ปลาช่อนปลาช่อนเป็นสัตว์เลือดเย็น มีกระดูกสันหลัง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Channa striata (Bloch)จัดอยู่ในสกุล Channidaeมีชื่อสามัญว่า snakehead murrelบางถิ่น (พายัพแล้วก็อีสาน) เรียก ปลาค้อ ก็มีชีววิทยาของปลาช่อนปลาช่อนมีรูปร่างกลมเป็นทรงกระบอก ลำตัวข้างหางจะแบนนิดหน่อย ความยาวของลำตัวเมื่อโตสุดกำลัง ๖๐-๗๕ เซนติเมตร (มีกล่าวว่าลำตัวยาวได้ถึง ๑ เมตร) หรือ มีความยาวเป็น ๕.๕-๖ เท่าของความลึกของลำตัว แล้วก็เป็น ๓.๒-๓.๓ เท่าของส่วนหัว ลำตัวด้านบนโค้งลงเล็กน้อย ส่วนเรือท้องแบน ข้างๆของส่วนหางแบน ลำตัวมีตั้งแต่สีเทาถึงสีเทาปนน้ำตาล ข้างหลังสีดำ ส่วนท้องสีขาว แล้วก็อาจมีจุดประสีดำหรือสีน้ำตาลกระจายอยู่ทั่วไป ข้างๆของลำตัวมีลายสีน้ำตาลหรือสีเทาผสมดำ (ขนาดรวมทั้งรูปร่างไม่บ่อยนัก) พาดขวางลำตัวจากบริเวณใต้เส้นข้างตัวไปยังรอบๆท้อง ในลางตัวลายพวกนี้บางทีอาจพิงขวางลำตัวติดต่อกันจากบริเวณครีบหูถึงคอดหางราว ๑๕ แถบ อย่างไรก็แล้วแต่ สีและก็ลายนี้เปลี่ยนแปลงไปตามถิ่นที่อยู่แล้วก็ฤดูกาล หัวปลาช่อนมีขนาดใหญ่ ลักษณะแบนจากบนลงด้านล่าง ตามีขนาดใหญ่ อยู่ข้างๆของส่วนหัว จะงอยปากกลมมน ปากกว้างและเฉียงลง มุมปากลึกแล้วก็ยื่นเลยจากตามาก ขากรรไกรสามารถยึดหดได้ ขากรรไกรล่างยื่นล้ำขากรรไกรบนบางส่วน ฟันที่ขากรรไกรบนและก็ข้างล่างเป็นซี่เล็กมาก ชิดกันเป็นแผ่นรวมทั้งคม ขากรรไกรบนมีเขี้ยว มีฟันที่เพดานข้างหน้ารวมทั้งเพดานส่วนใน ฟันที่ฟันกรามแล้วก็เพดานมีราว ๔ แถว แผ่นปิดกระพุ้งแก้มเปิดกว้างได้ บริเวณบ้องคอเหนือเหงือกมีอวัยวะพิเศษช่วยหายใจ ทำให้เคลื่อนไหวอยู่บนบกและก็ฝังตัวอยู่ในโคลนได้เป็นเวลานาน ส่วนบนและด้านข้างหัวมีเกล็ดปกคลุมครีบข้างหลังและครีบตูดยาวเกือบจะถึงโคนครีบหาง ครีบข้างหลังมีก้านครีบ ๓๘-๔๒ ก้าน ครีบตูดมีก้านครีบ ๒๔-๒๖ ก้าน ครีบอยู่ทางด้านท้องใกล้ช่องเปิดทวารรวมทั้งครีบก้น ครีบหูอยู่ด้านข้างของลำตัวต่อจากช่องเหงือก ครีบหางกลม คอดหางแบนข้าง ครีบทุกครีบมีสีเทาปนสีน้ำตาลดำ แล้วก็ครีบทุกครีบไม่มีก้านครีบแข็ง เกล็ดปลาช่อนมีลักษณะกลมมน ขอบเรียบ เกล็ดตามลำตัวมีสีเทาถึงสีน้ำตาลอมเทา ส่วนหลังสีดำ เกล็ดบนเส้นข้างลำตัวมี ๕๒-๕๗ เกล็ด เส้นข้างลำตัวไม่ต่อกันเป็นแถวเดียว แม้กระนั้นมีรอยหักลงไปตรงบริเวณเกล็ดที่ ๑๗-๒๐ ด้านบนและก็ด้านข้างของลำตัวมีเกล็ดขนาดใหญ่ แม้กระนั้นเกล็ดที่แถวๆศีรษะแข็งกว่าเกล็ดที่บริเวณลำตัว ปลาช่อนเป็นปลาที่มีนิสัยดุร้าย อดทน หาเลี้ยงชีพตั้งแต่ระดับพื้นดินจนถึงผิวน้ำ ชอบอาศัยอยู่ในน้ำที่มีความลึกไม่เกิน ๑ เมตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่มีพรรณไม้น้ำให้หลบซ่อนตัวได้ ปลาช่อนผสมพันธุ์กันในหน้าฝน โดยที่ตัวผู้และตัวเมียที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์จะจับคู่กัน ช่วยกันกัดหญ้าชายน้ำเพื่อทำแอ่งวางไข่ แล้วหลังจากนั้นตัวเมียก็ออกไข่ แล้วตัวผู้ฉัดน้ำอสุจิเข้าผสม เพศผู้ปฏิบัติหน้าที่คอยดูแลลูก ราษฎรเรียกลูกอ่อนของปลาช่อนว่า ลูกครอก เมื่อยังเล็กตัวมีสีออกแดง ดำผุดดำว่ายอยู่ตามแอ่งน้ำไม่ลึกนัก โดยมีบิดาปลาช่อนซุ่มตัวรอระวังอยู่ ปลาช่อนกินปลาเล็กรวมถึงเนื้อสัตว์อื่นเป็นของกิน เป็นปลาที่มักพบในทุกภาคของเมืองไทย
คุณประโยชน์ทางยา[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/url] หมอแผนไทยรู้จักใช้ปลาช่อนเป็นเครื่องยามาแม้กระนั้นโบราณ แบบเรียนสรรพคุณยาโบราณว่า เนื้อสด มีรสหวาน ถูกใจกับธาตุทั้งหมด นำมาซึ่งเสมหะ ปิดตะระงับวาตะ เนื้อแห้ง มีรสหวาน มัน มีคุณประโยชน์บำรุงกำลัง แก้หมดแรง แก้เด็กตัวร้อน นอนผวา มือเท้าเย็น หลังร้อน หอบ ชักจากไข้สูง แก้ชางทับสำรอก ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ดี มีรสขม แก้ตาอักเสบ ตาแดง แก้ลอยแผลเป็น หางแห้ง มีรสเย็น คาว แก้เม็ดยอดในปาก แก้ฝ้าละออง แล้วก็เกล็ด มีรสจืด คาว ก่อให้เกิดลมเบ่งเวลาคลอด พระคัมภีร์โรคนิทาน ให้ยาขนานหนึ่งสำหรับใช้หยอดตาแก้ “น้ำตาตกหนักให้ตามัว” ยาขนานนี้เข้า “หินในสีสะปลาช่อน” หรือหินในหัวปลาช่อน เป็นเครื่องยาด้วย ดังต่อไปนี้ น้ำตานั้น แตกทุพพลภาพให้ตามัว ให้น้ำตาตกหนัก แล้วตั้งแต่แห้งไปตานั้นก็เปนดุจเยื่อ ผลลำไย ถ้าหากจะแก้ให้ประกอบยานี้
รากคนทิสอ ๑ รากจัญไร ๑ ผลมะตูมอ่อน ๑
ขิงแห้ง ๑ ทำเท่าเทียมกัน ต้มรับประทาน แล้วจึงประกอบยาหยอดตาให้ประชุม หินในสีสะปลาช่อน ๑ บัลลังก์หินผา ๑
พิมเสน ๑ ฝนหยอดตา สังเกตดูถ้าเกิดมีน้ำตาไหลออกมาถึงแก้ม คนป่วยนั้นก็ยังไม่ตาย ถ้าไม่มีน้ำตา ตายแล พระหนังสือธาตุภิวังค์ ให้ยาแก้ไข้ที่ทำให้ชักขนานหนึ่ง ชื่อ “ยาอนันตไกรวาต” ยาขนานนี้เข้า “คางปลาช่อน” เป็นยาเครื่องด้วย ดังนี้ ยาชื่ออนันตไกรวาต แก้พิษไข้ทำให้ชักลิ้นกระด้างคางแข็ง แล้วก็ชักให้สั่นไปทั้งกาย แลทำพิษต่างๆ ถ้าจะแก้ท่านให้เอากระดูก
งูเหลือม ๑ กระดูกงูทับสมิงคลา ๑ คาง
ปลาช่อน ๑ งาช้าง ๑ กราม
แรด ๑ ยาดังนี้ขั้วให้เกรียม
โกฐหัวบัว ๑ โกฐสอ ๑ หีบศพกระดูก ๑ เทียนดำ ๑ ผลโหระพา ๑ ผลผักชี ๑ น้ำประสานทอง ๑ ใบพิมเสน ๑ ใบสันมีดพร้าหอม ๑
ใบผักหวาน ๑ ใบทองหลางน้ำ ๑ รากถั่วภูเขา ๑ รากตำลึงตัวผู้ ๑
ดอกบุนนาค ๑ ดอกพิกุล ๑ ยาดังนี้เอาส่วนเสมอกัน บดทำแท่งไว้ น้ำกระสายนั้นให้เอาน้ำชาวเข้าหรือน้ำดอกไม้ก็ได้ แซกดีงูแลพิมเสน รับประทานแก้แดก แก้ชัก แก้เชื่อมมึน แก้ลิ้นหยาบคางแข็ง ทั้งยังรับประทานอีกทั้งซะโลมก็ได้แล ยานี้ได้เชื่อมาแล้ว เปนมหายอดเยี่ยมนัก