รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุหมีที่พบเจอในประเทศไทย  (อ่าน 501 ครั้ง)

BeerCH0212

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 98
    • ดูรายละเอียด
สัตววัตถุหมีที่พบเจอในประเทศไทย
« เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2017, 08:20:06 AM »


หมีที่เจอในประเทศไทย
๑. หมีควาย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Selenarctos  thibetanus (G. Cuvier)
มีชื่อพ้อง Ursus  thibetanus  G. Cuvier
ชื่อสามัญว่า Asiatic black  bear
ขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๑.๒๐-๑.๕๐ เมตร หางยาว ๖.๕-๑๐ ซม. น้ำหนักตัว ๖๐-๑๐๐ กิโล หัวค่อนข้างจะแบน แคบ ปากยาวกว่าหมีสุนัข ขนรอบจมูก คาง รวมทั้งรอบๆเหนือตามีสีขาว ใบหูใหญ่ ขอบกลมมน ตามลำตัวมีขนยาวสีดำ อกมีขนสีขาวรูปตัววี  (V)  แต่ละขามี ๕ นิ้ว มีเล็บขนาดใหญ่โค้ง ปลายแหลม   ไม่หดกลับ หมีควายถูกใจออกหากินตามลำพังในช่วงเวลาค่ำคืน  นอกจากในฤดูผสมพันธุ์  กลางวันมักซ่อนอยู่ในโพรงดิน ตามโคลนรากของต้นไม้ใหญ่หรือตามโพรงหิน ลางครั้งออกมาหาเลี้ยงชีพผลไม้สุกหรือรังผึ้งในกลางวัน ปีนต้นไม้เก่ง เดินด้วยขาอีกทั้ง ๔ ข้าง เมื่อสู้กับศัตรูจะยืนด้วยขาหลังทั้งคู่ขา แล้วก็ใช้ฝ่าตีนของขาหน้าตะปบศัตรู  ของกินที่รับประทานคือผลไม้ น้ำผึ้ง กวาง เก้ง หมูป่า ปลา หมีควายโตเต็มวัยพร้อมสืบพันธุ์เมื่ออายุราว ๓ ปี ตั้งครรภ์นาน ๗-๘ เดือน  ออกลูกครั้งละ ๑-๒ ตัว คลอดในถ้ำ หรือในโพรงไม้   อายุยืนราว ๓๐ ปี พบในทุกภาคของไทย ในต่างถิ่นพบที่เขมร เวียดนาม ปากีสถาน ประเทศอินเดีย เนปาล ประเทศทิเบต เกาหลี  จีน  ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน
๒. หมีสุนัข
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Helarctos  malayanus  (Raffles)
มีชื่อพ้อง  Ursus  malayanus  Raffles
ชื่อสามัญว่า  Malayan  sun  bear
หมีคน ก็เรียกเป็นหมีจำพวกที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก ขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๑-๑.๔๐ เมตร  หางยาว ๓-๕ ซม. น้ำหนักตัว ๓๐-๔๐กิโลกรัม หัวกลม   ปากสั้น ตามลำตัวมีขนยาวสีดำ ทรวงอกมีขนสีขาวหรือสีขาวอมเหลืองเป็นรูปตัวยู (U) แต่ละขามี ๕ นิ้ว มีเล็บขนาดใหญ่ โค้ง ปลายแหลม ไม่หดกลับ มีเต้านม ๔ เต้ารอบๆทรวงอกและพุง หมีสุนัขชอบออกหากินเป็นคู่ในยามค่ำคืน   ลางครั้งเจอในเวลากลางวันบ้าง ปีนต้นไม้ได้กระฉับกระเฉง ทำรังนอนโดยดึงก้านไม้ เปลือกไม้   มาวางไว้ใต้ท้อง   แล้วปลดปล่อยขาแขวนคร่อมกิ่งไม้ไว้ โดยเอาคางเกยไว้ตรงง่ามไม้   ยืนด้วย ๒ ขาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยากได้ดูในระยะไกลหรือมองหาศัตรู เวลาเข้ารังแกจะแผดเสียงร้องราวกับสุนัข อาหารที่กินเป็นพวกผลไม้ แมลง ผึ้ง ปลวก ใบไม้ สัตว์ขนาดเล็ก หมีหมาโตเต็มวัยพร้อมผสมพันธุ์เมื่ออายุราว ๓-๕ ปี ตั้งครรภ์นานราว ๙๕ วัน ตกลูกครั้งละ ๑-๒ ตัว อายุยืนราว ๒๐ ปี เจอในทุกภาคของไทย  แม้กระนั้นพบได้บ่อยมากทางภาคใต้ ในต่างถิ่นพบที่ลาว กัมพูชา เวียดนาม เมียนมาร์ บังกลาเทศ   จีน   มาเลเชีย รวมทั้งอินโดนีเชีย
ดีหมีในยาจีน
ดีหมีเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งที่ใช้ในยาจีน แพงแพงมากแล้วก็หายาก เครื่องยานี้มีชื่อภาษาละตินตามตำรายาว่า Fel  Ursi มีชื่อสามัญว่า bear  gall  จีนเรียก สงต่าน  (สำเนียงแมนดาริน) ได้จากถุงน้ำดีของหมี ๒ ชนิดหมายถึงหมีควาย Selenarctos  thibetanus (G. Cuvier) แล้วก็หมีสีน้ำตาล หรือ brown bear (Ursus  arctos  Linnaeus) วงศ์ Ursidae จำพวกข้างหลังไม่พบในธรรมชาติในประเทศไทย ดีหมีที่ได้จากมณฑลยูนนาน ส่วนมากเป็นดีของหมีควาย จัดเป็นดีหมีที่มีคุณภาพเยี่ยมที่สุด ในทางกิจการค้า เรียก อวิ๋นต่าน  (ดีจากยูนนาน) แม้กระนั้นดีหมีที่มีขายในตลาดมักได้จากหมีที่พบทางภาคอีสานของจีน โดยยิ่งไปกว่านั้นมณฑลเฮย์หลงเจียงแล้วก็บริเวณจี๋หลิน ส่วนใหญ่ได้จากหมีสีน้ำตาล ในทางการค้าขายเรียก ตงต่าน  (ดีจากภาคทิศตะวันออก) ซึ่งมีปริมาณมากกว่า
ลักษณะของดีหมี
ดีหมีแห้งมีรูปร่างกลม ยาวรูปไข่  ส่วนบนเรียวและกลวง ด้านล่างเป็นถุงใหญ่  ยาว ๑๐-๒๐ เซนติเมตร  กว้าง ๕-๑๐ ซม. (ด้านล่าง) ผิวนอกสีน้ำตาลอมเทา สีน้ำตาลอมดำ หรือสีเหลืองอมสีน้ำตาล วาวน้อย ส่วนบนใส มองได้แทบทะลุผิวบางและร่น เมื่อฉีกให้ขาดจะเห็นเป็นเส้นใย ในถุงน้ำดีมีน้ำดีที่แห้งแล้วเป็นก้อนหรือเป็นเม็ด ลางทีก็เป็นผงหรือก้อนเหนียวๆสีเหลืองทองคำ เป็นเงาเงา เปราะ ดีหมีที่มีสีเหลืองทองคำเหมือนสีอำพัน เนื้อบาง เปราะ วาวเงา มักเรียก ดีหมีสีทอง หรือ ดีหมีสีทองแดง จำพวกทีมีสีดำหรือสีเขียวอมดำ แข็ง มีลักษณะเป็นแผ่น มักเรียก ดีหมีสีดำ  หรือ ดีหมีสีเหล็ก ส่วนประเภทที่มีสีเขียวอมเหลืองเนื้อเปราะ มักเรียก ดีหมีสีกะหล่ำดอกเมื่อเรียกลอง  ดีหมีมีรสขมก่อน ต่อมาจะรู้สึกหวาน กลิ่นหอมหวนเย็นๆหรือ คาวนิดหน่อย อมในปากจะละลายจนกระทั่งหมด ดีหมีที่มีคุณภาพดีควรจะมีรสขม  เย็น ไม่ติดฟัน  ก้อนน้ำดีสีเหลืองทองคำเป็นมันเงา รสขมตอนต้น  แล้วหวานตามหลัง
ของจริงหรือของเก๊
เพราะว่าดีหมีเป็นเครื่องยาที่หายาก จึงมีของปลอมขายมากมายในหลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น เลียนแบบด้วยดีหมู ดีโค หรือดีแกะ แต่ว่าอาจตรวจทานดีหมีแท้ได้ด้วยวิธีการดังนี้
๑. แนวทางการตรวจทางด้านกายภาพ อาจทำได้ด้วยการดูลักษณะทั่วไปข้างนอก และผิวและก็รูปร่าง ตรวจทานรูเปิดของถุงน้ำดีแล้วก็รอบๆที่มัด ดูจำนวนของน้ำดีแห้ง (ถ้าเกิดมีมากและเต็มอาจเป็นของปลอม) ตรวจดูน้ำหนักของดี (ถ้าเกิดมีน้ำหนักมากเกินไป บางทีอาจเป็นของคละเคล้าปลอมด้วยโลหะลางเช่นตะกั่ว หรือเหล็กผสมทราย) ตรวจด้วยการเอาผงดีหมีนิดหน่อยวางบนนิ้วชี้ หยดน้ำลงไป ๑ หยด แล้วขยี้ด้วยนิ้วโป้งมือ (ถ้าเป็นของแท้จะมีกลิ่นหอมเย็น) น้ำดีที่เป็นของแท้จะเปราะ แตกง่าย ได้ผลึกรูปหลายเหลี่ยม   (ถ้าหากเป็นของปลอมจะเหนียวแล้วก็แข็ง ไม่เป็นเงา) อย่างไรก็แล้วแต่ แนวทางการนี้จำเป็นจะต้องอาศัยประสบการณ์แล้วก็ความชำนาญมาก
๒. วิธีเผาไฟ เอาเข็มเขี่ยๆผงดีหมีน้อย   เผาไฟ ถ้าหากเป็นของแท้จะปุดเป็นฟอง  แต่ถ้าเป็นของเลียนแบบจะติดไฟหรือเยิ้มเหลว หรืออาจมีปุดเป็นฟองแม้กระนั้นมีกลิ่นไม่ปรารถนา
๓. แนวทางตรวจด้วยน้ำ เพิ่มน้ำลงในถ้วยน้ำ ปริมาตรราว ๓ ใน ๔ แก้ว เอาเกล็ดดีหมีเล็กน้อยใส่ลงเบาๆบนผิวน้ำ เกล็ดดีหมีนั้นจะหมุนอย่างเร็วสักครู่ ขณะหมุนอยู่ก็จะละลายไปเรื่อยแล้วจมลงในน้ำ ทำให้มองเห็นเป็น “เส้นเหลือง” ลงสู่ตูดแก้ว เส้นเหลืองนี้คงอยู่เป็นเวลานานกว่าจะหายไป ถ้าเกิดที่ผิวน้ำมีฝุ่นละอองน้อยเมื่อใส่เกล็ดดีหมีลงบนผิวน้ำ   ผงดีหมีจะหมุนอย่างเร็วและผลักฝุ่นละอองที่ผิวน้ำให้กระจัดกระจายออก ยิ่งกว่านั้น วิธีนี้ยังคงอาจใช้เหล้าขาวแทนน้ำ จะกำเนิดเส้นเหลืองให้เห็นด้วยเหมือนกัน
๔. แนวทางตรวจทางเคมี ทำเป็นโดยตรวจสาระสำคัญในดีหมีซึ่งไม่พบในดีของสัตว์อื่นเป็นกรดเอ้อร์โซเดสออกศสิโคลิก (ursodesoxycholic acid)  ตัวอย่างเช่น ด้วยแนวทางรงคเลขผิวบาง  (thin-layered  chromatography) หรือด้วยแนวทางรงคเลขของเหลวความสามารถสูง  (high  performance  liquid  chromatography  หรือ  HPLC)

สรรพคุณรวมทั้งขนาดที่ใช้
ตำราจีนว่า ดีหมีมีรสขม ฤทธิ์เย็น ใช้เป็นยาลดไข้ แก้อาการชัก บำรุงสายตา ใช้เป็นยาเจริญอาหารรวมทั้งยาตอบแทนน้ำดี เป็นยาช่วยคนป่วยที่สลบเนื่องด้วยไข้สูง ใช้หยอดตา ทาหัวริดสีดวงทวารหนักที่ทำให้มีการเกิดอาการปวดบวม ใช้กินเป็นยาแก้โรคตับอักเสบ โรคความดันเลือดสูง โรคบิดเรื้อรัง ใช้ครั้งละ ๐.๖-๑.๕ กรัม   โดยชงน้ำ   หรือทำเป็นยาลูกกลอนก็ได้ หรือใช้ละลายน้ำบางส่วนเป็นยาใช้ภายนอก หรือใช้ทำเป็นยาตาก็ได้
ผลดีทางยา
หมอแผนไทยใช้ดีหมีเป็นทั้งเครื่องยาและก็กระสายยา ตำราเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่าดีหมีมีรสขม หวาน มีสรรพคุณดับพิษร้อนข้างใน แก้พิษเพ้อคลั่ง สติลอย ตาลอย บำรุงน้ำดี ขับรถยาให้แล่นทั่วตัว ใช้ดีหมีเป็นยากระจายเลือดลิ่มสำหรับบุคคลที่ซ้ำซอกเพราะตกต้นไม้หรือตกจากที่สูง หรือถูกของแข็งกระแทก ทำให้บวมช้ำ เว้นเสียแต่ดีหมีแล้ว แพทย์แผนไทยยังรู้จักใช้ “เขี้ยวหมี” เป็นเครื่องยาในตำรับยาหลายขนาน อย่างเช่น ยาแก้ไขขนานหนึ่งใน พระคู่มือมหาโชตรัต ดังต่อไปนี้ สิทธิการิยะ ถ้าคนใดกันเปนไข้แลให้ร้อนด้านในให้ต้องการน้ำนัก แลตัวผู้เจ็บป่วยนั้นให้แข็งกระด้างราวกับท่อนไม้แลท่อนฟืน ให้ตัวนั้นเปนเหน็บชาไปทั่วกายหยิกไม่เจ็บ ท่านว่าเกิดกาฬภายในแลให้ปากแห้งคอแห้งฟันแห้งนมหมดกำลังใจให้เปนต่างๆนั้น   ท่านว่ากาฬผุดออกยังไม่สิ้นยังอยู่ในหัวใจนั้น   ถ้าเกิดจะแก้ให้เอารากกะตังบาย ๑   จันทน์อีกทั้ง ๒   สนเทศ ๑   ระย่อม ๑   เพ่งดูทุ่งนาศ ๑   รากแตงไม่มีอารยธรรม ๑   รากหมูปล่อย ๑   หัวมหารอยดำ ๑   หัวกะตอนเช้าผีมด ๑   รากไคร้เครือ ๑   ใบหยุด ๑   ใบภิมเสน ๑   ใบเฉมีดพร้าหอม ๑   ใบทองพันชั่ง ๑   เขากวาง ๑   งา ๑   เขี้ยวเสือ ๑   เขี้ยวหมี ๑   เขี้ยวไอ้เข้ ๑   เขี้ยวหมูป่า ๑   เขี้ยวแรด ๑   กรามพญางู ๑   เขี้ยวปลาพยูน ๑   เกสรดอกบัวน้ำ ๗   ผลสมอพิเภก ๑   เทียนดำ ๑   ใบสเดา ๑   เปลือกไข่เป็ดสด ๑   ผลจันทน์ ๑   ดอกจันทน์ ๑   สมอไทย ๑   รากมะรุมบ้าน ๑   รวมยาทั้งนี้เอาเท่าเทียมกัน   ทำผง   แล้วจึงบดปั้นแท่งไว้   ฝนด้วยน้ำดอกไม้   รับประทานทั้งยังพ่น   แก้สรรพไข้ทุกอันดังกล่าวข้างต้นมานั้น   หายแล อนึ่ง “เขี้ยวหมี”   เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในพิกัดยาไทยที่เรียก “นวเขี้ยว”   หรือ “เนาวเขี้ยว”   อย่างเช่น   เขี้ยวหมูป่า   เขี้ยวหมี   เขี้ยวเสือ   เขี้ยวแรด   เขี้ยวหมาป่า   เขี้ยวปลาพะยูน   เขี้ยวตะไข้  เขี้ยวแกงเลียงผา   และงาช้าง

Tags : สัตววัตถุ
บันทึกการเข้า