รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคริดสีดวงทวาร - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 497 ครั้ง)

BeerCH0212

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 98
    • ดูรายละเอียด


โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids/Piles)
โรคริดสีดวงทวาร เป็นอย่างไร โรคริดสีดวงทวาร มาจากคำสองคำประสมกัน คือคำว่า "ริดสีดวง" + "ทวาร"   คำว่า "ริดสีดวง" จะหมายถึง เรื่องผิดปกติที่เป็นติ่ง หรือเนื้อยื่นออกมาจากร่างกาย ซึ่งนิยมใช้เรียกโรคริดสีดวง ที่เกิดขึ้นที่ทวารหนักเสียเป็นส่วนใหญ่ กระทั่งบางเวลาจะเรียกสั้นๆว่า  ริดสีดวงž ก็เป็นที่เข้าใจว่าเป็นโรคริดสีดวงของทวารหนัก
                ในอดีตมีอีกโรคหนึ่งที่ใช้คำว่าริดสีดวงเช่นเดียวกัน คือโรคริดสีดวงของจมูก ซึ่งหมายถึง เนื้องอกไม่ปกติในโพรงจมูก พบบ่อยในผู้เจ็บป่วย โรคภูมิแพ้ประเภทเรื้อรัง ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่นิยมเรียกว่าริดสีดวงจมูกแล้ว แต่ว่าจะเรียกเนื้องอกในโพรงจมูกแทน
โรคริดสีดวงทวาร ก็คือ โรคจากการอักเสบ และการบวมของกลุ่มเยื่อหลอดเลือด ที่อยู่ข้างในทวารหนักรวมทั้งบริเวณปากทวารหนัก โดยเยื่อกลุ่มนี้มีบทบาทช่วยป้องกันเนื้อเยื่อทวารหนักในช่วงมีการขับถ่ายอุจจาระ รวมทั้งช่วยให้ปากทวารหนักปิดสนิทตอนไม่ปวดอุจจาระ
โดยริดสีดวงทวารจะเกิดความผิดปกติขึ้นในส่วนของรูทวารหนัก ที่เรียก ว่า หมอนรอง หรือ เบาะรอง (Cushion) หมอนรองจะอยู่ลึกเข้าไป ประมาณ 3-4 เซลเซียสมัธยม ลักษณะเป็นก้อนนูนออกมา ข้างในมี เส้นเลือดและกล้ามเนื้อ ซึ่งจะต่อกับกล้ามหูรูดทวารหนักและอยู่ใต้ ต่อจากเยื่อบุทวารหนัก ริดสีดวงทวารหนักเกิด จากการเคลื่อนลงมาของหมอนรองมีการยืดตัวของกล้ามรวมทั้งการ โป่งพองของกลุ่มเส้นเลือดและเนื้อเยื่อบริเวณส่วนปลายของลำไส้ตรง ในคนธรรมดาจะมีริดสีดวง (hemorrhoid tissue) ทุกคน โดยจะอยู่บริเวณ ส่วนล่างของทวารหนัก เยื่อริดสีดวงจะมีอยู่ 3 กรุ๊ปใหญ่ๆเมื่อบวมหรืออักเสบจะมีพยาธิสภาพเป็น หัวริดสีดวง แล้วอาจมีการปริแตกของผนังเส้นโลหิตในขณะเบ่งอุจจาระ ก็เลยทำให้มีเลือดออกเป็นบางครั้ง โดยชอบมีลักษณะของโรคเกิดขึ้นในเวลาท้องผูกหรือเกิดท้องเสียหลายครั้ง ธรรมดาแล้วจะไม่ค่อยมีลักษณะอาการร้ายแรงหรืออันตราย โดยบางครั้งก็อาจจะเป็นๆหายๆเรื้อรัง ทำให้น่าเบื่อ หรือทำให้วิตกกังวลได้
โรคริดสีดวงทวาร แบ่งออกเป็น 2 จำพวก คือ

  • ริดสีดวงด้านใน (Internal Hemorrhoids)เป็นริดสีดวงที่อยู่เหนือเส้นสมมุติที่เรียกว่า dentate line (บริเวณ แถวๆรอยที่หยักๆ) เป็นกลุ่มเส้นเลือดดำที่อยู่ใต้ชั้นเยื่อบุลำไส้ข้างในรูทวารหนักปูดพอง (ขอด) ซึ่งจะตรวจพบได้เมื่อใช้กล้องส่องตรวจ
  • ริดสีดวงทวารนอก (External Hemorrhoids)หมายถึงริดสีดวงที่อยู่ใต้เส้น Dentate line เป็นกลุ่มหลอดเลือดดำที่ อยู่ใต้ผิดหนังบริเวณปากทวารหนักปูดพอง (ขอด) ซึ่งสามารถแลเห็นแล้วก็ลูบคลำได้เพราะผิวหนังบริเวณทวารจะถูกดันจนโป่งออกมาผู้ป่วยก็เลยรู้สึกเจ็บปวด


โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคพบได้ทั่วไป ในสหรัฐฯพบคนเจ็บมีอาการจากโรคนี้ได้ราว 5% ของสามัญชนคนแก่ทั้งปวง โดยเจอได้สูงในช่วงอายุ 45-65 ปี โดยสตรีแล้วก็ผู้ชายมีโอกาสกำเนิดโรคได้ใกล้เคียงกันสาเหตุของโรคริดสีดวงทวาร  เกิดขึ้นจากกรุ๊ปเยื่อเส้นเลือดดังที่กล่าวมาข้างต้นได้รับบาดเจ็บ หรือมีการหมุนวนเลือด ไม่ดีจากปัจจัยต่างๆกระทั่งนำมาซึ่งการโป่งพอง บวม อักเสบ หรือกำเนิดมีลิ่มเลือดในกลุ่มเนื้อเยื่อดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ซึ่งต้นเหตุ ส่วนมากมีต้นเหตุมาจากการเบ่งอึเป็นประจำนานๆซึ่งได้ผลสำเร็จของท้องผูก การตั้งครรภ์ ความประพฤติปฏิบัติการดำรงชีวิต และก็ลักษณะของการถ่ายอุจจาระ ซึ่งการเบ่งอุจจาระเสมอๆนานๆจะมีผลเพิ่มระดับแรงดันในท้อง ทำให้การไหลเวียนของโลหิตในหลอดเลือดดำรอบๆทวารหนักไม่สะดวก เกิดการยืด ร่น คด งอ พอง รวมทั้งโตขึ้นเป็นติ่งเนื้อ เหมือนกับการเป่าเพิ่มเติมลมเข้าไปในลูกโป่ง เมื่อลูกโป่งโตขึ้น ก็จะมีความครึ้มของผนังลดลง เมื่อใดก็ตามที่มีของแข็งๆมาเสียดสี อย่างเช่น อุจจาระแข็งๆหรือเพิ่มระดับแรงดันขึ้นอีก ก็จะทำให้เกิดการปริแตกหรือฉีกให้ขาดของหลอดเลือดดำ นำมาซึ่งเลือดออกมาเป็นเลือดใหม่ๆได้
    นอกจากการเบ่งอึนานๆซึ่งเป็นสาเหตุ หลักแล้ว ยังพบว่าระดับความดันโลหิตในตับที่สูง (ซึ่งเกิดได้จากความอ้วน หรือโรคตับ) อายุที่มากขึ้น อาการท้องเดินเรื้อรังยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของโรคริดสีดวงทวารได้อีกด้วย
ลักษณะของโรคริดสีดวงทวารภายใน คือ ผู้ป่วยส่วนมากชอบมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก โดยไม่รู้จักสึกเจ็บปวดอะไร ซึ่งจะเกิดขึ้นในระหว่างหรือหลังถ่ายอุจจาระเสร็จ เลือดที่ออกมานั้นจะมีลักษณะเป็นเลือดสีแดงสด ออกปนมากับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลหยดลงในโถส้วม และบางทีอาจสังเกตว่ามีเลือดสกปรกบนกระดาษชำระ เลือดจะออกมาในลักษณะอาบก้อนอุจจาระ ไม่มีมูกปน และเลือดชอบหยุดไหลได้เอง ซึ่งอาการเหล่านี้จะมีลักษณะเป็นๆหายๆถ้ามีเลือดออกมากหรือเป็นเรื้อรัง อาจจะก่อให้กำเนิดอาการซีดตามมาได้ ในรายที่เป็นมาก หลอดเลือดจะบวมมากมาย ทำให้หัวริดสีดวงโผล่ออกมานอกปากทวารหนัก หรือมองเห็นเป็นก้อนเนื้อนุ่มๆปลิ้นโผล่ออกมา ซึ่งในสภาวะเช่นนี้จะทำให้เกิดอาการปวดหรือเจ็บที่ทวารหนักได้ ในบางรายอาจจะก่อให้กำเนิดอาการคันแล้วก็อาการกลั้นอุจจาระไม่อยู่ได้ด้วยเหมือนกัน
ดังนี้ โดยธรรมดาแบ่งความร้ายแรงของโรคริดสีดวงภายใน เป็น 4 ระดับตามความรุนแรง ดังเช่นว่า

  • ระดับ 1 หลอดเลือดที่โป่งพอง ยังกำเนิดอยู่ข้างในทวารหนักและไส้ตรง
  • ระดับ 2 หลอดเลือด พร้อมเนื้อเยื่อบริเวณหลอดเลือดปลิ้นโผล่ออกมาที่ปากทวารหนักในขณะอุจจาระ แต่ว่าก้อนเนื้อนี้สามารถกลับเข้าไปด้านในทวารหนักได้เองหลังสิ้นสุดอุจจาระ
  • ระดับ 3 ก้อนเนื้อไม่กลับเข้าข้างในทวารหนัก หลังสุดอุจจาระแล้ว แต่สามารถใช้นิ้วดันกลับเข้าไปได้
  • ระดับ 4 ก้อนเนื้อกลับเข้าไปด้านในทวารหนักไม่ได้ ค้างอยู่หน้าปากทวารหนัก ถึงแม้จะใช้นิ้วช่วยดันและก็ตาม ซึ่งระยะนี้ผู้ป่วยจะเจ็บมากมาย ที่มา : Wikipedia


รวมทั้งจำเป็นที่จะต้องรีบเจอหมอเป็นการฉุกเฉิน ก่อนที่จะก้อนเนื้อจะเน่าตายจากการขาดเลือด
อาการโรคริดสีดวงข้างนอก คือ มีติ่งเนื้อสีชมพูคล้ำออกมาจากปากทวารหนักเมื่อมีลักษณะท้องผูกหรือท้องเสีย ทำให้คนไข้มีอาการปวด บวม เจ็บ และระคาย และก็แม้มีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในเส้นโลหิตที่โป่งพองจะทำให้กำเนิดลักษณะของการปวด บวม เจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าชอบไม่ค่อยพบว่ามีเลือดออกจากติ่งเนื้อนี้ ซึ่งปกติแล้วชอบหายเจ็บได้ข้างใน 2-3 วัน อย่างไรก็ดี กว่าจะหายบวมบางทีอาจต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 2-3 สัปดาห์ เมื่อหายก็ดีแล้วบางทีอาจจะยังมีผิวหนังเป็นติ่งคงเหลือ และก็ถ้าหัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ก็อาจทำให้มีการระคายเคืองหรือคันบริเวณรอบปากทวารหนักได้ด้วย
ขั้นตอนการรักษาโรคริดสีดวงทวาร หมอจะวินิจฉัยโรคริดสีดวงทวารได้จาก ประวัติอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจก้อนเนื้อรอบๆทวารหนัก แล้วก็การส่องกล้องตรวจทวารหนักและก็ลำไส้ตรง ในบางครั้งอาจมีการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา เมื่อจำต้องแยกจากโรคมะเร็ง โดยหมอจะวินิจฉัยในอาการสำคัญๆกลุ่มนี้เป็นพิเศษ เป็นต้นว่า

  • มีเลือดแดงสดหยดออกมา หรือพุ่งออกมาขณะเบ่งถ่าย หรือหลังจากที่ถ่ายอุจจาระ จำนวนแต่ละครั้งไม่มากหนัก ไม่มีลักษณะของการปวดหรือแสบของทวาร
  • มีก้อนเนื้อปลิ้นจากภายในขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ รวมทั้งยุบกลับเข้าเมื่อหยุดเบ่ง เมื่อเป็นมากจำต้องดันก็เลยจะกลับเข้าไป แล้วก็ขั้นท้ายสุดบางทีอาจย้อนอยู่ด้านนอกตลอดเวลา
  • มีก้อนรวมทั้งปวดที่ขอบทวารเกิดขึ้นเร็วใน 24 ชั่วโมง และเจ็บมากมายในช่วงเวลา 5-7 วันแรก


แนวทางการรักษาโรคริดสีดวงทวาร ตัวอย่างเช่น ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของโรคริดสีดวงทวาร รวมทั้งการใช้ยาต่างๆยกตัวอย่างเช่น ยาทาลดอาการคัน ยาเหน็บทวารลดอาการบวม ปวด และยาพารา ฯลฯ แต่ว่าเมื่อการดูแลและรักษาในลักษณะประคับประคองไม่ได้ผล การรักษาขั้นถัดไป คือ การรักษาทางศัลยกรรม ที่มีหลายรูปแบบ ดังเช่นว่า การจี้ด้วยไฟฟ้า หรือ เลเซอร์ การฉีดยาเข้าหลอดเลือด เพื่อเส้นโลหิตยุบยุบ การมัดเส้นเลือด หรือการผ่าตัดเส้นเลือด ดังนี้ สังกัดความรุน แรงของโรค ข้อบ่งชี้ และดุลยพินิจของแพทย์ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้

  • การดูแลและรักษาแบบเกื้อกูลอาการ ยกตัวอย่างเช่น การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเพิ่มความดันในกลุ่มเนื้อเยื่อเส้นโลหิตที่เป็นสาเหตุของโรคริดสีดวงทวาร แล้วก็การใช้ยาต่างๆซึ่งมักใช้ในกรณีที่เป็นริดสีดวงทวาร โดยไม่มีมูลเหตุที่รุนแรง เช่น
  • ปฏิบัติตามคำเสนอแนะของหมอ ได้แก่ การใส่ยาใช้ภายนอกแถวๆศีรษะริดสีดวง การเหน็บยา หรือการกินยาต่างๆตามที่แพทย์สั่ง
  • ระวังไม่ให้ท้องผูกหรือท้องเสียบ่อยๆคนป่วยควรกินผักและกินผลไม้ที่มีกากใยสูงๆให้มากๆแล้วก็กินน้ำให้มากๆอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มแล้วก็ขับถ่ายออกได้ง่าย
  • ฝึกถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา ไม่กลั้น และไม่เบ่งอุจจาระมากเกินไป
  • หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสจัด
  • การดูแลรักษาทางศัลยกรรม (หากใช้กระบวนการรักษาแบบประคับประคองมาสุดแต่ไม่เป็นผล) ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค ข้อบ่งชี้ รวมทั้งดุลยพินิจของหมอ ตัวอย่างเช่น
  • การฉีดยาเข้าที่เข้าทางหัวริดสีดวงทวาร ตัวยาจะทำให้เส้นเลือดดำฝ่อแล้วก็หัวริดสีดวงยุบไป มักใช้กับโรคริดสีดวงในระยะที่ 2 วิธีแบบนี้เป็นวิธีที่สบาย ไม่เป็นอันตราย ไม่มีความเจ็บ แพทย์มักจะนัดมาฉีดสัปดาห์ละครั้งโดยประมาณ 3-5 ครั้ง สามารถช่วยทำให้หายสนิทได้ราวๆ 60-70%
  • การดูแลและรักษาโดยวิธีการใช้ยางรัด (Rubber band ligation) หรือยิงยางรัดโคนหรือหัวของริดสีดวงที่โผล่ออกมา ซึ่งจะมีผลให้หัวของริดสีดวงนั้นฝ่อและก็หลุดออกไปเองภายใน 5-7 วัน แนวทางจะใช้ได้ผลในด้านที่ดีในระยะ 2 โดยยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ คนป่วยมักไม่มีลักษณะของการเจ็บปวด แต่ว่าแม้รัดยางใกล้กับแนวเส้นประสาทมากจนเกินความจำเป็น จะเป็นสาเหตุของการเกิดความรู้สึกเจ็บอย่างหนักในทันที
  • การทำลายเยื่อด้วยการเผา เป็นกรรมวิธีการรักษาที่ใช้กับโรคริดสีดวงระยะที่ 2 แต่ว่ายังไม่เป็นที่ชื่นชอบอย่างแพร่หลาย โดยทั่วไปแล้วแพทย์จะใช้เฉพาะเมื่อแนวทางอื่นไม่เป็นผล ซึ่งก็มีอยู่ร่วมกันหลายวิธี อาทิเช่น การเผาเยื่อด้วยการใช้ไฟฟ้าจี้, การฉายรังสีรังสีอินฟาเรด, การใช้เลเซอร์ผ่าตัด, การผ่าตัดด้วยการใช้ความเย็น ฯลฯ (การทำลายเนื้อเยื่อด้วยแสงอินฟราเรดบางทีอาจเป็นโอกาสหนึ่งสำหรับในกรณีที่เป็นโรคในระยะที่ 1-2 ส่วนระยะที่ 3-4 การกลับมาเป็นซ้ำจะมีอัตราที่สูง)
  • การผ่าตัดริดสีดวงทวาร มักทำให้ในกรณีที่เป็นมากแล้วในระยะที่ 3-4 หรือเมื่อมีลิ่มเลือด หรือมีการขาดเลือดของริดสีดวงทวาร ความจริงแล้วการผ่าตัดริดสีดวงไม่ใช่เรื่องน่าขนลุก และไม่เจ็บในขณะผ่าตัด เนื่องจากหมอจะให้ยาสลบหรือฉีดยาชาเข้าไขสันหลังก่อนเสมอ หลังการผ่าตัดคนป่วยอาจมีลักษณะของการเจ็บปวดบ้าง แต่ก็ไม่จำนวนมากอะไร และสามารถยับยั้งได้ด้วยการรับประทานยาแก้ปวด นอนพักฟื้นในโรงหมอราว 3-4 วันก็กลับไปอยู่บ้านได้


ปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่โรคริดสีดวงทวาร สาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคริดสีดวง

  • กรรมพันธุ์
  • อาชีพ เช่น คนที่จำต้องยืนนานๆ
  • เกิดจากโรคแทรกซ้อนของโรค ยกตัวอย่างเช่น ตับแข็ง ซึ่งจะมีลักษณะอาการท้องมานในระยะในที่สุด และเมื่อมีน้ำในท้องมากๆจะมีผลไปกดการไหลเวียนเลือดในช่องท้อง เป็นสาเหตุทำให้เส้นเลือดดำไหลกลับเข้าท้องได้ไม่ดีนัก
  • ท้องผูก จะต้องเบ่งถ่ายอุจจาระเสมอๆ
  • หญิงมีท้อง เพราะว่ามีการเพิ่มระดับความดันในท้อง การขยายตัวของเส้นโลหิตที่ปากทวารหนักร่วมกับท้องผูก
  • โรคอ้วนและก็น้ำหนักตัวเกิน ส่งผลให้เพิ่มแรงดันในท้องแล้วก็ในอุ้งเชิงกรานสูงมากขึ้น เลือดก็เลยคั่งในกรุ๊ปเยื่อเส้นโลหิตเช่นเดียวกับในหญิงตั้งครรภ์
  • ท้องเสียเรื้อรัง การอุจจาระเสมอๆจะเพิ่มความดัน และก็/หรือการเจ็บต่อกรุ๊ปเยื่อหลอดเลือด เช่นกัน
  • โรคแต่กำเนิดที่ไม่มีลิ้นปิดเปิด (Valve) ในเส้นเลือดดำในเยื่อเส้นเลือดซึ่งช่วยสำหรับการไหลเวียนเลือด จึงเกิดภาวะเลือดคั่งในเส้นเลือด จึงกำเนิดเส้นเลือดโป่งพองง่าย
  • การนั่งแช่นานๆและนั่งอุจจาระนานๆจะกดทับกลุ่มเยื่อเส้นโลหิต จึงเพิ่มความดัน/การบาดเจ็บต่อกรุ๊ปเยื่อหลอดเลือด
  • การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก จึงมีการกดเบียดทับ/เจ็บต่อกรุ๊ปเนื้อเยื่อเส้นโลหิตส่วนนี้เรื้อรัง ก็เลยมีเลือดคั่งในเส้นเลือด กำเนิดโป่งพองได้ง่าย


การติดต่อของโรคริดสีดวงทวาร โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบ แล้วก็การบวมของเนื้อเยื่อหลอดเลือดของทวารหนัก รวมทั้งเมื่อมีของแข็งๆมาเสียดสี หรือมีการเพิ่มระดับแรงกดดันในท้องขึ้น ก็เลยนำมาซึ่งอาการต่างๆของโรคริดสีดวงทวารขึ้น ซึ่งโรคริดสีดวงทวารนี้มิได้เป็นโรคติดต่อแต่อย่างได
การกระทำตนเมื่อมีอาการป่วยเป็นโรคริดสีดวงทวาร

  • ทายาทาบริเวณตูด/บริเวณริดสีดวง หรือ เหน็บยาตามแพทย์ชี้แนะ
  • รับประทานยาต่างๆรวมทั้งยาพาราตามแพทย์แนะนำ
  • เมื่อมีก้อนเนื้อบวมออกมาบริเวณตูด บางทีอาจประคบด้วยน้ำเย็น ซึ่งอาจช่วยลดบวมได้
  • เมื่ออุจจาระ/ปัสสาวะ ไม่ควรทำความสะอาดด้วยกระดาษชำระที่แข็ง ควรจะชุบน้ำ หรือ ใช้กระดาษชำระจำพวกเปียก (มีขายในท้องตลาดแล้ว)
  • เมื่อเลือดออกมาก ใช้ผ้าขนหนูสะอาดกดรอบๆก้นไว้ให้แน่น ถ้าหากเลือดไม่หยุด ควรจะเจอหมอเป็นการฉุกเฉิน
  • ดื่มน้ำสะอาดมากๆอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เมื่อไม่มีโรคจำต้องจำกัดน้ำกิน
  • รับประทานผัก ผลไม้จำพวกมีกากใยสูงมากๆได้แก่ ฝรั่ง แอบเปิ้ล มะละกอสุก เพื่อปกป้องท้องผูก
  • ฝึกหัดอุจจาระให้เป็นเวลา ไม่กลั้น และไม่เบ่งอุจจาระ
  • ไม่สมควรนั่ง หรือ ยืนนานๆและนั่งส้วมนานๆไม่นั่งอ่านหนังสือนานๆขณะอุจจาระ
  • พบแพทย์ตามนัดหมายเสมอ และก็รีบพบก่อนนัดเมื่อมีลักษณะผิดปกติไปจากเดิม หรือ เมื่ออาการต่างๆสารเลวลง หรือเมื่อตื่นตระหนกในอาการ

การคุ้มครองตัวเองจากโรคริดสีดวงทวาร

  • หลบหลีกท้องผูก เพราะว่าท้องผูกเป็นต้นเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งของริดสีดวงทวารหนัก ทั้งที่ยังไม่ตายสาเหตุของการเบ่ง และก็ทำให้อุจจาระแข็ง ซึ่งมีแนวทางแก้ไขท้องผูกด้วยการปรับพฤติกรรมของตนเอง ดังนี้
  • รับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง ได้แก่ ผัก ผลไม้ และก็ธัญญาหาร เพื่อช่วยให้อุจจาระนุ่มขึ้น
  • ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือ 2 ลิตร อย่างสม่ำเสมอ
  • ควรจะหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกาเฟอีน อย่างเช่น เหล้า เบียร์ เหล้าองุ่น กาแฟ ชา น้ำวัวล่า เพราะว่าจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ อุจจาระแข็ง และถ่ายตรากตรำขึ้น
  • ควรจะเลี่ยงกลั้นอุจจาระ
  • ไม่ควรนั่งหรือเบ่งอุจจาระโดยไม่เคยทราบสึกปวดจะถ่าย
  • ควรเลี่ยงการขัดถูบริเวณทวารหนักอย่างรุนแรง เพราะจะยิ่งระคายเคืองริดสีดวงทวารหนัก
  • ควรบริหารร่างกายสม่ำเสมอ ด้วยเหตุว่าจะช่วยเพิ่ม กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ทำให้ถ่ายอุจจาระได้ง่าย
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาระบายอย่างหนัก หรือการสวนทวาร
  • พักผ่อนนอนให้พอเพียง
  • หลบหลีกความตึงเครียด ทำจิตใจให้สบายอยู่เป็นประจำ
  • เมื่อมีภาวการณ์น้ำหนักตัวเกิน หรือ มีภาวการณ์อ้วนควรจะลดความอ้วนเพื่อลดระดับความดันในท้องและก็อุ้งเชิงกราน
สมุนไพรที่ช่วยปกป้อง/รักษาโรคริดสีดวงทวาร
เพชรสังฆาต
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Cissus quadrangularis  L.
วงศ์ :   Vitaceae
สารเคมี :  เถา มีผลึก calcium oxalate รูปเข็มจำนวนไม่ใช่น้อยต้นสด 100 กรัม ประกอบด้วย carotene 267 มก., ascorbic acid (Vitamin C.) 398 มิลลิกรัม
คุณประโยชน์ :  เถา – ใช้เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก
แก้ริดสีดวงทวาร  ใช้เถาสด 2-3 องคุลีต่อหนึ่งมื้อ รับประทานใหม่ๆถ้าบดจะคันปากคันคอ เพราะในสมุนไพรนี้จะมีสารเป็นผลึกรูปเข็มอยู่มาก เป็นสารแบบเดียวกับที่พบในต้นบอน ต้นเผือก การกินก็เลยใช้สอดไส้ในกล้วยสุก หรือมะขาม แล้วกลืนลงไป กิน 10-15 วัน จะเห็นผล
ครอบฟันสี
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Abutilon indicum (L.) Sweet
ชื่อสามัญ :   Country mallow, Indian mallow
วงศ์ :   Malvaceae
ราก มี Asparagin
คุณประโยชน์ : ราก - เจ็บท้อง ท้องเสีย ริดสีดวงทวาร ขับเยี่ยว
แก้ริดสีดวงทวาร  ใช้ราก 150 กรัม ต้มเอาน้ำข้นๆดื่มราว 1 ถ้วยชา ที่เหลืออุ่นเอาไอรมที่ก้นพออุ่นๆทนได้ ใช้รมวันละ 5-6 ครั้ง เอาน้ำอุ่นๆล้างแผลริดสีดวงทวาร
ขลู่
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Pluchea indica  (L.) Less.
ชื่อสามัญ :  Indian Marsh Fleabane
ตระกูล :   Asteraceae (Compositae)
คุณประโยชน์ :
ทั้งยังต้นสด หรือแห้ง - ปรุงเป็นยาต้มกินขับปัสสาวะ แก้โรคนิ่วในไต แก้ฉี่พิการ แก้ริดสีดวงทวารหนัก ริดสีดวงจมูก
เปลือก ใบ เมล็ด  - แก้ริดสีดวงทวาร ริดสีดวงจมูก
ใบ - มีกลิ่นหอมยวนใจ แก้ริดสีดวงทวาร
ยาริดสีดวงทวาร ใช้เปลือกต้น ต้มน้ำ เอาไอรมทวารหนัก รวมทั้งรับประทาน แก้โรคริดสีดวงทวาร หรือใช้เปลือกต้น (ขูดเอาขนออก) แบ่งเป็น 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 เอามาตากแห้ง ทำเป็นยาสูบ
ส่วนที่ 2 นำมาต้มน้ำกิน
ส่วนที่ 3 ต้มน้ำเอาไปรมทวารหนัก
ว่านหางจระเข้
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe vera  (L.)  Burm.f.
ชื่อพ้อง : Aloe barbadensis  Mill
ชื่อสามัญ :  Star cactus, Aloe, Aloin, Jafferabad, Barbados
ตระกูล :  Asphodelaceae
สารเคมี:   ใบมี Aloe-emodin, Alolin, Chrysophanic acid Barbaboin, AloctinA, Aloctin B, Brady Kininase Alosin, Anthramol Histidine, Amino acid , Alanine Glutamic acid Cystine, Glutamine, Glycine.
คุณประโยชน์ :
ยางในใบ - เป็นยาระบาย
เนื้อวุ้น - เหน็บทวาร รักษาริดสีดวงทวาร
เป็นยาถ่าย/ยาระบาย ใช้น้ำยางสีเหลืองที่มีรสขม อาเจียน คลื่นไส้ น้ำยางสีเหลืองที่ไหลออกมาระหว่างผิวนอกของใบกับตัววุ้น จะให้ยาที่เรียกว่า ยาดำ
สารเคมี - สารสำคัญในยาดำเป็น G-glycoside ที่มีชื่อว่า barbaloin (Aloe-emodin anthrone C-10 glycoside)
รักษาริดสีดวงทวาร นอกจากจะช่วยรักษาแล้ว ยังช่วยทุเลาลักษณะของการปวด อาการคันได้ด้วย โดยการทำความสะอาดทวารหนักให้สะอาดแล้วก็แห้ง ควรปฏิบัติหลังจากการอุจจาระ หรือหลังอาบน้ำ หรือก่อนนอน เอาว่านหางจระเข้ปอกส่วนนอกของใบ แล้วเหลาให้ปลายแหลมนิดหน่อย เพื่อใช้เหน็บในช่องทวารหนัก ถ้าจะให้เหน็บง่าน นำไปแช่ตู้แช่เย็น หรือน้ำแข็งให้แข็ง จะก่อให้ใส่ได้ง่าย จำต้องหมั่นเหน็บวันละ 1-2 ครั้ง กระทั่งจะหาย
อัคคีทวาร
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Clerodendrum serratum  (L.) Moon. var.wallichii  C.B.Clarke
ตระกูล :   Limiaceae (Labiatae)
สรรพคุณ : ใบ, ราก, ต้น – ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร
ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร

  • นำรากหรือต้นยาว 1-2 องคุลี ฝนกับน้ำปูนใสให้ข้นๆทาที่ริดสีดวงทวาร เป็นยาเกลื่อนกลาดหัวริดสีดวง
  • นำใบ 10-20 ใบ มาตากแห้ง บดให้เป็นผุยผง แล้วคลุกกับน้ำผึ้งรวง ปั้นเป็นเม็ดขนาดเม็ดพุทรา รับประทานครั้งละ 2-4 เม็ด วันแล้ววันเล่าต่อเนื่องกัน 7-10 วัน
  • ใช้ใบแห้งป่นเป็นผง โรยในถ่านไฟ เผาเอาควันรมหัวริดสีดวงผลิออกทวารหนัก ให้ยุบฝ่อ
เอกสารอ้างอิง

  • ภก.ดร.วิรัตน์ ทองรอด.ยารักษาโรคริดสีดวง.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่337.คอลัมน์การใช้ยาพอเพียง.พฤษภาคม.2550
  • ขลู่.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • แนะนำการปฏิบัติตัวโรคริดสีดวงทวาร.เอกสารเผยแพร่.ห้องตรวจศัลยกรรม.งานพยาบาลผู้ป่วยนอก กลุ่มภารกิจบริการวิชาการโรงพยาบาลราชวิถี.
  • Mounsey, A., Halladay, J., and Sadiq, T. (2011). Am Fam Physician. 84, 204-210. http://www.disthai.com/
  • เพชรสังฆาต.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • Chen, Herbert (2010). Illustrative Handbook of General Surgery. Berlin: Springer. p. 217. ISBN 1-84882-088-7.
  • ครอบฟันสี.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป “ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 551-553.
  • ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. “ผ่าตัดริดสีดวงทวารอย่างไรไม่ให้เจ็บ (หรือเจ็บน้อย)”.  (ผศ.ดร.นพ.วรุตม์ โล่ห์สิริวัฒน์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : si.mahidol.ac.th.  [05 มี.ค. 2016].
  • อัคคีทวาร.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • ธีรพล อังกูรภักดีกุล.(2546).ริดสีดวงทวาร.Healthtoday,ปีที่3(ฉบับที่25),หน้า68-73.
  • สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.ท้องผูกและริดสีดวงทวาร.(พิมพ์ครั้งที่1).กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน(2546).
  • ว่านหางจระเข้.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • รศ.นพ.วิรุณ บุญชู.ริดสีดวงทวาร.ภาควิชาศัลยศาสตร์.คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล.มหาวิทยาลัยมหิดล.

บันทึกการเข้า