รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: รู้ไหมว่ากระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์อย่างมากๆ  (อ่าน 598 ครั้ง)

cboop2yy5t420

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
    • ดูรายละเอียด


กระเทียม
กระเทียมกับประโยชน์ต่อสุขภาพ
กระเทียม เป็นไม้ล้มลุกที่มีหัวลักษณะเป็นทรงกระเปาะอยู่ใต้ดินเหมือนกับหัวหอม ซึ่งแต่ละหัวจะมี 6-10 กลีบ นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงเตรียมอาหาร กระเทียมเป็นพืชที่ค่อนข้างต่างจากพืชทั่วๆไป เพราะเหตุว่าอุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์ในจำนวนมาก นอกเหนือจากนี้กระเทียมประกอบไปด้วยสารอาหารอื่นๆอีกมากมาย ดังเช่นว่า อาร์จีนีน (Arginine) โอลิโกแซ็คคาไรด์ (Oligosaccharides) ฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) รวมทั้งซีลีเนียม (Selenium) ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย
กระเทียม
ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยอาจจดจำกระเทียมได้จากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ซึ่งเกิดจากสารอัลลิสิน (Allicin) นอกจากจะทำให้กระเทียมมีกลิ่นที่เด่นแล้ว อัลลิสินยังเป็นสารออกฤทธิ์หลักที่เป็นประโยชน์ต่อสถาพทางร่างกาย และอาจมีส่วนช่วยรักษาโรคหรือทำให้อาการต่างๆดีขึ้น โดยที่คนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าการกินกระเทียมอาจช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวข้องกับหัวใจแล้วก็เส้นโลหิต ความดันเลือด คอเลสเตอรอล ทุเลาหวัด รวมถึงใช้น้ำมันกระเทียมเป็นยาทาภายนอกเพื่อรักษาอาการติดเชื้อโรคทางผิวหนัง เล็บ หรือช่วยรักษาอาการผมตกอีกด้วย
ทั้งนี้สิ่งที่ใช้พิสูจน์หรือหลักฐานด้านการแพทย์มีมากน้อยเท่าใดที่จะช่วยยืนยันสรรพคุณ ผลดี รวมทั้งความปลอดภัยของการรับประทานกระเทียมที่มีหน้าที่หรือส่วนช่วยสำหรับการรักษาโรคเหล่านี้
ความดันโลหิตสูง อัลลิสินซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่เจอได้ในกระเทียมสดหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาการที่มีส่วนประกอบของกระเทียม อาจมีส่วนช่วยผ่อนคลายของกล้ามเนื้อเรียบที่เรียงตัวในเส้นโลหิตแล้วก็นำมาซึ่งการทำให้เส้นโลหิตขยายตัวและทำให้ระดับความดันโลหิตลดลดลง ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองชิ้นหนึ่งให้คนป่วยที่มีระดับความดันโลหิตสูงโดยที่มีค่าความดันซิสโตลิก (Systolic Blood Pressure: SBP) มากยิ่งกว่าหรือเท่ากับ 140 มิลลิตรปรอท กินกระเทียมบ่มสกัด (Aged Garlic Extract: AGE) ขนาด 960 มิลลิกรัม เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าค่าความดันซิสโตลิกลดต่ำลงมากกว่าเมื่อเทียบกับผู้เจ็บป่วยที่รับประทานยาหลอก จึงอาจจะบอกได้ว่าการรับประทานกระเทียมบ่มสกัดอาจมีประสิทธิภาพสำหรับในการรักษาคนเจ็บความดันเลือดสูงได้ดีมากว่ายาหลอก
ต่อให้มีการทดสอบอีก 2 ชิ้นที่บอกให้เห็นถึงคุณภาพของกระเทียมสำหรับเพื่อการลดระดับความดันโลหิตได้ดียิ่งไปกว่าการใช้ยาหลอก แต่ว่าเหตุเพราะผลการทดสอบอาจยังไม่แม่นยำเพียงพอที่จะสรุปประสิทธิภาพของกระเทียมได้ว่าสามารถรักษาหรือลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจแล้วก็เส้นเลือดในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ก็เลยยังจำต้องศึกษาเล่าเรียนเพิ่มอีกเพื่อยืนยันความสามารถที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
โรคมะเร็ง ความเกี่ยวพันของการบริโภคกระเทียมรวมทั้งความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งยังไม่ชัดเจนแล้วก็ยังคงเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ ซึ่งจะมองเห็นได้จากการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้ชาวจีนทั้งสิ้นศชายรวมทั้งผู้หญิงที่เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารปริมาณกว่า 5,000 คน รับประทานสารอัลลิทริดินขนาด 200 มก.ต่อวัน ร่วมกับสารซีลีเนียมขนาด 100 ไมโครกรัมวันเว้นวัน ซึ่งล้วนเป็นสารสกัดที่ได้จากกระเทียม โดยทำการทดสอบตรงเวลา 5 ปี รวมทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกแล้วพบว่ากรุ๊ปที่กินสารอัลลิทริดินร่วมกับสารซีลีเนียมมีความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกลดลง 33 เปอร์เซ็นต์ และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะลดน้อยลงถึง 52 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ดี มีการทำการศึกษาเรียนรู้อีก 19 ชิ้นแสดงให้เห็นว่า ยังไม่เจอหลักฐานที่น่าไว้วางใจพอดีจะช่วยส่งเสริมความข้องเกี่ยวของการบริโภคกระเทียมต่อการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะ โรคมะเร็งทรวงอก โรคมะเร็งปอด หรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก แล้วก็มีหลักฐานที่ค่อนข้างจำกัดที่สนับสนุนว่าการบริโภคกระเทียมบางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งไส้ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งในช่องปาก หรือโรคมะเร็งรังไข่
ดังนี้สถาบันโรคมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NCI) ได้พูดว่ากระเทียมเป็นผักที่อาจมีคุณสมบัติต่อต้านมะเร็ง แม้กระนั้นยังมีเหตุอื่นๆเป็นต้นว่า ลักษณะของสินค้าที่ทำมาจากกระเทียม หรือจำนวนความเข้มข้นที่มากมาย อาจจะเป็นผลให้พิสูจน์ถึงความสามารถของกระเทียมได้ยาก รวมทั้งเมื่อเวลาผ่านไปหรือเก็บไว้ภายในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ก็อาจจะส่งผลให้คุณภาพของกระเทียมหมดลงไปได้เช่นกัน
แก้หวัด หลายท่านเชื่อว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์รวมทั้งเชื้อไวรัส แล้วก็มีการนำมาใช้เพื่อป้องกันและก็ทุเลาอาการหวัดมาอย่างช้านาน ซึ่งสอดคล้องกับการเรียนชิ้นหนึ่งที่ให้อาสาสมัครปริมาณ 146 คน กินสารสกัดจากกระเทียมรูปแบบเม็ดซึ่งประกอบไปด้วยสารอัลลิซินขนาด 180 มก.วันละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 12 สัปดาห์ แล้วให้อาสาสมัครจดบันทึกอาการเมื่อเป็นหวัด พบว่าในกรุ๊ปที่กินสารสกัดจากกระเทียมมีรายงานการเป็นหวัดจำนวน 24 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่กินยาหลอกที่มีรายงานการเป็นหวัดจำนวน 65 ครั้ง อีกทั้งยังพบว่าช่วงเวลาของการเป็นหวัดในกรุ๊ปที่กินสารสกัดจากกระเทียมมีปริมาณวันที่น้อยกว่า แม้กระนั้นช่วงเวลาการฟื้นฟูสภาพจากอาการหวัดของ 2 กลุ่มมีความต่างกันเพียงนิดหน่อย ถึงแม้ผลการทดสอบข้างต้นจะชี้ให้เห็นถึงสมรรถนะของกระเทียม แต่หลักฐานการทดลองทางสถานพยาบาลยังไม่เพียงพอรวมทั้งจำต้องเรียนเพิ่มเติมอีกเพื่อยืนยันความสามารถของกระเทียมให้แจ่มกระจ่างเพิ่มขึ้น
ลดน้ำหนักและมวลไขมัน ในคนป่วยภาวะไขมันพอกตับ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ แต่ว่ามักมีเหตุที่เกิดจากโรคอ้วน โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง แล้วก็ไขมันในเลือดสูง ซึ่งการดูแลรักษาด้วยการกินยา การผ่าตัด หรือลดความอ้วนบางทีอาจน้อยเกินไป ถ้าหากไม่ดูแลประเด็นการกินอาหารพร้อมกันไปด้วย การกินกระเทียมจึงบางทีอาจเป็นหนทางหนึ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากว่ากระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่อุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์และก็สารอาหารอื่นๆที่อาจมีคุณลักษณะคุ้มครองปกป้องภาวะอ้วน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาเรียนรู้ชิ้นหนึ่งที่ให้คนเจ็บไขมันพอกตับที่มิได้มีต้นเหตุที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ทั้งปวงศชายแล้วก็ผู้หญิง อายุตั้งแต่ 20-70 ปี ปริมาณทั้งหมดทั้งปวง 110 คน รับประทานกระเทียมผงชนิดแคปซูลขนาด 400 มิลลิกรัม ซึ่งภายในประกอบไปด้วยสารอัลสิลินขนาด 1.5 มก. วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 15 อาทิตย์ โดยสามารถทานอาหารได้ตามปกติ แต่ว่ากินกระเทียมได้ไม่เกินอาทิตย์ละ 2 กลีบ จากผลการทดลองทำให้เห็นว่า น้ำหนักรวมทั้งมวลร่างกายต่ำลงอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกลุ่มที่กินยาหลอก ก็เลยอาจพูดได้ว่าการรับประทานกระเทียมบางทีอาจช่วยลดปริมาณไขมันในตับแล้วก็คุ้มครองหรือชะลอการเกิดภาวะไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตามการเรียนรู้ในอนาคตยังจำเป็นจะต้องดีไซน์การทดลองให้ดียิ่งขึ้นแล้วก็ควรจะเพิ่มระยะเวลาสำหรับเพื่อการทดลองเพื่อรับรองสมรรถนะของกระเทียมให้แจ่มกระจ่างยิ่งขึ้น
ลดระดับคอเลสเตอรอล หลักฐานเกี่ยวกับสมรรถนะของกระเทียมต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลยังคงไม่ตรงกัน จึงทำให้ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองรวมทั้งการศึกษาโดยการทบทวนการค้นคว้าวิจัยที่เกี่ยวพันจำนวน 29 ชิ้น ได้ทำให้เห็นว่า การกินกระเทียมบางทีอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมได้บางส่วน แต่ว่าไม่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ดี (High-Density Lipoprotein: HDL) เพิ่มสูงขึ้น หรือไม่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจต่ำลงแต่อย่างใด จึงยังจำเป็นที่จะต้องเรียนเพิ่มเติมเพื่อหาบทสรุปแล้วก็ยืนยันประสิทธิภาพของกระเทียมต่อระดับคอเลสเตอรอลที่แจ่มแจ้งยิ่งขึ้น

ความปลอดภัยในการรับประทานกระเทียม
การกินกระเทียมค่อนข้างปลอดภัยถ้ากินในปริมาณที่เหมาะสม แต่ว่าอาจส่งผลให้เป็นผลข้างๆได้ อย่างเช่น ปากเหม็น มีกลิ่นเต่า รู้สึกแสบร้อนที่รอบๆปากหรือที่กระเพาะอาหาร แสบร้อนกึ่งกลางอก ท้องเฟ้อ คลื่นไส้ อ้วก หรือท้องเสีย อาการพวกนี้บางทีอาจทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อรับประทานกระเทียมสด ทั้งการใช้กระเทียมสดทาหรือสัมผัสที่รอบๆผิวหนังอาจก่อให้เกิดอาการแสบร้อนรวมทั้งระคายเคืองได้
สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังในการกินกระเทียมโดยยิ่งไปกว่านั้นบุคคลในกลุ่มต่อแต่นี้ไป
คนที่กำลังมีครรภ์หรือผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมลูก การกินกระเทียมในช่วงการตั้งท้องค่อนข้างจะไม่เป็นอันตรายหากกินเป็นของกินหรือในจำนวนที่สมควร แต่บางทีอาจไม่ปลอดภัยแม้รับประทานกระเทียมเป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้วางใจพอเพียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่บริเวณผิวหนังในตอนการมีครรภ์หรือให้นมบุตร
เด็ก การรับประทานกระเทียมในจำนวนที่เหมาะสมและก็ในระยะสั้นๆบางทีอาจไม่มีอันตรายสำหรับเด็ก แต่ว่าการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะทำให้กำเนิดอาการแสบร้อนและระคายเคือง
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะหรือการย่อยของอาหาร อาจจะทำให้มีการระคายเคืองที่ดินเดินของกินได้
คนที่มีความดันเลือดต่ำ การรับประทานกระเทียมอาจจะก่อให้ระดับความดันโลหิตลดลดน้อยลงมากยิ่งกว่าธรรมดา
ผู้ที่วางแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานกระเทียมก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 2 อาทิตย์เพราะเหตุว่าอาจจะก่อให้เลือดออกมากและก็มีผลต่อความดันโลหิตในระหว่างการผ่าตัด และก็คนที่มีภาวะเลือดออกไม่ปกติไม่ควรกินกระเทียม โดยยิ่งไปกว่านั้นกระเทียมสด เนื่องจากว่าบางทีอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการกินยารักษาโรค ได้แก่ ไอโซไนอะซิด เพราะกระเทียมอาจลดการดูดซึมของยาในร่างกายรวมทั้งมีผลต่อคุณภาพลักษณะการทำงานของยา รวมทั้งไม่สมควรกินกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังต่อไปนี้
ยารักษาการติดเชื้อโรคเอชไอวีหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง
ยาคุม
ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านเกล็ดเลือด
http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า