รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สรรพคุณเเละประโชน์ ชุมเห็ดเทศ  (อ่าน 598 ครั้ง)

k7y656525252

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 27
    • ดูรายละเอียด
สรรพคุณเเละประโชน์ ชุมเห็ดเทศ
« เมื่อ: ธันวาคม 03, 2018, 09:40:43 AM »


ชุมเห็ดเทศ
ชื่อสมุนไพร  ชุมเห็ดเทศ
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น ขี้คาก , ลับมืนหลวง , หมากกะลิงเทศ ,หญ้าเล็บมือหลวง (ภาคเหนือ) , ส้มเห็ด (เชียงราย) ,จุมเห็ด (มหาสารคาม) , ชุมเห็ดใหญ่ (ภาคกลาง) , ตะสีพอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) , ตุ๊ยเฮียะเต่า , ฮุยจิวบักทง (จีน) , ตุ้ยเย่โต้ว (จีนกลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Senna alata (L.) Roxb.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  Cassia alata (L.) Roxb. , Cassia bracteata L.f.
ชื่อสามัญ  Acapulo, Candelabra bush, Candle bush, Ringworm bush
วงศ์  FABACEAE (LEGUMINOSAE ) - Caesalpinioideae
ถิ่นกำเนิด
ชุมเห็ดเทศ มีบ้านเกิดเมืองนอนในเขตร้อนของทวีปแอฟริกา อเมริกาออสเตรเลีย แล้วก็เขตร้อนในเอเซียอาคเนย์ สำหรับในประเทศไทย สามารถพบมากในประเทศไทย จากที่ชุ่มชื้น ทุกภาวะดินแต่ไม่ขอบที่ร่มมากมาย พบมากอีกทั้งบริเวณที่ราบรวมทั้งบนเขาที่มีความสูงไม่เกิน 1500 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ลักษณะทั่วไป
ชุมเห็ดเทศจัดเป็นพุ่มไม้ขนาดกึ่งกลาง สูง 1.5-3 เมตร ลำต้นแข็งมีเนื้อไม้ ลำต้นแตกกิ่งก้านเป็นแนวขนานกับพื้นดิน กิ่งจะแบออกทางข้างๆ มีขนสั้นนุ่ม เปลือกลำต้นเรียบเป็นสีน้ำตาล ใบเป็นใบประกอบแบบขนปลายคู่ ออกเรียงสลับ ใบย่อย 8-20 คู่ ยาว 5-15 ซม. ใบย่อยรูปขอบขนาน ยาว5-15 ซม. ปนรูปรี โคนใบมน ปลายใบมน กลม หรือเว้าเล็กน้อย ไม่มีต่อม ฐานใบมนไม่เท่ากันทั้งคู่ด้าน ขอบของใบเรียบมีสีแดง แกนกลางใบดก ยาวโดยประมาณ 30-60 ซม. ก้านใบประกอบยาวราว 2 เซนติเมตร หูใบรูปติ่งหู สามเหลี่ยม ยาว 6-8 มิลลิเมตร ติดทน ดอกย่อยมีเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 4 ซม. ก้านดอกย่อยสั้นมาก ใบตกแต่งเป็นแผ่นบางๆกลีบเลี้ยงสีเขียวปลายแหลมมี 5 กลีบ กลีบสีเหลืองปลายมนมี 5 กลีบ ลายเส้นที่กลีบดอกไม้เห็นได้ชัด เกสรตัวผู้ยาว แตกต่างกัน เกสรตัวเมียมี 1 อัน ผลมีลักษณะเป็นฝักรูปแถบ ยาว แบน และสะอาดไม่มีขน ฝักมีปริมาณยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตรแล้วก็กว้างประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร มีสันหรือปีกกว้าง 4 ปีก ปีกกว้างประมาณ 5 มม.ตามความยาวของฝัก ฝักมีฝาผนังกัน ฝักเมื่อแก่จะเป็นสีดำแล้วก็แตกตามยาว ข้างในฝักมีเม็ดประมาณ 50-60 เม็ด เม็ดเป็นรูปสามเหลี่ยมสีดำ มีผิวขรุขระ มีขนาดกว้างประมาณ 5-8 มิลลิเมตรและก็ยาวโดยประมาณ 7-10 มม.
การขยายพันธุ์ ชุมเห็ดเทศสามารถแพร่พันธุ์ได้ 2 แนวทางเป็นการใช้เมล็ดและก็การปักชำ แม้กระนั้นส่วนใหญ่จะนิยมแพร่พันธุ์ด้วยเม็ดมากกว่าซึ่งมีวิธีการปลูกดังต่อไปนี้
1. การเตรียมดินให้กำจัดวัชพืชและเศษสิ่งของ พร้อมทั้งไถพรวนและก็ตากดินไว้ 7-15 วัน จากนั้นให้ปุ๋ยคอกอัตรา 2 ตันต่อไร่
2. การเตรียมประเภท ระงับเลือดเม็ดที่แก่จัดแล้วเอามาแช่น้ำไว้ 1 คืน แล้วหลังจากนั้นคลุกกับทรายในอัตรา 1: 1-2 แล้วหุ้มห่อด้วยผ้าขาวบาง รดน้ำให้เปียกแฉะ เก็บในที่ร่ม 1-2 วัน เม็ดก็จะเริ่มงอก
3. การปลูก แม้ปลูกแบบหยอดหลุมด้วยเม็ดที่เริ่มแตกออก ให้หยอดหลุมละ 5-6 เม็ดให้มีระยะห่างระหว่างต้น และระหว่างแถว 3x4 เมตร เมื่อปลูกเสร็จใช้ผางปกคลุมบางๆรดน้ำให้ชุ่ม ถ้าเกิดปลูกแบบใช้ต้นกล้าให้น้ำต้นกล้าที่เพาะจากเม็ดที่มีอายุ 30 วัน หรือมีใบจริง 5-7 ใบ มาปลูกลงแปลง รดน้ำให้เปียก ปักไม้ค้ำกระทั่งถึงไว้และก็ผูกติดกับต้นกล้าแล้วหุ้มโคนต้นด้วยผางและควรจะรดน้ำให้ชุ่มเสมอในช่าง 2 เดือนแรก
องค์ประกอบทางเคมี ชุมเห็ดเทศมีองค์ประกอบทางเคมีที่สำคัญประกอบด้วยสารกลุ่ม Anthraquinone โดยในใบชุมเห็ดเทศ ควรจะมีสาระสำคัญ Hydroxy-anthracene derives ไม่น้อยกว่า 1.0% w/w (โดยคำนวณเป็น rhein-8-glucoside) ยกตัวอย่างเช่น Aloe-emodin, Chrysophanol , Chrysophanic acid, lsochrysophanol, Physcion glycoside, Terpenoids, Sennoside, Sitosterols, Lectin, Rhein.

ผลดี / สรรพคุณ

แบบเรียนยาไทย: ใช้ข้างในแก้ท้องผูก เป็นยาระบาย ไปกระตุ้นทำให้ลำไส้ใหญ่บีบตัวดีขึ้น สมานธาตุรักษากระเพาะอักเสบ แก้กษัยเส้น ทำหัวใจให้ธรรมดาขับฉี่ ขับพยาธิ ใช้ข้างนอก รักษาฝี และก็แผลพุพอง รักษาขี้กลาก เกลื้อน โรคผิวหนัง อมบ้วนปาก รักษาผิวหนังอักเสบเป็นผื่นคัน เส้นประสาทอักเสบ โดยใช้ส่วนของ ใบ เป็นยาถ่าย ใช้ด้านนอกรักษาขี้กลาก แก้แมลงสัตว์กัดต่อย แล้วก็โรคผิวหนังอื่นๆใช้ถ่ายพยาธิตัวตืด ใบสด ใช้รักษากลากเกลื้อน ตำพอก เร่งหัวฝี ใบรวมทั้งดอก ทำยาต้มกิน เป็นยาระบายแก้ท้องผูกขับเสมหะในรายที่หลอดลมอักเสบ และก็แก้หืด เมล็ด มีกลิ่นเบื่อ รสเหม็นเบื่อเล็กน้อยใช้ขับพยาธิ แก้ตานซาง แก้ท้องขึ้นท้องเฟ้อ แก้นอนไม่หลับ ฝัก มีรสเบื่อเบื่อ แก้พยาธิ เป็นยาระบาย ขับพยาธิตัวตืด พยาธิไส้เดือน ต้นและราก แก้กษัยเส้น แก้ท้องผูก บำรุงหัวใจเปลือกและก็แก่นไม้ ใช้ขับน้ำเหลืองเสีย ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันระบุว่า ชุมเห็ดเทศเป็นยาระบายที่ดี เพราะมีทั้งยังแอนทราควิโนน ซึ่งเป็นยาระบาย แล้วก็แทนนิน ซึ่งเป็นยาฝาดสมาน ก็เลยเป็นยาระบายที่สมานธาตุในตัว และก็ในชุมเห็ดเทศยังมีพฤกษเคมีที่เป็นยาแล้วก็สารต่อต้านนุมูลิอิสระสำคัญหลายแบบ โดยมีการทดลองสารสกัดหยาบจากใบ เปลือกลำต้น ดอก ผล สกัด โดยใช้เอทิลอะสิเตทแล้วก็เมทานอล พบสารฟลาโวนอยด์ แอนทราควิโนน คูมาริน ซาโปนิน แทนนิน เทอร์ปินอยด์ สเตอร์รอยด์ และก็คาดิแอคไกลโคไซด์ แต่ว่าไม่พบสารแอลคาลอยด์ ในทุกส่วนของชุมเห็ดเทศ และก็พบว่าสารสกัดอีกทั้ง 8 แบบอย่าง มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ สารสกัดอีกทั้ง 8 แบบอย่างสารมารถต้านทานเชื้อ Bacillus subtilis และ Staphy-lococcus aureus ได้ โดยเฉพาะสารสกัดเมทานอลจากดอกชุมเห็ดเทศชนิดเดียวเพียงแค่นั้นที่ต้านทานเชื้อ Pseudomonas auroginosa ได้ แม้กระนั้นไม่มีสารใดที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อ E.coli การเล่าเรียนการออกฤทธิ์ของ Senna alata (L.) Roxb. หรือชุมเห็ดเทศสำหรับการยั้งการก้าวหน้าของเชื้อก่อโรคพบว่าสารสกัดจากชุมเห็ดเทศสามารถยั้งการเจริญก้าวหน้าของเชื้อก่อโรคได้หลายแบบ เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส ปรสิต และยังมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านทานการก่อยับยั้งเนื้องอก เป็นยาระบาย ขับเยี่ยว ลดการอักเสบ แก้ปวดอีกด้วย
รูปแบบ/ขนาดวิธีการใช้

อาการท้องผูก ใช้ใบจำนวน 12-15 ใบย่อย ตากแห้ง คั่ว (ถ้าไม่คั่วซะก่อน จะกำเนิดอาการข้างๆ เป็นอาจมีอาการคลื่นไส้คลื่นไส้ เมื่อคั่วความร้อนจะช่วยทำให้สารที่ออกฤทธิ์ทำให้อาเจียนอาเจียนสลายไป) แล้วค่อยนำไปต้มกับน้ำพอควร ดื่มครั้งเดียวก่อนรับประทานอาหารเช้าตรู่มืด หรือก่อนนอน หรือใช้ผงใบ 3-6 กรัม ชงน้ำเดือด 120 มล. เป็นเวลา 10 นาที ดื่มก่อนนอน บางทีอาจทำเป็นยาลูกกลอนก็ได้ หรือใช้ช่อดอกสด 1-3 ช่อดอก ลวก จิ้มน้ำพริก หรือใช้ดอก 1 ช่อ รับประทานใหม่ๆเป็นยาระบาย รวมทั้งใช้ใบแล้วก็ก้านขนาดใหญ่ ราวๆ 3-5 ช่อ เอามาต้มกับน้ำประมาณ 2 ขัน(1500 ซี.ซี.) ต้มให้เดือดเหลือน้ำราว 1/2 ขัน ใส่เกลือพอมีรสเค็มเล็กน้อย ดื่มวันละ 1 แก้ว (250 ซี.ซี.)คราวต่อมา กินดอกทีละราวๆ 1 ช่อ
การใช้ชุมเห็ดเทศรักษาขี้กลาก โรคเกลื้อน นำใบสดมาตำอย่างถี่ถ้วนใช้ทาบริเวณที่เป็นกลากหรือผื่นคัน หรืออาจนำใบชุมเห็ดเทศ 3-4 ใบ มาตำอย่างระมัดระวังเพิ่มเติมน้ำมะนาวนิดนึง ทาบริเวณที่เป็นวันละ 2-3 ครั้ง หรือใช้ใบสดขยี้ถูนานๆแล้วก็บ่อยๆตรงบริเวณที่เป็น
รวมทั้งใช้ใบสด 4-5 ใบ ตำรวมกับกระเทียม 4-5 กลีบ แล้วเพิ่มเติมปูนแดงเล็กน้อย ทาบริเวณที่เป็นซึ่งได้ใช้ไม้ไผ่บางๆฆ่าเชื้อโรคแล้วขูดผิวบริเวณที่นั้นให้มีสีแดง(กรณีขี้กลาก) ทาวันละ3-4 ครั้ง จนกระทั่งจะหาย รวมทั้งเมื่อหายแล้วให้ทาไปอีก 1 สัปดาห์ หรือจะใช้ใบสดตำแช่สุรา เอาส่วนเหล้าทาบริเวณที่เป็นวันละ 2-3 ครั้ง จวบจนกระทั่งจะหาย พบว่าได้ผลดี แม้กระนั้นไม่ค่อยสำเร็จในขี้กลากที่ผมรวมทั้งเล็บ
รักษาฝีแผลพุพอง ใช้ใบชุมเห็ดเทศ 1 กำมือ ต้มกับน้ำเพียงพอท่วม เคี่ยวให้เหลือ 1 ใน 3 เอามาล้างฝีที่แตกแล้ว หรือแผลพุพอง วันละ 2 ครั้งรุ่งเช้า เย็น ถ้าเกิดบริเวณที่เป็นกว้างมากใช้สมุนไพร 10-12 กำมือ ต้มกับน้ำใช้อาบรุ่งเช้าเย็น ตราบจนกระทั่งจะหาย
ใช้ใบสดตำพอก เพื่อรีบให้หัวฝีออกเร็วขึ้น หรือจะใช้ใบผสมกับน้ำปูนใสหรือเกลือหรือน้ำมันตำพอก รักษากลาก แมลงสัตว์กัดต่อย โรคผิวหนัง นอกจากนั้นยังคงใช้ใบตำพอกหรือคั้นเอาน้ำผสมน้ำปูนใสทาหรือผสมวาสลิน ใช้ทำเป็นยาขี้ผึ้งทาได้อีกด้วย
ส่วนยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติที่เสนอแนะให้ใช้คือ รับประทานทีละ 1 – 2 ซอง (ใบชุมเห็ดเทศแห้งซองละ 3 กรัม) (3 – 6 กรัม) ชงในน้ำเดือด 120 มิลลิลิตร นาน 10 นาที วันละ 1 ครั้งกระโน้นนอน ทุเลาท้องผูก
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ สารสกัดจากใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำขนาดเท่ากันผงใบชุมเห็ดเทศแห้ง 5 กรัม/กิโล ทำให้ลำไส้เล็กส่วนปลายของหนูตะเภาหดตัวได้ปริมาณร้อยละ 25 ของฤทธิ์จากฮีสตามีน 1 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำขนาดเทียบเท่าผงใบชุมเห็ดเทศแห้ง 10 และก็ 20 กรัม/โล ส่งผลเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้ของหนูเม้าส์ได้มากกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำในขนาด 15 ไมโครกรัม/มล. ทำให้ลำไส้เล็กส่วนปลายของหนูตะเภาหดตัวได้ในหลอดทดสอบ ในขณะสารกลัยโคไซด์จากใบชุมเห็ดเทศมีฤทธิ์กระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบในไส้
ฤทธิ์สำหรับการรักษาอาการท้องผูก เมื่อให้สารสกัดจากใบชุมเห็ดเทศแห้งด้วยน้ำร้อนกับหนูแรททางปากในขนาด 500 และก็ 800 มิลลิกรัม/กิโลกรัม พบว่ามีฤทธิ์ช่วยระบาย แล้วก็เมื่อให้สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำกับหนูเม้าส์ทางปากในขนาดเท่ากันผงใบชุมเห็ดเทศแห้ง 5, 10 รวมทั้ง 20 กรัม/กิโล จะมีผลให้หนูเม้าส์ถ่ายเหลว โดยการให้ในขนาดต่ำ (5 กรัม/กิโล) จะออกฤทธิ์ช้ากว่าในขนาดสูง (10 แล้วก็ 20 กรัม/กิโล) สาร anthraquinone glycoside จากใบดังเช่นว่า isocrysophanol, physcion-l-glycoside, chrysophanol, emodine, rhein, รวมทั้ง aloe-emodin มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย
ฤทธิ์ต้านทานเชื้อจุลชีพ สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำ สารสกัดด้วยเอทานอล สารสกัดด้วยเมทานอล รวมทั้งสาร aloe-emodin, rhein emodol, 4,5-dihydroxy-1-hydroxymethylanthrone, 4,5-dihydroxymethylanthraquinone และก็ chrysophanol จากใบชุมเห็ดเทศ มีฤทธิ์ต้านทานเชื้อราที่ผิวหนังดังเช่นว่า Epidermophyton floccosum , Microsporium gypseum, Trichophyton rubrum , T. mentagrophytes และ M. canis เมื่อเทียบกับยา tolnaftate สารสกัดด้วยน้ำแล้วก็เอทานอลจากเปลือกต้นชุมเห็ดเทศสามารถยั้งเชื้อยีสต์ Candida albicans ได้ โดยที่ความเข้มข้น 30 ไมโครกรัม/ไมโครลิตร จะให้ผลดีเมื่อเปรียบเทียบกับยา ticonazole 30 ไมโครกรัม/ไมโครลิตร แม้กระนั้นสารสกัดจากใบด้วยน้ำและก็เอทานอลไม่มีฤทธิ์ยั้งเชื้อยีสต์ น้ำมันหอมระเหยจากใบชุมเห็ดเทศ สารสกัดจากเปลือกต้นด้วยเมทานอล มีฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Bacillus subtilis ในจานเพาะเชื้อได้ปานกลาง สารสกัดด้วยน้ำจากใบชุมเห็ดเทศสามารถยับยั้งเชื้อ Escherichia coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อเหมาะความเข้มข้นมากยิ่งกว่า 21.8 มก./มล.
ผลของการวิจัยทางสถานพยาบาล (clinical pharmacology) การศึกษาฤทธิ์สำหรับการรักษาอาการท้องผูก การเรียนทางสถานพยาบาลแบบสุ่มมีกลุ่มควบคุมระหว่างชงชาชุมเห็ดเทศ มิสท์แอลบา รวมทั้งยาหลอก ในโรงพยาบาลชุมชน 5 แห่ง และก็โรงพยาบาลทั่วไป 1 แห่ง ผู้เจ็บป่วยที่ไม่ขี้ต่อเนื่องกันเกิน 72 ชั่วโมง ปริมาณ 80 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กรุ๊ปแรก รับยาหลอกเป็นน้ำ เพิ่มสีคาราเมล 120 มล. จำนวน 28 ราย กลุ่มลำดับที่สองรับยามิสท์แอทบา 30 มล. น้ำ 90 มล. จำนวน 28 รายรวมทั้งกลุ่มที่สามรับน้ำละลายชุมเห็ดเทศ ได้จากการชงผงชุมเห็ดเทศปริมาณ 3-6 กรัม ในถุงกระดาษ แช่ในน้ำเดือด 120 มล. นาน 10 นาที จำนวน 24 ราย คนเจ็บทั้งยัง 3 กลุ่มมีลักษณะไม่ได้แตกต่างกัน ได้รับยารับประทานก่อนนอนประเมินผลจากการถ่ายอุจจาระไหมอึด้านใน 1 วัน พบว่า สำเร็จถ่ายอุจจาระด้านใน 24 ชั่วโมง ร้อยละ 18,86 และ 83 ตามลำดับ ซึ่งพบว่าผลของกลุ่มชุมเห็ดเทศรวมทั้งมิสท์แอลบาดีกว่ายาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติแต่ว่าพบอาการท้องเดินในกรุ๊ปที่ได้รับมิสท์แอลบามากกว่า คนเจ็บกรุ๊ปที่ได้รับชุมเห็ดเทศมีความชอบใจมากยิ่งกว่ายาหลอก สรุป ยาชงชุมเห็ดเทศมีประสิทธิภาพที่ดีสำหรับเพื่อการรักษาท้องผูก
ส่วนอีกการทดลองหนึ่งพบว่าเมื่อผสมผงใบชุมเห็ดเทศในอาหารในขนาดร้อยละ 2 และ 10 ของของกิน แล้วให้หนูแรทกินนาน 4 สัปดาห์ จะเจอแผลในไส้ ตับ แล้วก็ไต รวมทั้งหรูหราฮีโมโกลบินแล้วก็ packed cell volume (PCV) สูงขึ้น แต่จำนวนเม็ดเลือดแดงน้อยลงใน 2 อาทิตย์แรก เมื่อใส่สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยเอทานอลขนาด 100 มิลลิกรัมในน้ำกินให้หนูแรทรับประทานนาน 14 วัน พบว่ากำเนิดแผลในตับ เซลล์ตับตายเกลื่อนกลาดกระจัดกระจายรวมทั้งมีการคั่งของเลือดในเส้นเลือดดำ การฉีดสารemodin แล้วก็ kaemferol ขนาด
10 มิลลิกรัม เข้าช่องท้องหนูแรทติดต่อกัน 14 วัน หรือฉีดสาร aloe-emodin ขนาด 100 มิลลิกรัม สาร rhein ขนาด 70 มิลลิกรัม เข้าช่องท้องนาน 4 วัน พบว่าเกิดแผลในตับของหนูทุกกลุ่ม กลุ่มที่ได้รับ aloe-emodin จะพบเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลาย หนูทุกกรุ๊ปหรูหราฮีโมโกลบิน และก็ PCV ต่ำลงภายใน 14 วัน เมื่อป้อนสารสกัดจากใบด้วยน้ำขนาด 10, 50, 100 แล้วก็ 250 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ให้หนูแรทนาน 14 วัน จะพบระดับฮีโมโกลบินและ เม็ดเลือดแดงมากขึ้น ในเวลาเดียวกันหนูมีลักษณะอาการเบื่ออาหาร ผอมแห้งแล้วก็น้ำหนักลด
การเล่าเรียนในผู้เจ็บป่วยที่เป็นโรคขี้กลากและก็โรคเกลื้อนสารสกัดจากใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์แล้วก็ครีมชุมเห็ดเทศเข้มข้นจำนวนร้อยละ 20 สามารถรักษาผู้ป่วยโรคกลาก 30 ราย และโรคเกลื้อน 10 ราย ได้ดีเท่ากันกับยาขี้ผึ้ง whitfield แต่ไม่เป็นผลรักษาราที่เล็บแล้วก็หนังศีรษะ ยาเตรียมชุมเห็ดเทศในแบบอย่างทิงเจอร์และก็ครีม(ซึ่งมีสารสำคัญ rhein 600 ไมโครกรัม/กรัม) ได้ผลสำหรับการรักษาผู้เจ็บป่วยโรคกลากโรคเกลื้อนที่ผิวหนังได้เหมือนกันกับยาครีมวัวลไตรมาโซลปริมาณร้อยละ 1 สารสกัดใบชุมเห็ดเทศสดด้วยน้ำ (ใบสด 100 กรัมต่อน้ำ 50 มิลลิลิตร) ความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 100 ทาบริเวณแขน แล้วก็ขา หรือความเข้มข้นร้อยละ 90 ทาบริเวณคอ รวมทั้งมือ และก็ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 80 ทาบริเวณหน้า วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน 2 ชั่วโมง ส่งผลรักษาโรคกลากโรคเกลื้อนประเภท Pityraisis versicolor ที่มีสาเหตุมาจากเชื้อรา Malassezia furfur ในคนป่วยจำนวน200 คนได้
การศึกษาทางพิษวิทยา การทดลองความเป็นพิษ การทดสอบความเป็นพิษกระทันหัน พบว่าสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์ปริมาณร้อยละ 50 ในขนาด 15 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 โล ไม่มีพิษเมื่อให้หนูเม้าส์ทางปากและก็ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง แต่มีความเป็นพิษนิดหน่อยเมื่อฉีดเข้าทางช่องท้องหนูเม้าส์ แล้วก็เมื่อฉีดสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์ร้อยละ85 เข้าทางช่องท้องหนูเม้าส์ในขนาด 2 กรัม/กก.ก็ไม่เจอความเป็นพิษ สารสกัดจากใบด้วยน้ำและสารสกัดจากส่วนเหนือดินของชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์จำนวนร้อยละ 50 มีความเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าทางช่องท้องหนูเม้าส์
โดยขนาดของสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์ปริมาณร้อยละ 50 ที่ทำให้หนูถีบจักรตายจำนวนร้อยละ 50 (LD50) คือ ขนาดที่ให้ทางปากและก็ทางผิวหนังมากยิ่งกว่า 15 กรัมต่อกิโลกรัมแล้วก็ทางท้อง 8.03 กรัมต่อกก.
การทดสอบพิษกึ่งเรื้อรังของผงใบชุมเห็ดเทศในหนูขาววิสตาร์ 4 กรุ๊ป กลุ่มละ 24 ตัว (เพศผู้ 12 ตัว เพศภรรยา 12 ตัว) เป็นกรุ๊ปควบคุมและก็กรุ๊ปที่ได้รับยาทางปากขนาด 0.03 , 0.15 รวมทั้ง0.75 กรัมต่อกก.ต่อวัน (ซึ่งเปรียบได้กับได้รับ 1 5 แล้วก็ 25 เท่า ของขนาดที่รักษาในคน) ผลเป็น ไม่พบพิษทุกกรุ๊ป มีการเจริญวัยธรรมดาการตรวจทางเลือดวิทยารวมทั้งชีวเคมีธรรมดา ไม่พบพยาธิภาวะรวมทั้งจุลพยาธิวิทยาของอวัยวะภายในที่ไม่ดีเหมือนปกติ
พิษต่อระบบขยายพันธุ์ เมื่อฉีดสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์จำนวนร้อยละ 50 เข้าท้องหนูแรทในขนาด 125 มิลลิกรัม/กก. ไม่มีผลทำให้แท้งและไม่พบพิษต่อตัวอ่อนแต่ว่าผลต่อความเคลื่อนไหวของรอบเดือนไม่กระจ่าง ส่วนสารสกัดจากใบด้วยน้ำขนาด300ไมโครกรัม/มิลลิลิตร มีฤทธิ์ทำให้มดลูกหนูแรทหดตัวในหลอดทดลองรวมทั้งมีฤทธิ์เสริม oxytocin
พิษต่อเซลล์ การทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์โดยใช้ brine shrimp พบว่าสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำในขนาด 7.74 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ทำให้ brine shrimp ตายไปครึ่งหนึ่ง และก็สารสกัดนี้มีความเป็นพิษต่อเซลล์ Vero โดยความเข้มข้น 1,414 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ทำให้เซลล์ Vero ตายไปครึ่งหนึ่ง
ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยเอทานอล มีผลก่อกลายพันธุ์ในSalmonella typhimurium strain TA98 และก็พบว่าสารสกัดชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์ มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ S. typhimurium strain TA98 และก็TA100 โดยในการออกฤทธิ์อยากได้โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีจากตับหนูกระตุ้นการออกฤทธิ์
ข้อเสนอแนะ/ข้อควรไตร่ตรอง

1. ระมัดระวังการใช้ในเด็กอายุต่ำลงมากยิ่งกว่า 12 ปี คนป่วย inflammatory bowel disease รวมทั้งภาวการณ์ทางเดินอาหารตัน ผู้สูงอายุ หญิงให้นมบุตร ด้วยเหตุว่าสารmetabolite บางตัวอาทิเช่น rhein ถูกคัดหลั่งทางทะเลนม
2. ควรที่จะใช้ยาระบายเป็นบางโอกาส ไม่สมควรใช้ติดต่อกัน เพราะว่าสารแอนทราควิโนนในใบชุมเห็ดเทศ มีฤทธิ์ทำให้ลำไส้บีบตัวรวมทั้งขยับเขยื้อนเร็ว ใช้ติดต่อนานจะมีผลให้ไส้ชินต่อการใช้ยา ถัดไปถ้าเกิดไม่ใช้จะก่อให้ไส้ไม่บีบตัวไม่ขยับเขยื้อนเกิดท้องผูกhttps://www.disthai.com/
3. การรับประทานยาในขนาดสูงอาจทำให้กำเนิดไตอักเสบ มีเลือดหรือโปรตีนในเยี่ยวมากยิ่งกว่าปกติ
4. การใช้ตลอดนานๆอาจมีผลลดจำนวนเม็ดเลือดแดง แล้วก็ฮีโมโกลบิตและก็อาจก่อให้กำเนิดแผลที่ตับ
5. การใช้ตลอดในขนาดสูงนานๆบางทีอาจเกิดระบบการดูดซึมแตกต่างจากปกติ มีการดูดกลับของเหลวต่ำลง เกิดภาวะระดับโพเทสเซียมและก็แคลเซียมในเลือดต่ำ
6. ห้ามใช้ในสตรีท้อง
7. การใช้ชุมเห็ดเทศในขั้นแรกๆอาจทำให้กำเนิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น อาการปวดมวนท้องเนื่องจากว่าการบีบตัวของลำไส้ใหญ่แล้วก็อาจมีอาการอาเจียน ของกินไม่ย่อยและก็เจ็บท้องได้
เอกสารอ้างอิง
1. เภสัชกรชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ.ชุมเห็ดไทย/ชุมเห็ดเทศ.คอลัมน์ สมุนไพรน่ารู้.นิตยสารแพทย์ชาวบ้าน.เล่มที่ 26 .กรกฎาคม .2524
2. ฉัตรโย สวัสดิไชย,สุรศักดิ์ อิ่มเอี่ยม.ชุมเห็ดเทศ.ยาน่าทราบ.นิตยสารศูนย์การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิก โรงหมอพระปกเกล้า.ปีที่ 34 ฉบับที่4.เดือนตุลาคม-ธ.ค..2560 หน้า.352-355
3. ดร.วิทย์ เที่ยงตรงบูรณธรรม.“ชุมเห็ดเทศ”. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. หน้า 271-274.
4. เปี่ยม บุณยะโชติ. ตำราโบราณว่าด้วยโรคเด็กและก็คุณผู้หญิง. จังหวัดกรุงเทพ: สำนักพิมพ์เฟื่องอักษร, 2514. หน้า 39.
5. กองศึกษาค้นคว้าทางการแพทย์. สมุนไพรพื้นบ้าน เวลาที่ 1. จังหวัดกรุงเทพ: กรมวิทยาศาตร์การแพทย์. กระทรวงสาธารณสุข, 2526. หน้า 34.
6. ดร.นิจศรี เรืองรังษี, เครื่องหมายชัย มังคละคุปต์. “ชุมเห็ดเทศChumhet Tet)”. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1 หน้า 108.
7. พระเทวดาวิมลผมจุก. ตำราเรียนยากลางบ้าน. จ.กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มงกุฏราชวิทยาลัย, 2524. หน้า 140.
8. ชุมเห็ดเทศ.ฐานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
9. วิทยา บุญวรพัฒน์. “ชุมเห็ดเทศ”. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีนที่ใช้บ่อยมากในประเทศไทย. หน้า 208.
10. เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ กำเนิดดอนแฝก. “ชุมเห็ดเทศ”. หนังสือสมุนไพรบำบัดรักษาโรคเบาหวาน 150 จำพวก. หน้า 74-75.
11. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ชุมเห็ดเทศ Ringworm Bush”. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีต้นไม้. หน้า 75.
12. ชุมเห็ดเทศ.ฐานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
13. คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา. บัญชียาจากสมุนไพร พุทธศักราช 2549 ตามประกาศคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) พุทธศักราช2549 เรื่องบัญชียาหลักแห่งชาติพ.ศ. 2547 (ฉบับที่ 4). จ.กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การกสิกรรมที่เมืองไทยจำกัด, 2549
14. วันดี กฤษณพันธ์ แม้นสรวง วุฒิอุดมเลิศ ดอกมะลิ ไตรอำนาจวาสนา สุภาวี อาชวาคม. การเล่าเรียนฤทธิ์ต่อต้านเชื้อราของสารแอนทราควิโนนจากใบชุมเห็ดเทศ. การสัมมนาวิชาการวิทยาศาสตร์แล้วก็เทคโนโลยีที่เมืองไทย ครั้งที่ 24, 19-21 เดือนตุลาคม ณ. ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ จ.กรุงเทพฯ, 2541.
15. Harrison J, Garro CV. Study on anthraquinone derivatives from Cassia alata L. (Leguminosae). Rev Peru Bioquim 1977;(1):31-2.
16. จินตนาการ สุทธชนาความสนุก และก็แผนก. ฤทธิ์ต้านเชื้อราของใบชุมเห็ดเทศ. รวมข้อสรุปย่อการค้นคว้าวิจัยการแพทย์แผนไทยแล้วก็ทิศทางการค้นคว้าวิจัยในอนาคต สถาบันการแพทย์แผนไทย, 2543.
17. Akah PA. Abortifacient activity of some Nigerian medicinal plants. Phytother Res 1994;8(2):106-8.
18. Plengvidhya P, Suvagondha C. A study of diagnostic contents of leaves of some members in genus Cassia. J Pharm Assoc Siam, Third series 1957;10(1):10-2.
19. เกษร นันทจิต. ฤทธิ์ต่อต้านจุลชีพของใบชุมเห็ดเทศ (Cassia alata Linn.). รายงานการวิจัย ที่ทำการคณะกรรมการศึกษาค้นคว้าแห่งชาติ, 2538.
20. เสาวลักษณ์ ดงษ์งดงาม. ฤทธิ์ต่อต้านจุลชีพของสารสกัดจากพืชสกุล Cassia sp. รายงานการวิจัย ที่ทำการคณะกรรมการศึกษาค้นคว้าแห่งชาติ, 2543.
21. Thamlikitkul V, Dechatiwonges T, Chantrakul C, et al. Randomized controlled trial of Cassia Alata Linn. for constipation. J Med Assoc Thai 1990;73(4):217-21.
22. Mokkhasmit M, Swatdimongkol K, Satrawaha P. Study on toxicity of Thai medicinal plants. Bull Dept Med Sci 1971;12(2/4):36-65.
23. Rao JVLN, Sastry PSR, Poa RVK, Vimaladevi M. Occurrence of kaempferol and aloe-emodin in the leaves of Cassia alata. Curr Sci 1975;44(20):736-7.
24. ท้องนาถฤดี สิทธิสมวงศ์ ทรงพล ชีวะพัฒน์ เอมจิต หวังหมัด สุธิดา ไชยราช พัชรินทร์ รักษามั่น จรินทร์ จันทรฉายะ. พิษของใบชุมเห็ดเทศ. วารสารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์2534;33(4):145-54.
25. Somchit MN, Reezal I, Nur
บันทึกการเข้า