รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: กระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์ดีนักหนาอย่างไร  (อ่าน 532 ครั้ง)

k7y656525252

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 27
    • ดูรายละเอียด


กระเทียม
ลักษณะด้านกายภาพและเคมีที่ดี:
           ปริมาณน้ำไม่เกิน 68% w/w  จำนวนเถ้ารวมไม่เกิน 2.5% w/w  ปริมาณขี้เถ้าที่ไม่ละลายในกรดไม่เกิน 1% แล้วก็ปริมาณสารสกัดเฮกเซน แอลกอฮอล์ แล้วก็น้ำ ประมาณ 0.52, 0.50 และก็ 15% w/w  เป็นลำดับ เภสัชตำรับอังกฤษระบุจำนวนสาร alliin ไม่น้อยกว่า 0.45 % w/w
คุณประโยชน์:
           ตำรายาไทยใช้หัวกระเทียมเป็นยาขับลม แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ธาตุพิการ  อาหารไม่ย่อย ขับเสมหะ ขับเหงื่อ ลดไขมัน รักษาปอด แก้ปอดทุพพลภาพ  แก้อุจจาระเป็นมูกเลือด  บำรุงธาตุ  กระจายโลหิต  ขับเยี่ยว แก้บวมพุพอง  ขับพยาธิ  แก้ตาปลา  แก้ตาแดง ร้องไห้  ตาพร่า รักษาโรคลักปิดลักเปิด  รักษาโรคมะเร็งคุด   รักษาริดสีดวง แก้ไอ  คุมกำเนิด แก้สะอึก  บรรเทาโรคในอก แก้พรรดึก รักษาฟันเป็นรำมะนาด  แก้หูอื้อ แก้อัมพาต  ลมเข้าข้อ  แก้อาการชักของเด็ก พอกหัวเหน่าแก้ขัดค่อย รักษาวัณโรค  แก้โรคประสาท แก้โรคหืด แก้ปวดมวนในท้อง บำรุงสุขภาพทางกามคุณ  ขับเลือดรอบเดือน  บำรุงเส้นประสาท   แก้ไข้   แก้บวมช้ำ แก้ปวดกระบอกตา แก้โรคในปาก แก้หวัดคัดจมูก   แก้ไข้เพื่อเสมหะ ทำให้ผมเงางาม  บำรุงเส้นผมให้ดกดำ ใช้ภายนอก รักษาแผลเรื้อรัง รักษาขี้กลากเกลื้อน แก้โรคผิวหนัง  ทาข้างนอกทุเลาลักษณะของการปวดบวมตามข้อด้วยเหตุว่าเป็นยาพอกให้ร้อน ใช้พอกตรงที่ถูกแมลง ตะขาบ แมงป่องต่อยเป็นส่วนประกอบในตำรับยาเหลืองปิดสมุทร (แก้ท้องเสีย), ยาประสะไพล (ขับน้ำคร่ำ ในสตรีข้างหลังคลอด), ยาธาตุบรรจบ (แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ  ท้องเสีย ใช้กระเทียม 3 กลีบ ตีชงน้ำร้อน ใช้เป็นน้ำกระสายยา สำหรับยาผง)
         บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เริ่มแรก ตามประกาศคณะกรรมการปรับปรุงระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ กำหนดการใช้กระเทียมในตำรับ “ยาแก้ลมอัมพฤกษ์” มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณทุเลาอาการปวดตามเส้นเอ็น กล้ามเนื้อ มือ เท้า ตึงหรือชา ตำรับ "ยาประสะไพล" มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณรักษาประจำเดือนมาไม่บ่อยนักหรือมาน้อชูว่าธรรมดา บรรเทาอาการปวดเมนส์  และก็ขับน้ำคร่ำในหญิงข้างหลังคลอดบุตร
แบบรวมทั้งขนาดการใช้ยา:
กระเทียมสด 2-5 กรัมต่อวัน กระเทียมแห้ง 0.4-1.2 กรัมต่อวัน น้ำมันกระเทียม 2-5 มก.ต่อวัน สารสกัด 300-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือแบบยาอื่นๆที่มีสาร alliin 4-12 มิลลิกรัมหรือสาร allicin 2-5 มก.
ขนาดแล้วก็วิธีใช้สำหรับอาการท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียด:
ใช้กระเทียม  5-10  กลีบ ซอยละเอียด  รับประทานหลังรับประทานอาหาร หรือพร้อมอาหาร
ขนาดและก็วิธีการใช้สำหรับรักษากลากโรคเกลื้อน:
                   ฝานกระเทียมถูเสมอๆรอบๆที่เป็น  หรือตำแล้วขยี้ทาบริเวณที่เป็น  วันละ 2 ครั้ง ก่อนจะทายาใช้ไม้บางๆเล็กๆที่ได้ฆ่าเชื้อโรคแล้ว (โดยการแช่ในแอลกอฮอล์ 70%  หรือต้มในน้ำเดือด 10-15 นาที) ขูดรอบๆที่เป็น ให้ผิวหนังแดงๆก่อนทา เพื่อให้ตัวยาซึมลงไปเจริญขึ้น เมื่อหายแล้วให้ทายาต่ออีก 7-10 วัน
ขนาดแล้วก็การใช้สำหรับแก้ไอ:
                   ตำรายาไทยให้ใช้กระเทียม และขิงสดอย่างละเสมอกันตำละเอียด ละลายน้ำอ้อยสด คั้นเอาน้ำจิบแก้ไอ กัดเสลด ทำให้เสลดแห้ง แบบเรียนยาไทยบางตำรับให้คั้นกระเทียมกับน้ำมะนาวเติมเกลือใช้จิดหรือกวาดคอ
ส่วนประกอบทางเคมี:
           น้ำมันหอมระเหย โดยประมาณ 0.1-0.4% มีองค์ประกอบหลักเป็น allicin  ajoene  alliin  allyldisulfide diallyldisulfide ซึ่งเป็นสารประกอบกลุ่มกรุ๊ป organosulfur  สารในกลุ่มนี้ที่พบในกระเทียมตัวอย่างเช่น  สารกรุ๊ป S-(+)-alkyl-L-cysteine sulfoxides , alliin 1% , methiin 0.2% , isoalliin 0.06% และ cycloalliin 0.1% แล้วก็สารที่ไม่ระเหยเป็น สารกลุ่ม gamma-L-glutamyl-S-alkyl-L-cysteines , gamma-glutamyl-S-trans-1-propenylcysteine 0.6% และก็ gamma-glutamyl-S-allylcysteine รวมราวๆ 82% ของสารกลุ่ม organosulpur ทั้งสิ้น ส่วนสารกรุ๊ป thiosulfinates (allicin) สารกลุ่ม ajoenes (E-ajoene และ Z-ajoene) สารกรุ๊ป vinyldithiins (2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)-1,2-dithiin) และสารกลุ่ม sulfides (diallyl disulfide , diallyl trisulfide) ซึ่งเป็นสารที่มิได้พบในธรรมชาติแต่ว่ามีต้นเหตุที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของสาร allin ซึ่งถูกสลายตัวด้วยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี alliinase ต่อจากนั้นจึงมีการรวมตัวกันใหม่ได้สาร allicin ซึ่งเป็นสารที่ไม่เสถียร สลายตัวได้สารกลุ่ม sulfides อื่นๆด้วยเหตุนี้กระเทียมที่ผ่านกรรมวิธีการสกัด การกลั่นน้ำมัน หรือความร้อน สารประกอบส่วนใหญ่ที่พบเป็นสารกรุ๊ป diallyl sulfide , diallyl disulfide , diallyl trisulfide และก็ diallyl tetrasulfide ส่วนกระเทียมที่ผ่านขั้นตอนการหมักในน้ำมัน สารประกอบที่พบส่วนใหญ่เป็น 2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)1,2-dithiin , E-ajoene รวมทั้ง Z-ajoene ปริมาณของ alliin ที่พบในกระเทียมสด ราวๆ 0.25-1.15% สารกรุ๊ปอื่นๆที่เจอ เช่น สารมูก และ albumin, scordinins, saponins 0.07% , beta-sitosterol 0.0015%, steroids, triterpenoids แล้วก็ flavonoids
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา: 
ฤทธิ์ปกป้องตับจากพิษ
      การทดสอบป้อนสาร diallyl disulfide (DADS) จากกระเทียมให้แก่หนูขาว ขนาดวันละ 50 และ 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ในหนูแต่ละกรุ๊ป นานต่อเนื่องกัน 5 วัน ก่อนรั้งนำให้ตับเกิดการเสียหายด้วยสาร carbon tetrachloride (CCl4) พบว่า DADS ทั้งสองขนาดสามารถป้องกันตับเป็นพิษได้ การตรวจสอบลักษณะทางจุลกายวิภาคศาสตร์พบว่าสามารถยับยั้งความทรุดโทรมของเซลล์ตับ โดยลดลักษณะการทำงานของเอนไซม์ aspartate transaminase (AST) และ alanine transaminase (ALT) ในตับลงได้ ลดการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวข้องในแนวทางการอักเสบ และก็การตายของเซลล์ตับ ดังเช่นว่า Bax, cytochrome C, caspase-3, nuclear factor-kappa B, I kappa B alpha นอกจากนี้ยังมีผลเพิ่มการแสดงออกของโปรตีน และเอนไซม์ที่เกี่ยวพันในขั้นตอนการต้านทานอนุมูลอิสระ ได้แก่ catalase, superoxide dismutase, glutathione peroxidase, glutathione reductase, glutathione S-transferase ผลจากการเรียนรู้ทำให้เห็นว่า สาร DADS จากกระเทียมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและป้องกันตับจากพิษ โดยกลไกกระตุ้นลักษณะการทำงานของ nuclear factor E2-related factor 2 (Nrf2) ซึ่งเป็น transcription factor หรือโปรตีนที่ควบคุมการแสดงออกของยีนที่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องเซลล์ รวมทั้งเยื่อจากอนุมูลออกสิเจนที่ว่องต่อปฏิกิริยา การกระตุ้น Nrf2 ส่งผลรั้งนำการผลิตโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีต้านอนุมูลอิสระ แล้วก็สร้างเอนไซม์ในระบบการกำจัดสารพิษออกมาจากร่างกายในขั้นตอนที่ 2 (detoxifying Phase II  enzyme) และก็ยับยั้ง nuclear factor-kappa B ส่งผลให้ลดการสร้างสารที่เกี่ยวพันกับการอักเสบลง รวมทั้งปกป้องตับจากพิษได้ (Lee, et al, 2014)
ฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ
      เล่าเรียนฤทธิ์ต้านการอักเสบของสารสกัดน้ำโดยไม่ผ่านความร้อน (raw garlic) และสารสกัดกระเทียมที่ผ่านการต้มแล้ว นำมาทดสอบในหลอดทดลอง โดยใช้เนื้อเยื่อของกระต่าย พบว่า raw garlic สามารถยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase (ที่นำไปสู่การสร้างสารอักเสบ) แบบ non-competitive และ irreversible จากการเรียนรู้พบว่า raw garlic สามารถยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase ได้ โดยมีค่า IC50 ต่อเกล็ดเลือด,ปอด และเส้นเลือดแดงในกระต่ายพอๆกับ 0.35, 1.10 แล้วก็ 0.90 mg เวลาที่กระเทียมที่ต้มแล้วมีฤทธิ์ยั้ง cyclooxygenase ได้นิดหน่อยเมื่อเปรียบเทียบกับกระเทียมที่ไม่ผ่านความร้อน เหตุเพราะองค์ประกอบสำคัญในกระเทียมนั้นถูกทำลายเวลาที่ให้ความร้อน จากผลวิจัยแสดงให้เห็นว่ากระเทียมน่าจะมีประโยชน์สำหรับในการปกป้องโรคหลอดเลือดอุดตันได้ (Ali, 1995)
      จากการรวบรวมการค้นคว้า ที่ศึกษาฤทธิ์ต้านทานการอักเสบของกระเทียม โดยสรุปพบว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบผ่านหลายกลไก ดังนี้เป็น ต่อต้านการอักเสบผ่าน T-cell lymphocytes โดยไปยับยั้ง SDF1a-chemokine-induced chemotaxis ส่งผลให้การมารวมกลุ่มกันของสารที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดการอักเสบลดลง, ยั้ง transendothelial migration of neutrophils ส่งผลให้ลดการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวจำพวก neutrophil ในขั้นตอนอักเสบลง, ยับยั้งการหลั่งสาร TNFα ซึ่งเป็นสารเริ่มในขบวนการอักเสบ, กดการสร้างอนุมูลไนโตรเจนที่ว่องต่อการเกิดปฏิกิริยาการอักเสบ และก็การทำงานผ่าน ERK1/2 ทั้งยัง 2 กลไก ดังเช่น การยับยั้ง phosphatase-activity (directly related with ERK1/2 phosphorylation) แล้วก็การเพิ่ม phosphorylation of ERK1/2 kinase (ผ่านทาง p21ras protein thioallylation) ส่งผลทำให้การอักเสบต่ำลง (Martins, et al, 2016)

ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย
      การทดสอบความรู้ความเข้าใจสำหรับในการต้านทานเชื้อ Escherichia coli ซึ่งป็นเชื้อก่อโรคทางเดินอาหาร ของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  แล้วก็การสกัดสดโดยแนวทางบังคับแบบเย็น โดยใช้วิธี microdilution broth susceptibility test พบว่าการสกัดสดมีค่า MIC แล้วก็ค่า MBC ต่ำที่สุด (3.125กรัมต่อลิตร) และรองลงมาเป็น สารสกัดจากตัวทำละลาย เอทานอล เมทานอล และก็อะซิโตน ให้ค่า MIC แล้วก็ MBC เสมอกัน (6.25กรัมต่อลิตร) หมายความว่าสารสกัดสดมีสมบัติสำหรับการยั้ง แล้วก็ทำลายเชื้อแบคทีเรียเหมาะสมที่สุด เพราะในกระเทียมสดมี allin เป็นสารประกอบกำมะถันที่สำคัญ เมื่อกระเทียมสดถูกบด หรือผ่านวิธีการแปรรูป allinase จะถูกปลดปล่อยออกมาจากภายใน vacuole ของเซลล์ และอาศัยน้ำเป็นกลไกสำหรับเพื่อการทำปฏิกิริยาได้เป็น allicin ซึ่งเป็นสารที่มีความเข้าใจในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งกรรมวิธีสกัดสดช่วยทำให้วิธีการทำปฏิกิริยาระหว่างสาร allin และก็ allinase  เหตุเพราะจะต้องใช้เวลาในการบีบคาดคั้นน้ำกระเทียมซึ่งระยะเวลาดังกล่าวช่วยให้แนวทางการทำปฏิกิริยาระหว่างสารมากขึ้น อาจจะทำให้ได้ allicin มากขึ้น (ภรประเสริฐ รวมทั้งรังสินี, 2554)
ฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ
         เมื่อนำสารสกัดกระเทียมที่ได้จากการบ่มสกัด (aged garlic extract (AGE) ด้วย 20 % เอทานอล เป็นเวลา 20 เดือน ที่อุณหภูมิห้อง เอามาทดลองการต้านทานการเกิดปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชันของไลโปโปรตีนประเภทความหนาแน่นต่ำ หรือต้านทานการเกิด oxidized LDL (ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มีการเกิดภาวะเส้นโลหิตแดงแข็งตัว) โดยนำ LDL ที่แยกได้จากคนมาทดสอบในภาวการณ์ที่มีหรือไม่มี AGE โดยใช้ CuSO4 และ 5-lipoxygenase รั้งนำให้กำเนิด oxidized LDL รวมทั้งทดสอบสารสกัดของ AGE ผลการทดสอบพบว่า AGE มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระโดยลดการสร้าง superoxide ion (อนุมูลอิสระของออกสิเจน) และลดการเกิด lipid peroxide (ออกซิเดชันของไขมัน)  โดย AGE 10%v/v เมื่อใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย สามารถยั้งการเกิด superoxide ได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ของ AGE ได้ผล 34%  ฤทธิ์ลดการเกิด lipid peroxidation ของ LDL พบว่าสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ลดการเกิด lipid peroxidation ที่เกิดขึ้นมาจากการเหนี่ยวนำของ Cu2+ รวมทั้ง 5-lipoxygenase ได้ 81% รวมทั้ง 37% เป็นลำดับ สรุปได้ว่า AGE ส่งผลยั้งการเกิด oxidation ของ LDL โดยลดการผลิต superoxide และยับยั้งการเกิด lipid peroxide  ด้วยเหตุผลดังกล่าว AGE จึงอาจมีบทบาทสำหรับการคุ้มครองการเกิดสภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว (atherosclerotic disease) ได้ (Dillon, et al, 2003)
      การเรียนฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  แล้วก็การสกัดสดโดยวิธีบังคับแบบเย็น ทดสอบโดยขั้นตอนการยับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH, การต้านออกซิไดส์จากสาร hydrogen peroxide (hydrogen peroxide (H2O2) scavenging activity ผลการทดลองฤทธิ์ยับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH พบว่าการสกัดกระเทียมด้วยตัวทำละลายอะซิโตน ให้ค่า IC50 ต่ำที่สุด เท่ากับ 3.58±0.02 mg/ml รองลงมา ยกตัวอย่างเช่น สารสกัดเมทานอล เอทานอล และก็การสกัดสด ตามลำดับ โดยมีค่า IC50 พอๆกับ 3.72±0.03, 4.47±0.20 รวมทั้ง 55.36±3.96 mg/ml ตามลำดับ  ผลการต้านทานสารออกซิไดซ์ที่รุนแรง ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) พบว่าสารสกัดด้วยตัวทำละลายเมทานอล มีทรัพย์สมบัติการต้านออกซิไดส์ของสาร H http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า