รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: งาขาวที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี สามารถมีสรรพคุณเเละประโยชน์ที่สามารถรักษาโรคได้ด  (อ่าน 559 ครั้ง)

ณเดช2499

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 82
    • ดูรายละเอียด


งาขาว
ชื่อสมุนไพร งาขาว
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น นีโซไอยู่มั้ว (จีน) ซะแปะ ซะเจี่ย (เมื่อน)
ชื่อสามัญ Sesame seeds (white)
ชื่อวิทยาศาสตร์   Sesamum  orientale Linn.
ตระกูล PEDALIACEAE
บ้านเกิด
งาขาวมีถิ่นเกิดเช่นเดียวกันกับ งาดำเป็นงาขาวเป็นไม้ล้มลุกที่มีมาแต่ว่าโบราณ มีแหล่งเกิดในแถบประเทศเอธิโอเปีย ถัดมาก็ถูกนำเข้าไปยังอินเดีย จีน รวมทั้งแถบแอฟริกาเหนือแล้วก็เอเชียใต้ ในราวโดยประมาณ 2000 ปี ก่อนคริศตกาลรวมทั้งในศตวรรษที่ 17 ได้ถูกนำเข้าไปในทวีปอเมริกาส่วนในประเทศไทย งา ก็มีชื่อเสียงกันมาเป็นเวลายาวนาน ซึ่งนำมาใช้ผลดีได้อีกทั้งทางยา ของกิน แล้วก็เครื่องแต่งตัว
ลักษณะทั่วไป
งาขาว เป็นไม้ล้มลุกที่แก่ฤดูเดียว มีลำต้นตั้งตรงถึงยอด สูงโดยประมาณ 50-150 เซนติเมตร ลำต้นไม่แตกกิ่งกิ้งก้าน แต่ว่าบางประเภทอาจมีการแตกกิ่งกิ้งก้าน ลำต้นมีลักษณะอวบน้ำ เป็นสี่เหลี่ยม มีขนสั้นๆปกคลุมหนา ลำต้นมีร่องยาวตามความสูงของลำต้น เปลือกลำต้นบาง สีเขียวเข้มหรือมีสีอมม่วง สามารถดึงลอกเป็นเส้นได้
ใบงาขาว ออกเป็นใบเดี่ยว เรียงตรงกันข้ามกันตามความสูงของลำต้น มีก้านใบทรงกลมสีเขียวหรือสีม่วงแดง ยาวโดยประมาณ 5 เซนติเมตร ส่วนแผ่นใบมีลักษณะเป็นรูปหอกยาว กว้างราวๆ 3-5 เซนติเมตร ยาวราว 8-15 ซม. โคนใบมน เป็นฐานกว้าง และก็ค่อยเรียวลงจนกระทั่งปลายใบแหลม แผ่นใบมีสีเขียวสด มีร่องตามเส้นกิ่งก้านสาขาใบ ขอบของใบเรียบหรือเป็นหยัก
ดอกงาขาวเป็นดอกผู้เดียวหรือเป็นกลุ่มรอบๆซอกใบ 1-3 ดอก มีก้านดอกสั้น ราวๆ 3-5 มม. ถัดมาเป็นกลีบรองดอกสีเขียว จำนวน 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกันหุ้มฐานดอก ถัดมาเป็นกลีบดอกที่มีลักษณะเป็นกรวยยาว กลีบดอกไม้อ่อนมีสีเขียวอมเหลือง เมื่อแก่หรือบานจะมีสีขาว ยาวเป็นทรงกรวย ประมาณ 4-5 ซม. ปลายกลีบแขวนลงดิน แล้วก็แยกออกเป็น 2 กลีบ คือ กลีบข้างล่างที่ยาวกว่า แล้วก็กลีบบนที่มีปลายหยักเป็น 3 แฉก ถัดมาด้านในดอกจะมีสีกลีบดอกข้างในเป็นสีเหลือง มีเกสรตัวผู้ 4 อัน แบ่งเป็น 2 คู่ แต่งละคู่ยาวไม่เท่ากันส่วนเกสรตัวเมียมี 1 อัน ยาว 1.5-2 ซม. ปลายก้านเกสรแยกออกเป็น 2-4 แฉก ทั้งนี้ ดอกงาขาวจะเริ่มบานในตอนเวลาเช้า และกลีบดอกจะหล่นลงดินในช่วงเวลาเย็น
ผลของงาขาวเรียกว่า ฝัก ฝักอ่อนมีลักษณะทรงกระบอกค่อนข้างกลม ปลายฝักเป็นจะงอยแหลม เมื่อฝักใหญ่จะแบ่งเป็นร่องๆตามความยาวของฝัก ยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร เปลือกฝักหนา มีสีเขียว และมีขนปกคลุม เมื่อฝักแก่เปลี่ยนเป็นสีดำอมเทา รวมทั้งปริแตก ทำให้เม็ดหล่นลงดิน  ข้างในฝักมีเม็ดขนาดเล็กสีขาวเป็นจำนวนมาก เรียงซ้อนแยกกันในแต่ละร่องพู เมล็ดมีรูปไข่ เปลือกเม็ดบางมีสีขาว มีกลิ่นหอมยวนใจ ใน 1 ฝัก จะมีเม็ดราวๆ 70-100 เม็ด
การขยายพันธุ์
                งาขาว ที่ปลูกกันทั่วๆไปมี 6 ประเภท เป็นต้นว่า

  • ชนิดเมืองเลย ปลูกมากที่จังหวัดเลยรวมทั้งรอบๆชายแดนไทย-ลาว และก็ช่วงจังหวัดเลยถึงอุตรดิตถ์
  • ประเภทจังหวัดเชียงใหม่ ปลูกมากมายที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนรวมทั้งเชียงใหม่
  • ชนิดชัยบาดาลหรือสมอทอด ปลูกมากมายที่จังหวัดเพชรบูรณ์แล้วก็จังหวัดลพบุรี แต่เดี๋ยวนี้มีปริมาณน้อยมาก
  • ชนิดร้อยเอ็ด.1
  • จำพวกมข.1
  • ประเภทมหาสารคาม 60 มีเขตเกื้อหนุนการปลูก อย่างเช่น จังหวัดสระบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ พิษณุโลก รวมทั้งกาญจนบุรี


งาเป็นพืชเขตร้อนถูกใจอาการร้อนรวมทั้งแดดจ้า อุณหภูมิที่สมควรต่อการเจริญเติบโต ประมาณ 27-30 องศาเซลเซียส เกลียดอากาศหนาวเย็น ถ้าเกิดอุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส การงอกจะช้าลง หรือ บางทีก็อาจจะหยุดชะงักการเติบโต แต่ถ้าหากอุณหภูมิสูงยิ่งกว่า 40 องศาเซลเซียสจะทำให้การผสมเกสรติดยากการสร้างฝักเป็นได้ช้า
   ฤดูปลูก

  • ต้นหน้าฝน เริ่มปลูกตั้งแต่ก.พ.-ม.ย. และก็เก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่ปลายเดือน เดือนเมษายน-มิถุนายน ส่วนใหญ่จะปลูกภายในพื้นที่นาก่อนการปลูกข้าว มีพื้นที่ปลูกราวร้อยละ 70 ของพื้นที่ปลูกงาทั่วประเทศ แหล่งปลูกงาต้นหน้าฝนเป็นต้นว่า จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ บุรีรัมย์ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดโคราช จังหวัดสระบุรี ลพบุรี จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดเพชรบูรณ์ สุโขทัย ลำพูน น่าน และสุราษฏร์ธานี
  • ปลายฤดูฝน เริ่มปลูกตั้งแต่ก.ค.-สิงหาคม และก็เก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่สิ้นเดือน พ.ย.-ธ.ค. โดยมากจะปลูกไว้ในภาวะพื้นที่ไร่หรือที่ดอน ปลูกข้างหลังการเก็บเกี่ยวพืชไร่ มีพื้นที่ปลูกโดยประมาณจำนวนร้อยละ 30 ของพื้นที่ปลูกงาทั้งประเทศ แหล่งปลูกงาปลายฤดูฝนที่สำคัญ อย่างเช่น จังหวัด กาญจนบุรี พิษณุโลก สุพรรณ จังหวัดเพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ รวมทั้งเลย
ส่วนการปลูกงาขาวนั้นสามารถทำเป็นดังนี้

  • การเตรียมดิน การเตรียมดินเป็นต้นเหตุที่สำคัญสำหรับในการปลูกงาเนื่องมาจากเมล็ดงามีขนาดเล็ก จะต้องมีการเตรียมดินให้ร่วนซุย จะช่วยให้งาผลิออกได้ดิบได้ดีรวมทั้งมีความสม่ำเสมอ การไถกระพรวนจะมากมายหรือน้อยครั้งขึ้นอยู่กับองค์ประกอบและก็ชนิดของเนื้อดิน หากเป็นดินร่วนทรายจะไถ 1-2 ครั้ง ส่วนดินเหนียวต้องไถมากครั้งกว่าดินร่วนซุยโดยไถ 2-3 ครั้ง เพื่อย่อยดินอย่างรอบคอบจะให้ผลผลิตสูงขึ้นมากยิ่งกว่าไถเพียงแค่ครั้งเดียว
  • แนวทางปลูก การปลูกงาขาวมีอยู่ 2 แนวทางคือ
  • การปลูกแบบหว่าน เกษตรกรโดยมากนิยมนำมาปลูกงาด้วยแนวทางลักษณะนี้ โดยภายหลังจากตระเตรียมดินก็ดีแล้ว จะใช้เมล็ดงาหว่านให้กระจายสม่ำเสมอ อัตราเมล็ดพันธุ์ 1-2 โล/ไร่
  • การปลูกแบบโรยเป็นแถว สำหรับการทำร่องสำหรับโรยเมล็ด โดยมากใช้คราดกาแถว ระยะระหว่างแถว 50 ซม. อัตราเมล็ดพันธุ์ 2-3 กก./ไร่ การปลูกเป็นแนวจะได้ผลผลิตสูงยิ่งกว่าการปลูกแบบหว่าน
  • การใส่ปุ๋ย ดินปนทรายหรือดินร่วนทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในอัตรา 20-30 โล/ไร่ ดินร่วมปนดินเหนียว ใช้ปุ๋ยสูตร 20-20-0 ในอัตรา 20-25 กิโลกรัม/ไร่
  • การดูแลและรักษา การปลูกงาขาวไม่ได้อยากต้องการดูแลเท่าไรนัก หลังการโปรยเม็ดแล้วเกษตรกรจะปล่อยให้งาเติบโตตามธรรมชาติ แต่มั่นตรวจสอบแปลงเป็นระยะ หากพบโรคหรือแมลงระบาดให้ฉีดพ่นด้วยสารกำจัดศัตรูพืช ส่วนการปลูกไว้ในฤดูแล้งหรือพื้นที่ค่อนข้างจะแห้งอาจมีการให้น้ำเป็นระยะ
  • การเก็บเกี่ยวผลผลิต งาขาวแก่เก็บเกี่ยวประมาณ 70-120 วัน ข้างหลังปลูก ขึ้นกับสายพันธุ์ และก็เริ่มเก็บฝักได้ในระยะฝักแก่สีเหลืองหรือน้ำตาลอมดำ ใบมีสีเหลือง รวมทั้งหลุดล่วงใกล้หมด และก็เก็บในระยะที่เปลือกฝักยังไม่ปริแตก การเก็บเกี่ยวงาขาวจะใช้แนวทางถอนต้น ก่อนเด็ดฝักแยกออกจากลำต้น แล้วตีให้ฝักแตกกันเม็ดงาออก ซึ่งอาจใช้ไม้ตีหรือใช้เครื่องตีแยกฝัก


องค์ประกอบทางเคมี เม็ดงาขาวประกอบด้วยน้ำมัน 44-58% โปรตีน 18-25% ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนกันกับถั่วเหลืองคาร์โบไฮเดรตราว 13.5% และเถ้า 5% (Borchani et al.,2010) น้ำมันงาโดยประมาณ 50% เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงลำพัง 35% และก็อีก 44% เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ระหว่างที่ 45% ของกากงาประกอบด้วยโปรตีน 20% (Ghandi, 2009) ส่วนส่วนประกอบทางเคมีที่มีในเม็ดงาขาวนั้นก็มีเหมือนกันกับงาดำ อย่างเช่น กรดไขมันตัวอย่างเช่น oleic acid, linoleic acid, palmitic acid, stearic acid, สารกลุ่ม lignan, ชื่อ sesamol, d-sesamin, sesamolin, สารอื่นๆดังเช่นว่า sitosterol  ส่วนค่าทางโภชนาการของงาขาวมีดังนี้

คุณค่าทางโภชนาการงาขาว (งาขาวดิบ 100 กรัม)
                งาขาวดิบ             
น้ำ                           3.9          กรัม
พลังงาน                 658         กิโลแคลอรี่
โปรตีน                    20.9        กรัม
ไขมัน                       57.1        กรัม
คาร์โบไฮเดรต                        15.0        กรัม
ใยอาหาร                                4.6          กรัม
ขี้เถ้า                           3.1          กรัม
แคลเซียม                               86           มิลลิกรัม
เหล็ก                       7.4          มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส                              650         มก.
เบต้า แคโรทีน                        0              มิลลิกรัม
ไทอะมีน                 1.08        มก.
ไรโบฟลาวิน                           0.11        มก.
ไนอะซีน                  3.3          มก.
 
ประโยชน์/สรรพคุณ
งาขาวใช้เป็นส่วนผสมของอาหารหวาน เช่น กระยาสาดข้าวเหนียวแดง หรือใช้ตกแต่งขนมปังหรือของหวานต่างๆรวมไปถึงใช้สกัดน้ำมันงาสำหรับใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆตัวอย่างเช่น ใช้สำหรับทำกับข้าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งของกินชนิดทอดต่างๆ ใช้เป็นองค์ประกอบของอาหารเสริม  ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง ดังเช่น โลชั่นดูแลผิว น้ำหอม สบู่ ฯลฯ ใช้ในอุตสาหกรรมยา และก็ของกิน อย่างเช่น ใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับในการผลิตช็อกโกแลต การผลิตเนยเทียม ฯลฯ  ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารสัตว์  ใช้ทารักษาแผล  ใช้ชโลมผม ช่วยให้ผมมันวาววับ ใช้ทารักษาโรผิวหนัง ผื่นผื่นคัน มีการทำการวิจัยในงาขาวพบว่า เมื่อเปรียบเทียบกับถั่วเหลืองและก็ใช่แล้วพบว่า มีไขมันสูงยิ่งกว่าถั่วเหลืองราว 3 เท่า และก็สูงขึ้นยิ่งกว่าไข่ ประมาณ 4-6 เท่า มีโปรตีนสูงขึ้นยิ่งกว่าไข่ราว 5% แต่ต่ำยิ่งกว่าถั่วเหลืองราว 2 เท่า นอกจากนี้โปรตีนในงาขาวยังต่างจากพืชตระกูลถั่วและพืชให้น้ำมันอื่นๆเนื่องจากมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต้องซึ่งพืชดังที่กล่าวมาแล้วขาดแคลน เช่น การบูชายัญไธโอนินรวมทั้งซีสตำหนิน แต่งาขาวมีไลซีนต่ำ ด้วยเหตุผลดังกล่าวบางทีอาจใช้งาเป็นอาหารเสริมพวกอาหารถั่วต่างๆเมื่อใช้เป็นของกิน หรือใช้เสริมโปรตีนที่มาจากสัตว์ซึ่งราคาแพงแพง นอกเหนือจากนั้นยังคงใช้เสริมอาหารพวกเมล็ดพืช กล้วย และอาหารแป้งอื่นๆได้อย่างดีเยี่ยม
นอกจากนั้นเมล็ดงาขาวยังประกอบไปด้วย เกลือแร่ 4.1 – 6.5 % ที่สำคัญคือ เหล็ก ไอโอดีน สังกะสี เซเลเนียม แคลเซียม รวมทั้งธาตุฟอสฟอรัส โดยจะมีแคลเซียมมากกว่าพืชทั่วไปประมาณ 20 เท่า ส่วนสรรพคุณทางยาของงาขาวนั้น ตำราเรียนยาไทยบอกว่า งาขาวมีรสฝาด หวาน ขม ทำให้น้ำดี กำเริบ น้ำมันใช้หุงเป็นน้ำมันใส่บาดแผลเจริญ การหุงน้ำมันจำต้องใช้งาสดตำคั้นเอาน้ำ โดยใช้น้ำคั้นใบและเถาตำลึง บอระเพ็ด ขมิ้นอ้อย  ไพล เอาน้ำมาอย่างละ 1 ถ้วย แล้วใส่น้ำมันงาลงไป 1 ถ้วย ตั้งไฟเคี่ยวไปกระทั่งเหลือ 1 ถ้วย เอาน้ำมันที่ได้ปรุงด้วยสีเสียดเทศและไทยสิ่งละนิดหน่อย หลอมตะกั่วนมให้ละลายเทลงในน้ำมัน แล้วเอาขึ้นหลอมอีกจนได้ 3 ครั้ง ทิ้งตะกั่วเอาไว้ในนั้น ใช้น้ำมันใส่แผลจะช่วยสมานแผลเจริญมากมาย
 ส่วนคุณประโยชน์ทางยาของงาขาวนั้น ตำราเรียนยาไทยระบุว่า สารเซซามินในเม็ดงาขาวสามารถลดระดับ LDL-cholesterol ในกระแสโลหิตของคน (ซึ่ง LDL-cholesterol เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรค Athersclerosis (ไขมันตันในเส้นโลหิต)  ทุเลาอาการโรคคิดสีดวงทวาร (Hemmorhoids) ได้ โดยกรดไขมันในน้ำมันงา ตัวอย่างเช่น Linoleic acid , oleic acid , palmatic acid , stearic acid , สามารถทุเลาลักษณะของโรคริดสีดวงทวารได้
ดังนี้มีการทำการศึกษาน้ำมันงาพบว่าน้ำมันงาเป็นแหล่งของสารอาหาร ดังเช่นว่า กรดไขมันโอเมก้า 6 ฟลาโวนอยด์ ฟลีนอลิค สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินและก็เส้นใย ซึ่งมีความหมายสำหรับในการต้านมะเร็ง และก็เกื้อหนุนสุขภาพ
รูปแบบ/ขนาดการใช้ เหมือนกันกับงาดำ เป็นสำหรับในการนำงาขาวมาใช้ประโยชน์โดยมากจะใช้ประโยชน์ผลดีด้านของกินรวมทั้งสินค้าเสริมความสวยสดงดงามมากกว่าด้านการดูแลรักษาโรคแต่ก็มีการเอาไปใช้ตามตำรายาไทยอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่น

  • แก้ฉี่หรืออุจจาระขัด นำเม็ดงา 20 – 30 กรัม หรือ 1 – 2 ช้อน ต้มแล้วนำน้ำมาดื่มในขณะท้องว่าง
  • ความดันเลือดสูง เม็ดงาขาว น้ำส้ม  ซีอิ้ว แล้วก็น้ำผึ้งอย่างละ 30 กรัม ผสมกับไข่ขาว 1 ฟอง คนจะกว่าจะเข้ากันดี ต้มด้วยไฟอ่อนๆจนสุก รับประทานวันละ 3 ครั้งเสมอๆ
  • ทุเลาอาการไอแห้ง ไม่มีเสลด ให้นำเมล็ดงา 3 – 5 ช้อน ตำบดให้ถี่ถ้วน ก่อนผสมกับน้ำตาล 2 ช้อน กิน หรือ นำผงเม็ดงาชงน้ำร้อน และก็เดิมน้ำตาลดื่ม
  • บำรุงสมอง ตำราเรียนอายุรเวทให้ใช้งาผง 1 ส่วน ผงมะขามป้อม 1 ส่วน และก็น้ำผึ้ง 1 – 2 ช้อนชา เคล้าให้เหมาะ ปั้นเป็นลูกกลอนกิน
  • ยาอายุวัฒนะ (ประเทศญี่ปุ่น) ใช้ไข่ไก่ 1 ฟอง ชงด้วยน้ำร้อน เพิ่มเติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
  • ขับพยาธิเข็มหมุด เมล็ดงาขาว 50 กรัม เพิ่มน้ำต้นจนได้น้ำข้นๆกรองเอาส่วนน้ำมาปรุงด้วยน้ำตาล ดื่มขณะท้องว่างครั้งเดียวให้หมด
  • เจ็บคอ คัดจมูก แพ้อากาศ ปวดระดู นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ รับประทานงับด 1 ข้อนชาก่อนนอน
การเรียนทางเภสัชวิทยา การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาของงาขาวนั้นโดยมากเป็นการศึกษาเล่าเรียนควบรวมไปกับงาดำ (ซึ่งเป็นการเรียนรวมกันงาขาว งาดำ) ด้วยเหตุนั้นผลการศึกษาทางเภสัชวิทยาของงาขาวจึงราวกับงาดำ (ดูการศึกษาทางเภสัชของงาดำ) แม้กระนั้นนักเขียนสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลการศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาของงามาเพิ่มได้อีก 2 ฉบับ คือ
                การศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ลดความเป็นพิษจากนิโคตินของสารลิกแนนจากงาในหนูแรทผิวเผือกเพศผู้ที่ได้รับพิษจากนิโคติน โดยการฉีดนิโคตินทีละ 3.5 มก./กก.น้ำหนักตัว เข้าใต้ผิวหนัง ติดต่อกัน 15 วัน ร่วมกับการป้อนของกินที่มีส่วนผสมของสารลิกแนนจากงา ขนาด 0.1 หรือ 0.2 ก.ต่ออาหาร 100 กรัม ผลการศึกษาวิจัยพบว่าสารลิกแนนจากงาช่วยลดจำนวนคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ Low Density Lipoprotein cholesterol แล้วก็ Very Low Density Lipoprotein cholesterol ช่วยเพิ่มปริมาณ High Density Lipoprotein cholesterol และเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งลดความเข้มข้นของผลผลิตจากการเกิดการเพอรอคอยกซิเดชั่นของไขมันที่เพิ่มขึ้นเพราะพิษของนิโคติน นอกนั้นยังพบว่าสารลิกแนนจากงาช่วยเพิ่มปริมาณ DNA แล้วก็คุ้มครองปกป้องไม่ให้ DNA ในเยื่อตับถูกทำลายด้วยนิโคตินได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง แสดงให้เห็นว่าสารลิกแนนจากงาสามารถทุเลาความเป็นพิษของนิโคตินต่อการเกิดออกซิเดชั่นและก็ความเป็นพิษต่อสารพัดธุกรรมในร่างกายได้ แล้วก็การศึกษาทางคลินิกเรื่องฤทธิ์ของน้ำมันงาร่วมกับยาลดระดับความดันโลหิตสูง ผู้เจ็บป่วยชายรวมทั้งหญิงที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงระดับน้อยถึงปานกลาง คือมีค่าความดันโลหิตตัวบน ≥ 140 มม.ปรอท แล้วก็ค่าความดันโลหิตตัวล่าง ≥ 90 มม.ปรอท อายุ 35 – 60 ปี จำนวน 50 คน ได้รับยาเพื่อการดูแลและรักษาเป็นยาขับฉี่ hydrochlorothiazide หรือ β-blocker atenolol มานาน 1 ปีกลายเข้าร่วมการเรียนรู้ แล้วก็ยังคงได้รับยานี้ตามธรรมดาตลอดการเรียนนี้ ผู้ป่วยจะได้รับน้ำมันงาเพื่อใช้สำหรับการประกอบอาหารในครอบครัว 4 – 5 กก. ต่อสมาชิกในครอบครัว 4 คน ต่อเดือน (โดยประมาณ 35 ก./วัน/คน) รวมทั้งต้องใช้เฉพาะน้ำมันงาเพียงแค่ประเภทเดียวตลอด 45 วัน แล้วต่อจากนั้นหยุดเปลืองน้ำมันงา ให้แปลงมาใช้น้ำมันที่เคยใช้อยู่เดิมอีก 45 วัน ทำตรวจร่างกาย ความดันโลหิต น้ำหนักตัว, Body mass index (BMI), ระดับไขมัน อิเลคโตรไลท์ และก็โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในเลือด ก่อนการศึกษาเล่าเรียน ภายหลังกินน้ำมันงา 45 วัน แล้วก็ภายหลังหยุดเปลืองน้ำมันงา 45 วัน พบว่า การใช้น้ำมันงาแทนที่น้ำมันประเภทอื่นสำหรับเพื่อการทำครัวในผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ทำให้ค่าความดันโลหิตตัวบนและตัวข้างล่างกลับลงสู่ระดับปกติ น้ำหนักร่างกาย แล้วก็ BMI น้อยลง แต่ภายหลังหยุดใช้น้ำมันงานค่าดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วกลับสูงมากขึ้น ระดับคอเลสเตอรอล, high density lipoprotein cholesterol รวมทั้ง low density lipoprotein cholesterol ในเลือดไม่ได้แตกต่างกันเมื่อประเมินผลทั้ง 3 ขณะที่ศึกษาเล่าเรียน นอกจากระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดต่ำลงเมื่อใช้น้ำมันงา รวมทั้งกลับสูงขึ้นเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา ระดับโซเดียมในเลือดลดลงเมื่อใช้น้ำมันงารวมทั้งกลับสูงขึ้นเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา   ระดับโปแตสเซียมในเลือดสูงขึ้นเมื่อใช้น้ำมันงารวมทั้งต่ำลงสู่ค่าธรรมดาเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา การเกิด lipid peroxidation ลดลงเมื่อใช้น้ำมันงาและก็ค่ายังคงที่ภายหลังที่หยุดใช้น้ำมันงาแล้ว ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี catalase และก็ superoxide dismutase ในเลือดสูงมากขึ้น และก็ glutathione peroxidase ในเลือดน้อยลง เมื่อใช้น้ำมันงาและค่ายังคงที่ภายหลังจากหยุดใช้น้ำมันงาแล้ว ระดับวิตามินซี วิตามินอี เบต้า-ค้างโรทีน แล้วก็ reduced glutathione สูงมากขึ้นเมื่อใช้น้ำมันงาและน้อยลงภายหลังจากหยุดใช้น้ำมันงา จากการศึกษาเล่าเรียนแปลว่าน้ำมันงาสามารถช่วยลดระดับความดันเลือด ลดการเกิด lipid peroxidation และก็เพิ่มฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ในคนป่วยความดันโลหิตสูงร่วมกับยาขับปัสสาวะได้
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา การเรียนทางพิษวิทยาของงาขาวเป็นการเล่าเรียนควบรวมไปกับงาดำ (ซึ่งเป็นการเล่าเรียนรวมกันทั้งยังงาขาว งาดำ) โดยเหตุนี้ผลการศึกษาเรียนรู้ทางพิษวิทยาของงาขาวจึงเหมือนกับงาดำ (ดูการเรียนทางพิษวิทยาของ งาดำ)
 
อแนะนำ/ข้อควรตรึกตรอง

  • สำหรับในการรับประทานงาขาวในบางรายอาจมีอาการแพ้ได้ เนื่องด้วยมีสาร Sesamol ซึ่งจะก่อให้กำเนิดอาการต่างๆดังเช่นว่า ลมพิษ คันจมูก หายใจติดขัด กลีบตาและก็ริมฝีปากบวมแดง
  • การรับประทานงาขาวอาจจะส่งผลให้ระดับความดันโลหิตลดต่ำเกินความจำเป็นได้ในผุ้ทีมีความดันเลือดต่ำ
  • ถ้าเกิดรับประทานงาขาวมากจนถึงเหลือเกินอาจทำให้เกิดการระบายท้องมากเกินความจำเป็นจนถึงนำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการท้องเดินได้
  • แบบเรียนจีน ห้ามใช้งานในผู้ที่ท้องเดินเรื้อรัง เสื่อมความสามารถทางเพศ มีตกขาว หรือ หากจะใช้ควรใช้ในขนาดน้อย การใช้เกิน 4 ช้อนโต๊ะต่อวัน อาจจะก่อให้ท้องเสียได้
  • แบบเรียนอายุรเวท กล่าวว่า งา เป็นยาขับระดู การใช้ในสตรีตั้งครรภ์ระยะต้น (1-3 เดือน) ในขนาดที่มากจนเกินไป อาจจะทำให้แท้งได้
เอกสารอ้างอิง

  • ชยันต์  พิเชียรสุนทร , แม้นมาส  ชวลิต และ วิเชียร จีรวงส์ 2542. คำอธิบาย ตำราพระโอสถ พรนารายณ์ สำนักพิมพ์ อมรินทร์ กุมภาพันธ์ 2548
  • มนตรา ศรีษะแย้ม , นาถธิดา วีระปรียากูร , พนมพร ศรีบัวรินทร์.ฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นในหลอดทดลองของเมล็ด งา ขาว ดำ และ แดง .วารสารสารเภสัชศาสตร์อีสาน.ปีที่ 10 .ฉบับที่ 2.พฤษภาคม – สิงหาคม 2557.หน้า 136-146
  • ปราณี รัตนสุวรรณ . งา ...ธัญพืชเมล็ดจิ๋วดินทรงคุณค่า.ภาควิชาเภสัชงาขาวและเภสัชพฤกษศาสตร์.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • กรมวิชาการเกษตร.2549.รายงานความก้าวหน้าโครงการวิจัยและพัฒนาด้านพืชและเทคโนโลยีการเกษตร รอบ 12 เดือน.วันที่ 20 – 24 พฤศจิกายน 2549.
  • งาขาว สรรพคุณ และการปลูกงาขาว.พืชเกษตรดอทคอม.เว็บเพื่อเกษตรกรไทยนันทวัน บุณยะประภัศร (บรรณาธิการ) 2539.สมุนไพรพื้นบ้าน(1) คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.disthai.com/
  • ตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย.กองโภชนาการ กรมอนามัย.2544
  • Bowden, Jonny. The 150 Healthiest foods on earth: The surprising, unbiased truth about what you should eat and why (PAP/COM). Fair Winds Pr,2007:309-310
  • สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ปีที่ 2 ฉบับที่ 23 ประจำเดือน กันยายน 2545 บริษัท สำนักพิมพ์ยูทิไลซ์ จำกัด
  • สารลิกแนน จากงาช่วยลดพิษของนิโคติน.ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
  • งา,ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
  • ฤทธิ์ของน้ำมันงาร่วมกับยาลดความดันโลหิตสูง.ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.



Tags : งาขาว
บันทึกการเข้า