รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรเหงือปลาหมอ เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างมากมาย  (อ่าน 551 ครั้ง)

billcudror1122

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 100
    • ดูรายละเอียด

เหงือกปลาหมอ
ชื่อสมุนไพร  เหงือกปลาหมอ
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น  แก้มแพทย์ (จังหวัดสตูล) , อีเกร็ง (ภาคกึ่งกลาง) , แก้มหมอเล (กระบี่) , นางเกร็ง,จะเกร็ง อื่นๆอีกมากมาย
ชื่อวิทยาศาสตร์     Acanthus ebracteatus Vahl. (เหงือกปลาหมอดอกสีขาว)
Acanthus ilicifolius L. var. ilicifolius (เหงือกปลาแพทย์ดอกสีม่วง)
ชื่อสามัญ  Sea Holly.
วงศ์  ACANTHACEAE
บ้านเกิด เหงือกปลาหมอนับว่าเป็นสมุนไพรพื้นถิ่นของไทยเราเพราะมีประวัติสำหรับเพื่อการประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่โบราณแล้ว ซึ่ง[url=http://www.disthai.com/16910138/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD]เหงือกปลาหมอ[/url]นี้เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นกลางแจ้งและมักจะพบได้ทั่วไปในรอบๆป่าชายเลน หรือตามพื้นที่ชายน้ำริมฝั่งลำคลอง เติบโตเจริญในที่ร่มและก็มีความชื้นสูง หรือในแถบที่ดินเค็มและไม่ชอบที่ดอน แถบภาคอีสารก็มีรายงายว่าปลูกได้ด้วยเหมือนกัน เหงือกปลาแพทย์ เจออยู่ 2 ประเภท คือ ชนิดดอกสีขาว Acanthus ebracteatus Vahl พบมากในภาคกลางและก็ภาคตะวันออก ชนิดดอกสีม่วง  Acanthus ilicifolius L. เจอทางภาคใต้ ทั้งยังเหงือกปลาแพทย์ยังเป็นพันธุ์ไม่ลือชื่อของจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย
ลักษณะทั่วไป

  • ต้นเหงือกปลาแพทย์ เป็นไม้พุ่มขนาดกึ่งกลาง มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งชัน มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางโดยประมาณ 1.5 เซนติเมตร
  • ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบลำพัง ลักษณะของใบมีหนามคมอยู่ริมขอบใบแล้วก็ปลายใบ ขอบของใบเว้าเป็นระยะๆผิวใบเรียบเป็นเงาลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีชำเลืองสีขาวเป็นแถวก้างปลา เนื้อใบแข็งแล้วก็เหนียว ใบกว้างโดยประมาณ 4-7 เซนติเมตร และก็ยาวโดยประมาณ 10-20 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ก้านใบสั้น
  • ดอกเหงือกปลาแพทย์ มีดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวประมาณ 4-6 นิ้ว ทั้งนี้สีของดอกขึ้นอยู่กับจำพวกของต้นเหงือกปลาแพทย์คือ ดอกมีอีกทั้งประเภทดอกสีม่วง หรือสีฟ้า และก็จำพวกดอกสีขาว แม้กระนั้นลักษณะอื่นๆเหมือกันคือ ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน ส่วนกลีบดอกไม้เป็นท่อปลายบานโต ยาวราวๆ 2-4 เซนติเมตร รอบๆกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้รวมทั้งเกสรตัวเมียอยู่
  • ผลเหงือกปลาแพทย์ รูปแบบของผลเป็นฝักสีน้ำตาล รูปแบบของฝักเป็นทรงกระบอกกลมรี รูปไข่ ยาวราว 2-3 เซนติเมตร เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ด้านในฝักมีเมล็ด 4 เม็ด


การขยายพันธุ์ เหงือกปลาแพทย์สามารถแพร่พันธุ์ได้ด้วยวิธีการเพาะเม็ดและก็การใช้กิ่งปักชำ แม้กระนั้นวิธีที่ได้รับความนิยมแล้วก็ได้ผลผลิตที่ดีหมายถึงการใช้กิ่งปักชำ นำกิ่งที่ไม่แก่และไม่อ่อนจนกระทั่งเกินความจำเป็น อายุ 1-2 ปี มาชำลงในดินโคลน คอยรดน้ำให้เปียกแฉะ โดยประมาณ 2 เดือน จะแตกหน่อราก จึงกระทำการย้ายปลูก ก่อนปลูกควรจะจัดเตรียมแปลงปลูก ระยะปลูก 80x80 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยมูลสัตว์หรือปุ๋ยคอก ใส่ปุ๋ยคอกหว่านรอบโคนต้นปีละ 2 ครั้งๆละ 1 กิโลกรัม/ต้น ใส่ปุ๋ยบ่อยมากขึ้นในกรณีที่เก็บเกี่ยวผลผลิตบ่อยมาก ทำให้ต้นโทรม ใบเป็นสีเหลือง กำจัดวัชพืชดูแลแปลงให้สะอาด
                หลังปลูก 1 ปี ก็เลยจะเก็บผลิตผล โดยตัดกิ่งให้หมอต้น (ตอ) ให้เหลือความยาวครึ่งเดียว เพื่อแตกใหม่ในปีถัดไป กิ่งที่ได้เอามาสับเป็นท่อนๆละ 6 นิ้ว นำไปตากแดดกระทั่งแห้งดี หรืออบแห้ง กิ่งและใบสด  3 กก. จะตากแห้งได้ 1 กิโลกรัม แล้วก็ผลผลิตจากต้นอายุ 1 ปี ปริมาณ 4 ต้น (กอ) จะมีน้ำหนักสด 1 กิโลกรัม
ส่วนประกอบทางเคมี ในใบพบสาร : alpha-amyrin, beta-amyrin, ursolic acid apigenin-7-O-beta-D-glucuronide, methyl apigenin-7-O-beta-glucuronate campesterol, 28-isofucosterol, beta-sitosterol ในรากพบสาร : benzoxazoline-2-one, daucosterol, octacosan-1-ol, stigmasterol อีกทั้งต้นเจอสาร : acanthicifoline, lupeol, oleanolic acid, quercetin, isoquercetin, trigonelline , dimeric oxazolinone
สรรพคุณ ยาสมุนไพรประจำถิ่น ใช้  ใบ ต้มกับน้ำกิน แก้นิ่วในไต ทั้งยังต้น 10 ส่วน กับพริกไทย 5 ส่วน ทำเป็นยาลูกกลอน แก้โรคกระเพาะ ขับเลือด เป็นยาอายุวัฒนะ ทั้งต้น ใช้รักษาแผลฝีหนอง ใช้  ใบแล้วก็ต้น แก้ตกขาว โดยตำเป็นผงละลายน้ำผึ้ง หรือน้ำมันงา ปั้นเป็นลูกกลอนรับประทาน
               ตำรายาไทย  ใช้  ใบ รสเค็มกร่อยร้อน ตัดรากฝีด้านใน และก็ภายนอกทุกประเภท แก้น้ำเหลืองเสีย ช่วยบำรุงรักษารากผม แก้ประป่าดง ใบเป็นยาอายุวัฒนะ รักษาตกขาว , ระดูขาวของสตรี ใบสด แก้ไข้ ผื่นคันฝี แก้ฝีทราง หรือใช้ใบสดนำมาตำอย่างรอบคอบ ใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกงูกัด พอกฝี แล้วก็แผลอักเสบ ต้นและเมล็ด มีรสเผ็ดร้อน รักษาฝี แก้โรคน้ำเหลืองเสีย เมล็ด ใช้เป็นยาขับพยาธิ เป็นยาแก้ไอ ขับเลือด แก้ฝี ทั้งยังต้น มีรสเค็มกร่อย อีกทั้งต้นสด รักษาโรคผิวหนังชนิดพุพอง น้ำเหลืองเสีย รวมทั้งผื่นคันตามร่างกาย ต้มรับประทานแก้พิษโรคฝีดาษ พิษฝีภายใน ตัดรากฝีทั้งปวง แก้โรคผิวหนัง น้ำเหลืองเสีย เป็นยาอายุวัฒนะ ต้มอาบ แก้พิษไข้หัว แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ตำพอก ปิดหัวฝี แผลเรื้อรัง คั้นเอาน้ำทาหัวบำรุงรากผม ใช้ยับยั้ง/ต่อต้านมะเร็ว ช่วยเจริญอาหาร ทุเลาอาการปวดหัว ราก ใช้รากสด นำมาต้มเอาน้ำดื่มเป็นยาแก้โรคงูสวัด บำรุงประสาท แก้อาการหอบหืด ขับเสมหะ เหงือกปลาแพทย์ ทั้ง 5 (ราก,ต้น,ใบ,ผล,เมล็ด) มีคุณประโยชน์ช่วยแก้พิษฝี แก้มะเร็ง ช่วยสำหรับในการเจริญอาหาร ช่วยทำให้เลือดลดธรรมดา เป็นยาอายุวัฒนะ
แบบอย่าง/ขนาดการใช้

  • ยั้งโรคมะเร็งต้านทานโรคมะเร็ง นำเหงือกปลาหมออีกทั้ง 5 ส่วน (ราก,ต้น,ใบ,ผล,เม็ด) มาต้มกับน้ำ ดื่มกิน
  • รักษาเมนส์มาผิดปกติ นำต้นมาตำผสมกับน้ำมันงารวมทั้งน้ำผึ้งนำมารับประทาน
  • แก้ผื่นคัน นำใบและต้นสดประมาณ 3-4 กำมือนำมาสับต้นน้ำอาบบ่อยๆ 3-4 ครั้ง
  • แก้ไข้หนาวสั่น นำต้นมาตำผสมกับขิง
  • แก้ผิวแตกตลอดตัว นำทั้งต้นของเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน และดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ
  • ขับเสมหะ บำรุงประสาท แก้ไอ แก้โรคหืด รักษามุตกิดตกขาว นำรากมาต้มกับน้ำ ดื่มกิน
  • รักษาโรคผิวหนัง ขับน้ำเหลืองเสียแก้แผลผุพอง เป็นฝีเป็นประจำนำต้น ใบแล้วก็เม็ดต้มกับน้ำอาบ
  • ปรับแก้ข้ออักเสบ แก้ปวดต่างๆนำใบมาต้มกับน้ำ ดื่มกิน
  • ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง เลือดลมไหลเวียนดี เส้นเลือดไม่ตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วคลุกเคล้าผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอนไว้กิน
  • ช่วยแก้โรคกระษัย อาการซูบซีดเหลืองหมดทั้งตัว ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผุยผงรับประทานวันแล้ววันเล่า
  • แก้อาการร้อนตลอดตัว เจ็บระบบตลอดตัว ตัวแห้ง เวียนหัว หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้ทั้งยังต้นของเหงือกปลาแพทย์แล้วก็เปลือกมะรุมอย่างละเสมอกัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือเล็กน้อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำเดือดจนงวดแล้วยกลง เมื่อเสร็จให้อั้นลมหายใจรับประทานขณะอุ่นๆจนหมด อาการก็จะดีขึ้น
  • รากช่วยแก้และบรรเทาอาการไอ หรือจะใช้เมล็ดนำมาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้เช่นกัน
  • แก้อาการไอ เมล็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วเอาแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ
  • ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้ทั้งต้นและก็พริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน
  • ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย เอามาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายขโมย ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้


ในปัจจุบันเหงือกปลาแพทย์ มีการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยาแคปซูลสมุนไพรเหงือกปลาแพทย์ ยาชงสมุนไพรและยาเม็ด มีสรรพคุณใช้รักษาโรคผิวหนังทั้งเหงือกปลาหมอยังเป็นสมุนไพรที่ใช้สำหรับการอบตัวเป็นการอบตัวด้วยไอน้ำที่ได้จากการต้มสมุนไพร รวมทั้งการอบแฉะแบบเข้ากระโจม โดยเหงือกปลาแพทย์มีสรรพคุณสำหรับรักษาโรคผิวหนัง
นอกจากนั้นเหงือกปลาหมอยังเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งหน้าต่างๆเป็นต้นว่า สินค้าเปลี่ยนสีผมและก็สบู่สมุนไพร ฯลฯ
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ลดการอักเสบ  ทดลองน้ำสกัดจากใบแห้ง ความเข้มข้น 500 มคก./มิลลิลิตร กับหนูขาว พบว่าสารสกัดดังที่กล่าวผ่านมาแล้วมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ โดยไปยับยั้งการสร้าง leukotriene B-4 แต่สารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์เป็น serotonin antagonist  เมื่อเร็วๆนี้ มีงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยว่าสารสกัดด้วยเอทานอลจากทั้งต้น ขนาด 500 มคก./มล. มีฤทธิ์ยับยั้ง 5-lipoxygenase activity ด้วยกลไกสำหรับเพื่อการลดการผลิต leukotriene B-4 ถึง 64% และสารสกัดด้วยน้ำ ขนาด 500 มคกรัม/มิลลิลิตร ลดได้ 44% และก็มีการพินิจพิจารณาสารสำคัญของเหงือกปลาหมอดอกม่วงที่มีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ พบว่าสารนั้นเป็นพวก dimeric oxazolinone ที่มีสูตรโครงสร้างเป็น 5,5¢-bis-benzoxazoline-2,2¢-dione
ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย มีการทดลองสารสกัดเอทานอล (90%) จากทั้งยังต้นแห้ง (ไม่รู้จักความเข้มข้น) กับ Staphylococcus aureus พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์ แต่การทดลองเม็ดเหงือกปลาหมอ พบว่ามีฤทธิ์ต้านทานเชื้อ S. aureus
ฤทธิ์ต้านการเกิดออกซิเดชั่น          มีการทดลองสารสกัดอัลกอฮอล์จากใบของเหงือกปลาหมอดอกม่วง พบว่าสารสกัดนี้มีฤทธิ์ต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระหลากหลายประเภท ได้แก่ superoxide radical, hydroxyl radical, nitric oxide radical รวมทั้ง lipid peroxide ฯลฯ นอกจากนี้สารสกัดจากส่วนผลด้วยเมทานอล เมื่อทดลองในหนูถีบจักร พบฤทธิ์ต้านทานการเกิดอนุมูลอิสระ โดยมีขนาดที่ยั้งได้ 50% (IC50)หมายถึง79.67 มคล./มล. และพบฤทธิ์ยั้งการเกิด lipid peroxide โดยขนาดที่ยั้งได้ 50% (IC50) คือ 38.4 มคล./มิลลิลิตร
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาที่เกี่ยวกับการเพิ่มภูมิต้านทาน  มีการนำสารสกัดน้ำอย่างหยาบจากรากของเหงือกปลาแพทย์มาทำให้ครึ่งหนึ่งบริสุทธิ์ โดยวิธี gel filtration (Sephadex G-25) เพื่อศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์เสริมภูมิคุ้มกันที่มีต่อ mononuclear cell (PMBC) ของคนธรรมดา 20 ราย โดยประเมินผลการศึกษาเล่าเรียนจาก H3-thymidine uptake พบว่าสารสกัดกึ่งบริสุทธิ์ของเหงือกปลาหมอดอกม่วง ที่ความเข้มข้นต่ำ (10 มคกรัม/มล.) สามารถกระตุ้นการแบ่งตัวของ lymphocytes ได้สูงขึ้นมากยิ่งกว่ากลุ่มควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง (P < 0.05)
การศึกษาทางพิษวิทยา หลักฐานความเป็นพิษรวมทั้งการทดสอบความเป็นพิษ
          เมื่อให้สารสกัดลำต้นแห้งด้วยปิโตรเลียมอีเทอร์ ขนาดความเข้มข้น 5 ซีซี/จานเพาะเชื้อ ไม่กระตุ้นให้เกิดการก่อกลายประเภท ใน Salmonella typhimurium TA98 รวมทั้ง TA100 แม้กระนั้นเมื่อให้สารสกัดด้วยน้ำจากส่วนรากกับหนูเพศเมียขนาด 2.7 และก็ 13.5 ก./กก. เป็นเวลา 12 เดือน พบความเป็นพิษต่อตับในหนูทดลอง
หลักฐานความเป็นพิษ และก็ยังมีการทำการศึกษาเกี่ยววกับการทดลองความเป็นพิษของเหงือกปลาแพทย์อีกจำนวนไม่น้อยกล่าวว่า เมื่อฉีดสารสกัดพืชทั้งยังต้นด้วยเอทานอล (90%) เข้าทางช่องท้องของหนูถีบจักร ขนาดที่ทำให้หนูตายเป็นจำนวนครึ่งเดียว (LD50) มีค่ามากยิ่งกว่า 1 กรัม/กิโลกรัม ส่วนสารสกัดใบด้วยเมทานอลแล้วก็น้ำ (1:1) ฉีดเข้าช่องท้องหนูถีบจักรเพศผู้ ค่า LD50 มีค่ามากกว่า 1 ก./กิโลกรัม และก็สารสกัดจากใบร่วมกับต้นด้วยเมทานอลแล้วก็น้ำ (1:1) ฉีดเข้าท้องหนูถีบจักรเพศผู้เช่นเดียวกัน ค่า LD50 พอๆกับ 750 มิลลิกรัม/กก. สารสกัดจากต้นด้วยเมทานอลแล้วก็น้ำ (1:1) ค่า LD50 มีค่ามากกว่า 1 ก./กก. เมื่อกรอกสารสกัดใบร่วมกับก้านใบ ลำต้น รากแห้ง ด้วยน้ำหรือน้ำร้อน หรือฉีดเข้าช่องท้องของหนูถีบจักร (ไม่ระบุขนาด) ไม่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดพิษ และก็เมื่อกรอกสารสกัดรากแห้งด้วยน้ำให้หนูถีบจักร ในขนาด 0.013 มิลลิกรัม/สัตว์ทดสอบ ไม่เจอพิษ  อีกทั้งมีการเรียนถึงพิษของเหงือกปลาแพทย์ดอกม่วงแบบทันควันแล้วก็แบบครึ่งหนึ่งเฉียบพลันในหนูพันธุ์สวิส โดยใช้ส่วนสกัดจากใบและก็รากแยกกัน ในขนาดความเข้มข้นต่างๆพบว่า สารสกัดดังที่กล่าวผ่านมาแล้วไม่มีพิษอย่างฉับพลัน แม้กระนั้นการใช้เหงือกปลาหมอในขนาดสูงๆเป็นระยะเวลาที่ยาวนานอาจจะทำให้เป็นผลใกล้กันต่อระบบทางเท้าเยี่ยวได้ รวมทั้งมีการทดลองนำสารสกัดจากรากเหงือกปลาหมอกับ mononuclear cell (PMBC) ของคนภายในหลอดทดสอบโดยใช้สารสกัดอย่างหยาบ พบว่าสารสกัดดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว ขนาด 100 มคกรัม/มิลลิลิตร เป็นพิษต่อ PBMC (P< 0.05) แม้กระนั้นเมื่อนำสารสกัดหยาบมาทำให้กึ่งบริสุทธิ์โดยแนวทาง gel filtration (Sephadex G-25) พบว่าสารสกัดครึ่งบริสุทธิ์ที่ได้ไม่เป็นพิษต่อ PMBC ที่เลี้ยงไว้ในหลอดทดลองหากแม้จะใช้ในความเข้มข้น 1,000 มคกรัม/มิลลิลิตร
การต้านการฝังตัวของตัวอ่อน ให้สารสกัดเอทานอล (90%) ขนาด 100 มก./กิโลกรัม กับหนูขาวที่ท้อง พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีฤทธิ์ต้านการฝังตัวของตัวอ่อน
ข้อเสนอ/ข้อพึงระวัง แม้ในการศึกษาทางด้านพิษวิทยาและก็การทดสอบความเป็นพิษของเหงือกปลาหมอชนิดดอกสีม่วงและก็ชนิดดอกสีขาว จะส่งผลการเรียนรู้ชี้ว่า ไม่มีพิษแต่ว่าอย่างไรก็ดี การใช้สมุนไพรเหงือกปลาหมอก็คล้ายกับการใช้สมุนไพรชนิดอื่นซึ่งก็คือ ไม่ควรใช้ในขนาดและก็ปริมาณที่สูง และใช้เป็นระยะเวลานาน เนื่องจากว่าอาจทำให้เกิดความผิดปกติหรือผลข้างเคียงต่อระบบต่างๆของร่างกายได้
เอกสารอ้างอิง

  • เอมอร โสมนะพันธุ์ 2543. สมุนไพรและผักพื้นบ้านกับโรคเอดส์และโรคฉวยโอกาส ในโครงการสัมมนาวิชาการ เรื่อง การดูแลผู้ติดเชื้อเอดส์ด้วยสมุนไพรและผักพื้นบ้าน, 19-21 เมษายน 2543 ณ. ห้องประชุมตะกั่วป่า โรงแรมเจ.บี. อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หน้า 1-26.
  • Hoult JRS, Houghton PJ, Laupattarakesem P.  Investigation of four Thai medicinal plants for inhibition of pro-inflammatory eicosanoid synthesis in activated leukocytes.  J Pharm Pharmacol Suppl 1997;49(4):218.
  • Ghosh, A. et al. 1985. Phytochemistry, 24(8) : 1725-1727. http://www.disthai.com/
  • จงรัก วัจนคุปต์.  การตรวจหาสมุนไพรที่มีอำนาจทำลายเชื้อแบคทีเรีย.  Special Project Chulalongkorn Univ, 2495.
  • เหงือกปลาหมอ.ฐานข้อมูลสมุนไพร.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
  • Nair, A.G.R. and Pouchaname, V. 1987. J. Indian Chem Soc. 64(4) : 228-229.
  • Bhakuni DS, Dhawan BN, Garg HS, Goel AK, Mehrotra BN, Srimal RC, Srivastava MN.  Bioactivity of marine organisms:part VI-screening of some marine flora from Indian coasts.  Indian J Exp Biol 1992;30(6):512-7.
  • Laupattarakesem P, Houghton PJ, Hoult JRS.  An evaluation of the activity related to inflammation of four plants used in Thailand to treat arthritis.  J Ethnopharmacol 2003;85:207-15
  • Bunyapraphatsara N, Srisukh V, Jutiviboonsuk A, et al. Vegetables from the mangrove areas. Thai J Phytopharm 2002;9(1):1-12
  • Minocha, P.K. and Tiwari, K.P. 1981. Phytochemistry, 20: 135-137.
  • ชุลี มาเสถียร ผ่องพรรณ ศิริพงษ์ จงรักษ์ เพิ่มมงคล.  ฤทธิ์สร้างเสริมภูมิคุ้มกันของสารสกัดจากรากเหงือกปลาหมอที่มีต่อ lymphocytes ของคนในหลอดทดลอง.  Bull Fac Med Tech Mahidol Univ 1991;15(2):104.
  • D’Souza L, Wahidulla S, Mishra PD.  Bisoxazolinone from the mangrove Acanthus ilicifolius.  Indian J Chem, Sect B: Org Chem Incl Med Chem 1997;36B(11):1079-81.
  • เหงือกปลาหมอดอกขาว.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • Babu BH, Shylesh BS, Padikkala J.  Antioxidant and hepatoprotective effect of Acanthus ilicifolius.  Fitoterapia 2001;72(3):272-7.
  • เหงือกปลาหมอดอกม่วง.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานสมุนไพรคณะเภสัชมหาวิทยาลัยมหิดล.
  • Srivatanakul P, Naka L.  Effect of Acanthus ilicifolius Linn. in treatment of leukemic mice.  Cancer J (Thailand) 1981;27(3):89-93.
  • ปิยวรรณ ญาณภิรัต สุนันทา จริยาเลิศศักดิ์ จงรักษ์ เพิ่มมงคล และคณะ.  การศึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับพิษของสมุนไพรเหงือกปลาหมอในหนูขาว.  วารสารโรคมะเร็ง 530;13(1):158-64.
  • Piyaviriyakul S, Kupradinun P, Senapeng B, et al. Chronic toxicity of Acanthus ebracteatus Vahl. in rat.  Poster Session 6th National Cancer Conference, Bangkok, Dec. 3-4, 2001.
  • Nakanishi K, Sasaki SI, Kiang AK, et al.  Phytochemical survey of Malaysian plants. Preliminary chemical and pharmacological screening.  Chem Pharm Bull 1965;13(7):882-90. 
  •    Jongsuwat Y.  Antileukemic activity of Acanthus ilicifolius.  Master Thesis, Chulalongkorn University, 1981:151pp.
  • Rojanapo W, Tepsuwan A, Siripong P.  Mutagenicity and antimutagenicity of Thai medicinal plants.  Basic Life Sci 1990;52:447-52.



Tags : เหงือกปลาหมอ
บันทึกการเข้า