รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา  (อ่าน 545 ครั้ง)

uudoi015xc54

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 5
    • ดูรายละเอียด


ทับทิม
ทับทิม คือผลไม้ที่นิยมรับประทานอย่างแพร่หลาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่ได้ผลสำเร็จสดสูงที่สุดรวมทั้งยังนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆได้แก่ น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม สินค้าด้านความงดงาม ทั้งยังยังใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุสูดดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและก็สารพฤกษเคมีหลายแบบที่เป็นประโยชน์ต่อสภาพร่างกาย จึงเชื่อว่าบางทีอาจมีคุณประโยชน์ในการคุ้มครองป้องกันโรคหรือทุเลาอาการ ตัวอย่างเช่น โรคปอดอุดกันเรื้อรังหรือทุเลาอาการหายใจลำบากจากโรคนี้ โรคหัวใจรวมทั้งเส้นเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันเลือดสูง โรคในช่องปากรวมทั้งโรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง แล้วก็อื่นๆ
ในตอนนี้ยังมีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยที่เล่าเรียนการใช้ทับทิมในแบบแตกต่างกับการรักษาโรคที่ค่อนข้างจะจำกัด ทำให้ยังไม่สามารถระบุความสามารถของทับทิมต่อการดูแลและรักษาโรคได้แจ่มชัด ซึ่งตัวอย่างการเล่าเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ทับทิมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว เช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่มั่นใจว่าช่วยยับยั้งปฏิกิริยาต่อต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการสร้างโฟมเซลล์ แล้วก็ลดการแข็งตัวของเส้นโลหิต ก็เลยอาจช่วยลดการเสี่ยงในการเกิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง
จากการเรียนฤทธิ์การต่อต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินปริมาณ 22 คน จากการทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มิลลิกรัม (ประกอบด้วยกรดแกลลิค 610 มิลลิกรัม) และประเมินผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการวัดฤทธิ์สำหรับการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนการทดสอบ พบว่าค่าดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วลดลง ก็เลยคาดว่าการกินทับทิมอาจช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจรวมทั้งเส้นเลือด
นอกจากนั้น ยังมีงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยอีกชิ้นให้คนเจ็บโรคเส้นเลือดแดงแข็งปริมาณ 15 คน รับประทานอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากยิ่งกว่า 1 ปีขึ้นไปและ 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกลุ่มที่มิได้รับประทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กลุ่มที่รับประทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป หรูหราไขมันที่น้อยลงประมาณ 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปอื่น จึงแสดงให้เห็นว่าการกินสารสกัดจากทัมทิมมากกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยในการลดการเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ดังนี้ ยังคงควรจะมีการเล่าเรียนเพิ่มเติมอีกในระยะยาวกับกลุ่มการทดสอบขนาดใหญ่มากขึ้น ทำให้ยังไม่อาจจะสรุปผลของทับทิมแล้วก็การดูแลและรักษาโรคเส้นโลหิตแดงแข็งได้อย่างชัดเจน
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกจำพวกที่มีคุณลักษณะช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย จึงถูกประยุกต์ใช้เป็นตัวเลือกสำหรับเพื่อการรักษาโรคเหงือก เพราะการดูแลและรักษาหลักบางแนวทางที่ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอสำหรับเพื่อการบรรเทาอาการจากโรคมากสักเท่าไหร่และลดการเสี่ยงด้านสุขภาพจากการดูแลรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางสถานพยาบาลกับคนไข้โรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อมองความสามารถของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 21 วัน โดยในแต่ละกลุ่มจะใช้วิธีรักษาที่ต่างกัน ผลพบว่า กรุ๊ปที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมควบคู่กับการรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยขั้นตอนการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีอาการดีขึ้นข้างใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่เหลือในการทดสอบ ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมก็เลยอาจนำไปปรับใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลโพรงปากสำหรับคนไข้โรคเหงือกอักเสบควบคู่กับการรักษาด้วยแนวทางรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดลองอีกชิ้นที่ศึกษาสมรรถนะของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอกต้นแบบเจลในการรักษาผู้ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ มีสุขภาพโพรงปากดียิ่งขึ้นรวมทั้งปัญหาโรคเหงือกอักเสบต่ำลงมากยิ่งกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก การศึกษาเรียนรู้ในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมอาจเอาไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก เป็นต้นว่า ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยคุ้มครองรวมทั้งทุเลาอาการของโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองปกป้องการเกิดคราบเปื้อนจุลชีพ สารสกัดจากทับทิมมีประสิทธิภาพในการลดรอยเปื้อนจุลินทรีย์ตามผิวฟัน แล้วก็บางทีอาจทำให้เกิดโรคทางโพรงปากอีกหลายประเภท ซึ่งจากการทดสอบให้อาสาสมัครที่มีสุขลักษณะในช่องปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ธรรมดา แม้กระนั้นสลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน (Chlorhexidine) รวมทั้งยาหลอกในแต่ละกรุ๊ป โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดรอยเปื้อนจุลอินทรีย์ลดลงอย่างเป็นจริงเป็นจังมากกว่ายาหลอก แต่ว่ามีคุณภาพไม่ได้แตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน ก็เลยพอจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจลดโอกาสสำหรับเพื่อการกำเนิดรอยเปื้อนจุลชีวันภายในโพรงปาก
เวลาเดียวกัน การเรียนรู้อีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมคงจะมีส่วนช่วยในการลดการเกิดคราบจุลชีพ ซึ่งสำหรับในการทดลองได้เก็บคราบจุลชีพจากโพรงปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและก็กำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี ปริมาณ 60 คน ข้างหลังงดแปรงฟันเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อเปรียบผลก่อนแล้วก็หลังการใช้น้ำยาบ้วนปากประเภทต่างกันในแต่ละกรุ๊ป ตัวอย่างเช่น น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน รวมทั้งยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการลดคราบเปื้อนจุลอินทรีย์ลงมากที่สุดราวๆ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน 79% และยาหลอกที่ลดลงเพียง 11% ก็เลยอาจกล่าวได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรียและก็เป็นตัวเลือกในการใช้จัดการกับรอยคราบจุลชีวันบนผิวฟัน ทั้งนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงควรจะมีการติดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างต่อเนื่อง เพราะเหตุว่าช่วงเวลาสำหรับในการทดลองค่อนข้างจะสั้น
ภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีคุณประโยชน์ที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี จากการเรียนผลการดื่มน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในคนเจ็บโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 แล้วก็มีภาวการณ์ไขมันในเลือดสูงปริมาณ 22 คน เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์โดยระหว่างการทดสอบจะมีการเก็บข้อมูลอาหารที่กินอาหารด้านใน 24 ชั่วโมง ทุกๆ10 วัน (รวมถึงอาหารที่มีสารฟลาโวนอยด์) ข้างหลังจบอาทิตย์ที่ 8 พบว่าคนป่วยหรูหราไขมันรวม ไขมันประเภทไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี แล้วก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดน้อยลง แม้กระนั้นไม่พบการเปลี่ยนแปลงของระดับไตรกลีเซอไรด์และก็ระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในคนเจ็บเบาหวานลง แต่ยังบอกไม่ได้แจ่มกระจ่าง เนื่องจากของกินจำพวกอื่นที่กินอาจมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดไขมันในเลือดได้เช่นกัน และกรุ๊ปการทดลองมีขนาดเล็ก จำเป็นจะต้องขยายผลการศึกษาเล่าเรียนในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มเติม นอกนั้น การรักษาภาวการณ์คอเลสเตอรอลสูงควรมีการควบคุมของกินและการออกกำลังกายไปพร้อมกัน ซึ่งอาจมีประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดมากขึ้น
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายประเภท โดยเฉพาะสารโพลีฟีนอลที่พบได้ทั่วไปในทับทิม จากรายงานผลที่เจอในห้องทดลองระบุว่าสารเหล่านี้มีส่วนสำคัญสำหรับการทุเลาอาการโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและก็อาจชะลอไม่ให้โรคปรับปรุงอย่างเร็ว จึงมีการเรียนรู้สมรรถนะของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่มอีก โดยให้คนไข้โรคปอดอุดกันเรื้อรัง จำนวน 30 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปที่ดื่มน้ำทับทิม 400 มล. (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกติดต่อกันทุกเมื่อเชื่อวันเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่เจอสารโพลิฟีนอลอีกทั้งในเลือดและก็ฉี่ของผู้เจ็บป่วย ทั้งยังยังไม่พบความไม่เหมือนอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง 2 กลุ่ม จึงคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยในการรักษาหรือบรรเทาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โดยปกติสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมแล้วก็ตรวจพบได้ในเลือดหรือปัสสาวะ แม้กระนั้นผลการศึกษาวิจัยกลับไม่พบสารโพลีฟีนอลจากการกิน ซึ่งบางทีอาจเกิดขึ้นจากการเสื่อมสลายสารกลุ่มนี้โดยจุลชีวันในระบบที่ทำหน้าที่สำหรับการย่อยอาหาร ควรต้องทำความเข้าใจกรรมวิธีซับสารอาหารที่แตกต่างก่อนที่จะกล่าวอ้างถึงผลดีด้านสุขภาพจากการรับประทาน ด้วยเหตุว่าสารอาหารที่เจอในอาหารที่กินบางทีอาจไม่ได้ถูกเอาไปใช้คุณประโยชน์ภายในร่างกายมนุษย์เราทั้งผอง
โรคและก็อาการอื่นๆได้แก่ โรคเส้นโลหิตหัวใจ การหย่อนยานสมรรถนะทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อหลังการบริหารร่างกาย กลุ่มอาการอ้วนลงพุง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงอาทิตย์ การต่อว่าดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องเดิน โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง และก็อื่นๆยังจะต้องทำการศึกษาเรียนรู้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มอีกเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับความสามารถแล้วก็ความปลอดภัยของทับทิมสำหรับการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (โดยประมาณ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.30 มิลลิกรัม
แมงกานีส 12 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มก.
โพแทสเซียม 236 มก.
โซเดียม 3 มก.
สังกะสี 0.35 มก.
วิตามินซี 10.2 มก.
วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.053 มก.
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มก.
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยในการกินทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยธรรมดาการกินน้ำทับทิมค่อนข้างมีความปลอดภัย แต่ว่าในบางรายที่มีอาการแพ้ผลสดของทับทิมอาจเป็นผลใกล้กันจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย การกินรากรวมทั้งลำต้นของทับทิมในปริมาณมากบางทีอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมออกจะไม่เป็นอันตรายสำหรับเพื่อการรับประทานหรือนำมาใช้กับผิวหนัง แต่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้บางส่วนในบางราย ดังเช่นว่า อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจติดขัด
การกินน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งท้องหรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร แต่ยังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยสำหรับการกินหรือใช้ทับทิมในรูปแบบอื่น อาทิเช่น สารสกัดจากทับทิม จึงควรขอคำแนะนำหมอก่อนที่จะมีการรับประทานทุกหน
น้ำทับทิมอาจจะก่อให้ความดันเลือดลดลดน้อยลงบางส่วน ซึ่งอาจจะก่อให้ผู้ป่วยที่มีภาวการณ์ความดันต่ำอาการไม่ดีขึ้น
คนที่มีลักษณะอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้จากการกินทับทิม
คนเจ็บที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดรับประทานทับทิมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เนื่องด้วยทับทิมนำมาซึ่งการทำให้ความดันโลหิตต่ำลง จึงอาจกระทบต่อความดันเลือดในขณะผ่าตัดหรือมีผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมพร้อมกันกับยาบางชนิดอาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ยกตัวอย่างเช่น ยาที่เกี่ยวโยงกับแนวทางการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome จำพวก P450 2D6 หรือประเภท P450 3A4 ยาลดความดันโลหิตหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรสุวาสแตตำหนิน คนที่รับประทานยาบ่อยๆหรือมีโรคประจำตัวควรจะขอความเห็นแพทย์ก่อนการรับประทานเพื่อให้มีความปลอดภัย
บันทึกการเข้า