สมุนไพรเสลดพังพอนชื่อพื้นเมืองอื่น พิมเสนต้น เสลดพังพอน เสมหะพังพอนเพศผู้ (ภาคกลาง) เช็กเชเกี่ยม (จีน)ชื่อวิทยาศาสตร์ Barleria lupulina Lindl.ชื่อวงศ์ ACANTHACEAEชื่อสามัญ Salet phangphon tuapuu.ลักษณะทั่วไปทางวิชาพฤกษศาสตร์ไม้พุ่ม (S) แตกกิ่งก้านสาขาเยอะมากรอบๆลำต้น สูงราว 1 เมตร มีหนามสีน้ำตาลคู่ ตามข้อแล้วก็โคนใบ กิ่งไม้มีสีน้ำตาลปนแดง
ใบ เป็นใบคนเดียว ออกตรงข้ามเป็นคู่ๆลักษณะใบรูปยาว เรียวแคบ โคนแล้วก็ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ ผิวใบสะอาด พื้นใบมีสีเขียวเข้มแล้วก็มัน ก้านใบสั้น ก้านใบตลอดจนเส้นกึ่งกลางใบมีสีแดง ที่โคนกว้างมีหนามแหลม 1 คู่ สีม่วง ชี้ลง
[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/u][/b][/url] ดอก มีดอกเป็นช่อตามยอดหรือที่ปลายกิ่ง เมื่อดอกยังอ่อนนมีใบประดับหุ้มห่อมิด เมื่อดอกบานจะโผล่เลยใบตกแต่งออกมาครึ่งเดียว ใบตกแต่งรูปกลมรี ตอนท้ายมีสีน้ำตาลอมแดง กลีบรองกลีบสีเขียวมี 5 กลีบ กลีบดอกไม้สีเหลืองจำปา ตรงโคนเป็นหลอดตรงปลายแยกเป็น 5 กลีบผล เป็นฝัก ลักษณะรูปมนรี แบนแล้วก็ยาว โคนกว้าง ปลายแหลม ด้านในผลมีเมล็ด 2-4 เมล็ด
นิเวศวิทยาเป็นไม้ที่โล่งแจ้งที่ไม่ขึ้นทั่วๆไป มีแม้กระนั้นเฉพาะตามบ้านซึ่งปลูกเอาไว้ใช้
การปลูกและขยายพันธุ์ เติบโตได้ดีในดินซึ่งร่วนซุย มีความชื้น เพาะพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือตัดลำต้นปักชำ โดยตัดเป็นท่อนๆยาวประมาณ 1-2 คืบ ปักชำในแปลงที่ตระเตรียมไว้หรือปักชำในที่ชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวยก่อน เมื่อออกรากดีแล้วจึงย้ายไปปลูกไว้ในแปลง
ส่วนที่ใช้ รส รวมทั้งสรรพคุณใบ รสจืดเย็น โขลกกับสุราคั้นเอาน้ำดืื่ม เอากากพอกแก้พิษงู แก้ไฟลามทุ่ง แผลฟกช้ำดำเขียวจากาเกลื่อนกลาดระทบชน แก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อย ได้แก่ ผึ้ง ตะขาบ เป็นต้นราก รสจืดเย็น ฝนกับเหล้าหรือเหล้าโรงทาแก้พิษงู แมลงสัตว์กัดต่อย
การใช้แล้วก็จำนวนที่ใช้- รักษาอาการปวดฝี ทำลายพิษ ปวดอักเสบปวดร้อน โดยที่ใช้ใบสด 1 กำมือ หรือประมาณ 20 กรัม ตำอย่างระมัดระวังผสมกับเหล้าพอกบริเวณที่เป็นฝี หรือรอบๆที่เป็นวันละ 3 เวลา
- รักษาอาการแพ้ อักเสบ แมลงสัตว์กัดต่อย โดยใช้ใบสด 1 กำมือ โขลกอย่างระมัดระวังคั้นเอาน้ำทาบริเวณที่เป็น หรือโขลกผสมสุราโรงเล็กน้อยด็ได้
ข้อควรจะรู้ในประเทศมาเลเซีย ใช้แก้ปวดฟันแล้วก็แก้งูกัด และก็ถือกันว่าฯลฯไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่จะป้องกันภัยยันอันตรายต่างๆได้ด้วย
ผู้เขียน
หัวข้อ: สมุนไพรเสลดพังพอน มีประโยชน์ เเละ สรรพคุณที่น่าทึ่ง ที่เรายังอาจจะยังไม่รู้ (อ่าน 466 ครั้ง)