" ให้ " เป็นสัญญาประเภทหนึ่ง ตามกฎหมาย ซึ่งบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 521 บัญญัติว่า "
อันว่าให้นั้น คือสัญญาซึ่งบุคคลหนึ่งเรียกว่า
ผู้ให้ โอนทรัพย์สินของตนให้โดยเสน่หาแก่บุคคลอีกคนหนึ่ง เรียกว่าผู้รับ และผู้รับยอมรับเอาทรัพย์สินนั้น "มาตรา 536 บัญญัติว่า " การให้อันจะให้เป็นผลต่อเมื่อผู้ให้ตายนั้น ท่านให้บังคับด้วยกฎหมายว่าด้วยมรดกและพินัยกรรม " จากบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ทำให้เข้าใจได้ว่า การให้นั้นมี 2 ประเภท คือ 1. การให้ที่มีผลในระหว่างที่ผู้ให้ยังมีชีวิตอยู่ 2. การให้ที่มีผลเมื่อผู้ให้ถึงแก่ความตาย (อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายว่าด้วยมรดกและพินัยกรรม)ในวันนี้พวกเรา
ทนายความเชียงใหม่ จะขอพูดถึงเรื่อง การ
ให้โดยเสน่หา สัญญาให้โดนเสน่หา ต้องมีองค์ประกอบของสัญญาดังนี้1.1."คูู่สัญญา" ในสัญญาให้โดยเสน่หานั้นต้องมีคู่สัญญาสองฝ่าย คือ ฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ให้ และอีกฝ่ายหนึ่ง้รียกว่าผู้รับ " ผู้ให้ " นั้นจะต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ให้ เพราะตามมาตรา 521 นั้นเป็นเรื่องที่ผู้ให้ " โอนทรัพย์สินของตน " ให้แก่ผู้รับ หากผู้รับไม่ใช่เจ้าของ การให้คือการโอนทรัพย์สินย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ บุคคลที่จะเป็น " ผู้ให้ " หากเป็นบุคคลธรรมดา ก็จะต้องมีความสามารถในการใช้สิทธิตามกฎหมาย หากเป็นนิติบุคคล การให้นั้นต้องอยู่ในกรอบวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในตราสารจัดตั้ง "
ผู้รับการให้ " เป็นการรับทรัพย์สินที่ผู้ให้ยกให้ไปเปล่าๆ โดยไม่ต้องมีอะไรตอบแทน จึงไม่กระทบกระเทือนกับประโยชน์ของผู้รับการให้ บุคคลธรรมดาทุกคนจึงเป็นผู้รับการให้ได้แม้จะเป็นบุคคลที่ไม่มีความสามารถตามกฎหมาย 1.2. วัตถุประสงค์ สำหรับวัตถุประสงค์ของสัญญาให้นั้นคือ การที่ฝ่ายหนึ่งโอนทรัพย์สินให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งโดยฝ่ายหลังไม่มีหน้าที่ต้องให้อะไรตอบแทน ** หากมีการตกลงให้อะไรตอบแทนการให้ การให้นั้นก็ไม่ใช่การให้โดยเสน่หา แต่อาจกลายเป็นสัญญาต่างตอบแทนไป1.3. เจตนา เจตนาที่แสดงออกต้องตรงกับเจตนาภายใน 1.4. แบบ กฎหมายได้กำหนด
แบบของการให้โดยเสน่หา ไว้ดังนี้ มาตรา 523 บัญญัติว่า " การให้นั้น ท่านว่าย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ให้ " จะเห็นได้ว่า หากผู้ให้ไม่ได้ส่งมอบทรัพย์มินที่ให้แก่ผู้รับไปในทันที สัญญาให้ย่อมไม่สมบูรณ์ ผู้รับจะเรียกให้ผู้ให้ส่งมอบทรพย์สินที่ให้ไม่ได้ มาตรา 525 บัญญัติว่า " การให้ทรัพย์สินซึ่งถ้าจะซื้อขายกันจะต้องทำเป็นหนังสือ และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ในกรณีเช่นนี้ การให้ย่อมเป็นอันสมบูรณ์โดยมิพักต้องส่งมอบ" ทรัพย์สินที่หากมีการซื้อขายจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ(เรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป รวมทั้งแพและสัตว์พาหนะด้วย) เมื่อมีการทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการให้เรียบร้อยแล้ว ก็ถือว่าการให้นั้นสมบูรณ์