รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: บัวบกเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์สามารถรักษาโรคได้เป็นอย่างยอดเยี่ยมา  (อ่าน 511 ครั้ง)

tawattt005

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 27
    • ดูรายละเอียด

บัวบก
ชื่อสมุนไพร บัวบก
ชื่ออื่นๆ/ชื่อแคว้น ใบบัวบก (ภาคกึ่งกลาง) ผักหนอก จำปาเครือ (ภาคเหนือ) ปะหะ เอขาเด๊าะ (กะเหรี่ยง) แว่นโคก (อีสาน) ผักแว่น (ภาคใต้) เดียกำเช่า ฮมคัก (จีน)
ชื่อสามัญ Asiatic pennywort , Gotu kola , Indian pennywort , Woter pennywort
ชื่อวิทยาศาสตร์  Centella asiatica (Linn.) Urban.
ตระกูล  UMBELLIFERAE (APIACEAE)
ถิ่นกำเนิด  บัวบกหรือใบบัวบก มีถิ่นเกิดเดิมในทวีปแอฟริกา ถัดมาก็เลยถูกนำเข้ามาปลูกไว้ในทวีปเอเชียที่อินเดียและก็ประเทศในแถบอเมริกาใต้ อเมริกากึ่งกลาง รวมทั้งประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และทวีปเอเชียเหนือ เดี๋ยวนี้ บัวบกได้แพร่ไปทั่วโลก ในประเทศเขตร้อน และก็เขตอบอุ่น ซึ่งพบว่ามีการแพร่ขยายในประเทศแถบอเมริกา ยุโรป แอฟริกา และก็เรื่อยมาจนกระทั่งทุกประเทศในเอเชีย ส่วนประเทศไทยพบบัวบกขึ้นในทุกภาคของประเทศ  ทั้งนี้บัวบกได้ถูกนำมาใช้เป็นสมุนไพรในวิถีชีวิตของคนประเทศไทยมาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว ซึ่งมีการเล่าขานรวมทั้งบันทึกในตำราเรียนยาของไทยไว้หลายฉบับร่วมกัน ยิ่งกว่านั้นคนประเทศไทยยังมีการนำบัวบกมาใช้สำหรับในการเตรียมอาหารทั้งยังคาวและก็หวานอีกด้วย ที่สามารถสะท้องถึงความสนิทสนมของบัวบกกับวิธีชีวิตของคนประเทศไทยตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงเดี๋ยวนี้ได้อย่างดีเยี่ยม
ลักษณะทั่วไป บัวบก เป็นไม้ล้มลุกอายุนับเป็นเวลาหลายปี มีลำต้นเป็นไหล(stolen) เลื้อยไปตามพื้นดินหรืออยู่ข้างล่างหน้าผิวดิน ไหลมีลักษณะทรงกลม ไหลอ่อนมีสีขาว ไหลแก่มีสีน้ำตาล ขนาดราว 0.2-0.4 มิลลิเมตร ยาวได้มากกว่า 1 เมตร ไหลมีลักษณะเป็นข้อบ้อง บริเวณข้อเป็นจุดแทงออกของก้านใบ ส่วนข้างล่างของข้อมีรากแขนงแทงลึกลงดิน และก็แต่ละข้อแตกกิ่งแยกไหลไปเรื่อยทำให้ต้นบัวบกขึ้นปกคลุมพื้นที่รอบๆได้อย่างดกทึบ ใบบัวบกออกเป็นใบลำพัง และก็ออกเป็นกระจุกปริมาณหลายใบบริเวณข้อ แต่ละข้อมีใบ 2-10 ใบ ใบประกอบด้วยก้านใบที่แทงตั้งตรงจากข้อ ก้านใบสูงโดยประมาณ 10-15 เซนติเมตร มีลักษณะทรงกลม สีเขียวอ่อน ต่อมาเป็นแผ่นใบที่เชื่อมใกล้กับก้านใบบริเวณกึ่งกลางของใบ ฐานใบโค้งเว้าเข้าหากัน แผ่นใบมีทรงกลมหรือมีรูปร่างเหมือนไต ขอบใบหยัก เส้นผ่าศูนย์กลางราว 2-4 เซนติเมตร แผ่นใบด้านใบเรียบ สีเขียวสด แผ่นใบข้างล่างมีขนสั้นๆปกคลุม รวมทั้งมีสีเขียวจางกว่าข้างบน ขอบของใบหยักเป็นคลื่น  ดอกบัวบกออกเป็นช่อที่ซอกใบของข้อ ช่อดอกมีทรงช่อเหมือนร่ม อาจมีช่อผู้เดียวหรือมีราว 2-5 ช่อ แต่ละช่อมีโดยประมาณ 3-4 ดอก มีก้านช่อดอกยาวทรงกลม ขนาดเล็ก ประมาณ 0.5-5 เซนติเมตร ส่วนกลีบดอกมีสีขาว กึ่งกลางมีเกสรตัวผู้ขนาดสั้น  ผลมีขนาดเล็ก มีลักษณะกลมแบน ยาวโดยประมาณ 3 มม. เปลือกเม็ดแข็ง มีสีเขียวหรือม่วงน้ำตาล
การขยายพันธุ์ การปลูกบัวบกตอนแรกใช้วิธีปลูกด้วยเมล็ด โดยเอามาเพาะในกระบะ เมื่อต้นกล้าแข็งแรงก็ดี หรือมีอายุ 15-25 วัน จึงย้ายกล้าลงปลูกลงในแปลงแล้ว กระทำการรักษา ใส่ปุ๋ย ให้น้ำ ต่อมาได้พัฒนาเป็นการปลูกให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น ลำต้นของบัวบกที่แตกจากต้นแม่ ซึ่งจะกระทำการขุดไหลหรือลำต้นนั้นให้ติดดิน จากนั้นนำดินมาพอกที่รากให้เป็นก้อนแล้วเก็บพักไว้ภายในที่ร่ม แล้วพรมน้ำเล็กน้อย ก็เลยเก็บไว้อย่างน้อย 1 วัน พอวันที่ 2 สามารถจะนำแขนงนั้นไปปลูกได้เลย หรือถ้าหากไม่สะดวกที่จะเก็บพักไว้ก็สามารถจะขุดกิ่งก้านสาขามาแล้วปลูกโดยทันทีเลยก็ได้ สำหรับวิธีการปลูกนั้นมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
การเตรียมดิน ควรไถยกร่องเพื่อตากดินแล้วทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 15 วัน โดยไถกระพรวนดินให้ร่วนซุยแล้วหลังจากนั้นจึงขุดแต่งให้เป็นรูปแปลง ยกร่องเป็นแปลงปลูกกว้าง 3 เมตร ระหว่างแปลงปลูกจัดเป็นร่องน้ำหรือทางเดินกว้าง 50 เซนติเมตร ลึก 15 เซนติเมตร เพื่อมีการระบายน้ำทิ้งก้าวหน้า เมื่อทำแปลงเสร็จให้ใส่สารอินทรีย์หว่านลงบนแปลงให้ทั่ว แล้วรดน้ำให้เปียกแฉะ
                การปลูก ขุดหลุมลึก 3-4 ซม. แล้วนำต้นกล้าบัวบก ปลูกหลุมละ 1 ต้น โดยให้ระยะห่างระหว่างต้นและระยะระหว่างแถว 15 x 15 เซนติเมตร ซึ่งก็จะได้บัวบกปริมาณต้นต่อไร่โดยประมาณ 70000-72000 ต้น เมื่อปลูกเสร็จแล้วให้กระทำรดน้ำให้ชุ่ม
                การใส่ปุ๋ย ควรจะใส่ปุ๋ยหนแรกภายหลังจากปลูก 15 – 20 วัน โดยให้ปุ๋ยสูตร 16-20-0 อัตรา 5 กิโลกรัมต่อไร่ การใส่ปุ๋ยครั้งลำดับที่สองจะห่างจากการใส่คราวแรก 15 – 20 วันโดยกลายเป็นให้ปุ๋ยสูตร 46-0-0 อัตรา 3 โลต่อไร่ การใส่ปุ๋ยครั้งที่สามจะห่างจาการใส่ครั้งสอง 15 – 20 วัน โดยกลายเป็นให้ปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 ในอัตรา 50  กก./ไร่ ทุกครั้งที่มีการใส่ปุ๋ยเสร็จแล้วจะต้องรดน้ำให้ชุ่ม
                การให้น้ำ สามารถให้น้ำได้ 2 แนวทางคือ ระบบไม่นิสปริงเกอร์ ซึ่งเปิดให้น้ำยามเช้าและก็เย็น ช่วงละ 10-15 นาที หากคือการใช้สายยางเดินฉีดน้ำให้รดตราบจนกระทั่งจะชุ่มเพราะว่าใบบัวบกจะเจริญเติบโตได้ดิบได้ดีเมื่อได้รับความชุ่มชื้นที่เหมาะสม
คุณค่าทางโภชนาการใบบัวบก (ใบสด 100 กรัม)
น้ำ                                                           86                                           กรัม
พลังงาน                                 54                                           กิโลแคลอรี่
โปรตีน                                                    1.8                                          กรัม
ไขมัน                                                       0.9                                          กรัม
คาร์โบไฮเดรต                                        9.6                                          กรัม
ใยอาหาร                                                2.6                                          กรัม
ขี้เถ้า                                                           1.7                                          กรัม
แคลเซียม                                               146                                         มก.
ธาตุฟอสฟอรัส                                              30                                           มิลลิกรัม
เหล็ก                                                       3.9                                          มิลลิกรัม
แอสคอบิด (วิตามิน C)                         15                                           มิลลิกรัม
ไทอะมีน (วิตามิน B1)                           0.24                                        มิลลิกรัม
ไรโบฟลาวิน (วิตามิน B2)    0.09                                        มก.
ไนอะซีน (วืตามิน B3)                           0.8                                          มิลลิกรัม
เบต้า แคโรทีน                                        2,428                                      ไมโครกรัม
วิตามิน A                                               405                                         ไมโครกรัม
ผลดี / สรรพคุณ ประโยช์จากบัวบกที่เราประสบพบเห็นจนกระทั่งคุ้นตาก็คือ การนำใบของบัวบกมาทำเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรหรือเอามาทำเป็นชาชงรวมไปถึง การนำใบแล้วก็เถาบัวบกมารับประทานเป็นผักสดกับน้ำพริกกะปิคั่ว หมี่กรอบ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ลาบ ก้อย แกงเผ็ด ยำใบบัวบก ซุปหน่อไม้ ฯลฯ
แต่ว่าในขณะนี้มีการนำสิ่งใหม่ใหม่ๆมาดัดแปลงให้บัวบก เป็นผลิตภัณฑ์ในแบบต่างๆอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น มีการทำสารสกัดจากใบบัวบกเพื่อนำมาใช้เป็นส่วนผสมสำหรับในการผลิตเครื่องสำอาง ใช้ทำเป็นสิ่งของปิดแผล รวมถึงเอามาผลิตเป็นสบู่ใบบัวบก ซึ่งผู้ผลิตบอกว่าช่วยรักษาสิว ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส ผิวหน้าเต่งตึงได้ อีกทั้งยังมีการนำมาผลิตเป็นแคปซูลวางจำหน่าย ซึ่งระบุถึงสรรพคุณว่าสำหรับการช่วยทำนุบำรุงสมองเป็นหลัก (Brain tonic) ส่วนสรรพคุณทางยาของบัวบกนั้นมีดังนี้ สรรพคุณตามตำรายาไทยใช้บัวบกแก้ไข้ แก้ร้อนใน แก้ช้ำใน ใช้เป็นยาด้านนอกรักษาแผล ทำให้แผลหายเร็ว เป็นยาบำรุงแล้วก็ยาอายุวัฒนะ ช่วยเสริมสร้างความจำ บรรเทาอาการปวดหัว แก้อาการมึนหัว ช่วยทำนุบำรุงหัวใจ บำรุงกำลัง ทุเลาอาการปวดตามข้อ ตามกล้าม แก้อาการท้องผูก กระตุ้นระบบขับถ่าย แก้อาการท้องอืด ของกินไม่ย่อย แก้โรคซาง แก้โรคดีซ่านในเด็ก ช่วยบำรุงตับ และไต แก้โรคตับอักเสบ ช่วยทำนุบำรุงสายตา แก้ตาพร่ามัว  เป็นยาขับเลือดเสีย แก้กระหายน้ำ ทุเลาอาการไอ อาการเจ็บคอ แก้อาการเจ็บคอ รักษาโรคหลอดลมอักเสบ รักษาอาการหืดหอบ แก้โรคลมชัก ช่วยบรรเทาอาการปวดฟัน  รักษาโรคปากเปื่อยยุ่ย ช่วยขับปัสสาวะ แก้โรคนิ่วในระบบทางเท้าเยี่ยว ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยขับประจำเดือน กระตุ้นประจำเดือนให้มาธรรมดา และแก้ลักษณะของการปวดระดู รักษาฝี ช่วยให้ฝียุบ  ส่วนทางด้านการแพทย์แผนปัจจุบันกล่าวว่า ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยในคนพบว่าบัวบกมีฤทธิ์รักษาความไม่ดีเหมือนปกติของเส้นเลือดดำ ช่วยทำให้คลายความกลุ้มใจ รักษาแผลที่ผิวหนัง และรักษาแผลในทางเดินของกิน ช่วยสร้างเสริมและก็กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนรวมทั้งอีลาสติน มีสารต้านทานอนุมูลอิสระ ช่วยต้านทานการเสื่อมของเซลล์ต่างๆภายในร่างกาย ช่วยบำรุงประสาทรวมทั้งสมองราวกับใบแปะก๊วย ช่วยเสริมลักษณะการทำงานของกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ ก็เลยช่วยบรรเทาและก็ทำให้หลับง่ายดายมากยิ่งขึ้น  ช่วยกระตุ้นการผลิตเนื้อเยื่อใหม่ ใบบัวบกมีสารยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์ของโรคมะเร็ง
ต้นแบบ/ขนาดวิธีใช้
แก้ไข้ แก้ร้อนใน บอบช้ำใน  จำพวกแคปซูล (โรงพยาบาล), ชนิดชง(โรงพยาบาล) จำพวกชง รับประทานทีละ 2 – 4 กรัม ชงน้ำร้อนประมาณ 120 – 200 มล. วันละ 3 ครั้ง หลังรับประทานอาหาร ประเภทแคปซูล  รับประทานครั้งละ 400 มก. วันละ 3 ครั้ง หลังรับประทานอาหาร ใช้บัวบกรักษาแมลงกัดต่อย และรักษาแผล ตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข                  ให้ใช้ใบขยี้ทาแก้แมลงกัดต่อย หรือใช้ส่วนใบสด พอกที่แผลสด วันละ 2 ครั้ง   ยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ ครีมใบบัวบก  ชำระล้างแผลด้วยยาฆ่าเชื้อก่อนทาครีมที่มีสารสกัดจากบัวบกสดปริมาณร้อยละ 7 โดยน้ำหนัก  ทาบริเวณที่เป็นแผลวันละ 1 – 3 ครั้ง หรือตามหมอสั่ง ถ้าเกิดใช้แล้วไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ ให้หยุดใช้   ควรที่จะเก็บครีมใบบัวบกในที่เย็น อุณหภูมิไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส แก้อาการเยี่ยวขัดข้อง ด้วยการใช้ใบบัวบกประมาณ 50 กรัม เอามาตำแล้วพอกบริเวณสะดือ เมื่อฉี่คล่องแคล่วก็ดีค่อยคัดออก  ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ด้วยการกางใบสดประมาณ 20 ใบเอามาล้างให้สะอาด ตำพอกแผลสด  แก้อาการฟกช้ำดำเขียว ด้วยการใช้ใบบัวบกมาตีให้แหลกแล้วนำมาโปะบริเวณที่บวมช้ำ หรือจะใช้ใบบัวบกประมาณ 40 กรัม ต้มกับเหล้าแดงโดยประมาณ 250 cc. โดยประมาณ 1 ชั่วโมงแล้วนำมาดื่ม
การเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย  สารสกัดเอทานอล (2-4) แล้วก็สารสกัดด้วยน้ำร้อน จากส่วนเหนือดิน มีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus (2-5), b-Streptococcus group A รวมทั้ง Pseudomonas aeruginosa สารสกัดเฮกเซน สารสกัดไดคลอโรมีเทน สารสกัดเอทิลอะซีเตท สารสกัดอีเทอร์ และสารสกัดเมทานอลจากใบ มีฤทธิ์ยั้งเชื้อ S. aureus แม้กระนั้นไม่เป็นผลต่อเชื้อ P. aeruginosa        สารสกัดจากส่วนราก ใบรวมทั้งส่วนเหนือดิน แล้วก็น้ำมันหอมระเหยจากบัวบก มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียหลายอย่าง อาทิเช่น Bacillus subtilis, Escherichia coli, Proteus vulgaris รวมทั้ง Pseudomonas cichorii  มีรายงานว่าอนุพันธ์บางจำพวกของ asiaticoside สามารถยับยั้งการเติบโตของเชื้อวัณโรคในหลอดทดลอง แล้วก็ลดร่องรอยโรคที่มีต้นเหตุมากจากเชื้อวัณโรคในตับ ปอด ปมประสาทของหนูตะเภาที่ทำให้เป็นวัณโรคได้           
ฤทธิ์ลดการอักเสบ สารสกัดเอทานอลจากใบมีฤทธิ์ลดการอักเสบอย่างอ่อนในหนูขาว โดยไปยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase-1 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ prostraglandin สาร saponin ขนาด 1 ไมโครโมล จะลดการอักเสบแล้วก็อาการบวมในหนูถีบจักรที่ถูกเหนี่ยวนำให้กำเนิดอาการบวมที่หูด้วย croton oil ขี้ผึ้ง Madecassol ซึ่งมีสาร asiatic acid, madecassic acid แล้วก็ asiaticoside สามารถลดการอักเสบ เมื่อใช้ทาที่ผิวหนังหนูซึ่งเกิดการอักเสบจากการฉายรังสี ผงแห้งจากส่วนเหนือดินของบัวบก ให้คนรับประทาน สามารถลดอาการอักเสบได้
ฤทธิ์สมานแผลสารสกัด 95% เอทานอลจากใบ ขนาด 1 มล./กิโลกรัม พบว่าส่งผลเพิ่มการเติบโตของเซลล์เยื่อบุผิว เพิ่มการสร้างคอลลาเจน เมื่อให้ทางปากรวมทั้งทาที่แผลของหนูขาว สารสกัดจากบัวบก (titrated extract) ซึ่งมีสาร asiatic acid, made cassic acid รวมทั้ง asiaticoside มีฤทธิ์รักษาแผลในหนูขาว โดยจะรีบการผลิต connective tissue เพิ่มปริมาณคอลลาเจน แล้วก็กรด uronic เมื่อนำสารสกัดมาใช้ทาด้านนอกเพื่อรักษาแผลในหนูขาว พบว่าทำให้แผลหายเร็วขึ้น โดยการทำให้มีการกระจายตัวของโรคหนองในบาดแผล และแผลมีขนาดเล็กลง แต่ว่าหากใช้รับประทานจะไม่เป็นผล  ในเวลาที่รายงานบางฉบับพบว่า เมื่อให้หนูขาวรับประทานสารสกัดในขนาดวันละ 100 มก./กิโลกรัม มีผลสำหรับการรักษาแผลโดยทำให้การสร้างหนังกำพร้าเร็วขึ้น และก็บาดแผลมีขนาดเล็กลง ครีม ขี้ผึ้งและก็เจลที่มีสารสกัดน้ำจากบัวบก 5% เมื่อใช้ทาที่แผลของหนูขาว 3 ครั้ง/วัน นาน 24 วัน พบว่าส่งผลเพิ่มการเติบโตของเยื่อบุผิว เพิ่มการสร้างคอลลาเจนและเพิ่ม tensile strength ซึ่งสูตรที่อยู่ในรูปเจลจะสำเร็จดียิ่งกว่าขี้ผึ้งแล้วก็ครีม
          สาร asiaticoside มีฤทธิ์รักษาแผล เร่งการหายของแผลเมื่อทดลองในหนูขาว หนูถีบจักร และในคน เมื่อให้สาร asiaticoside ขนาด 1 มิลลิกรัม/โล ทางปากแก่หนูตะเภารวมทั้งใช้ทาที่ผิวหนังในหนูตะเภาปกติและก็หนูขาวที่เป็นโรคเบาหวานซึ่งแผลหายช้า ที่ความเข้มข้น 0.2% และก็ 0.4% เป็นลำดับ พบว่ามีผลเพิ่ม tensile strength เพิ่มปริมาณของคอลลาเจน รวมทั้งลดขนาดของแผล tincture ที่มี asiaticoside เป็นองค์ประกอบ 89.5% จะรีบการหายของแผล เมื่อใช้ทาที่แผลของหนูตะเภา
          ในการทดสอบในคน มีกล่าววว่าครีมที่มีสารสกัดอัลกอฮอล์จากบัวบกเป็นองค์ประกอบ 0.25-1% สามารถช่วยรักษาและก็สร้างผิวหนังในคนสูงอายุ ครีมที่มีสารสกัดจากบัวบก 1% สามารถรักษาแผลอักเสบแล้วก็แผลแยกหลังผ่าตัดในผู้บาดเจ็บปริมาณ 14 ราย ด้านใน 2-8 อาทิตย์ โดยพบว่าได้ผลลัพธ์ที่ดี 28.6% ผลปานกลาง 28.6% และก็ผลพอได้ 35.7% ไม่เป็นผล 1 ราย  แล้วก็รักษาแผลเรื้อรังที่เกิดขึ้นมาจากอุบัติเหตุ ในคนไข้จำนวน 22 ราย ภายใน 21 วัน พบว่าขนาดของแผลจะต่ำลง มีแผลหายสนิท 17 ราย ยังไม่หายสนิท 5 ราย  tincture ที่อยู่ในรูป aerosol ซึ่งมี asiaticoside 89.5% เมื่อใช้ฉีดที่แผลของคนเจ็บซึ่งเป็นแผลประเภทต่างๆจำนวน 20 ราย พบว่าสามารถรักษาแผลหายได้ 16 ราย (64%) แล้วก็ทำให้อาการดีขึ้น 4 ราย (16%) โดยมีลักษณะใกล้กันเป็น การไหม้ของผิวหนัง (burning sensation)  เมื่อให้ผู้ป่วยที่เป็น post-phlebitic syndrome รับประทานสารสกัด triterpenoid ในขนาด 90 มก./วัน นาน 3 อาทิตย์ พบว่าจะลดการเพิ่มปริมาณของ circulating endothelial cell
ฤทธิ์แก้ปวดสารสกัด 60% เอทานอลจากใบ ขนาด 20 มิลลิกรัม/โล  รวมถึงสารสกัด 95% เอทานอลจากทั้งต้น ขนาด 100 มิลลิกรัม/กก.  มีฤทธิ์แก้ปวดในหนูขาวและก็หนูถีบจักร แต่สารสกัด 50% เอทานอลจากอีกทั้งต้นในขนาด 125 มิลลิกรัม/กก. ไม่มีฤทธิ์แก้ปวด เมื่อฉีดเข้าท้องหนูถีบจักร
ฤทธิ์ลดไข้  สารสกัด 95% เอทานอลสามารถลดไข้ได้ 1.20F เมื่อฉีดเข้าทางท้องของหนูขาว แต่ว่าถ้าเกิดฉีดสารสกัด 50% เอทานอล ขนาด 125 มิลลิกรัม/โล เข้าท้องหนูถีบจักรจะไม่ได้เรื่อง  สารสกัดเมทานอลจากส่วนเหนือดินรวมถึงใบ ขนาด 2 กรัม/กก. ไม่มีฤทธิ์ลดอุณหภูมิของร่างกาย เมื่อทดสอบในหนูถีบจักร
ฤทธิ์ยับยั้งฮีสตามีนสารสกัดใบบัวบกด้วยแอลกอฮอล์ผสมน้ำในอัตราส่วน 1:1 ใช้ทาข้างนอกจะสามารถลดการแพ้ได้ แล้วก็ช่วยทุเลาลักษณะของการเจ็บปวด หรืออักเสบเหตุเพราะแมลงกัดต่อย
ฤทธิ์ต้านทานเชื้อราสารสกัดเอทานอลจากต้น มีผลต้านเชื้อราที่ทำให้มีการเกิดโรคกลาก ตัวอย่างเช่น Trichophyton mentagrophytes  แล้วก็ T. rubrum ในตอนที่สารสกัดด้วยน้ำร้อน ไม่พบว่ามีผลต้านทานเชื้อราอีกทั้ง 2 จำพวกนี้    ส่วนน้ำมันหอมระเหยจะมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อรา Aspergillus niger, Rhizopus oryzae, Fusarium solani, Candida albicans รวมทั้ง Colletotrichum musae
รักษาแผลในกระเพาะจากการทดลองในหนูแรทพบว่า สารสกัดด้วยเอทานอล และก็สารสกัดด้วยน้ำจากทั้งยังต้นและจากนั้นก็จากใบ มีฤทธิ์รักษาแผลในกระเพาะในหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้กำเนิดแผลในกระเพาะด้วยความเครียดและก็กรดเกลือในเอทานอล  โดยจะลดขนาดของแผล เพิ่มของเส้นโลหิตขนาดเล็กในเยื่อ เพิ่มรวมทั้งผู้กระทำระจายของเซลล์ที่บริเวณแผล  ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองในคนที่รับประทานสารสกัดจากบัวบก (Madecassol) พบว่าช่วยรักษาแผลในกระเพาะแล้วก็ไส้ได้
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา
การทดสอบความเป็นพิษ     ไม่เจอความเป็นพิษของสารสกัดด้วย 50% เอทานอล เมื่อฉีดเข้าทางท้องของหนูถีบจักร ขนาด 250 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และก็ฉีดเข้าใต้ผิวหนังหรือให้ทางปากของหนูขาว ขนาด 10 กรัม/กิโลกรัม  สารสกัด 70% เอทานอลมีค่า LD50 พอๆกับ 675 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ในหนูขาวเพศผู้ (ไม่กำหนดขั้นตอนการให้) แม้กระนั้นมีรายงานการแพ้แล้วก็อักเสบต่อผิวหนังในคน เมื่อใช้ผงแห้ง  สารสกัดที่มีกลัยโคไซด์จากบัวบกจำนวนร้อยละ 2   สารสกัดด้วยน้ำ สารสกัดจากอีกทั้งต้นในความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 2 แล้วก็สารสกัด Madecassol ที่ประกอบด้วย asiatic acid, madecassic acid และ asiaticoside ทาด้านนอก 
พิษต่อเซลล์ น้ำคั้นจากบัวบกเป็นพิษต่อเซลล์ สารสกัด 50% เอทานอลเป็นพิษต่อเซลล์ 9KB  สารสกัดเมทานอลแล้วก็สารสกัดอะซีโตน มีความเป็นพิษต่อเซลล์ CA-Ehrich, Dalton’s lymphoma และ L929 แต่ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ human lymphocyte สารไทรเทอร์ตะกายส์จากต้น มีความเป็นพิษต่อเซลล์ fibroblast ของคน
 ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์สารสกัดอัลกอฮอล์มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ในแบบที่ต้องการเอนไซม์จากตับกระตุ้นการออกฤทธิ์ต่อเชื้อ Salmonella typhimurium TA98, TA100  โดยมีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์แบบ frameshift เพียงแค่นั้น ไม่พบแบบ base-pair substitution สารสกัดน้ำจากส่วนเหนือดิน ไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ต่อเชื้อ S. typhimurium TA98, TA100
พิษต่อระบบสืบพันธุ์ น้ำคั้นจากทั้งยังต้น ขนาด 0.5 มิลลิลิตร มีผลคุมกำเนิดในหนูถีบจักร 55.60% สารสกัดจากบัวบกขนาด 0.2 มิลลิลิตร ฉีดเข้าใต้ผิวหนังของหนูถีบจักร พบว่าไม่มีผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อน  สาร saponin จากทั้งยังต้น ขนาด 2% ไม่เป็นผลทำลายเชื้อสเปิร์มของคน
ส่งผลให้เกิดอาการแพ้        สารสกัด 30% อีเทอร์ กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการระคายเคืองอย่างอ่อนต่อผิวหนังหนูตะเภา  ในคนมีรายงานการแพ้และอักเสบต่อผิวหนัง เมื่อใช้ผงแห้ง  สารสกัดกลัยวัวไซด์ 2% สารสกัดน้ำ สารสกัดจากทั้งยังต้น 2% (ไม่ระบุจำพวกสารสกัด) รวมทั้งสารสกัด Madecassol ที่มี asiatic acid, madecassic acid รวมทั้ง asiaticoside  oinment ที่มีบัวบกเป็นองค์ประกอบ 1% นำมาซึ่งการก่อให้เกิด acute erythemato-bullous การระคายเคืองต่อผิวหนังกำเนิดได้อีกทั้งการใช้พืชสดหรือแห้ง  อาการเคืองต่อผิวหนังของบัวบกส่งผลค่อนข้างต่ำ
ข้อเสนอ / สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวัง

  • บัวบกไม่เหมาะกับคนที่มีภาวการณ์เย็นพร่อง หรือขี้หนาว ท้องขึ้นบ่อยๆ
  • ไม่แนะนำให้ใช้ยาที่มีส่วนประกอบของบัวบกในคนที่สงสัยว่าจับไข้เลือดออกเหตุเพราะอาจบังอาการของไข้เลือดออกได้
  • พึงระวังการกางใบบัวบกร่วมกับยาที่มีผลต่อตับ ยาขับเยี่ยว และก็ยาที่ส่งผลใกล้กันทำให้ ง่วงหงาวหาวนอน เพราะอาจเสริมฤทธิ์กันได้
  • ควรระวังการใช้ร่วมกับยาที่มีแนวทางการเมแทบอลิซึมผ่าน Cytochrome P450 (CYP 450) เพราะว่าบัวบกมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ CYP 2C9 และ CYP 2C19
  • สำหรับในการทำเป็นสมุนไพรไม่ควรนำใบบักบกไปตากแดดเพื่อทำให้แห้ง เพราะจะมีผลให้สูญเสียตัวยาสมุนไพรซึ่งอยู่ในน้ำมันหอมระเหยได้ โดยให้ตากลมตากเอาไว้ในที่ร่มอากาศถ่ายเทสะดวก เมื่อแห้งแล้ว ให้เอามาใส่ขวดปิดฝาให้สนิทคุ้มครองปกป้องความชุ่มชื้น
  • การรับประทานบัวบกในจำนวนที่มากเกินไป จะมีผลให้ธาตุภายในร่างกายเสียสมดุลได้ ด้วยเหตุว่าเป็นยาเย็นจัด แต่หากกินในขนาดที่พอดิบพอดีแล้วจะไม่มีโทษต่อสุขภาพและก็ได้ประโยชน์สูงสุด
เอกสารอ้างอิง

  • อารีรัตน์ ลออปักษา สุรัตนา อำนวยผล วิเชียร จงบุญประเสริฐ. การศึกษาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ (ตอนที่ 1).  ไทยเภสัชสาร 2531;13(1):23-35.
  • จันทรพร ทองเอกแก้ว, 2556, บัวบก : สมุนไพรมากคุณประโยชน์.
  • พิมพร ลีลาพรพิสิฐ สุมาลี พฤกษากร ไชยวัฒน์ ไชยสุต และคณะ. การพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางรักษาสิวจากน้ำหมักชีวภาพที่ได้จากพืชไทย.  การประชุมวิชาการประจำปีการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน การแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 3, 30 สิงหาคม-3 กันยายน, นนทบุรี, หน้า 40.   
  • บัวบก.สมุนไพรที่มีการใช้ในสาธารณสุขมูลฐาน.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • Chen YJ, Dai YS, Chen BF, et al. The effect of tetradrine and extracts of Centella asiatica on acute radiation dermatitis in rats.  Biol Pharm Bull 1999;22(7):703-6.
  • บักบก/ใบบัวบก (Gotu kola) ประโยชน์และสรรพคุณใบบัวบก.พืชเกษตรดอทคอมเว็บเพื่อเกษตรกรไทย
  • วีระสิงห์ เมืองมั่น.  รายงานผลการวิจัยเรื่องการใช้ครีมบัวบกรักษาแผลอักเสบ.  การประชุมโครงการการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาตำรับยาสมุนไพรที่ใช้ในโรงพยาบาล, กรุงเทพฯ, 30 พค. 2526.
  • กองโภชนาการ กรมอนามัย, 2544, ตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย. http://www.disthai.com/
  • บัวบก.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
  • นันทวัน บุณยะประภัศร และอรนุช โชคชัยเจริญพร,2547, สมุนไพรไม้พื้นบ้าน(2).
  • Dabral PK, Sharma RK.  Evaluation of the role of rumalaya and geriforte in chronic arthritis-a preliminary study.  Probe 1983;22(2):120-7.
  • แก้ว กังสดาลอำไพ วรรณี โรจนโพธิ์ ชนิพรรณ บุตรยี่. การประเมินฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของสมุนไพรไทยในรูปของยาตำรับ  สามัญประจำบ้านแผนโบราณตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขและสมุนไพรบางชนิด โดยวิธีเอมส์เทสต์.  การประชุมวิชาการ  กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 3, 3-4 สิงหาคม 2533:47-9.
  • Maquart FX, Chastang F, Simeon A, Birembaut P, Gillery P, Wegrowski Y. Triterpenes from Centella asia
บันทึกการเข้า