ออฟฟิศซินโดรมจะเรื้อรังอีกกี่ปีหลังเราเลิกทำงานแล้ว? ไขข้อสงสัยยอดฮิต!
ออฟฟิศซินโดรม กลายเป็นโรคยอดฮิตของคนวัยทำงานที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน อาการปวดเมื่อย คอ บ่า ไหล่ หลัง หรือชาตามมือและนิ้ว เป็นสัญญาณเตือนที่หลายคนคุ้นเคย แต่คำถามที่น่าสนใจคือ หากเราเกษียณอายุ หรือเปลี่ยนไปทำงานที่ไม่ต้องนั่งโต๊ะแล้ว อาการ ออฟฟิศซินโดรม เหล่านี้จะยังคงอยู่กับเราไปอีกนานแค่ไหน? บทความนี้จะพาคุณไปหาคำตอบและทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเรื้อรังของอาการ ออฟฟิศซินโดรม
ออฟฟิศซินโดรม ผลพวงจากการทำงานซ้ำๆ ในท่าเดิมนานๆ
ก่อนจะไปถึงคำถามเรื่องความเรื้อรัง มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ออฟฟิศซินโดรม เกิดจากอะไร กลุ่มอาการนี้ไม่ได้มีสาเหตุเดียว แต่เป็นผลมาจากการทำงานที่ต้องใช้กล้ามเนื้อมัดเดิมซ้ำๆ เป็นเวลานานต่อเนื่อง ในท่าทางที่ไม่เหมาะสม เช่น การนั่งหลังค่อม การก้มคอ การใช้ข้อมือและนิ้วมือในการพิมพ์หรือใช้เมาส์ซ้ำๆ ทำให้กล้ามเนื้อและเยื่อพังผืดเกิดการอักเสบ ตึง เกร็ง และปวดเมื่อย นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมในการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น โต๊ะเก้าอี้ที่ไม่รองรับสรีระ แสงสว่างไม่เพียงพอ หรืออากาศไม่ถ่ายเท ก็เป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้อาการแย่ลงได้
ความเรื้อรังของออฟฟิศซินโดรม: ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
คำถามที่ว่า ออฟฟิศซินโดรม จะเรื้อรังอีกกี่ปีหลังเลิกทำงานแล้วนั้น ไม่มีคำตอบที่ตายตัว เพราะความเรื้อรังของอาการจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่:
• ระยะเวลาที่เป็น: หากคุณมีอาการ ออฟฟิศซินโดรม มาเป็นเวลานานหลายปี โดยที่ไม่ได้รับการรักษาหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อาการก็จะยิ่งฝังลึกและใช้เวลานานกว่าจะดีขึ้น
• ความรุนแรงของอาการ: ผู้ที่มีอาการรุนแรง มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างร่างกาย เช่น หมอนรองกระดูกเสื่อม หรือเส้นประสาทถูกกดทับ อาจมีอาการต่อเนื่องไปอีกนาน แม้จะเลิกทำงานแล้ว
• การรักษาที่ได้รับ: หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและต่อเนื่อง เช่น การทำกายภาพบำบัด การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อาการก็จะดีขึ้นได้เร็วและมีโอกาสหายได้ในที่สุด
• พฤติกรรมการใช้ชีวิตหลังเลิกทำงาน: หากยังคงมีพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อกล้ามเนื้อและกระดูก เช่น การนั่งท่าเดิมนานๆ การไม่ออกกำลังกาย อาการ ออฟฟิศซินโดรม ก็อาจยังคงอยู่หรือกลับมาได้
• สุขภาพโดยรวม: สุขภาพโดยรวมและปัจจัยทางสุขภาพอื่นๆ เช่น น้ำหนักตัว โรคประจำตัว ก็มีผลต่อความเรื้อรังของอาการ ออฟฟิศซินโดรม
ทำไมอาการอาจยังคงอยู่หลังเลิกทำงาน?
แม้จะเลิกทำงานที่ก่อให้เกิด ออฟฟิศซินโดรม แล้ว อาการอาจยังคงอยู่ได้ด้วยเหตุผลดังนี้:
• การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้าง: หากปล่อยให้อาการ ออฟฟิศซินโดรม เป็นเรื้อรัง อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อหดสั้น ข้อต่อเสื่อม หรือหมอนรองกระดูกมีปัญหา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู
• ความเคยชินของร่างกาย: ร่างกายอาจจดจำรูปแบบการเคลื่อนไหวที่ไม่ถูกต้อง ทำให้กล้ามเนื้อยังคงเกร็งตัวแม้จะไม่ได้ทำงานในลักษณะเดิมแล้ว
• พฤติกรรมส่วนตัว: หากยังคงมีพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น การนั่งดูโทรทัศน์หรือใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานในท่าที่ไม่เหมาะสม อาการก็อาจไม่ดีขึ้น
แนวทางการบรรเทาอาการออฟฟิศซินโดรมหลังเลิกทำงาน
ถึงแม้ ออฟฟิศซินโดรม อาจมีอาการเรื้อรัง แต่ก็สามารถบรรเทาและจัดการได้ด้วยแนวทางต่างๆ ดังนี้:
• การทำกายภาพบำบัด: การเข้ารับการ กายภาพบำบัด อย่างต่อเนื่องจะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ตึงเกร็ง เพิ่มความยืดหยุ่น และเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
• การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยเน้นการบริหารกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ หลัง และการยืดเหยียด จะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและยืดหยุ่นขึ้น
• การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: ใส่ใจกับท่าทางในการนั่ง ยืน เดิน และทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันให้ถูกต้อง
• การพักผ่อนที่เพียงพอ: การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายได้ฟื้นฟู
• การจัดการความเครียด: ความเครียดสามารถทำให้อาการ ออฟฟิศซินโดรม แย่ลง การหาวิธีจัดการความเครียด เช่น การทำสมาธิ การทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย จะช่วยบรรเทาอาการได้
• การใช้ยา: ในบางกรณี แพทย์อาจสั่งจ่ายยาเพื่อบรรเทาอาการปวดและการอักเสบ
ป้องกันไม่ให้ออฟฟิศซินโดรมเรื้อรังตั้งแต่เนิ่นๆ
วิธีที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้อาการ ออฟฟิศซินโดรม กลายเป็นปัญหาเรื้อรังตั้งแต่เนิ่นๆ โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานให้เหมาะสม เช่น:
• จัดสภาพแวดล้อมในการทำงาน: ปรับโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมาะสมกับสรีระ
• พักผ่อนและยืดเหยียด: ลุกขึ้นยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุกๆ 20-30 นาที
• ออกกำลังกายเป็นประจำ: เสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
• ใส่ใจท่าทาง: นั่ง ยืน เดิน ให้ถูกท่าอยู่เสมอ
สรุป
อาการ ออฟฟิศซินโดรม สามารถมีอาการเรื้อรังได้นานหลายปีหลังเลิกทำงานแล้ว โดยขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เป็น ความรุนแรง การรักษา และพฤติกรรมการใช้ชีวิต อย่างไรก็ตาม การดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม สามารถช่วยบรรเทาอาการและทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ การป้องกันตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการหลีกเลี่ยงปัญหา ออฟฟิศซินโดรม ในระยะยาว