รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ  (อ่าน 506 ครั้ง)

xdc3oo7s5q

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 5
    • ดูรายละเอียด


บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะอย่างไรนี่ พวกเรากำลังดูหนังสงครามอยู่เหรอ เปล่าครับ บุกในที่นี้ไม่ได้ถึงศัตรูบุก แต่ว่าซึ่งก็คือหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านเรา ต่างหาก รวมทั้งที่ต้องหนี ไม่ใช่ใครตรงไหน แม้กระนั้นเป็นโรคฮอตฮิตในขณะนี้อย่างโรคอ้วน โรคเบาหวาน ต่างหากที่จำต้องหนีไป
บุก ส่วนที่เห็นคือ หัวบุก ทีแรกเรื่องของบุกในประเทศไทย มันก็ไม่ได้แพร่หลายหรือเป็นที่ได้รับความนิยมเสมือนทุกวันนี้เนื่องจากจริงๆตอนแรกมันก็เป็นพืชพื้นบ้านอยู่ดี  คนภายในท้องถิ่นก็นำบุกมาเข้าครัว เหมือนเผือก เสมือนมันทั่วๆไปพอเพียงเริ่มมีคนมาวิจัย   สรรพคุณต่างๆของมัน เลยแปลงเป็นพืชสมุนไพรไทยยอดนิยม มีการดัดแปลงเป็นแบบต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก แล้วก็อื่นๆอีกมากมาย วันนี้เองก็คงจะไม่ช้าเกินไปที่จะนำทุกคนมารู้จัก พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบถึงกึ๋นมารู้จักบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นซาตาน  น่าสยดสยองครับชื่อนี้ คาดว่ามาจากรูปแบบของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อสกุล    ARACEAE
ชื่อตามเขตแดน  :  บุกระอุงคก (ชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (ปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกึ่งกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
พวกเราเจอบุกได้ที่ไหน
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่เจอทั่วๆไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นกับตาม ชายเขา และบางคราวก็พบตามพื้นที่ ทำนา ดังเช่นว่าที่จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดนนทบุรี ฯลฯ บุกขึ้นได้ในสภาพดินทุกประเภท แต่ว่าจะเจริญเติบโตได้ดิบได้ดีให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินซึ่งร่วนซุย น้ำไม่ขังและดินที่มีฮิวมัส หรืออินทรียวัตถุสูง
รูปแบบของต้นบุก
ลักษณะของต้น บุก แสดงให้เห็นองค์ประกอบคือใบบุก และหัวบุกลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่พวกเราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  แบบเดียวกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่ราวๆ 25 ซม. (บางพันธ์อาจเล็กกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แต่ว่าบางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษไม่เหมือนกันออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมของกินของบุก
 ใบบุก  ลักษณะเหมือนใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางประเภทมีก้านใย เป็นลวดลายบางจำพวกมีหนามอ่อนๆ หรือบางทีบุกบางจำพวกก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวข้างบน  จะเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่หลากหลายมากมาย  แต่ที่เด่นๆดูง่ายว่าเป็บุกเป็น จะมีก้านตรงจากกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีรูปทรงแผ่กว้างแบบร่ม แต่บาง ประเภทจะแปลกตรงที่กลับขึ้นด้านบนราวกับหงายร่ม โดยเหตุนั้นรูปแบบของใบบุก มีหลายแบบอย่างขึ้นอยู่กับจำพวกของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกเหมือนต้นหน้าวัว แต่ละจำพวกมีขนาด สี แล้วก็รูป ทรงแตกต่างกัน บางประเภทมีดอกใหญ่มาก โดยยิ่งไปกว่านั้นบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นเหมือนเนื้อสัตว์เน่า บุกชนิดอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกลางหัวบุก เหมือนกันกับก้านใบ บุกมักจะมีดอกในช่วงปลายหน้าแล้ง แม้กระนั้นบุกสามารถมีดอกได้ในตอน เวลาต่างๆกัน ระยะเวลาสำหรับการแก่สุดกำลัง ของดอกที่จะติดผลก็แตกต่างกัน
 ผลบุก (อย่างงงวยกับหัวบุกนะ ) ภายหลังดอก สืบพันธุ์ก็จะเป็นผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง พอเพียงอายุ ได้ 1-2 เดือน จะส่งผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายคล้ายผลกล้วย ผล ของบุกจำนวนมากจะมีลักษณะคล้ายๆกัน แม้กระนั้นเมล็ดข้างในต่างกัน พบว่าส่วนมากมีเมล็ดเป็นรูปทรงอูมยาว  บุกบางจำพวกก็มีเม็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม

บุกกับการนำมาเข้าครัว
เป็นพืชอาหารประจำถิ่นซึ่งคนไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ท่อนหัวบุกมีการนำไปดัดแปลงแก้ไขตามแต่ละภูมิภาค เป็นต้นว่าทางภาคอีสาน มีการทำขนมที่เรียกว่าของหวานบุก แกงบรรพชามันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วเอามานึ่งกินอาหาร ทางภาคเหนือโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวดอย มักเอามา ปิ้งรับประทาน ภาคกึ่งกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งและหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปทำเป็นของว่าง
*บุกมีหลายอย่างหลายพันธุ์ บางทีอาจขมแล้วก็เป็นพิษ ทุกประเภทมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ทั้งๆที่ก้านใบและก็หัว ซึ่งอาจก่อให้คัน ก่อนนำมาประกอบอาหารต้องต้มซะก่อน ไม่อย่างนั้นรับประทานเข้าไปทำให้คันปากรวมทั้งลิ้นพอง
ของกินที่ดัดแปลงมาจากบุก
เดี๋ยวนี้มีการนำบุกมาดัดแปลง ทั้งในรูปแบบของเส้นบุก ซึ่งคือสินค้าแปรรูปจากส่วนหัวบุก มีแบบเส้นใส สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารจานอร่อยได้ ผมว่าผู้ใดกันแน่เคยไปรับประทานเนื้อย่างอาจเคยเจอบ้าง เว้นเสียแต่เส้นบุกแล้วมีการเอามาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบได้รับความนิยมๆสมัยก่อนเป็นเจเล่ ผสมผงบุก ถ้าจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (เจ้าของบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าโฆษณาด้วยครับผม)
คุณประโยชน์ของบุก
จากการเล่าเรียนพบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูวัวแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่ประกอบด้วยน้ำตาล 2 จำพวกหมายถึงดี-เดกซ์โทรส (D-glucose) แล้วก็ (D-mannose) เป็นสารที่มีสาระต่อสุขภาพในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แต่ร่างกายสลายตัวได้ยาก ซึมซับได้ช้า ก็เลยให้พลังงานและสารอาหารน้อย เหลือกากมากมาย ทำให้ระบบขับถ่ายปฏิบัติงานดี ผู้ที่อยากลดความอ้วนนิยมรับประทานอาหารจากแป้งบุก ตัวอย่างเช่น วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก เนื่องจากรับประทานอิ่มได้ ระบายท้อง แต่ว่าไม่ทำให้อ้วน
นอกนั้นเองเจ้า สารกลูโคแมนแนนนี้ สามารถลดจำนวนน้ำตาลในเลือดได้ ก็เพราะเหตุว่าความเหนี่ยว ซึ่งยับยั้งการดูดซึมของกลูวัวลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งเหนียวหนืดมาก็ยิ่งส่งผลลดการดูดซึมกลูวัวลส ด้วยเหตุนี้ กลูโคแมนแนนช่วยลดน้ำตาลได้ดิบได้ดีมากมาย เดี๋ยวนี้จึงใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นของกินสำหรับผู้เจ็บป่วยเป็นโรคโรคเบาหวาน แล้วก็สำหรับผู้ป่วยเป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละครับคือคุณประโยชน์จากบุก ทดลองหามาทานกันครับผม เป็นประโยชน์ขนาดนี้ ยุคนี้ไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว เสนอแนะมามายำแบบยำวุ้นเส้นครับ ยืนยันอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า