รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุวัว  (อ่าน 502 ครั้ง)

ณเดช2499

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 82
    • ดูรายละเอียด
สัตววัตถุวัว
« เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2017, 02:51:55 AM »


วัว
คำ “วัว” เป็นคำที่แผลงมาจากคำไทยว่า “งัว” ส่วนคำ “โค” เป็นคำเรียกสัตว์จำพวกนี้ในภาษาบาลี (คำ“โค” นี้บางทีอาจหมายถึงดวงตะวัน  ดังเช่นในคำ“โคจร” ซึ่งแสดงว่า ฟุตบาทของพระอาทิตย์ )
ชีววิทยาของวัว
วัวเป็นสัตว์เคี้ยวเอื้อง กินต้นหญ้า มี ๔ เท้า แล้วก็กีบเป็นคู่ เขากลวง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bos  Taurus (Linnaeus) จัดอยู่ในตระกูล Bovidae
โคบ้านมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  bos  Taurus  domesticus  Gmelin  วัวบ้านของไทยมีพัฒนาการมาจากวัวป่าหรือโคออรอคอยกส์  (Aurochs)  ซึ่งปัจจุบันนี้สิ้นพันธุ์ไปหมดแล้ว  วัวป่าที่ยังคงเจอในบ้านพวกเราคือโคแดง ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bos  javanicus  (D’Alton)  รู้เรื่องว่าวัวแดงนี้คงจะสืบสายมาจากสชวัวออรอกส์ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์  ต่อมาวัวแดงนี้จึงสืบสายมาเป็นวัวบ้านของประเทศไทย ทำให้รูปร่างแล้วก็สีสันของโคบ้านราวกับวัวแดงมาก แต่ว่ารูปร่างใหญ่กว่าและก็สูงขึ้นมากยิ่งกว่า วัวแดงมีความสูงที่ไหล่ราว ๑.๗๐ เมตร หรือกว่านั้น มีเขายาวราว ๗๐ ซม. โคแดงมีสีน้ำตาลปนแดงเหมือนโคบ้าน เพศผู้เมื่อแก่มากมายๆสีบางทีอาจแปรไป โคแดงเป็นสัตว์ที่ถูกใจอยู่เป็นฝูง ฝูงหนึ่งมีราว ๒๐-๓๕ ตัว มักมีตัวเมียแก่ๆเป็นจ่าฝูง แต่ละฝูงมักมีตัวผู้เพียงตัวเดียว คอยปฏิบัติหน้าที่ผสมพันธุ์เมื่อตัวเมียเป็นสัด

ผลดีทางยา
หมอแผนไทยรู้จักใช้นมวัว (นมโค) ขี้วัว (ขี้วัว) และก็น้ำมูตรวัว (น้ำมูตรโค) น้ำมันไขข้อวัว เป็นยา
๑. นมวัว ได้จากเต้านมของวัวเพศภรรยาที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ แบบเรียนสรรพคุณยาโบราณว่า นมโคหรือนมวัวมีรสหวาน มัน เย็น มีคุณประโยชน์ปิดธาตุ แก้โรคในอก บำรุงกำลังแล้วก็เลือดเนื้อ เจริญไฟธาตุ แพทย์แผนไทยมักใช้นมวัวเป็นน้ำกระสายยา เป็นต้นว่า “ยาแก้ลมโกฏฐาสยาวาตา” ใน พระคู่มือโรคนิทาน ใช้ “น้ำนมโค” เป็นน้ำกระสายยา ดังต่อไปนี้ลมโกฏฐาสยาวาตาแตกนั้น มักให้กลิ่นคาวคอ ให้อาเจียน ให้จุกเสียด ให้ยัดในอกหากจะแก้ ให้เอาใบสลอดต้มกับเกลือให้สุกแล้วผึ่งแดดให้แห้ง ๑   ชะเอมเทศ ๑  รากเจตมูลเพลิงเเดง ๑  รากตองแตก ๑  รากจิงจ้อใหญ่ ๑  ลำพัน ๑  พริกล่อน ๑  ดีปลี ๑  ใบหนาด ๑  การะบูร ๑  เอาเท่าเทียมกัน ทำเปนจุณ ละลาย นมโค ก็ได้ น้ำผึ้งก็ได้ น้ำร้อนก็ได้ กินหายแล
๒. ขี้วัว แบบเรียนยามักเรียก น้ำขี้วัว แพทย์แผนไทยใช้ขี้วัวปรุงเป็นยาบำบัดโรคอีกทั้งด้านในรวมทั้งภายนอกหลายขนาน ส่วนมากใช้ขี้วัวดำ ตำราเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่า ขี้วัวดำมีรสขม เย็น มีสรรพคุณดับพิษร้อน พิษไข้ พิษรอยดำ ลางตำราว่าขี้วัวสดแล้วก็แห้งผสมกับใบน้ำเต้าสดและก็สุรา ตำคั้นเอาน้ำ ทาแก้เริม ไฟลามทุ่ง งูสวัด ผื่นคัน   และก็แก้พุพอง ฟกบวม ถอนพิษ
๓. น้ำมูตรวัว หนังสือเรียนยามักเรียกว่า น้ำมูตรวัว  และมักใช้น้ำมูตรโคดำเป็นน้ำกระสายยา ยกตัวอย่างเช่น ยาสตรีขนานหนึ่งใน พระคู่มือมหาโชตรัต ใช้ “มูตรโคดำ” เป็นกระสาย   ดังนี้ ถ้าเกิดหญิงเลือดตกทางทวารหนักทวารเบา ไม่ออกสะดวก ให้เอาขมิ้นอ้อย ๑ ไพล ๑ ผลผักชีล้อม ๑ บดละลายด้วย มูตรวัวดำ รับประทานหายแล
๔. น้ำมันไขข้อโค พระหนังสือมุจฉาปักขันทิกา ให้ยาน้ำมันทาแก้ไส้ด้วนไส้ลุกลามและก็แผลฝีเน่าเปื่อยขนานหนึ่ง เข้า “น้ำมันไขข้อโค”   เป็นเครื่องยาด้วย ดังนี้
ถ้าเกิดไม่ฟัง   พิษนั้นกล้านักมักเผาเอาเนื้อนั้นสุก เหน้าเข้าไปแต่ว่าปลายองคชาตแต่ละวันๆก็ดีแล้ว   ท่านให้หุงน้ำมันนี้ใส่   ดับพิษรักษาเนื้อไว้   ไม่ให้เหน้าเข้าไปได้ ท่านให้เอามะพร้าวแตกหน่อบนต้นเขี้ยวน้ำมันให้ได้ถ้วย ๑  จึงเอาใบกระเม็ง ๑ ใบยาสูบสดๆ๑  เปลือกโพกพาย ๑  เปลือกจิก ๑  เปลือกกรด ๑  เบญจลำโพง ๑  ใบเทียน ๑  ใบทับทิม ๑   ใบขมิ้นอ้อย ๑ ใบมัน ๑  ยาทั้งนี้เอาสิ่งละถ้วย ใส่ลงกับน้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากมะพร้าวหุงให้คงจะแต่ว่าน้ำมัน แล้วเอาน้ำมันแมวดำชาตรีจอก ๑ น้ำมันฟอกไก่จอก ๑   น้ำมันไขข้อโคจอก  ๑   ปรุงใส่ลงเหอะวิเศษนัก  น้ำมันนี้ท่านตีค่าไว้ตำลึงทองหนึ่งใช้ได้ทุกอย่าง แลตานทรางสรรพพิษฝีเปื่อยยุ่ยหนุ่ม   ทั้งแก้มิให้เป็นด่างเป็นแผลให้คงคืนดีคนเก่า แลแก้ไส้กุดไส้ลุกลาม  ดังที่ได้กล่าวมาแล้วมาแม้กระนั้นหนหลังหายสิ้นอย่าฉงนสนเท่ห์เลย  ได้ทำมามากแล้ว  ตำราเรียนนี้ฝรั่งเอามาแต่ว่าเมืองยักกัตราแล
บันทึกการเข้า