การสมรส คือ การที่ชายและหญิงยินยอมเป็นสามีภริยากันและต้องแสดงความยินยอมนั้นให้ปรากฏ โดยเปิดเผยและจดทะเบียนต่อหน้านายทะเบียน - การสมรสในต่างประเทศ ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนไทยให้จดทะเบียนตามกฎหมายแห่งประเทศนั้นๆ หรือกฎหมายไทยก็ได้ - การสมรสกรณีพิเศษที่ไม่อาจจดทะเบียนต่อหน้านายทะเบียนได้ เพราะชายหรือหญิงตกอยู่ในอันตรายใกล้ความตาย สามารถแสดงเจตนาต่อบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะให้จดแจ้งการแสดงเจตนาไว้ แล้วนำหลักฐานการจดแจ้งนั้น ไปยื่นต่อนายทะเบียนภายหลังได้ เงื่อนไขและข้อยกเว้นของการสมรส มีดังนี้ ๑. การสมรสจะทำได้ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุ ๑๗ ปีบริบูรณ์แล้ว
เว้นแต่มีเหตุสมควรศาลอาจอนุญาตให้สมรสก่อนได้ ๒. ชายและหญิงซึ่งเป็นญาติสืบสายโลหิตโดยตรงขึ้นไปหรือลงมา เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา สมรสกันไม่ได้ไม่ว่าเป็นญาติโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ๓. ผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมสมรสกันไม่ได้
แต่ถ้าสมรสกันการรับบุตรบุญธรรมเป็นอันยกเลิก ๔. หญิงที่สามีตายหรือการสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอื่น จะสมรสใหม่ได้ต่อเมื่อการสิ้นสุดแห่งการสมรสนั้นผ่านพ้นไปแล้
ไม่น้อยกว่า ๓๑๐ วัน เว้นแต่ (๑) คลอดบุตรแล้วในระหว่างนั้น (๒) สมรสกับคู่สมรสเดิม (๓) มีใบรับรองแพทย์ตามกฎหมายว่ามิได้มีครรภ์ หรือ (๔) มีคำสั่งศาลให้สมรสได้ ผลของการสมรส มีดังนี้ ๑. การสมรสมีผลสมบูรณ์ ต่อเมื่อชายและหญิงจดทะเบียนต่อหน้านายทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ๒. ผู้เยาว์ทำการสมรสได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากผู้มีอำนาจให้ความยินยอม ๓. การสมรสเป็นโมฆะเมื่อมีการฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย เช่น การสมรสซ้อน การสมรสกับบุคคลวิกลจริต การสมรสระหว่างญาติสนิท ๔. การสมรสเป็นโมฆียะเมื่อมีการฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย เช่น การสมรสที่ชายและหญิงอายุไม่ครบ ๑๗ ปีบริบูรณ์ การสมรสโดยสำคัญผิดตัวคู่สมรส การสมรสโดยถูกกลฉ้อฉล ๕. การสมรสสิ้นสุดลงด้วยความตาย การหย่าหรือศาลพิพากษาให้เพิกถอนตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6331-6332/2556 โจทก์สมรสกับพันตรี จ. ในขณะที่พันตรี จ.มีคู่สมรสอยู่แล้วเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่ง ป.พ.พ. มาตรา 1452ย่อมตกเป็นโมฆะตามมาตรา 1495 ผู้มีส่วนได้เสียซึ่งรวมถึงโจทก์ย่อมมีสิทธิที่จะกล่าวอ้างหรือมีคำร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะได้ตามป.พ.พ. มาตรา 1497 ซึ่งความเป็นโมฆะของการสมรสย่อมมีผลไปถึงวันที่โจทก์จดทะเบียนสมรสกับพันตรีจ. หาใช่มีผลนับตั้งแต่วันที่โจทก์จดทะเบียนหย่าในปี 2532 ไม่ฉะนั้นในขณะที่โจทก์จดทะเบียนสมรสกับผู้ตายจึงถือไม่ได้ว่าในขณะนั้นโจทก์ยังมีคู่สมรสอยู่การสมรสระหว่างโจทก์กับผู้ตายจึงไม่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติมาตรา 1452 เมื่อจำเลยจดทะเบียนสมรสกับผู้ตายในปี 2533 โดยโจทก์กับผู้ตายยังเป็นคู่สมรสกันอยู่การสมรสระหว่างจำเลยกับผู้ตายจึงฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งมาตรา1452 ย่อมตกเป็นโมฆะตามมาตรา 1495การร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะตามมาตรา1497 มิใช่เรื่องอายุความในกรณีใช้สิทธิเรียกร้องซึ่งอยู่ภายใต้บังคับแห่งป.พ.พ. มาตรา 193/30 ที่ให้มีกำหนด 10 ปีผู้มีส่วนได้เสียชอบที่จะร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสเป็นโมฆะเมื่อใดก็ได้
โดย ทนายความเชียงใหม่