รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: กระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์ดีนักหนาอย่างไร  (อ่าน 515 ครั้ง)

asd051sa4

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
    • ดูรายละเอียด


กระเทียม
ลักษณะด้านกายภาพและเคมีที่ดี:
           จำนวนน้ำไม่เกิน 68% w/w  จำนวนขี้เถ้ารวมไม่เกิน 2.5% w/w  ปริมาณเถ้าที่ไม่ละลายในกรดไม่เกิน 1% และก็จำนวนสารสกัดเฮกเซน แอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำ ประมาณ 0.52, 0.50 แล้วก็ 15% w/w  ตามลำดับ เภสัชตำรับอังกฤษเจาะจงจำนวนสาร alliin ไม่น้อยกว่า 0.45 % w/w
สรรพคุณ:
           ตำราเรียนยาไทยใช้หัวกระเทียมเป็นยาขับลม แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ธาตุทุพพลภาพ  ของกินไม่ย่อย ขับเสลด ขับเหงื่อ ลดไขมัน รักษาปอด แก้ปอดทุพพลภาพ  แก้อุจจาระเป็นมูกเลือด  บำรุงธาตุ  กระจายเลือด  ขับเยี่ยว แก้บวมพุพอง  ขับพยาธิ  แก้ตาปลา  แก้ตาแดง ร้องไห้  ตาฝ้า รักษาโรคลักปิดลักเปิด  รักษาโรคมะเร็งคุด   รักษาริดสีดวง แก้ไอ  คุมกำเนิด แก้สะอึก  บรรเทาโรคในอก แก้พรรดึก รักษาฟันเป็นโรครำมะนาด  แก้หูอื้อ แก้อัมพาต  ลมเข้าข้อ  แก้อาการชักกระตุกของเด็ก พอกหัวเหน่าแก้ขัดค่อย รักษาวัณโรค  แก้โรคประสาท แก้หืด แก้ปวดมวนในท้อง บำรุงสุขภาพทางกามคุณ  ขับโลหิตประจำเดือน  บำรุงเส้นประสาท   แก้ไข้   แก้ฟกช้ำดำเขียว แก้ปวดกระบอกตา แก้โรคในปาก แก้หวัดคัดจมูก   แก้ไข้เพื่อเสลด ทำให้ผมเงาสวย  บำรุงเส้นผมให้ดกดำ ใช้ภายนอก รักษาแผลเรื้อรัง รักษาขี้กลากโรคเกลื้อน แก้โรคผิวหนัง  ทาข้างนอกบรรเทาอาการปวดบวมตามข้อเนื่องจากว่าเป็นยาพอกให้ร้อน ใช้พอกตรงที่ถูกแมลง ตะขาบ แมงป่องต่อยเป็นส่วนประกอบในตำรับยาเหลืองปิดสมุทร (แก้ท้องเสีย), ยาประสะไพล (ขับน้ำคร่ำ ในสตรีหลังคลอด), ยาธาตุบรรจบ (แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ  ท้องร่วง ใช้กระเทียม 3 กลีบ ตีชงน้ำร้อน ใช้เป็นน้ำกระสายยา สำหรับยาผง)
         บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศคณะกรรมการปรับปรุงระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ กำหนดการใช้กระเทียมในตำรับ “ยาแก้ลมอัมพฤกษ์” มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์ทุเลาลักษณะของการปวดตามเส้นเอ็น กล้าม มือ เท้า ตึงหรือชา ตำรับ "ยาประสะไพล" มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์รักษาประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือมาน้อชูว่าปกติ ทุเลาลักษณะของการปวดประจำเดือน  แล้วก็ขับน้ำคาวปลาในหญิงข้างหลังคลอดลูก
ต้นแบบและก็ขนาดวิธีใช้ยา:
กระเทียมสด 2-5 กรัมต่อวัน กระเทียมแห้ง 0.4-1.2 กรัมต่อวัน น้ำมันกระเทียม 2-5 มก.ต่อวัน สารสกัด 300-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือต้นแบบยาอื่นๆที่มีสาร alliin 4-12 มก.หรือสาร allicin 2-5 มก.
ขนาดรวมทั้งวิธีการใช้สำหรับอาการท้องอืดท้องอืดแน่นจุกเสียด:
ใช้กระเทียม  5-10  กลีบ ซอยละเอียด  รับประทานหลังรับประทานอาหาร หรือพร้อมอาหาร
ขนาดและวิธีการใช้สำหรับรักษาขี้กลากเกลื้อน:
                   ฝานกระเทียมเช็ดเสมอๆบริเวณที่เป็น  หรือตำแล้วขยี้ทาบริเวณที่เป็น  วันละ 2 ครั้ง ก่อนจะป้ายยาใช้ไม้บางๆเล็กๆที่ได้ฆ่าเชื้อโรคแล้ว (โดยการแช่ในแอลกอฮอล์ 70%  หรือต้มในน้ำเดือด 10-15 นาที) ขูดรอบๆที่เป็น ให้ผิวหนังแดงๆก่อนทา เพื่อให้ตัวยาซึมลงไปก้าวหน้าขึ้น เมื่อหายแล้วให้ป้ายยาต่ออีก 7-10 วัน
ขนาดและวิธีใช้สำหรับแก้ไอ:
                   หนังสือเรียนยาไทยให้ใช้กระเทียม แล้วก็ขิงสดอย่างละเสมอกันตำละเอียด ละลายน้ำอ้อยสด คั้นเอาน้ำจิบแก้ไอ กัดเสมหะ ทำให้เสมหะแห้ง หนังสือเรียนยาไทยบางตำรับให้คั้นกระเทียมกับน้ำมะนาวเพิ่มเติมเกลือใช้จิดหรือกวาดคอ
ส่วนประกอบทางเคมี:
           น้ำมันหอมระเหย ราวๆ 0.1-0.4% มีองค์ประกอบหลักคือ allicin  ajoene  alliin  allyldisulfide diallyldisulfide ซึ่งเป็นสารประกอบกรุ๊ปกรุ๊ป organosulfur  สารในกลุ่มนี้ที่พบในกระเทียมยกตัวอย่างเช่น  สารกรุ๊ป S-(+)-alkyl-L-cysteine sulfoxides , alliin 1% , methiin 0.2% , isoalliin 0.06% และก็ cycloalliin 0.1% และสารที่ไม่ระเหยคือ สารกรุ๊ป gamma-L-glutamyl-S-alkyl-L-cysteines , gamma-glutamyl-S-trans-1-propenylcysteine 0.6% และ gamma-glutamyl-S-allylcysteine รวมประมาณ 82% ของสารกรุ๊ป organosulpur ทั้งผอง ส่วนสารกรุ๊ป thiosulfinates (allicin) สารกลุ่ม ajoenes (E-ajoene และก็ Z-ajoene) สารกรุ๊ป vinyldithiins (2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)-1,2-dithiin) รวมทั้งสารกรุ๊ป sulfides (diallyl disulfide , diallyl trisulfide) ซึ่งเป็นสารที่ไม่ได้เจอในธรรมชาติแม้กระนั้นเป็นผลมาจากการย่อยสลายของสาร allin ซึ่งถูกเสื่อมสภาพด้วยเอนไซม์ alliinase ต่อไปก็เลยมีการรวมตัวกันใหม่ได้สาร allicin ซึ่งเป็นสารที่ไม่เสถียร ย่อยสลายได้สารกรุ๊ป sulfides อื่นๆด้วยเหตุผลดังกล่าวกระเทียมที่ผ่านกรรมวิธีสกัด การกลั่นน้ำมัน หรือความร้อน สารประกอบส่วนใหญ่ที่เจอเป็นสารกลุ่ม diallyl sulfide , diallyl disulfide , diallyl trisulfide แล้วก็ diallyl tetrasulfide ส่วนกระเทียมที่ผ่านกรรมวิธีหมักในน้ำมัน สารประกอบที่พบส่วนใหญ่เป็น 2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)1,2-dithiin , E-ajoene และก็ Z-ajoene จำนวนของ alliin ที่เจอในกระเทียมสด ประมาณ 0.25-1.15% สารกรุ๊ปอื่นๆที่พบ ตัวอย่างเช่น สารเมือก รวมทั้ง albumin, scordinins, saponins 0.07% , beta-sitosterol 0.0015%, steroids, triterpenoids รวมทั้ง flavonoids
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา: 
ฤทธิ์คุ้มครองตับจากสารพิษ
      การทดลองป้อนสาร diallyl disulfide (DADS) จากกระเทียมให้แก่หนูขาว ขนาดวันละ 50 และ 100 มก./กก. น้ำหนักตัว ในหนูแต่ละกลุ่ม นานติดต่อกัน 5 วัน ก่อนเหนี่ยวนำให้ตับเกิดการเสียหายด้วยสาร carbon tetrachloride (CCl4) พบว่า DADS ทั้งสองขนาดสามารถปกป้องตับเป็นพิษได้ การตรวจดูลักษณะทางจุลกายส่วนศาสตร์พบว่าสามารถยับยั้งความย่ำแย่ของเซลล์ตับ โดยลดหลักการทำงานของเอนไซม์ aspartate transaminase (AST) และ alanine transaminase (ALT) ในตับลงได้ ลดการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวเนื่องในกระบวนการอักเสบ และการเสียชีวิตของเซลล์ตับ เป็นต้นว่า Bax, cytochrome C, caspase-3, nuclear factor-kappa B, I kappa B alpha นอกเหนือจากนั้นยังส่งผลเพิ่มการแสดงออกของโปรตีน รวมทั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวพันในขั้นตอนต้านทานอนุมูลอิสระ ตัวอย่างเช่น catalase, superoxide dismutase, glutathione peroxidase, glutathione reductase, glutathione S-transferase ผลจากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า สาร DADS จากกระเทียมมีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระและก็ปกป้องตับจากสารพิษ โดยกลไกกระตุ้นการทำงานของ nuclear factor E2-related factor 2 (Nrf2) ซึ่งเป็น transcription factor หรือโปรตีนที่ควบคุมการแสดงออกของยีนที่ปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองปกป้องเซลล์ รวมทั้งเยื่อจากอนุมูลออกสิเจนที่ว่องต่อปฏิกิริยา การกระตุ้น Nrf2 ส่งผลรั้งนำการผลิตเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ และก็สร้างเอนไซม์ในระบบการกำจัดพิษออกมาจากร่างกายในขั้นตอนที่ 2 (detoxifying Phase II  enzyme) รวมทั้งยั้ง nuclear factor-kappa B มีผลให้ลดการผลิตสารที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบลง แล้วก็คุ้มครองตับจากพิษได้ (Lee, et al, 2014)
ฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ
      เรียนรู้ฤทธิ์ต้านทานการอักเสบของสารสกัดน้ำโดยไม่ผ่านความร้อน (raw garlic) และสารสกัดกระเทียมที่ผ่านการต้มแล้ว เอามาทดสอบในหลอดทดลอง โดยใช้เนื้อเยื่อของกระต่าย พบว่า raw garlic สามารถยับยั้งเอนไซม์ cyclooxygenase (ที่ทำให้เกิดการสร้างสารอักเสบ) แบบ non-competitive แล้วก็ irreversible จากการเรียนพบว่า raw garlic สามารถยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase ได้ โดยมีค่า IC50 ต่อเกล็ดเลือด,ปอด แล้วก็หลอดเลือดแดงในกระต่ายเท่ากับ 0.35, 1.10 รวมทั้ง 0.90 mg ในขณะที่กระเทียมที่ต้มแล้วมีฤทธิ์ยั้ง cyclooxygenase ได้นิดหน่อยเมื่อเปรียบเทียบกับกระเทียมที่ไม่ผ่านความร้อน ด้วยเหตุว่าส่วนประกอบสำคัญในกระเทียมนั้นถูกทำลายขณะที่ให้ความร้อน จากผลการศึกษาวิจัยชี้ให้เห็นว่ากระเทียมคงจะมีคุณประโยชน์ในการคุ้มครองป้องกันโรคเส้นเลือดตันได้ (Ali, 1995)
      จากการรวบรวมงานศึกษาค้นคว้าวิจัย ที่เรียนฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบของกระเทียม โดยสรุปพบว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต้านการอักเสบผ่านหลายกลไก ดังต่อไปนี้คือ ต่อต้านการอักเสบผ่าน T-cell lymphocytes โดยไปยั้ง SDF1a-chemokine-induced chemotaxis ส่งผลให้การมารวมกลุ่มกันของสารที่ทำให้เกิดการอักเสบลดน้อยลง, ยั้ง transendothelial migration of neutrophils ส่งผลให้ลดการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวประเภท neutrophil ในขั้นตอนการอักเสบลง, ยับยั้งการหลั่งสาร TNFα ซึ่งเป็นสารเริ่มต้นในขบวนการอักเสบ, กดการผลิตอนุมูลไนโตรเจนที่คล่องแคล่วต่อการเกิดปฏิกิริยาการอักเสบ และการทำงานผ่าน ERK1/2 ทั้ง 2 กลไก ดังเช่น การหยุดยั้ง phosphatase-activity (directly related with ERK1/2 phosphorylation) แล้วก็การเพิ่ม phosphorylation of ERK1/2 kinase (ผ่านทาง p21ras protein thioallylation) ส่งผลทำให้การอักเสบลดน้อยลง (Martins, et al, 2016)

ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย
      การทดลองความสามารถสำหรับเพื่อการต่อต้านเชื้อ Escherichia coli ซึ่งป็นเชื้อก่อโรคทางเดินอาหาร ของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  และก็การสกัดสดโดยแนวทางบีบคั้นแบบเย็น โดยใช้วิธี microdilution broth susceptibility test พบว่าการสกัดสดมีค่า MIC แล้วก็ค่า MBC น้อยที่สุด (3.125กรัมต่อลิตร) แล้วก็รองลงมาคือ สารสกัดจากตัวทำละลาย เอทานอล เมทานอล รวมทั้งอะซิโตน ให้ค่า MIC แล้วก็ MBC เท่ากัน (6.25กรัมต่อลิตร) มีความหมายว่าสารสกัดสดมีทรัพย์สินสำหรับในการยับยั้ง และทำลายเชื้อแบคทีเรียเยี่ยมที่สุด เพราะเหตุว่าในกระเทียมสดมี allin เป็นสารประกอบกำมะถันที่สำคัญ เมื่อกระเทียมสดถูกบด หรือผ่านกรรมวิธีการดัดแปลง allinase จะถูกปลดปล่อยออกมาจากด้านใน vacuole ของเซลล์ และอาศัยน้ำเป็นกลไกสำหรับเพื่อการทำปฏิกิริยาได้เป็น allicin ซึ่งเป็นสารที่มีความรู้และมีความเข้าใจในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งแนวทางการสกัดสดช่วยทำให้การทำปฏิกิริยาระหว่างสาร allin และก็ allinase ดีขึ้น เพราะเหตุว่าจะต้องใช้เวลาสำหรับในการบีบคาดคั้นน้ำกระเทียมซึ่งช่วงเวลาดังที่กล่าวถึงแล้วช่วยทำให้วิธีการทำปฏิกิริยาระหว่างสารมากขึ้น อาจจะส่งผลให้ได้ allicin มากขึ้น (ภรงาม และก็รังสินี, 2554)
ฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ
         เมื่อนำสารสกัดกระเทียมที่ได้จากการบ่มสกัด (aged garlic extract (AGE) ด้วย 20 % เอทานอล เป็นเวลา 20 เดือน ที่อุณหภูมิห้อง เอามาทดสอบการต้านทานการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของไลโปโปรตีนจำพวกความหนาแน่นต่ำ หรือต่อต้านการเกิด oxidized LDL (ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดสภาวะเส้นเลือดแดงแข็งตัว) โดยนำ LDL ที่แยกได้จากคนมาทดลองในสภาวะที่มีไหมมี AGE โดยใช้ CuSO4 และก็ 5-lipoxygenase เหนี่ยวนำให้เกิด oxidized LDL และทดลองสารสกัดของ AGE ผลของการทดสอบพบว่า AGE มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระโดยลดการผลิต superoxide ion (อนุมูลอิสระของออกสิเจน) รวมทั้งลดการเกิด lipid peroxide (ขบวนการออกซิเดชันของไขมัน)  โดย AGE 10%v/v เมื่อใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย สามารถยับยั้งการเกิด superoxide ได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ของ AGE ได้ผล 34%  ฤทธิ์ลดการเกิด lipid peroxidation ของ LDL พบว่าสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ลดการเกิด lipid peroxidation ที่เกิดขึ้นจากการเหนี่ยวนำของ Cu2+ และก็ 5-lipoxygenase ได้ 81% และ 37% ตามลำดับ สรุปได้ว่า AGE ส่งผลยั้งการเกิด oxidation ของ LDL โดยลดการสร้าง superoxide และยับยั้งการเกิด lipid peroxide  เพราะฉะนั้น AGE จึงอาจมีบทบาทสำหรับในการคุ้มครองปกป้องการเกิดภาวการณ์เส้นโลหิตแดงแข็งตัว (atherosclerotic disease) ได้ (Dillon, et al, 2003)
      การเรียนรู้ฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  แล้วก็การสกัดสดโดยวิธีบีบบังคับแบบเย็น ทดลองโดยกรรมวิธียับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH, การต้านออกสิไดส์จากสาร hydrogen peroxide (hydrogen peroxide (H2O2) scavenging activity ผลการทดลองฤทธิ์ยั้งอนุมูลอิสระ DPPH พบว่าการสกัดกระเทียมด้วยตัวทำละลายอะซิโตน ให้ค่า IC50 น้อยที่สุด เท่ากับ 3.58±0.02 mg/ml รองลงมา ได้แก่ สารสกัดเมทานอล เอทานอล และการสกัดสด ตามลำดับ โดยมีค่า IC50 พอๆกับ 3.72±0.03, 4.47±0.20 และก็ 55.36±3.96 mg/ml ตามลำดับ  ผลการต่อต้านสารออกสิไดซ์ที่ร้ายแรง ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) พบว่าสารสกัดด้วยตัวทำละลายเมทานอล มีทรัพย์สมบัติการต้านออกสิไดส์ของสาร H http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า