ช้างช้างเป็นสัตว์เลือดอุ่นขนาดใหญ่
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Elephas maximas Linnaeus
จัดอยู่ในวงศ์ Elephantidae
มีชื่อสามัญว่า Asiatic elephantหรือ Indian elephantชีววิทยาของช้างช้างตัวผู้หรือช้างตัวผู้ที่โตเต็มกำลังสูงราว ๓.๒๐ เมตรน้ำหนักตัวราว ๕.๔ ตัน ส่วนช้างพังหรือช้างตัวเมียสูงราว ๒.๗๐ เมตรน้ำหนักตัวราว ๔.๑ ตัน ตอนยังเล็กอยู่มีขนสีดำปกคลุมลำตัวมากแม้กระนั้นจะหลุดไปเมื่อโตขึ้นเหลือเพียงแค่ขนห่างๆแลเห็นตกอยู่เฉพาะที่ขนตารวมทั้งปลายหางเมื่อ อายุราว ๔๐ ปีขนหางเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาวผิวหนังสีน้ำตาลเข้มหรือสีเทาช้างตัวผู้บางตัวมีงายาวเรียกช้างพลายส่วนตัวผู้บางตัว มีงาขนาดเล็กรวมทั้งหลบซ่อนอยู่ ภายในเรียกช้างสีดอ ขนาดเล็กและก็สั้นที่ซ่อนอยู่นั้น เรียก ขนาย ช้างตัวเมียเรียกช้างพัง ลางตัวอาจมีขนายได้ งาจะเจริญวัย จนชั่วชีวิต ช้างมักอาศัยรวมกันเป็นโขลง ตั้งแต่ ๕ ถึง ๗๐ ตัว มีตัวภรรยา อายุมากเป็นจ่าโขลง ในฝูงอาจมีตัวผู้ที่อยู่ในวัยผสมพันธุ์ได้ ๑ ตัว ส่วนตัวผู้ขนาดใหญ่ตัวอื่น มักอยู่สันโดษ ช้างเป็นสัตว์ขี้ร้อนชอบเล่นน้ำเวลาตกมันจะดุร้าย แล้วก็กระด้าง ปัสสาวะกะปริบกะปรอย และน้ำมันไหลออกมาจากต่อมที่ขมับ บริเวณผิวหนัง ที่มีน้ำมันย้อย มีสีดำแล้วก็กลิ่นเหม็นมากมายช้างตัวผู้ตกมันนานราว ๑๔-๓๐ วัน และ ตกมันปีละครั้ง รับประทานต้นหญ้าหน่อไม้ใบไม้ แล้วก็กาบไม้เป็นอาหาร ดื่มน้ำมากวันละ ๒๐๐ ลิตร โตเต็มวัยพร้อมผสมพันธุ์ได้ เมื่ออายุ ๑๕-๑๘ปีมีท้องนาน ๒๒-๒๔ เดือน ตกลูกครั้งละ ๑ ตัว ข้าพเจ้าอยู่กับแม่ช้างนาน ๓-๕ปีช้างโดยธรรมดาอายุยืน ๖๐-๗๐ปี ช้างประเภทนี้พบได้ในทุกภาคของประเทศไทย ในต่างประเทศเจอที่อินเดียศรีลังกาบังกลาเทศ เนปาลประเทศพม่าภาคใต้ของจีน ลาวเวียดนามเขมรมาเลเซียและก็อินโดนีเซีย
ประโยชน์ทางยาหมอแผนไทยใช้ “งาช้าง” เข้าเครื่องยาหลายขนานงาเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในพิกัดยาไทยที่เรียกว่า “นวเขี้ยว” หรือ “เนาวเขี้ยว“ดังเช่นว่าเขี้ยวหมู เขี้ยวหมี เขี้ยวเสือ เขี้ยวแรดเขี้ยวหมาป่า เขี้ยวปลาพะยูน เขี้ยวไอ้เข้เขี้ยว แกงเลียงเขาหินแล้วก็งา (ดูคู่มือเภสัชกรรมแผนไทย ๑ เล่มน้ำกระสายยา ) ในพระคัมภีร์มุจฉาปักขันทิกา ให้ยาพอกองคสูตรไว้ขนานหนึ่ง เข้างานช้าง เป็นเครื่องยาด้วยดังต่อไปนี้ ยาพอกองคสูตร เอาผักบุ้ง ขัน๑ งาช้าง ๑
เขากวาง ๑ รากถั่วพู ๑ มูลวัวเผา ๑
มหาหิงค์ ๑ โปตัสเซี่ยมไนเตรดขาว ๑
ขมิ้นอ้อย ๑ บดพอกองคชาตแลแลพอหัวเหทุ่งนา หน้า ๓ วัน หายแล
Tags : สัตววัตถุ