รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ความสำคัญของ เรือกู้ภัย ครั้นเมื่อเกิดสภาวการณ์อุทกภัย ที่มีขึ้นกับตัวผมครับ  (อ่าน 399 ครั้ง)

Jirasak2708

  • บุคคลทั่วไป

ถ้าพูดคุยกันถึงเรื่องราวของเหตุการณ์ภัยพิบัติธรรมชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้ง น้ำท่วม วาตะภัย ในไทยนั้น ล้วนเกิดจากฝีมือของคนอย่างเราทั้งหมด แต่สภาวการณ์ที่จะมีขึ้นได้บ่อยครั้งที่สุด พร้อมด้วยสร้างความเดือดร้อนได้บ่อยครั้งมากก็คงหลีกเลี่ยงไม่พ้นเรื่องราวของน้ำท่วม หรือ น้ำท่วมที่มีขึ้นตามชานเมือง หรือแม้แต่ในกรุงเทพฯ ก็เคยปรากฏมาแล้ว และเมื่อมีเหตุการณ์เกี่ยวกับน้ำท่วมสิ่งที่จะช่วยเอื้ออำนวยความสบาย และช่วยเหลือใครก็ตามได้ นั้นก็หลีกเลี่ยงไม่พ้นเรือกู้ภัย ที่ทำหน้าที่ตั้งแต่ช่วยเหลือผู้ประสบภยันตรายรวมไปถึงช่วยในเรื่องราวของการส่งข้าวสารของแห้ง ให้กับทางผู้เจอภัยอันตรายด้วย หากสำหรับตัวข้าพเจ้าเอง จะมาเล่าเรื่องประสบการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์อุทกภัย ที่เคยพบเจอมากับตนเอง และได้รับการช่วยเหลือต่าง ๆ รวมทั้ง การแสดงถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนไทยด้วยกันเองด้วยครับ เพราะผมต้องบอกก่อนเลยว่า ถ้าหากวันนั้น ผมไม่ได้เพื่อน ๆ และทีมกู้ภัยมาช่วยเหลือป่านนี้ครอบครัวผมคงแย่ไปแล้วครับ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่ กรุงเทพฯ น้ำท่วม เพื่อนฝูงๆ คงจะกันได้นะครับ เมื่อราวๆปี 2554 ได้ คือ ณ ตอนแรกที่น้ำจะท่วมเนี่ย เราก็ได้ยินข้อมูลมาบ้างแล้ว ว่ามีน้ำท่วมจากทางตอนเหนือ ไหลมาสู่ กทม โดยก่อนจะมาถึงที่พักอาศัยผมนั้น ทางตอนเหนือก็ได้มีอุทกภัยมาก่อนแล้ว ผมดูจากโทรทัศน์ ก็เห็นพี่น้องช่วยเหลือกันมาก ทั้งเอาเรือกู้ภัย ไปคอยช่วยขนส่งให้กับผู้คนที่ประสบเหตุการณ์โดยในข่าว ก็มีบอกอยู่แล้ว ว่าน้ำจะไหลลงมา ยัน กรุงเทพฯ ซึ่งส่วนตัวผม ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคิดว่า มันค่อนข้างไกลตัว และอีกอย่าง กรุงเทพมหานครแทบไม่เคยมีเหตุการณ์น้ำท่วมหนักหนาอะไร เต็มที่ก็น้ำท่วมขังจากฝนตกปกติธรรมดาเราก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยและไม่คิดว่าจะมีวันท่วมมาถึงที่อยู่อาศัยเราด้วย สักพักก็มีประกาศว่าน้ำมาถึงอยุธยา ทีนี้ผู้คนก็เริ่มวุ่นวาย โดยผมบอกก่อนว่า บ้านผมอยู่แถว ๆ ดอนเมืองนะครับณ ตอนนั้น ผมก็เล่าเรียนอยู่ ม.รังสิต ก็เห็นมีประกาศมี ให้ระดมคนไปช่วยกันทำฝายกั้นน้ำ บรรจุกระสอบทรายกัน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำไหลผ่าน โดยตัวข้าพเจ้าเอง ก็ได้ไปช่วยและเริ่มเห็นน้ำว่า มีน้ำซึมออกมาตามท่อ ซึ่งในแรกเริ่ม ก็ไม่ได้ขึ้นเร็วอะไรเลย แต่มันขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีลด ตัวผมเองก็เริ่มใจไม่ดีละ มาคุยกับที่บ้าน พวกคนในญาติพี่น้อง ก็ปรึกษากันว่า จะซื้อหาเรือกันดีไหม แบบที่มันเป็นละม้ายๆ เรือกู้ภัย เผื่อมันท่วมมาถึงที่อยู่อาศัยเราจริง จะได้มีไว้ย้ายคนในบ้าน และต้องบอกก่อนว่า บ้านผม มีตา คุณยาย ซึ่งแก่และแกเป็นคนที่หวงบ้านมาก แต่ในขณะนั้น น้ำยังมาไม่ถึงครับ เราได้แต่ปรึกษาหารือกัน ว่าถ้าหากมันมาถึงบ้านเราจริง เราจะเอาไงกัน แต่ทางคุณพ่อของผมเอง ก็ไม่เชื่อและบอกว่า ถึงมันมา เดี๋ยวมันก็ลด ผมก็เลยไม่อยากแย้งกับเขาครับ ก็รอดูต่อไป สักพักมีข่าวว่า ฝายกั้นตรงจุดแถวม.รังสิต พัง น้ำทะลักเข้ามา ท่วมแถวอาณาบริเวณนั้นแล้ว ซึ่งบ้านของผม ก็อยู่ไม่ได้ห่างจาก ม.รังสิตมากนัก ก็เลยเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา ณ ตอนนั้น ยังคุยเล่น ๆ กับเพื่อนฝูงอยู่เลยครับ ว่าเห้ย บ้านน้ำเอ่อยัง เพื่อนบอกว่า เริ่มมีซึม ๆ ขึ้นมาจากท่อบ้างแล้ว ไอบ้านข้าพเจ้าก็เริ่มมีมาบ้าง แต่ไม่ได้เยอะอะไรมาก แรกเริ่ม ก็เลยบอกพ่อว่ามันเริ่มมาแล้วนะพ่อจะไปหาเรือกู้ภัยมาไว้ก่อนไหม เผื่อเอาไว้พาตายายออกไป ถ้ามันท่วมหนัก พ่อก็บอกว่า เดี๋ยวมันก็ลด พ่อท่านบอกว่า อาศัยที่ดอนเมืองมา 20 กว่าปี ไม่เคยเจอท่วมสูงพ้นหัวเข่าเลย เต็มทีก็เกินหัวเข่า และอีกอย่าง ดอนเมืองเป็นพื้นที่สูง น้ำมาไม่ถึงหรอก ถ้าไม่อย่างนั้น สนามบิน คงเจ๊งด้วยแล้ว ส่วนตัวผมก็ยังคงออกไปซื้อของตามปรกติแต่ก็เริ่มเห็นบางบ้านมีการจัดเตรียมเรือกู้ภัยเอาไว้บ้างแล้ว ที่นี้ก็เริ่มใจคอไม่ดีแล้วครับผมเพราะในใจผมเองเนี่ย มองว่า มันน่าจะมีโอกาสท่วม และพอครู่หนึ่ง น้ำมันเริ่มท่วมจริง ๆ โดยมาจากท่อต่าง ๆ แทรกซึมขึ้นมาเรื่อย ๆ จนคนเริ่มอพยพหนีไปหมดแล้ว หมู่บ้านที่ผมอยู่นี้ เงียบเหงากันเลยทีเดียว ผมกับทางครอบครัว ก็ยังมีหวังว่ามันจะลด ก็หาเครื่องปั๊มน้ำ มาดูดน้ำจากบ้าน และก็ทำกระสอบทรายเอามาขวางน้ำไว้ เพื่อปกป้องรักษาไม่ให้น้ำเข้าบ้าน แต่สุดท้าย มันก็เข้าบ้านจนได้ และเราก็ดูดน้ำจากด้านในออกข้างนอก เรื่อย ๆ ตลอดวันทั้งคืน โดยการสลับเวรกัน ช่วยกันสังเกตเพื่อไม่ให้น้ำเข้าบ้านเรามากครับ แต่ท้ายที่สุด ก็ไม่ไหวครับ น้ำขึ้นจนถึงต้นขาบนแล้ว และที่พักอาศัยผมเป็นบ้านชั้นเดียว ก็เลยมาปรึกษาหารือกันใหม่ ว่าเราจะเอาไงกันดี เพราะมันเริ่มท่วมขึ้น ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะเบาบางลงเลยแม้แต่น้อย และอีกอย่าง การถ่ายอะไรก็เริ่มลำบากมากขึ้น คุณพ่อเลยปลงใจ ทิ้งบ้านไว้ และให้พวกเราออกไป และหนีไปอยู่ ชานเมืองกันครับ แต่ปัญหาก็คือ น้ำมันท่วมสูงพอประมาณ สำหรับคนแก่ ที่ขาแข้งไม่ค่อยมีแรง เป็นอะไรที่ลำบากมากครับ และการเคลื่อนย้ายก็ลำบาก เพราะว่าบ้านเราเป็นคนตัวใหญ่ จะให้แบกพวกท่านก็ไม่น่าจะไหวกันครับ ก็เลยตกลงใจ ไปหาพวกให้บริการเรือกู้ภัย เพื่อมารับเราไปส่งในที่ ๆ น้ำยังท่วมไม่ถึงครับ แต่ปัญหาก็คือ หาไม่ได้เลยครับ เพราะส่วนมากก็จะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และค่อนข้างมีราคาสูง อีกอย่างคือคนใช้บริการมากมาย พวกที่ทำมาหากินทางนี้ ก็เลยชาร์จมูลค่ากันเต็มที่เลย ข้อแม้ก็คือ เราไม่ได้มีการเตรียมพร้อมสิ่งไรสักอย่าง เงินสดก็ไม่ได้กดไว้เลย คือไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเช่าเรือราคาแพงเช่นนี้ ตู้ ATM ก็ใช้งานไม่ได้ครับ ทีนี้เราก็ค่อนข้างจะจะเครียดกันมากและ เนื่องจากหาเรือให้เราอาศัยไม่ได้เลย และน้ำก็เริ่มขึ้นสูงขึ้นบ่อยๆ เลย แต่สุดท้าย เจอพวกจิตอาสาครับ คอยขับเรือกู้ภัย รับส่งผู้ที่ประสบภัย แล่นผ่านเข้ามาในหมู่บ้านพอดี เพื่อน้ำข้างของมาให้ให้สำหรับคนที่มีบ้าน 2 ชั้น และไม่ประสงค์จะออกไปไหน ผมก็เลยออกไปคุย และขอพี่เขา ว่าช่วยไปส่งพวกผมหน่อย เดี๋ยวถ้าถึงที่ ที่น้ำท่วมไม่ถึงแล้ว จะรีบกดเงินมาให้ เขาก็บอกได้ ๆ ให้พวกเราขึ้นเรือไปครับ ผมนี้คือแบบปลาบปลื้มใจ เพราะเราหมดหนทางแล้วจริง ๆ ณ ตอนนี้ ดีที่ได้เจอพวกพี่จิตอาสาพวกนี้ผ่านเข้ามาพอดี และพอเขานำพวกเราไปส่งเสร็จ พ่อผมกำลังจะไปรีบไปหาตู้ เพื่อกดเงิน มาเป็นการขอบคุณพี่เขา เขาบอกกลับมาว่า " ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รับ มีอะไรที่ช่วยเหลือกันได้ ก็ช่วยครับ คนไทยด้วยกันครับ " (แล้วก็ยิ้ม) ประโยคนี้ ทำให้ผมซาบซึ้งใจมาก ๆ ในน้ำใจพี่ ๆ อาสาสมัครครับ แบบถ้ามิได้เรือกู้ภัยของพวกพี่เขา เราคงยากลำบากมาก ๆ แน่ ๆ และทำให้รู้ว่า คนไทยรักกัน และใจดีจริง ๆ แถมยังช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยไม่หวังผลประโยชน์อะไรเลย
อย่างน้อยในเรื่องราวที่เลวร้าย ก็แฝงไปด้วยความเป็นมิตรดี ๆ ที่ทำให้เราได้รู้ว่า พวกเราคอยช่วยเหลือกันและกันในยามทุกข์ยากครับ ผมซาบซึ้งใจกับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่ มันจะไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไร สำหรับบุคคลอื่น ที่ไม่ได้ประสบกับภัยน้ำท่วมนั้น คงมองว่า ผมโอเว่อร์หรือไม่แต่สำหรับผม มันคือความมีน้ำใจที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ครับ และทำให้ครอบครัวของผมผ่านพ้นวิกฤตนั้นมาได้ ยังไงก็ขอบพระคุณพวกพี่ ๆ จิตอาสากลุ่มนั้นมาก ๆ ครับ ถึงเขาอาจไม่ได้รับรู้ก็ตาม และเรื่องนี้ทำให้ผมคิดอยู่เสมอว่า หากมีใครที่ลำบากกว่าเรา และเราพอที่จะช่วยเหลือเขาได้ เราก็ควรช่วยเหลือเขานะครับเพราะอย่างน้อย ก็เป็นน้ำใจสำหรับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และจะทำให้โลกน่าอาศัยยิ่งขึ้นครับ
 

Tags : เรือ,ตกปลาช่อน, เรือกู้ภัย
บันทึกการเข้า