ไม่ได้มีความผิดปกติทางพันธุกรรม นอกจากนั้นพบว่าในคนป่วยโรคกรุ๊ปอาการดาวน์ (Down’s syndrome) ซึ่งมีความผิดธรรมดาเป็นมีสารพันธุบาปของโครโมโซมแท่งที่ 21 เกินมา แม้มีชีวิตอยู่เกิน 40 ปี จะป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์สุดท้าย

อาการของโรคอัลไซเมอร์
ในระยะก่อนโรคสมองเสื่อม (Predementia) อาการแรกสุดมักจะเข้าใจผิดว่าเกิดขึ้นเองจากความเฒ่า หรือมีเหตุมาจากภาวะเครียด ความบกพร่องที่เห็นกระจ่างคือการความจำเสื่อม เป็นบากบั่นจำข้อมูลที่ทำความเข้าใจเมื่อไม่นานมานี้ไม่ได้และไม่สามารถรับข้อมูลใหม่ๆได้ ในระยะก่อนแสดงอาการทางสถานพยาบาลนี้อาจเรียกอีกอย่างว่า ความผิดพลาดทางการทราบเล็กน้อย (mild cognitive impairment)
โรคสมองเสื่อมระยะต้น (Early dementia) อาการเริ่มแรกมักเป็นการลืมเรื่องราวที่เพิ่มเกิดขึ้นใหม่ๆไม่นาน ในตอนที่ความจำเรื่องเก่าๆในอดีตจะยังดีอยู่ คนป่วยบางทีอาจถามซ้ำเรื่องที่เพิ่มบอกไปหรือพูดซ้ำเรื่องที่พึ่งจะเล่าให้ฟัง นอกนั้นยังอาจมีอาการอื่นๆตัวอย่างเช่น วางของแล้วลืม ทำอะไรที่เคยทำประจำไม่ได้ งงมากเรื่อง วัน เวลา สถานที่ คิดคำพูดไม่ค่อยออกหรือใช้คำผิดๆแทน มีอารมณ์ การกระทำแล้วก็บุคลิกภาพที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม การตัดสินใจห่วยแตกลง ไม่สามารถมีความคิดเริ่มใหม่ๆได้ อาการต่างๆกลุ่มนี้จะค่อยเริ่มเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งสร้างปัญหาต่อการทำงานและก็งานกิจวัตร
โรคสมองเสื่อมระยะปานกลาง (Moderate dementia) เมื่ออาการโรคเริ่มปรับปรุงถึงขนาดถัดมา คนป่วยจะยิ่งมีปัญหาด้านความทรงจำ คนป่วยมักจำต้องได้รับการช่วยเหลือในการใช้ชีวิตประจำวัน ดังเช่นว่า การทานอาหาร การอาบน้ำแต่งตัว และก็การเข้าสุขาทำธุระส่วนตัว โดยอาการที่แสดงเพิ่มขึ้นอาจมีดังนี้
การจำชื่อของคนรู้จักกันแปลงเป็นเรื่องยากเยอะขึ้นเรื่อยๆทุกที พากเพียรนึกชื่อเพื่อนพ้องรวมทั้งครอบครัวแม้กระนั้นนึกไม่ออก
เกิดภาวะงงมากและก็สูญเสียการรับรู้ด้านสถานที่ เวลา และบุคคล เช่น หลงทาง หรือเดินไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่เคยรู้วันเวลา
การทำกิจวัตรที่ทำทุกๆวันที่มีหลายกระบวนการแปลงเป็นเรื่องยากขึ้น เป็นต้นว่า การแต่งตัว
มีพฤติกรรมหมกมุ่น ทำอะไรซ้ำๆหรือวู่วาม
ไม่สามารถศึกษาสิ่งใหม่ๆมีปัญหาสำหรับการจัดการกับเหตุการณ์ที่ไม่คุ้นเคย
มีลักษณะอาการหลงทาง เชื่อในเรื่องที่ไม่เป็นความจริงอย่างวางใจ รวมทั้งอาจรู้สึกระแวงหรือสงสัยในตัวผู้ดูแลหรือครอบครัวของตน
มีปัญหาเกี่ยวกับการพูดหรือการใช้ภาษาสื่อสาร
มีปัญหาด้านการนอน
เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ อย่างเช่น อารมณ์ไม่คงที่ แปรปรวนบ่อย มีภาวการณ์หม่นหมอง หรือวิตกกังวล อารมณ์เสีย ร้อนใจยิ่งขึ้นเรื่อย
ทำงานที่จำเป็นต้องใช้การกะระยะได้ทุกข์ยากลำบาก
มีอาการประสาทหลอน
โรคสมองเสื่อมระยะสุดท้าย (Advanced dementioa) ระยะที่อาการโรครุนแรงขึ้นเป็นอย่างมากกระทั่งนำความเศร้าเสียใจและวิตกมาให้บุคคลใกล้ชิด ในเวลานี้คนไข้บางทีอาจจำเป็นต้องได้รับการดูแลและก็ให้ความให้การช่วยเหลือตลอด ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหาร การเคลื่อนไหว หรือการเข้าห้องอาบน้ำ
อาการหลงผิดหรือประสาทหลอนที่เป็นๆหายๆกลับยิ่งห่วยลงเรื่อยๆ
คนไข้อาจอาละวาด เรียกร้องความสนใจ และไม่ไว้เนื้อเชื่อใจผู้คนรอบตัว
กลืนและกินอาหารลำบาก
เปลี่ยนแปลงอาการหรือขยับเขยื้อนตนเองตรากตรำ จำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ
น้ำหนักลดลงมากมาย แม้จะรับประทานอาหารมากมายหรืออุตสาหะเพิ่มน้ำหนักและก็ตาม
มีลักษณะชัก
กลั้นฉี่หรืออุจจาระไม่อยู่
ค่อยๆสูญเสียความสามารถสำหรับในการกล่าวลงไปทีละน้อยๆจนถึงไม่สามารถที่จะสื่อสารได้
มีปัญหาด้านความจำในระยะสั้นและระยะยาวอย่างร้ายแรง
ปัจจัยเสี่ยงที่นำมาซึ่งโรคอัลไซเมอร์
อายุ โดยภาวการณ์เสี่ยงจะมากยิ่งขึ้น เมื่อแก่มากขึ้นเรื่อยๆโดยช่วงอายุระหว่าง 65-74 ปี พบว่าจะมีอัตราเสี่ยงโดยเฉลี่ย 3% ช่วงอายุระหว่าง 75-84 ปี พบว่ามีอัตราเสี่ยงสูงขึ้นเป็น 19%
กรรมพันธุ์ และ กลุ่มอาการ Down Syndrome จากการศึกษาเล่าเรียนพบว่าในแฝด หากแฝดคนหนึ่งป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์แล้ว ฝาแฝดอีกคนหนึ่งจะมีภาวการณ์การเสี่ยงมากถึง 40-50% รวมทั้งนอกเหนือจากนี้ถ้าหากว่ามีพี่น้องในครอบครัวมีอาการป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ พบว่าก็จะโอกาสเสี่ยงสำหรับการเป็นเพิ่มสูงขึ้น ในเรื่องพันธุกรรมพบว่ามีการเปลี่ยนของยีนรวมทั้งในผู้ที่เป็น Down Syndrome ถ้าหากแก่ยืนถึง 40-50 ปี จะพบว่ามีภาวะสมองเสื่อมเกิดขึ้นได้
ปัจจัยทางสภาพแวดล้อม ถึงยีนจะเป็นต้นสายปลายเหตุที่บ่งบอกถึงอัลไซเมอร์ในคู่แฝดแท้ แต่อย่างไรก็แล้วแต่สิ่งแวดล้อมก็น่าจะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่เสี่ยงที่จะทำให้เป็นโรคอัลไซเมอร์ เพราะพบว่าฝาแฝดนั้นบางทีอาจได้รับการวิเคราะห์ว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์แตกต่างกันถึง 15 ปี รวมทั้งคนสูงอายุคนประเทศญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในฮาวายจะมีอัตราการเป็นอัลไซเมอร์สูงกว่าคนแก่ที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น
การตรวจพบโปรตีนประเภทหนึ่งในยีนที่อยู่ในโครโมโซมคู่ที่ 19 ผลจากหายๆการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยกล่าวว่า apolipoprotein E4 (APOE4) จะเพิ่มภาวการณ์การเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์
การใช้ยาต่อต้านการอักเสบที่ไม่ใช้สเตียรอยด์อย่างไม่บ่อยนัก จากการศึกษาเล่าเรียนพบว่าผู้ที่ใช้ยาในกลุ่ม NSAIDS เป็นประจำ เป็นระยะเวลาขั้นต่ำ 2 ปี มีอัตราเสี่ยงลดลงถึง 30-60% ที่จะเป็นอัลไซเมอร์ งานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยอีกขั้นหนึ่งกล่าวว่าหลังจากใช้ NSAIDS เพิ่มขึ้นพบว่า ภาวะการเปลี่ยนแปลงทางจิตและอารมณ์ลดลง
การใช้ไหมได้ใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน ระยะสั้นในวัยหมดระดูจากหลายๆกรณีการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัย พบว่าหญิงในวัยหมดประจำเดือนที่ได้รับฮอร์โมนทดแทนสามารถปกป้องหรือ ชะลอโรคอัลไซเมอร์ได้ เพราะฉะนั้นฮอร์โมนเอสโตรเจนอาจมีผลต่อการช่วยรักษาโรคนี้ได้
ภาวะขาดสารอาหารที่มีแอนตี้ออกซิแดนท์เป็นที่ชื่อกันว่า โมเลกุลออกซิเจน ในร่างกาย หรือ เรียกว่า Free radicles เป็นต้นต่อของการเกิดโรคมะเร็งโรคลำไส้รวมทั้งยังมีส่วนนำไปสู่โรคอัลไซเมอร์ได้สารอาหารที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์เป็นองค์ประกอบ ดังเช่นว่า วิตามินเอ ซี อี ซีเลเนียม
ภาวะกำเนิดสมองกระเทือน มีหลักฐานที่แนะนำว่าการที่สมองได้รับการกระทบสะเทือนจนกระทั่งทำให้หมดสติ จะส่งผลนำไปสู่โอกาสเป็นอัลไซเมอร์สูงมากขึ้น
โรคเส้นโลหิตหัวใจ โรคนี้มีต้นสายปลายเหตุการเกิดมาจากความประพฤติการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม ทางที่ดีควรจะเปลี่ยนแปลงด้วยการเลิกดูดบุหรี่ ทานอาหารเป็นประโยชน์ รักษาน้ำหนักให้ไม่มากเกิน ดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง และก็ตรวจสุขภาพบ่อยๆ เพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจรวมทั้งโรคอัลไซเมอร์ไปในครั้งเดียวกัน เพศ (SeX) จากรายงานการเล่าเรียนทางระบาดวิทยา พบว่าเพศเป็นปัจจัยเสี่ยงของพัฒนาการของสภาวะโรคสมองเสื่อมเช่นเดียวกัน โดยพบว่าเพศหญิงได้โอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์มากกว่าเพศชายถึง 3.5 เท่าการบริหารร่างกาย (Physical activity) จากรายงานการวิจัยหลายฉบับยืนยันได้ว่า การออกกำลังกายในคนวัยแก่จะช่วงเพิ่มความสามารถสำหรับเพื่อการทำความเข้าใจ (cognitive function)  นอกจากนั้นยังช่วยลดความลดน้อยสำหรับการศึกษา (cognitive decline) ลงได้ ด้วยเหตุดังกล่าวผู้ที่ไม่บริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอจึงได้โอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้มากกว่าผู้ที่ออกกำลังกาย
กรรมวิธีรักษาโรคอัลไซเมอร์  สำหรับในการตรวจพื้นฐานจะพิจารณาจากอาการที่ผู้เจ็บป่วยหรือคนใกล้ชิดบอกให้ทราบ และก็ซักถามครอบครัวหรือคนรอบข้างของคนไข้เกี่ยวกับสุขภาพโดยรวม ประวัติความเป็นมาสุขภาพ ความสามารถในการดำรงชีวิตประจำวัน ความประพฤติปฏิบัติแล้วก็ลักษณะนิสัยที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ป่วย แล้วก็ใช้การถามคำถามหรือทำแบบทดสอบความจำ การแก้ไขปัญหา การนับเลข หรือทักษะทางด้านภาษา เพื่อตรวจดูแนวทางการทำงานของสมองในแต่ละส่วนแล้วก็พิเคราะห์ว่าควรรับการตรวจเพิ่มเติมหรือส่งให้ผู้ชำนาญเฉพาะทางตรวจรักษาถัดไปไหม
ด้วยเหตุดังกล่าวเมื่อวิเคราะห์จากอาการได้แล้วว่าคนป่วยมีภาวะของสูญเสียความจำเกิดขึ้น ขั้นต่อไปหมอต้องตรวจค้นสาเหตุของความจำเสื่อมนั้น โดยอาศัยการตรวจร่างกาย การตรวจทางห้องปฏิบัติการและก็การเอกซเรย์ต่างๆเพื่อให้การวิเคราะห์โรคที่เป็นต้นเหตุของความจำไม่ดี รวมทั้งให้การรักษาที่ถูกต้องต่อไป ดังเช่น การเจาะเลือดดูภาวการณ์ไทรอยด์ฮอร์โมน การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองเพื่อดูว่ามีเนื้องอกในสมอง มีเลือดออกใต้ชั้นเยื่อหุ้มสมองหรือเปล่า เป็นต้น   หากการตรวจวิเคราะห์ไม่พบต้นสายปลายเหตุอื่นๆประกอบกับอาการแล้วก็การทดสอบทางสมองรวมทั้งภาวะจิต เข้าเกณฑ์การวินิจฉัยของโรคอัลไซเมอร์ จึงจะวิเคราะห์ว่าผู้เจ็บป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์    ในเรื่องที่มีปัญหาสำหรับในการวินิจฉัย บางทีอาจจำต้องอาศัยการตัดชิ้นเนื้อสมองเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
ปัจจุบันนี้ยังไม่มีกระบวนการรักษาโรคอัลไซเมอร์ให้หายสนิท การรักษาด้วยยาบางทีอาจช่วยรักษาอาการที่เป็นได้มากน้อยนานับประการ แต่ไม่มียาตัวไหนที่จะสามารถชะลอหรือหยุดการดำ เนินของโรคได้ แบ่งการดูแลและรักษาออกได้เป็น3 แบบอย่าง ดังเช่น
การดูแลรักษาด้วยยา แบ่งเป็น
การดูแลรักษาอาการสูญเสียความจำ ปัจจุบันนี้มียาอยู่ 4 ชนิดที่ได้รับการรับรองจากแผนก กรรมการของกินรวมทั้งยาแห่งสหรัฐอเมริกา สำหรับการนำมาใช้กับคนเจ็บโรคอัลไซเมอร์ คือ Donezpezil , Rivastigmin, Galantamine, แล้วก็ Memantine มีการเล่าเรียนพบว่า การใช้สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Ginkgo biloba) ช่วยบรร เทาลักษณะของคนป่วยได้ แต่ว่าก็ยังไม่มีการศึกษารับรองแจ่มกระจ่าง บางการศึกษาเล่าเรียนพบว่าการให้วิตามินอี เสริมในขนาดสูงจะช่วยชะลอการเสียชีวิตได้ แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจรวมทั้งเส้นโลหิตได้
การรักษาอารมณ์และความประพฤติที่ร้ายแรง และก็อาการจิตหลอน โดยการใช้ยารักษาโรคจิตมารักษาตามอาการที่ปรากฏ
การดูแลรักษาด้านจิตสังคม เป็นต้นว่า
การดูแลรักษาที่เน้นการกระตุ้นสมอง ดังเช่นว่า ศิลปะบรรเทา ดนตรีบำบัด การบำบัดโดยอาศัยสัตว์เลี้ยง
การบำบัดด้วยการรำลึกถึงเรื่องราวในอดีตกาล อาทิเช่น การจับกลุ่มทำกิจกรรมแลก เปลี่ยนประสบการณ์ในสมัยก่อน การใช้รูปถ่าย สิ่งของเครื่องใช้ในบ้าน ดนตรี ที่ผู้เจ็บป่วยเคยชินในสมัยก่อนมาช่วยฟื้นความทรงจำ
การให้เข้าไปอยู่ด้านในห้องที่เรียกว่า Snoezelen room ซึ่งเป็นห้องที่ดีไซน์ให้มีสิ่งแวดล้อมด้านในที่เหมาะสมกับแนวทางการกระตุ้นการรับทราบแล้วก็ความรู้สึกที่หลากหลาย ที่เรียกว่า Multisensory integration อันดังเช่นว่า การมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรับสัมผัส และการเคลื่อนไหว
การให้การดูแลคนเจ็บ เป็นเรื่องจำเป็นที่สุด คนที่อยู่สนิทสนมต้องเข้าใจอาการโรคจำต้องทำใจ เห็นด้วย และก็ทรหดอดทน ไม่ละเลยคนเจ็บไว้ผู้เดียว รวมทั้งรู้เรื่องการดำเนินของโรคว่า คนไข้จำเป็นต้องอาศัยการช่วยเหลือเพื่อตอบสนองความปรารถนาเบื้องต้นมากเพิ่มขึ้น
การติดต่อของโรคอัลไซเมอร์ เนื่องด้วยโรคอัลไซเมอร์เป็นเยี่ยมในโรคของภาวการณ์สมองเสื่อมที่เกิดจากความเปลี่ยนไปจากปกติของสมอง ด้วยเหตุดังกล่าวก็เลยไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คน

การปฏิบัติตนเมื่อมีอาการป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์
 คนไข้ที่เริ่มมีลักษณะของความจำไม่ดีควรหยุดขับขี่รถด้วยตัวเองคนเดียว ไม่ควรไปยังสถานที่ไม่คุ้นเคยเพียงผู้เดียวหรือไปทำธุระคนเดียวโดยเฉพาะถ้าเกิดเป็นสิ่งสำคัญ อาทิเช่น ธุรกรรมทางด้านการเงิน และเมื่อมีอาการมากแล้วจะต้องมีผู้ดูแลใกล้ชิดตลอดระยะเวลา
คนไข้ต้องไปพบหมอหรือให้ผู้ดูแลพาไปพบแพยท์ตามนัดบ่อย เพื่อประเมินอาการต่างๆติดตามการใช้ยา แล้วก็ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
ผู้เจ็บป่วยควรจะพกป้ายประจำตัว หรือใส่สายข้อมือที่บอกชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรติด แม้กระทั่งกระจ่างแจ้ง เพื่อคุ้มครองการพลัดหลงแม้จะต้องออกนอกบ้าน หรือเกิดเดินหนีออกนอกบ้านไปผู้เดียว
ต้องมีการปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมข้างในบ้าน เพื่อคนไข้มีความปลอดภัยแล้วก็ลดภาระหน้าที่ต่อผู้ดูแลได้บ้าง อย่างเช่น การล็อกบ้านและก็รั้วไม่ให้คนเจ็บออกนอกบ้านไปผู้เดียว การต่อว่าดป้ายบนเครื่องใช้สอยต่างๆในบ้านให้ชัดเจนโดยบอกว่าเป็นอย่างไร ใช้งานอย่าง ไร การติดป้ายหน้าห้องต่างๆให้แน่ชัดว่าเป็นห้องอะไร ฯลฯ
ผู้เจ็บป่วยควรหากิจบาปทำ และก็ควรเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกับผู้ที่ดูแลรวมทั้งอยู่ในบ้าน เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้คนป่วยเป็นประจำ
คนเจ็บควรจะบริหารร่างกายเท่าที่จะทำเป็นเพื่อมีสุขภาพที่ดีซึ่งมีผลที่ดีไปถึงสมองได้
การคุ้มครองป้องกันตนเองจากโรคอัลไซเมอร์ ในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลพอเพียงในการคุ้มครองโรคนี้ แต่การกระทำตัวบางอย่างบางทีอาจช่วยทำให้สมองมีความจำที่ดีได้ ดังเช่นว่า
หลีกเลี่ยงยาหรือสารที่จะมีผลให้เป็นอันตรายแก่สมอง ตัวอย่างเช่น การกินเหล้าจัด การสูบบุหรี่ การรับประทานยาโดยไม่จำเป็น
การฝึกซ้อมสมอง เช่น การพยายามฝึกให้สมองได้คิดเสมอๆอาทิเช่น อ่านหนังสือ แต่งหนังสือเป็นประจำคิดเลข มองเกมส์ตอบปัญหา ฝึกฝนการใช้เครื่องมือใหม่ๆฯลฯ
บริหารร่างกายเป็นประจำ อาทิตย์ละ 3-5 ครั้ง ได้แก่ เดินเล่น รำมวยจีน เป็นต้น
การคุยกัน พบปะผู้อื่นเป็นประจำดังเช่นว่า ไปวัด ไปงานฉลองต่างๆหรือเข้าชมรมคนวัยแก่ ฯลฯ
ตรวจสุขภาพรายปี หรือถ้ามีโรคประจำตัวอยู่เดิมก็ต้องติดตามการดูแลรักษาเป็นระยะ ดังเช่นว่า การตรวจหา ดูแลรวมทั้งรักษาโรคความดันเลือดสูง เบาหวาน ฯลฯ
รอบคอบเรื่องอุบัติเหตุต่อสมอง ระวังการหกล้ม ฯลฯ
พยายามมีสติสัมปชัญญะในสิ่งต่างๆที่กำลังทำแล้วก็ฝึกสมาธิอยู่ตลอดระยะเวลา
พยายามไม่คิดมากมาย ไม่เครียด หากิจบาปต่างๆทำเพื่อความเครียดลดลง เนื่องจากว่าความเคร่งเครียดรวมทั้งอาการซึมเศร้าอาจจะก่อให้จำอะไรได้ไม่ดี
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครอง/รักษาโรคอัลไซเมอร์
ขมิ้นชัน  หรือ  ขมิ้น  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma longa L. มีรายงานการวิจัยหลายฉบับยืนยันว่าสาร curcumin มีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการต่อต้านอนุมูลอิสระ สาร curcumin มีคุณสมบัติปกป้องเซลประสาทในสมองของสัตว์ทดสอบจากการทำลายของสารเอทานอล (ethanol-induced brain injury) สารประเภทนี้ยังช่วยลดจำนวน lipid peroxide รวมทั้งเพิ่มปริมาณ glutathione ในสมองหนูแรท สาร curcumin รวมทั้ง curcuminoids ที่ได้จากเหง้าขมิ้น มีฤทธิ์สมาคมกับการต้านอนุมูลอิสระรวมทั้งการต้านการอักเสบ ที่เป็นต้นเหตุหนึ่งของโรคอัลไซเมอร์
บัวบก มีชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica L. มีรายงานการวิจัยพบว่า น้ำมันหอมระเหยจากใบบัวบก ซึ่งประกอบด้วยสารกลุ่ม monoterpenes อาทิเช่น bornyl acetate, α-pinene, β-pinene, γ-terpinene มีฤทธิ์ยั้งแนวทางการทำงานของเอ็นไซม์acetylcholinesterase  พบว่าสารสกัดจำพวกนี้มีฤทธิ์กล่อมประสาท (tranquilizing) ซึ่งมีสาเหตุมาจากสารไตรเทอร์ปีน (triterpenes) ที่ชื่อว่า brahmoside สารสกัดจากใบบัวบกยังมีฤทธิ์กดประสาท (sedatvie) ต้านทานอาการซึมเศร้า (antidepressant) รวมทั้งมีฤทธิ์เป็น cholinomimetic ในสัตว์ทดลอง จากการศึกษาค้นพบนีก็เลยอาจนำบัวบกไปใช้รักษาอาการเศร้าใจแล้วก็อาการกลุ้มใจในคนเจ็บอัลไซเมอร์ได้ โดยส่งผลกระตุ้นระบบ cholinergic activity และเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการทำความเข้าใจ (cognitive function)
ถั่ว  เว้นเสียแต่ถั่วจะเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีแล้ว ถั่วยังเป็นแหล่งของวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระระดับแม่ทัพตามธรรมชาติ รวมทั้งเป็นแหล่งของเกลือแร่ที่มีส่วนสำคัญในระบบการทำงานของร่างกาย รวมทั้งระบบการนำประสาทต่างๆด้วย ดังเช่น แมกนีเซียม สังกะสี ซีลีเนียม ซึ่งเป็นธาตุอาหารที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
ใบติดก้วย (Ginkgo biloba) เป็นสมุนไพรจีนที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกมีสารในกรุ๊ปฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ และก็มีสรรพคุณสำหรับการเพิ่มสมาธิรวมทั้งความทรงจำ
เอกสารอ้างอิง

  • รศ.อารีย์ ตัณฑ์เจริญรัตน์. โรคอัลไซเมอร์  ALZHE1MER DISEASE. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.ปีที่ฉบับที่2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2553.หน้า 169-182.
  • ภก.ผศ.ชาญชัย สาดแสงจันทร์.ศักยภาพของพืชสมุนไพรไทยกับภาวะสมองเสื่อม.วารสารไทภษัชยนิพนธ์(ฉบับการศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์) มศก.ปีที่ฉบับเดือน มกราคม-เดือนธันวาคม 2555 หน้า 1-21
  • กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.(2544).เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ.กรุงเทพฯ.กรมการแพทย์.
  • อัลไซเมอร์ โรคอัลไซเมอร์ หาหมอ.com  (ออนไลน์)เข้าถึงได้จากhttp://haamor.com/th
  • Barnes DE,Yaffe K, Satariano WA, et al.A longitudinal study of cardiorespiratory fitness and cognitive function in older adults. Journal of the American Geriatric Society 2003;51:459-65.
  • ผศ.นพ.วีรศักดิ์ เมืองไพศาล โรคสมองเสื่อม.ภาควิชาเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
  • Karp A, Paillard-Borg S, Wang HX, et al. Mental, physical and social components in leisure activities equally contribute to dementia  risk. Dementia Geriatric Cognitive Disorders 2006; 21: 65-73.
  • บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล.(2551).ตำราบำบัดโรคด้วยอาหารและสารเสริม.กรุงเทพฯ: บริษัท รวมทรรศน์ จำกัด  http://www.disthai.com/
  • อัลไซม์เมอร์-อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์ดอทคอม.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก http://pobpad.com
  • พนัส ธัญญะกิจไพศาล.(2544).คู่มือการดูแลผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์.กรุงเทพฯ:โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา.
  • กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.(2544).ความรู้เรื่องอัลไซเมอร์.กรุงเทพฯ:ศูนย์สารนิเทศและประชาสัมพันธ์.
  • Alzheimer’s disease, in Harrison’s Principles of Internal Medicine, 17th edition, Braunwald , Fauci, Kasper, Hauser, Longo, Jameson (eds). McGrawHill, 2008 (electronic book)
  • Berchtold NC, Cotman CW (1998). "Evolution in the conceptualization of dementia and Alzheimer's disease: Greco-Roman period to the 1960s". Neurobiol. Aging 19 (3): 173–89. PMID 9661992. doi:10.1016/S0197-4580 (98) 00052-9
  • Tiraboschi P, Hansen LA, Thal LJ, Corey-Bloom J (June 2004). "The importance of neuritic plaques and tangles to the development and evolution of AD". Neurology 62 (11): 1984–9. PMID 15184601
  • Albert MS. Changing the trajectory of cognitive decline? The New England Journal


Medicine 2007; 357: 502-3.

  • Walsh DM, Selkoe DJ. Deciphering the molecular basis of memory failure in Alzheimer’s disease. Neuron 2004; 44: 181-93.
  • May AB, Adel B, Marwan S, et al, Sex differences in the association of the apolipoprotein E epsilon 4 allele with incidence of dementia, cognitive impairment, and decline. Neurobiology of Aging 2012; 33(4): 720-731.
  • Yaffe K, Barnes D, Nevitt M, et al. A prospective study of physical activity and cognitive decline in elderly women: women who walk. Archives International Medicine 2001; 161: 1703-8.



Tags : โรคอัลไซเมอร์
บันทึกการเข้า