รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 409 ครั้ง)

Tawatchai1212

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 92
    • ดูรายละเอียด


โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ (Viral hepatitis)

  • โรคไวรัสตับอักเสบคืออะไร ตับนับเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกาย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีน้ำหนักราวๆ 1.5 กิโล อยู่หลังเครื่องบังลมรวมทั้งมีบทบาทที่สำคัญต่างๆดังต่อไปนี้ เป็นคลังสะสมของกิน ตัวอย่างเช่น แป้ง ไขมัน โปรตีน เอาไว้ใช้ แล้วก็ปล่อยเมื่อร่างกายอยาก สังเคราะห์สารต่างๆได้แก่ น้ำดี สารควบคุมการแข็งตัวของเลือด ฮอร์โมน กำจัดสารพิษ รวมทั้งสิ่งแปลกปลอม ได้แก่เชื้อโรค หรือยา แต่ว่าในปัจจุบันชาวไทยมีอัตราการตายด้วยโรคที่เกี่ยวกับตับสูงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคโรคตับแข็ง โรคมะเร็งตับ สภาวะไขมันสะสมในตับ รวมทั้งโรคตับอักเสบ ผู้ที่เจ็บป่วยจากโรคตับอักเสบเจอได้ทุกวัย ทั้งชายรวมทั้งหญิง ส่วนมากเป็นโรคตับอักเสบฉับพลัน ส่วนน้อยเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรังรวมทั้งอาจมีภาวะแทรกซ้อนของโรคตับแข็ง ตับวาย มะเร็งตับ

    ตับอักเสบ เป็นภาวการณ์ทางด้านการแพทย์ที่มีการอักเสบของตับแล้วก็มีการทำลายของเซลล์ตับ ทำให้กระบวนการทำหน้าที่ต่างๆของตับไม่ดีเหมือนปกติ ร่างกายอาจแสดงอาการป่วยหนักนิดหน่อยหรือไม่แสดงอาการเลยแต่ชอบทำให้เกิดอาการโรคดีซ่าน อาการไม่อยากอาหาร และก็อาการไข้ 
    สิ่งที่ทำให้เกิดโรคตับอักเสบ ที่พบบ่อยที่สุดเป็น การตำหนิซนไวรัส รองลงมาเกิดขึ้นได้เนื่องมาจาก พิษสุรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อโปรโตซัวเลปโตสไปโสสิส พยาธิ ยาบางประเภท สารเคมี โดยส่วนมากจะมีเหตุที่เกิดจากการต่อว่าดเชื้อไวรัสชนิดต่างๆซึ่งมีอยู่หลายแบบร่วมกันหมายถึงเชื้อไวรัสตับอักเสบจำพวก อี ซึ่งแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันในเนื้อหาโดยธรรมดาเมื่อร่างกายได้รับเชื้อไวรัสตับอับเสบ ระบบภูมิคุ้มกันจะสามารถกำจัดเชื้อแล้วก็จะหายเองได้ แม้กระนั้นมีบางรายร่างกายไม่อาจจะกำจัดเชื้อได้หมด แปลงเป็นตับอักเสบเรื้อรัง รวมทั้งส่งผลให้เกิดภาวะตับแข็งรวมทั้งมะเร็งตับถัดไป
    ยิ่งไปกว่านี้โรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส (Viral Hepatitis) เป็นโรคติดโรคที่มีความรุ่นแรงสูงและก็คือปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญปัญหาหนึ่ง หน่วยงานอนามันโลก หรือ WHO จัดว่าโรคนี้เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของโลกทีเดียว เพื่อให้ประชาชนโลกตระหนักถึงภัยจากโรคตับอักเสบ องค์การอนามัยโลกจึงประกาศให้วัน ที่ 28 เดือนกรกฎาคมของทุกปีเป็น “วันโรคตับอักเสบโลก (World hepatitis day)”

  • สาเหตุของโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ โรคเชื้อไวรัสตับอักเสบนั้นนับยอดเยี่ยมในกลุ่มโรคตับอักเสบ ที่มีมูลเหตุมมาจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งมีเหตุที่เกิดจากเชื้อไวรัส 5 ชนิดเป็นHepatitis A virus (HAV), Hepatitis B virus (HBV), Hepatitis C virus (HCV), Hepatitis D virus (HDV) Hepatitis E virus (HEV) นอกจากนี้อาจเป็นเพราะเนื่องจากปัจจัยอื่นหรือไวรัสตัวอื่นอีก ซึ่งยังไม่สามารถตรวจพบได้ เชื้อไวรัสตับอักเสบ ดังที่กล่าวมาแล้วสามารถแบ่งได้ 2 กรุ๊ป เป็น
  • กรุ๊ปที่ติดต่อทางการกิน ตัวอย่างเช่น HAV รวมทั้ง HEV โดยธรรมดาอาการไม่รุนแรงเท่าไรนัก และไม่ส่งผลข้างเคียงตามมา คนเจ็บที่หายจากการติดเชื้อกลุ่มนี้ในระยะกะทันหันแล้วจะไม่มีอาการตับอักเสบเรื้อรัง โรคตับแข็ง รวมทั้งโรคมะเร็ง
  • กลุ่มที่ติดต่อทางเลือด และเซ็กซ์ ดังเช่น HBV และ HCV ไวรัสกลุ่มนี้มีลักษณะอาการแทรกตามมาได้สูง เหตุเพราะคนป่วยจำนวนมากมีอาการติดเชื้อโรคเรื้อรัง และก็บางทีอาจเปลี่ยนเป็นโรคตับแข็ง หรือ โรคมะเร็งตับได้
  • ลักษณะโรคไวรัสตับอักเสบ อาการ ที่แจ้งชัด คือ เมื่อยล้า ดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะเหลืองเหมือนขมิ้น) โดยมักไม่มีลักษณะของการมีไข้ (ตัวร้อน) ร่วมด้วย บางคนอาจมีอาการปวดเสียด หรือจุกแน่น แถวลิ้นปี่ หรือชายโครงขวา (ซึ่งเป็นตำแหน่งของตับ) ในบางบุคคลอาจดูได้ว่า ก่อนมีลักษณะโรคดีซ่าน จะมีลักษณะอาการดีซ่าน จะมีลักษณะไม่สบาย อ่อนแรง เบื่ออาหาร คล้ายไข้หวัดใหญ่ อาจมีอาการอ้วก อาเจียน ถ่าย เหลว หรือท้องเดินร่วมด้วย เมื่อไข้ลด (อาจมีไข้อยู่ 4-5วัน) ก็สังเกตเห็นปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้ม แล้วมองเห็นอาการตาเหลือง ตัวเหลืองตามมา


นอกเหนือจากนี้ ถ้าเกิดคนป่วยได้รับการเจาะเลือดตรวจจะพบว่า ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีทรานซามิเนส ดังเช่น เอสจีโอที (SGOT) และเอสจีพีที (SGPT) ขึ้นสูงกว่าคนธรรมดา ทำให้วินิจฉัยได้แน่ๆว่า อาการโรคดีซ่านที่เกิดจากโรคตับนั้น เป็นโรคตับอักเสบจากเชื้อไวรัส คนไข้จะรู้สึกสบายขึ้น หายเหน็ดเหนื่อย หายเบื่อข้าว คนที่เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง จะมีลักษณะอาการอ่อนแรง เหนื่อยง่าย บางครั้งบางคราวมีลักษณะอาการตาเหลืองเล็กน้อย นานเป็นปีฯ ถึงสิบๆปี ก่อนที่จะเกิดภาวะเข้าแทรกอื่นๆตามมา ส่วนผู้ที่เป็นพาหะของไวรัสตับอับเสบบีหรือซี จะไม่มีอาการผิดปกติอะไรก็ตามให้เห็นจะทราบต่อเมื่อตรวจเลือดเจอเชื้อแค่นั้น ซึ่งถ้าจะแยกอาการตามจำพวกของไวรัสที่ทำให้มีการเกิดโรคตับอักเสบนั้นสามารถแยกได้ดังนี้
ไวรัสตับอักเสบเอ จะเกิดอาการตับอักเสบทันควันเป็น อ่อนแรง เบื่อข้าว โรคดีซ่าน โดยในผู้ใหญ่จะมีอาการมากยิ่งกว่าในเด็ก ไวรัสตับอักเสบเอเป็นเชื้อไวรัสที่เป็นรุนแรง หายแล้วหายขาดในมีภูมิต้านทานแล้วจะไม่เป็นซ้ำอีก
เชื้อไวรัสตับอักเสบบี การตำหนิดเชื้อจากไวรัสประเภทนี้มักจะทำให้เกิดการแอบเป็นไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง โดยผลที่เกิดในระยะยาวของการติดเชื้อไวรัสบีนั้นคือ ผู้เจ็บป่วยมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะโรคตับแข็ง แล้วก็โรคมะเร็งตับได้ในระยะยาว ถ้าหากมิได้รับการตำหนิดตามรักษาที่สมควร
ไวรัสตับอักเสบ ซี ไวรัสจำพวกนี้มักไม่ทำให้เกิดอาการไม่ดีเหมือนปกติอะไรก็ตามจากภาวการณ์ตับอักเสบเฉียบพลัน แต่จะทำให้มีการอักเสบเรื้อรังของตับ เมื่อมีการอักเสบไปนานๆก็จะกำเนิดพังผืดสะสมในตับจนถึงแปลงเป็นตับแข็งสุดท้าย
เชื้อไวรัสตับอักเสบ ดี อาการของเชื้อไวรัสจำพวกนี้จะก่อให้กำเนิดตับอักเสบซ้ำซ้อนขึ้นมา เหมือนกันกับคนป่วยเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ไวรัสตับอักเสบ อี การเกิดโรคของเชื้อไวรัสประเภทนี้จะทำให้กำเนิดตับอักเสบกะทันหัน ตัวเหลืองตาเหลือง คนไข้หลายๆรายอาจมีอาการเหลืองนานเป็นต้นตย์ หรือ สองสามเดือนได้

  • กรุ๊ปบุคคลที่เสี่ยงจะเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ


เชื้อไวรัสตับอักเสบประเภทเอ กลุ่มชนที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอสูงคือ กรุ๊ปที่มีสุขอนามัยหรือการสุขาภิบาลไม่ดี ได้แก่ รับประทานอาหารดิบๆสุกๆกินอาการหรือน้ำกินที่ไม่สะอาดและคนที่อยู่ในสถานที่คับแคบ
ไวรัสตับอักเสบชนิดบี เพราะว่า เชื้อไวรัสชนิดนี้พบมากในสารคัดหลั่งของคนเรา ดังเช่นว่า เลือด น้ำนม อสุจิ น้ำลาย ดังนั้นกลุ่มเสี่ยงสำหรับเพื่อการติดเชื้อโรคไวรัสจำพวกนี้ ก็เลยได้แก้ผู้ที่จำเป็นต้องสัมผัสกับสารคัดหลั่งพวกนี้ นอกจากนี้ยังสามารถติดเชื้อจากแม่สู่ลูกได้อีกด้วย
เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดซี กรุ๊ปบุคคลที่มีการเสี่ยงสำหรับการติดเชื้อโรค เป็นต้นว่า บุคคลที่ใช้เข็มหรือของมีคมร่วมกัน เช่น ผู้ติดเฮโรอีน กรุ๊ปผู้ที่ชอบสักตามร่างกาย เป็นต้น
ไวรัสตับอักเสบชนิดดี ไวรัสชนิดนี้เป็นเชื้อไวรัสที่ชอบพบว่าเกิดขึ้นพร้อมกับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ฉะนั้นกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อเชื้อไวรัสตับอักเสบดีจึงเป็นกลุ่มที่มีความประพฤติเสี่ยง เช่นเดียวกับคนที่เสี่ยงจะติดเชื้อโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ไวรัสตับอักเสบประเภทอี เชื้อไวรัสจำพวกนี้สามารถพบได้ในคนและสัตว์ ดังเช่น หมูรวมทั้งสัตว์อื่นๆและกรุ๊ปบุคคลที่เสี่ยงจุติดเชื้อไวรัสจำพวกนี้ดังเช่นว่าบุคคลที่กินอาหารสุบๆดิบๆหรือคนที่สีสุขภาวะไม่สะอาดฯลฯ

  • กรรมวิธีการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบ แพทย์วินิจฉัยโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบได้จาก ประวัติลักษณะของคนป่วย เรื่องราวสัมผัสโรค (อาทิเช่น การกินอาหาร การได้รับเลือด การระบาดของโรคในสถานที่สำหรับทำงาน การมีเซ็กส์สำส่อน หรือการใช้สิ่งเสพติด) การตรวจร่างกาย ถ้าเกิดมีลักษณะอาการแจ่มแจ้ง คือ มีลักษณะเมื่อยล้า ดีซ่าน โดยมีอาการเหมือนไข้หวัดใหญ่นำมาก่อน ไม่มีเรื่องราวดื่มสุราจัด น้ำหนักลดบางส่วน (เพียงแต่ 1-2 กิโลกรัม) ยังรับประทานอาหารได้ กินน้ำได้ ไม่อาเจียน หมอจะวินิจฉัยโดยการตรวจร่างกายเพิ่มอีก ดังเช่นว่า ตรวจพบตับโตบางส่วน ลักษณะนุ่ม ไม่เจ็บมากมาย โดยไม่เจอสิ่งผิดปกติอื่นๆรวมทั้งไม่เจอลักษณะของการมีไข้ (ตัวร้อน) ก็บางทีอาจวินิจฉัยว่าเป็นโรคตับอักเสบจากไวรัส และก็ให้การดูแลขั้นต้นได้ แม้กระนั้นถ้าหากมีอาการไม่ชัดแจ้ง หรือเป็นเรื้อรัง หรือสงสัยมีสาเหตุมาจากต้นสายปลายเหตุอื่น แพทย์จะกระทำการตรวจการดำเนินการของตับ โดยการหาระดับ SGOTAST,SGPT ALTค่าธรรมดาน้อยกว่า 40 IU/L ถ้าเกิดค่ามากยิ่งกว่า 1.5-2 เท่าให้สงสัยว่าตับอักเสบ แม้พบว่าผิดปกติหมอจะขอตรวจเดือนละครั้งต่อเนื่องกันอย่างน้อย 3 เดือน การตรวจหาตัวเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ ตรวจค้น Ig M Anti HAV เชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ตรวจหา HBsAg ถ้าบวกมีความหมายว่ามีเชื้ออยู่   Anti HBs ถ้าหากบวกแปลว่ามีภูมิต่อเชื้อ  HBeAg หากบวกมีความหมายว่าเชื้อมีการแบ่งตัว HBV-DNA เป็นการตรวจเพื่อหาจำนวนเชื้อ เชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี Anti-HCV เป็นการพูดว่ามีภูเขาไม่ต่อเชื้อ  HCV-RNA มองจำนวนของเชื้อ การตรวจสอบส่วนประกอบของตับ ดังเช่นการตรวจคลื่นเสียงเพื่อดูว่ามีตับแข็งหรือมะเร็งตับไหม การตรวจชิ้นเนื้อตับ แพทย์ผู้ที่มีความชำนาญจะนำชิ้นเนื้อตับเพื่อวิเคราะห์ความรุนแรงของโรค    เมื่อตรวจเจอว่าเป็นโรคตับอักเสบจากไวรัส แพทย์จะเสนอแนะการปฏิบัติตัวต่างๆถ้าเกิดว่าไม่มีอาการอะไรมากมายก่ายกองก็จะไม่ให้ยา เนื่องเพราะโรคนี้ไม่มียารักษาเจาะจง รวมทั้งนัดหมายคนไข้มาตรวจตราอาการทุก 1-2สัปดาห์ ตราบจนกระทั่งจะแน่ใจว่าหายดี  คนเจ็บโรคตับอักเสบไวรัสส่วนใหญ่มักมีลักษณะอาการไม่รุนแรง หากแม้ไม่ได้รับการดูแลและรักษาเป็นพิเศษก็หายได้เอง ผู้ป่วยที่ควรต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ คือ คนที่มีลักษณะหมดแรงมากมาย รับประทานอาหารไม่ได้ คลื่นไส้คลื่นไส้มาก เจ็บท้องมากมาย ตัวเหลืองจัด ปวดมึนศีรษะรุนแรง พูดไม่เข้าใจ หรือไม่รู้สึกตัว รวมทั้งหญิงตั้งครรภ์และก็คนป่วยที่เป็นโรคอื่นอยู่เดิม  บางคราวอาจให้ยาทุเลาตามอาการ ตัวอย่างเช่น ยาแก้อ้วก วิตามินบำรุง (ถ้าหากเบื่ออาหารมากมาย) ฉีดเดกซ์โทรสหรือให้น้ำเกลือ (ถ้ากินได้น้อย หรือคลื่นไส้มากมาย) เป็นต้น ถ้าตรวจเจอว่าเป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง (ซึ่ง มักมีสาเหตุจากเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซี) ซึ่งจะมีลักษณะอักเสบนานเกิน 6 เดือน แพทย์อาจจำเป็นต้องกระทำตรวจพิเศษ ดังเช่น เจาะเนื้อตับออกมาพิสูจน์ ตรวจเลือดเพื่อดูสาเหตุของความร้ายแรงแล้วก็ภาวะแทรกซ้อนเป็นระยะการดูแลและรักษาบางทีอาจฉีดยาอินเตอร์เฟียรอน (interferon) สัปดาห์ละ 3 ครั้ง นาน 4-6 เดือน ยานี้จะช่วยลดปริมาณเชื้อไวรัส และก็ลดการอักเสบของตับ ส่วนคนที่ตรวจเจอว่าเป็นพาหะ ของไวรัสตับอักเสบบีหรือซี หมอจะแนะนำการกระทำตัว แล้วก็นัดหมายตรวจทุก 3-6 เดือน ไปเรื่อยเพื่อสอดส่องอาการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด
  • การติดต่อของโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ
  • เชื้อไวรัสตับอักเสบเอ (hepatitis A virus ย่อว่า HAV) สามารถติดต่อทางระบบทางเดินอาหาร โดยการกินของกิน ดื่มนมหรือน้ำที่แปดเปื้อนอุจจาระของผู้ที่มีเชื้อโรคนี้ (เหมือนกันกับโรคบิด อหิวาตกโรค ไข้รากสาดน้อย) เพราะฉะนั้นจึงสามารถแพร่ไปได้ง่าย บางครั้งบางคราวอาจเจอการระบาดในค่ายทหาร สถานที่เรียน หรือ หมู่บ้าน

ระยะฟักตัวของโรคตับอักเสบจากไวรัสเอ 15-45 วัน (เฉลี่ย 30 วัน)

  • เชื้อไวรัสตับอักเสบบี (hepatitis B virus ย่อว่า HBV) เชื้อนี้จะมีอยู่ในเลือด และยังบางทีอาจเจอมีอยู่ในน้ำลาย น้ำตา นม ปัสสาวะ น้ำอสุจิ น้ำเมือกในช่องคลอด เชื้อสามารถไปสู่ร่างกายโดยทางเพศสมาคม หรือถ่ายทอดจากแม่ที่มีเชื้อนี้ไปยังทารกขณะคลอด นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อโดยทางเลือด ยกตัวอย่างเช่น การให้เลือด การฉีดยา การฝังเข็ม การสักตามร่างกาย วิธีการทำฟัน การใช้งานเครื่องมือหมอที่ปนเปื้อนเลือดของผู้ที่มีเชื้อโรคจำพวกนี้ ฯลฯ
ระยะฟักตัวของโรคตับอักเสบจำพวกบี 30-180 วัน (เฉลี่ย 60-90 วัน)

  • เชื้อไวรัสตับอักเสบซี (hepatitis C virus ย่อว่า HCV) เชื้อนี้สามารถติดต่อลักษณะเดียวกันกับเชื้อไวรัสตับอักเสบบีทุกประการ รวมทั้งมีการดำเนินของโรคแบบเดียวกับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี กล่าวอีกนัยหนึ่ง อาจทำให้เป็นโรคตับอักเสบเรื้อรัง หรือคนที่ติดเชื้อบางทีอาจไม่มีอาการไม่ปกติ แต่ว่ามีเชื้ออยู่ภายในร่างกายสามารถแพร่โรคให้บุคคลอื่นได้ เรียกว่าเป็นพาหะของโรค (carrier) ในที่สุดบางทีอาจเกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรง คือ โรคตับแข็งกับโรคมะเร็งตับ ลักษณะของการเกิดอาการกลุ่มนี้ชอบไม่พบในผู้ที่ติดเชื้อโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ
  • ไวรัสตับอักเสบ ดี เป็นไวรัสที่แอบแฝงมากับเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี พบมากในกลุ่มประเทศยุโรป โดยเชื้อไวรัสตัวนี้ ต้องอาศัยองค์ประกอบของไวรัสตับอักเสบบี สำหรับในการแบ่งตัว ด้วยเหตุนั้นการตำหนิดเชื้อจะเกิดขึ้นพร้อมด้วยไวรัสตับอักเสบบีหรือกำเนิดในคนไข้ที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแอบแฝงอยู่ ภายในร่างกาย ด้วยเหตุดังกล่าวการติดต่อจึงมีลักษณะราวกับไวรัสตับอักเสบชนิดบี
  • เชื้อไวรัสตับอักเสบอี การเกิดโรคในคนนั้นคนป่วยหลายๆรายมีประวัติสัมผัสหรือรับประทานอาหารดิบๆสุกๆซึ่งเป็นเหตุของการต่อว่าดเชื้อได้ ด้วยเหตุดังกล่าวการติดต่อของไวรัสชนิดนี้ก็เลยมีลักษณะเหมือนกับไวรัสตับอักเสบประเภทเอ
  • การกระทำตนเมื่อป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ
  • ปฏิบัติตามหมอแล้วก็พยาบาลที่ดูแลชี้แนะ
  • พักเต็มที่ ควรหยุดงาน หยุดโรงเรียนตามหมอเสนอแนะ
  • ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆอย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้วเมื่อไม่มีโรคจำต้องจำกัดน้ำดื่ม
  • รับประทานอาหารมีคุณประโยชน์ 5 หมู่ แต่ควรเป็นของกินอ่อนย่อยง่าย เพิ่มผัก ผลไม้ให้มากมายๆ
  • รับประทานยาบรรเทาอาการต่างๆตามแพทย์เสนอแนะ
  • ไม่ซื้อยารับประทานเองเนื่องจากอาจจะก่อให้ตับอักเสบเพิ่มขึ้น หรืออาจมีผลข้างเคียงจากยามากขึ้น เพราะว่าตับไม่สามารถกำจัดยาส่วนเกินออกจากร่างกายได้ตามเดิม
  • งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกประเภทเพราะจะเพิ่มการทำลายเซลล์ตับ
  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขข้อบังคับแห่งชาติ) เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง ลดความรุนแรงของโรค และลดการแพร่ระบาดสู่คนอื่น
  • ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆโดยยิ่งไปกว่านั้นก่อนที่จะกินอาหารและก็หลังการขับถ่าย
  • แยกของใช้ ของใช้ส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้วยน้ำแล้วก็ช้อน
  • พบหมอตามนัดเสมอ แล้วก็รีบเจอแพทย์ก่อนนัดหมายเมื่อมีอาการเปลี่ยนไปจากปกติไปจากเดิม และ/หรือ เมื่ออาการต่างๆหยาบช้าลง แล้วก็/หรือเมื่อตื่นตระหนกในอาการ
  • ควรรีบเจอแพทย์ก่อนนัดหรือเป็นการฉุกเฉินเมื่อรับประทาน/ดื่มมิได้ หรือเกิดอาการงงงัน และ/หรือซึมลง เนื่องจากบางทีอาจเป็นอาการของตับวาย
  • การปกป้องตัวเองจากโรคไวรัสตับอักเสบ
  • รักษาสุขอนามัยรากฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อลดโอกาสติดโรคต่างๆ
  • ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่เสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนกินอาหารและก็หลังการขับถ่าย
  • กินแม้กระนั้นของกินที่ปรุงสุกอย่างทั่วถึง สะอาด ดื่มแม้กระนั้นน้ำที่สะอาด ระวังการกินน้ำแข็ง และอาหารสุกๆดิบๆ
  • รักษาความสะอาดแก้วน้ำแล้วก็ช้อนเสมอ
  • ระมัดระวังการสัมผัสเลือดและสารคัดเลือกหลั่งของบุคคลอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เครื่องมือบาง อย่างร่วมกันยกตัวอย่างเช่น เข็มฉีดยา เครื่องไม้เครื่องมือสักตามร่างกาย และกรรไกรตัดเล็บ
  • ใช้ถุงยางชายเสมอเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • ฉีดยาปกป้องโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบจำพวกมีวัคซีน
  • การฉีดวัคซีนคุ้มครองป้องกัน เชื้อไวรัสตับอักเสบบเอ


o          ทารกแรกคลอดทุกราย โดยเฉพาะถ้าหากคุณแม่เป็นพาหะของเชื้อ
o          เด็กทั่วไป เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน
o          เด็กโต วัยรุ่น คนแก่ อาจเคยติดเชื้อเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ แล้ว
o         ผู้ที่จะเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงที่จะทำให้เป็นโรค

  • การฉีดวัคซีนปกป้อง ไวรัสตับอักเสบบี


o       ทารกแรกคลอดทุกราย โดยเฉพาะถ้าเกิดแม่เป็นพาหะของเชื้อ
o         เด็กทั่วไป เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน
o         เด็กโต วัยรุ่น ผู้ใหญ่ บางทีอาจเคยติดโรคไวรัสตับอักเสบ บี แล้ว ให้ตรวจเลือดก่อนตรึกตรองฉีด วัคซีน

  • สมุนไพรที่ช่วยป้องกัน/รักษาโรคไวรัสตับอักเสบ[/url]

    ลูกใต้ใบ หรือ จูเกี๋ยเช่า เป็นหนึ่งสมุนไพรบำบัดตับ ต้นของลูกใต้ใบสามารถแก้ตับอักเสบ ต้นลูกใต้ใบประกอบด้วย สารไกลโคไซด์( Glycosides) ซาโพนิน (Saponin) แทนนิน (tannins) สารฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ซึ่งเป็นกลุ่มสารพฤกษเคมี เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพืชนั้น ลูกใต้ใบช่วยบำรุงตับ ลดอาการตับอักเสบ มีผลการวิจัยในสัตว์พบว่า สามารถป้องกันความเป็นพิษของยาพาราเซตตามอลต่อตับได้ และยังมีผลการวิจัยพบสารสกัดจากลูกใต้ใบสามารถป้องกันไม่ให้ตับถูกทำลายจากสารพิษ อย่าง เหล้า ช่วยรักษาการอักเสบของตับทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง เช่น โรคไวรัสตับอักเสบบี และยังพบว่าทำให้การตับฟื้นตัวและยับยั้งเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ( HBV) ได้อีกด้วย
    โดยมีการทดลองและศึกษาวิจัยระหว่างคณะแพทย์จากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา และคณะแพทย์อินเดียแห่งเมืองมีคราสได้ศึกษาวิจัยพืชสมุนไพรชนิดต่างๆ ที่มีการใช้รักษาอาการดีซ่านมาตั้งแต่โบราณ โดยได้นำพืชสมุนไพรกว่า 1,000 ชนิดที่ใช้กันทั่วโลกมาทดสอบ
    จากการทดลองพบว่า พืชสมุนไพรหลายชนิดมีฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอของไวรัสชนิดนี้ และสารสกัดของ ลูกใต้ใบ มีฤทธิ์สูงสุด การทดลองทางคลินิกในเมืองมีคราสทำโดยให้แคปซูลยาสมุนไพร 200 มิลลิกรัมน้ำหนักแห้งแก่ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ บี 37 คน วันละครั้ง 30 วันติดต่อกันพร้อมกับให้ยาหลอกซึ่งภายในแคปซูลบรรจุน้ำตาลแล็กโทสแทน 23 คน หลังจากนั้นเจาะเลือดผู้ป่วยมาตรวจหาเชื้อไวรัส พบว่าผู้ป่วย 22 คน (ร้อยละ 59) ไม่มีเชื้อไวรัสในกระแสเลือด ในขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกเพียง 1 คนที่ไม่พบเชื้อไวรัสในกระแสเลือด และภายหลังการติดตามผลการรักษาต่อไปอีก 9 เดือน พบว่า ผู้ป่วยทั้ง 22 คน ยังคงตรวจไม่พบเชื้อไวรัสในกระแสเลือดต่อไป
    เห็ดหลินจือ มีสารโพลีแซกคาไรด์ (polysaccharides) ออกฤทธิ์ยับยั้งสารพิษต่อตับ ไม่ให้ทำลายเซลล์ตับ เช่นสาร คาร์บอนเตตราคลอไรด์ ปรับปรุงการทำงานของตับ และยังช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีสารกลุ่มไตรเทอร์ปินนอยด์ (triterpenoids) ซึ่งมีสรรพคุณยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งตับ และสารเยอร์มาเนียม(germanium )ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายและยังมีกรดกาโนเดอลิก (ganoderic acid) กรดลูซิเดนิก (luci denic acid) เป็นสารต่อต้านสารพิษที่มีต่อตับ ยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ผิดปกติในตับ
    เอกสารอ้างอิง

  • โรคตับอักเสบ สรุปรายงานการเฝ้าระวังโรคประจำปี 2555.สำนักระบาดวิทยา.กรมควบคุมโรค.กระทรวงสาธารณสุข.
  • ศ.เกียรติคุณ พญ.พวงทอง ไกรพิบูลย์.ไวรัสตับอักเสบ(Viral hepatitis) .หาหมอดอทคอม.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • รศ.พญ.จันทพงษ์ วะสี. โรคตับอักเสบ จากเชื้อไวรัส.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่81.คอลัมน์โรคน่ารู้.มกราคม.2529
  • มารู้จักไวรัสตับอักเสบกันเถอะ.โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน.คณะเวชศาสตร์เขตร้อน.มหาวิทยาลัยมหิดล.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • รศ.นพ.สุรเกียรต์ อาชานานุภาพ.ตับอักเสบจากไวรัส.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่291.คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.กรกฏาคม.2546
  • รศ.จันทร์เพ็ญ วิวัฒน์.การทดลองใช้ยาสมุนไพรรักษาไวรัสตับอักเสบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่121.คอลัมน์โลกกว้างและการแพทย์.พฤษภาคม.2541 http://www.disthai.com/
  • ศูนย์ข้อมูลโรคติดเชื้อและพาหนะนำโรค กรมวิทยาศาสตร์ การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
  • Dienstag,J., and Isselbacher, K. (2001). Acute viral hepatitis. In Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, D., Hausen, S., Longo, D., and Jamesson, J. Harrrison’s: Principles of internal medicine. (p1721-1737). New York. McGraw-Hill.
  • สมพนธ์ บุณยคุปต์.(2538).ตับอักเสบ. งานการพยาบาลป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ ภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี.แผ่นพับ.
  • ทวีศักดิ์ แทนวันดี.(ม.ป.ป.).โรคตับอักเสบจากไวรัสซี. เชอริง-พราว จำกัด.
  • ชมรมตับอักเสบแห่งประเทศไทย (ม.ป.ป.).ไวรัสตับอักเสบมฤตยูเงียบ.เชอริง-พราว จำกัด.
  • ยง ภู่วรรณ.(2539).ไวรัสตับอักเสบและการป้องกัน. กรุงเทพฯ : ชัยเจริญ.



Tags : โรคไวรัสตับอักเสบ
บันทึกการเข้า