รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: เห็ดหลินจือ รักษาโรคโรคมะเร็งได้จริงหรือ?..  (อ่าน 397 ครั้ง)

oisd54sad

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 4
    • ดูรายละเอียด


เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือ รักษาโรคมะเร็ง
อีกหนึ่งงานศึกษาวิจัยที่เรียนเกี่ยวกับประสิทธิผลของสารโพลีแซ็คคาไรค์ในเห็ดหลินจือของผู้ในคนป่วยมะเร็งปอด จากการวิเคาะห์พบว่า สารดังที่กล่าวถึงมาแล้วมีส่วนในการยัยยั้งการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว
จากการค้นคว้าวิจัยมากมายก่ายกองถึงประสิทธิผลทางการรักษาโรคมะเร็งของเห็ดหลินจืออาจส่งผลต่อการต้านการอักเสบในผู้ป่วยมะเร็งปอดบางราย แม้กระนั้นยังคงไม่มีหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์หรือการทดลองทางด้านการแพทย์ที่ให้ข้อมูลเพียงพอที่ช่วยเหลือให้ใช้เห็ดหลินจือสำหรับการรักษาโรคมะเร็งอย่างเป็นทางการ
เมื่อพินิจพิจารณาเทียบจากการรวบงานค้นคว้าที่ศึกษาประสิทธิผลของเห็ดหลินจือเพื่อรักษาโรคโรคมะเร็งในมนุษย์ 373 คน แม้ว่าจะพบว่าคนเจ็บสนองตอบต่อการดูแลและรักษาด้วยเคมีบำบัดรักษาหรือรังสีบำบัดรักษาก้าวหน้าขึ้นเมื่อรักษาร่วมกับการใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือ แต่เมื่อทดสอบการใช้เห็ดหลินจือเพียงอย่างเดียวกลับไม่มีประสิทธิผลในสำหรับการทำให้มะเร็งลดขนาดลงประการใด
นอกเหนือจากนี้ จาการทวนการค้นคว้าวิจัยพบว่ามีงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัย 4 ชิ้นที่ส่งผลลัพธ์ส่งเสริมว่าเห็ดหลินจืออาจสัมพันธ์ต่อการปรับปรุงแก้ไขคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้น รวมทั้งในเวลาเดียวกัน ก็ส่งผลลัพธ์จากงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยหนึ่งที่แสดงถึงผลข้างคียงของเห็ดหลินจือ เป็นอาการคลื่นใส้รวมทั้งนอนไม่หลับด้วย
เพราะฉะนั้น จึงอาจพูดได้ว่า สิ่งที่ใช้พิสูจน์ทางคุณสมบัติและก็ประโยช์จากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง งานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยเป็นการทดลองขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีประสิทธิภาพพอเพียง หรือเป็นเพียงการทดลองในผู้ป่วยบางกรุ๊ปเท่านั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง ก็เลยยังคงเป็นประเด็นการค้นคว้าที่ควรดำเนินการทดสอบถัดไปเพื่อได้สำเร็จลัพ์ที่กระจ่างแจ้งรวมทั้งเป็นประโยชน์ในวงกว้างต่อการดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งได้ในอนาคต
ภาวการณ์ต่อมลูกหมากโต รวมทั้งการเจ็บป่วยในระบบทางเดินเยี่ยว
มีแนวทางการทดสอบหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดลองในคนป่วยเพศ 88 รายซึ่งแก่เกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีอาการฉี่ขัดข้อง หลังการทดลองกว่า 12 สัปดาห์ ผลที่ได้คือ ผู้เจ็บป่วยต่างมีระดับคะแนน IPSS ที่ดีขึ้น ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลสำหรับเพื่อการวัดปัญหาในระบบฟุตบาทปัสวะของคนไข้จากการตอบปัญหา แต่กลับไม่ปรากฏผลในเชิงการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากแต่อย่างใด
โดยเหตุนี้ การทดสอบดังที่กล่าวมาข้างต้นจึงยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่กระจ่างเพียงพอ ควรต้องมีการค้นคว้าทดสอบในด้านนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อค้นหาหลังฐานที่แจ้งชัดสำหรับการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการดูแลรักษาภาวการณ์ต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพอะไรก็ตามที่เกี่ยวโยง
ลดปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลของการทดสอบทางด้านการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีคนไข้โรคเบาหวานจำพวก 2 เข้าร่วมทดสอบกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่เป็นผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพเพียงพอจะสนับสนุนผลทางการรักษาพวกนั้น และไม่มีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับเพื่อการยืนยันด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจืออย่างเดียวกัน โดยหนึ่งในงานศึกษาวิจัยพวกนั้น ได้แสดงถึงผลกระทบจากการบริโภคเห็ดหลินจือในผู้เจ็บป่วยบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องเดิน หรือท้องผูก
ด้วยเหตุนี้จำเป็นจะต้องมีการค้นคว้าทดลองถึงคุณภาพของเห็ดหลินจือสำหรับการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆพวกนี้เพื่อคุ้มครองป้องกันและการดูแลรักษาโรคเส้นโลหิตหัวใจต่อไป แล้วก็ให้ได้ความเด่นชัดชัดดเจนในด้านดังที่กล่าวมาแล้วมากเพิ่มขึ้น อันเป็นคุณประโยชน์ต่อวิธีการรักษาคุ้มครองป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจรวมทั้งอาการต่างๆที่เกี่ยวเนื่องถัดไปในอนาคต
จำนวนที่สมควรสำหรับเพื่อการบริโรคเห็ดหลินจืออย่างเด่นชัด เนื่องประสิทธิผลแล้วก็ผลข้างคียงจากการบริโภค ด้วยเหตุนั้น ผู้ซื้อ ควรศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และก็ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนที่จะมีการบริโรค เพราะถึงแม้เห็ดหลินจือในแต่ละต้นแบบจะเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ แต่ว่าสารเคมีแล้วก็ส่วนประต่างบางทีอาจส่งผลข้างๆที่มีอันตรายต่อสภาพร่างกายได้เช่นเดียวกัน

โดยทั่วไป จำนวนการบริโภคเห็ดหลินจือ/วันตัวอย่างเช่น
-เห็ดหลินจืออบแห้ง ไม่ควรบริโภคเกิน 1.5-9 กรัม/วัน
-ผงสารสกัดเห็ดหลินจือ ไม่สมควรบริโภคเกิน 1-1.5 กรัม
-สารละลายเห็ดหลินจือ ไม่ควรบริโภคเกิน 1 มิลลิลิตร/วัน
ความปลอดภัยในการบริโภคเห็ดหลินจือ
แม้จะมีการพิสูจน์ถึงคุณค่าในบางด้านที่อาจเกิดขึ้นได้จากการบริโภคเห็ดหลินจือ แม้กระนั้นผู้บริโภคก็ควรศึกษาเรียนรู้เนื้อหาสาระเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และก็ขอคำแนะนำหมอหรือเภสัชกรก่อนจะมีการบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรระมัดระวังในด้านปริมาณและแบบเห็ดหลินจือที่บริโภค เพราะอาจเกิดผลใกล้กันต่อร่างกายได้ในตอนหลัง
โดยข้อควรคำนึงสำหรับเพื่อการบริโภคเห็ดหลินจืออย่างเช่น
ผู้ซื้อทั่วไป.......
-ควรบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณที่พอดิบพอดี
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันนานเกินกว่า 1 ปี อาจจะเป็นผลให้ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 1 ปี อาจส่งผลให้มีอันตรายต่อสุขภาพได้
-การบริโภคสารสกัดเห็ดหลินจืออาจก่อเกิดผลข้างเคียงได้ ดังเช่น ปากแห้ง คอแห้งผาก คันจมูก เลือดกำเดาไหล ท้องไส้ป่วนปั่น ถ่ายเป็นเลือด
-การดื่มไวน์เห็ดหลินจืออาจก่อเกิดผลกระทบเป็นอาการผื่นคัน
-การสูดหายใจเอาเซลล์แพร่พันธุ์ หรือ สปอร์ (Spores) ของเห็ดหลินจือเข้าไปอาจจะเป็นผลให้กำเนิดอาการแพ้
คนที่ควรระวังในการบริโภคเป็นพิษ
คนที่ครรภ์ หรือกำลังให้นมลูก แม้ยังไม่มีการยืนยันผลกระทบที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้ในกลุ่มลูกค้านี้แต่ผู้ที่ท้องและคนที่กำลังให้นมบุตรควรจะหลบหลีกการบริโภคเห็ดหลินจือ เพื่อให้มีความปลอดภัยต่อร่างกายของตนรวมทั้งลูกน้อย
คนที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัด การบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณมาก อาจเพิ่มความเสี่ยงสำหรับเพื่อการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนป่วยบางรายที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด เพราะฉะนั้น เพื่อลดความเสี่ยง ผู้เจ็บป่วยควรหยุดบริโภคเห็ดหลินจือ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนวันผ่าตัด
คนที่มีปัญหาสุขภาพ
ความดันเลือดต่ำ เห็ดหลินจืออาจทำให้ความดันโลหิตต่ำลง ด้วยเหตุดังกล่าว คนเจ็บสภาวะความดันเลือดต่ำควรต้องหลบหลีกการบริโภคเห็ดหลินจือ
ภาวการณ์เกล็ดเลือดต่ำ การบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนมากอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะมีเลือดออกในผู้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำ ฉะนั้นคนเจ็บภาวการณ์เกล็ดเลือดต่ำจึงไม่ควรบริโภคเห็ดหลินจือ
ภาวะมีเลือดออกเปลี่ยนไปจากปกติ การบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณมาก บางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงสำหรับการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนไข้บางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีภาวการณ์เลือกออกผิดปกติอยู่แล้ว http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า