รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคต่อททอนซิล มีวิธีรักษาด้วยสมุนไพรอย่างไร เเละสมุนไพรมีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างไร  (อ่าน 524 ครั้ง)

bilbill2255

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 112
    • ดูรายละเอียด


โรคต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)
โรคต่อมทอนซิลอักเสบเป็นยังไง  ต่อมทอนซิล เป็นอวัยวะที่อยู่ด้านในลำคอ ซึ่งคือต่อมคู่ซ้ายขวาใกล้กับโคนลิ้น โดยเป็นต่อมน้ำเหลืองที่ปฏิบัติภารกิจจับสิ่งปลอมปนจากของกิน , น้ำดื่มและการหายใจ ได้แก่ แบคทีเรียที่ไปสู่ร่างกายคล้ายกองทหารด่านหน้า รวมทั้งบ่อยที่ต่อมทอนซิลมักมีการอักเสบขึ้น
ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)เป็นโรคจากการอักเสบติดโรคของต่อมทอนซิลซึ่งเป็นโรคพบมากโรคหนึ่ง เจอได้ในทุกอายุ แต่ว่าพบได้มากกว่าในเด็ก และไม่ค่อยพบในผู้ใหญ่และคนแก่ โอกาสกำเนิดโรคเท่ากันในเพศหญิงและผู้ชาย  ต่อมทอนซิลอักเสบเจอได้ทั้งยังการอักเสบติดเชื้อทันควันซึ่งเมื่อเกิดมักมีอาการร้ายแรงกว่า แม้กระนั้นรักษาหายได้ด้านใน 1 - 2 อาทิตย์ และก็อักเสบเรื้อรังที่ชอบเป็นๆหายๆอาการแต่ละครั้งรุนแรงน้อยกว่าจำพวกทันควัน แต่ว่ามีอาการอักเสบรุนแรงซ้อนได้เป็นช่วงๆซึ่งนิยามของต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังเช่น มีต่อมทอนซิลอักเสบเกิดขึ้นขั้นต่ำ 7 ครั้งใน 1 ปีที่ล่วงเลยไป หรืออย่างน้อย 5 ครั้งทุกปีติดต่อกันใน 2 ปีให้หลัง หรืออย่างน้อย 3 ครั้งทุกปีต่อเนื่องกันใน 3 ปีที่ล่วงเลยไป
ทั้งยังโรคนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากกลุ่มโรคติดเชื้อและก็กลุ่มโรคไม่ติดเชื้อ ซึ่งในบทความนี้จะขอกล่าวถึงการอักเสบจากโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสและก็เชื้อแบคทีเรียซึ่งพบได้เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “เบต้า-ฮีโมไลว่ากล่าวกสเตรปโตค็อกคัสกรุ๊ปเอ” (Group A beta-hemolytic streptococcus) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สเตรปโตค็อกคัส ไพโอจีเนส” (Streptococcus pyogenes) ซึ่งอาจจะเป็นผลให้คนป่วยมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงตามมาได้
ที่มาของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ การติดเชื้อที่ต่อมทอนซิลจำนวนมากเป็นผลมาจากไวรัสหรือแบคทีเรียที่ผ่านเข้าทางปาก โดยต่อมทอนซิลจะช่วยป้องกันการติดเชื้อด้วยการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวออกมาต่อสู้กับเชื้อโรค แล้วก็เพราะเหตุว่าเป็นภูมิต้านทานด่านแรก ต่อมทอนซิลก็เลยเป็นอวัยวะที่เสี่ยงต่อการอักเสบรวมทั้งติดเชื้อโรคมากมาย
โดยต่อมทอนซิลอักเสบส่วนมาก เป็นการติดเชื้อโรคเชื้อไวรัส ซึ่งพบได้สูงขึ้นยิ่งกว่าการต่อว่าดเชื้ออื่นๆประมาณ 70 - 80% ของต่อมทอนซิลอักเสบทั้งหมด ซึ่งเชื้อไวรัสที่ก่อโรคต่อมทอนซิลอักเสบมีหลายชนิดเป็นต้นว่า

  • ไรโนเชื้อไวรัส (Rhinoviruses) เชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคหวัดทั่วๆไป
  • เชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza) ไวรัสที่เป็นต้นเหตุของไข้หวัดใหญ่
  • เชื้อไวรัสพาราอินฟลูเอนซา (Parainfluenza) กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรคกล่องเสียงอักเสบและก็กลุ่มอาการครู้ป
  • เชื้อไวรัสเอนเทอร์โร (Enteroviruses) สิ่งที่ทำให้เกิดโรคมือเท้าปาก
  • ไวรัสรูบิโอลา (Rubeola) ส่งผลให้เกิดโรคฝึกหัด
  • เชื้อไวรัสอะดีโน (Adenovirus) เชื้อไวรัสที่มักเป็นสาเหตุ ที่มา : wikipedia           ของอาการท้องเสีย
  • เชื้อไวรัสเอ็บสไตน์บาร์ (Epstein-Barr) ซึ่งสามารถก่อให้เกิดโรคโมโนนิวคลีโอซิส แต่ต่อมทอนซิลอักเสบที่เกิดขึ้นมาจากแบคทีเรียชนิดนี้จะพบได้นานๆครั้ง
  • แล้วก็อีกสาเหตุหนึ่งเป็นการติดเชื้อโรคแบคทีเรียโดยประมาณ 15 - 20 %


สิ่งที่ทำให้เกิดต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่พบบ่อยที่สุดมีสาเหตุจากการเชื้อสเต็ปโตคอคคัสกลุ่ม  ที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดต่อมทอนซิลอักเสบแบบเป็นหนอง (exudative tonsil litis)
อาการโรคต่อมทอนซิลอักเสบ โดยธรรมดาโรคต่อมทอนซิลอักเสบมักเกิดร่วมกับการอักเสบติดเชื้อของคอเสมอ
ลักษณะโรคต่อมทอนซิลอักเสบแยกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆคือ

  • กรุ๊ปที่มีเหตุที่เกิดจากไวรัส มีลักษณะเจ็บคอนิดหน่อยถึงปานกลาง และไม่เจ็บมากขึ้นเรื่อยๆตอนกลืน อาจมีอาการเป็นหวัด น้ำมูกใส ไอ เสียงแหบ เป็นไข้ ปวดหัวเล็กน้อย ตาแดง บางบุคคลอาจมีอาการท้องเสียหรือถ่ายเหลวร่วมด้วย  การตรวจทานคอจะเจอผนังคอหอยแดงเพียงนิดหน่อย ทอนซิลบางทีอาจโตนิดหน่อยมีลักษณะแดงเพียงนิดหน่อย
  • กลุ่มที่มีต้นเหตุที่เกิดจากแบคทีเรีย จะมีลักษณะไข้สูงเกิดขึ้นเฉียบพลัน หนาวสั่น  ปวดหัว  ปวดเมื่อยตามตัว  หมดแรง  เบื่อข้าว  เจ็บคอมากกระทั่งกลืนน้ำลายหรืออาหารทุกข์ยากลำบาก  อาจมีลักษณะของการปวดร้าวขึ้นไปที่หู  บางคนอาจมีลักษณะของการปวดท้อง  หรือคลื่นไส้แล้วก็มีกลิ่นปากร่วมด้วย  มักจะไม่มีอาการน้ำมูกไหล ไอ  หรือตาแดง  แบบการตำหนิดเชื้อจากเชื้อไวรัส


                ยิ่งกว่านั้นจะเจอฝาผนังคอหอยและเพดานอ่อน  มีลักษณะแดงจัดและบวม  ต่อมทอนซิลบวมโตสีแดงจัด  รวมทั้งมีแผ่นหรือจุดหนองสีขาวๆเหลืองๆติดอยู่บนทอนซิล  นอกนั้น       ยังบางทีอาจตรวจเจอต่อมน้ำเหลืองที่ใต้ขากรรไกรบวมโตรวมทั้งเจ็บ
แนวทางการรักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ
การวินิจฉัยโรคทอนซิลอักเสบ หมอจะวินิจฉัยพื้นฐานด้วยอาการแสดงรวมทั้งการตรวจคอโดยบางทีอาจใช้วิธีการต่อแต่นี้ไป

  • ใช้ไฟฉายส่องดูรอบๆคอ แล้วก็อาจดูบริเวณหูรวมทั้งจมูกร่วมด้วย เหตุเพราะเป็นบริเวณที่ออกอาการติดเชื้อโรคได้เหมือนกัน
  • ตรวจสอบผื่นแดงที่เป็นลักษณะโรคไข้อีดำอีแดงซึ่งมีต้นเหตุที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียตัวเดียวกับกับโรคคออักเสบ
  • ตรวจด้วยการคลำสัมผัสเบาๆที่ลำคอเพื่อมองว่าต่อมน้ำเหลืองบวมหรือเปล่า
  • ใช้เครื่องสเต็ทโทสวัวปฟังเสียงจังหวะการหายใจของผู้ป่วย


ถ้าหากว่าพบฝาผนังคอหอยและก็ต่อมทอนซิลมีลักษณะแดงเพียงแค่เล็กๆน้อยๆหรือเปล่าแจ่มชัด ก็มักมีสาเหตุจากการตำหนิดเชื้อไวรัส   ถ้าหากต่อมทอนซิลบวมโต แดงจัด และมีแผ่นหรือจุดหนองติดอยู่บนต่อมทอนซิล  ก็มักจะมีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะเชื้อบีตาฮีโมโลติเตียนกสเตรปโตค็อกคัส กลุ่มเอ  ในรายที่ยังไม่แน่ใจหมออาจจะต้องทำตรวจหาเชื้อจากบริเวณคอหอยแล้วก็ทอนซิล  โดยใช้แนวทางที่เรียกว่า "rapid strep test" ซึ่งสามารถรู้ผลประโยชน์ในไม่กี่นาที ถ้าผลของการตรวจไม่ชัดเจน  ก็อาจจะต้องทำเพาะเชื้อซึ่งจะรู้ผลใน 1-2 วัน

การดูแลรักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ แพทย์จะให้การรักษาตามต้นเหตุที่พบ เป็น

  • มีสาเหตุจากเชื้อไวรัส ก็จะให้การรักษาแบบเกื้อกูลตามอาการ ดังเช่น ยาลดไข้ แก้ไอ แก้หวัด ไม่มีการให้ยาปฏิชีวนะ เพราะเหตุว่าไม่สามารถทำลายเชื้อเชื้อไวรัสได้ ซึ่งลักษณะโรคชอบหายได้ภายใน 1 อาทิตย์
  • มีต้นเหตุที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เว้นเสียแต่ให้ยาทุเลาตามอาการแล้ว ก็จะให้ยายาปฏิชีวนะรักษาด้วยการใช้ อาทิเช่น เพนิซิลลินวี (Penicillin V) อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin) อีริโทรไมซิน (Erythromyin)  อาการมักดีขึ้นข้างหลังกินยาปฏิชีวนะ 48-72 ชั่วโมง  โดยแพทย์จะให้รับประทานยาสม่ำเสมอจนครบ 10 วัน เพื่อคุ้มครองป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆตามมา


ทั้งนี้การกินยาปฏิชีวนะจำเป็นต้องกินให้ครบตามคำแนะนำของหมอ เพื่อให้มั่นใจว่าแบคทีเรียถูกกำจัดจนกระทั่งหมด ด้วยเหตุว่าเชื้อแบคทีเรียที่กำจัดไม่หมดอาจทำให้การตำหนิดเชื้อห่วยแตกลงหรือแพร่ไปไปยังส่วนอื่นของร่างกาย นอกเหนือจากนั้นในเด็กยังเสี่ยงเกิดภาวะสอดแทรก อาทิเช่น การติดเชื้ออย่างรุนแรงที่ไต และก็ไข้รูมาติกซึ่งเป็นการติดเชื้อโรคบริเวณลิ้นหัวใจร่วมกับจับไข้ตามมาได้
นอกจากนี้ยังมีวิธีการผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออก (tonsillectomy) ซึ่งเป็นแนวทางรักษาต่อมทอนซิลอักเสบที่เป็นซ้ำหลายครา หรือต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง หรือต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่สนองตอบต่อการดูแลและรักษาด้วยยาปฏิชีวนะแค่นั้น โดยพิจารณาได้จากลัษณะดังกล่าวต่อไปนี้

  • ทอนซิลอักเสบมากกว่า 7 ครั้งในรอบหนึ่งปี
  • ต่อมทอนซิลอักเสบมากยิ่งกว่า 4-5 ครั้งในรอบหนึ่งปีเป็นระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
  • ทอนซิลอักเสบมากยิ่งกว่า 3 ครั้งในรอบหนึ่งปีเป็นระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา


ยิ่งไปกว่านี้ หมอยังบางทีอาจใช้การผ่าตัดทอนซิลในเรื่องที่ต่อมทอนซิลอักเสบกระตุ้นให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ยากจะรักษาตามมา ดังเช่นว่า

  • ภาวะหยุดหายใจขณะกำลังหลับ (นำไปสู่อาการนอนกรมเนื่องจากว่าต่อมทอนซิลโต)
  • หายใจลำบาก (เนื่องจากต่อมทอนซิลโตมากจนถึงอุดกั้นฟุตบาทหายใจ)
  • กลืนลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกลืนเนื้อหรืออาหารชิ้นดกๆ
  • เป็นฝีที่ใช้ยาปฏิชีวนะแล้วยังไม่ดีขึ้น
  • มีต่อมทอนซิลโตข้างเดียว ซึ่งอาจเป็นลักษณะโรคโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ต่อมทอนซิล)


ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ  การบวมอักเสบของต่อมทอนซิลบ่อยหรือเรื้อรังบางทีอาจตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่นๆดังเช่นว่า เกิดภาวะหยุดหายใจขณะที่กำลังนอนหลับ หายใจติดขัด การตำหนิดเชื้อที่แพร่ลึกลงไปสู่เนื้อเยื่อรอบๆ
ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่จะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆตามมา เป็นต้นว่า  ในกรุ๊ปที่เป็นผลมาจากเชื้อไวรัส ส่วนใหญ่จะไม่มีภาวะแทรกซ้อน ส่วนผู้ที่ลักษณะของโรคร่วมกับป่วยหวัด  ไข้หวัดใหญ่  ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อน ตัวอย่างเช่น ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ  ปอดอักเสบ เป็นต้น รวมทั้งในกรุ๊ปที่เป็นผลมาจากเชื้อแบคทีเรีย อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังนี้

  • เชื้ออาจแพร่กระจายไปยังรอบๆใกล้เคียง ทำให้เป็นหูชั้นกลางอักเสบ จมูกอักเสบ ภูมิแพ้ ปอดอักเสบ ฝีที่ต่อมทอนซิล
  • เชื้ออาจเข้ากระแสเลือดแพร่ไปไปยังที่ต่างๆ ทำให้เป็นข้ออักเสบชนิดกระทันหัน กระดูกอักเสบเป็นหนอง  เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • ทำให้เกิดปฏิกิริยาภูมิต้านตัวเอง (autoimmun reaction) กล่าวอีกนัยหนึ่งหลังจากติดโรคแบคทีเรียประเภทนี้ ร่างกายจะสร้างสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ต่อเชื้อขึ้นมา แล้วไปก่อปฏิกิริยายับยั้งเนื้อเยื่อของตน กระตุ้นให้เกิดโรคแทรกรุนแรง อาทิเช่น ไข้รูมาติก (มีการอักเสบของข้อและหัวใจ ถ้าเกิดปลดปล่อยให้เป็นเรื้อรัง อาจจะเป็นผลให้กำเนิดโรคลิ้นหัวใจพิการ หัวใจวายได้) รวมทั้ง หน่วยไตอักเสบทันควัน (เป็นไข้ บวม เยี่ยวสีแดง อาจก่อให้เกิดภาวะไตวายได้) โรคแทรกกลุ่มนี้มักกำเนิดหลังต่อมทอนซิลอักเสบ 1-4 อาทิตย์


สำหรับไข้รูมาติก ได้โอกาสเกิดขึ้นราวร้อยละ 0.3-3 ของคนที่มิได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้อง แต่ทั้งนี้การป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงดังกล่าวสามารถทำได้ง่ายๆด้วยการกินยาปฏิชีวนะให้ครบ 10 วัน (หากว่าอาการจะดีขึ้นหลังกินยาได้ 2-3 วันไปรวมทั้งตาม)
การติดต่อของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบติดต่อได้เหมือนกับในโรคไข้หวัดทั่วไปและในโรคไข้หวัดใหญ่เป็น เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของดรคอยู่ในน้ำลายและก็เสมหะ (รวมทั้งสารคัดเลือกหลั่งอื่นๆ) ของผู้เจ็บป่วย รวมทั้งจะติดต่อจากการสัมผัสเชื้อโรคดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นจากผู้ป่วย จากการไอ จาม หายใจ หรือการสัมผัสสารคัดเลือกหลั่งจากจมูกและช่องปากยกตัวอย่างเช่น น้ำมูก น้ำลายคนเจ็บ รวมทั้งจากใช้ของใช้ส่วนตัวที่สัมผัสสารคัดหลั่งดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว

  • มีต่อมต่อมทอนซิลโตฝ่ายเดียว ซึ่งบางทีอาจเป็นลักษณะของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ต่อมทอนซิล)


ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ  การบวมอักเสบของต่อมทอนซิลบ่อยหรือเรื้อรังบางทีอาจตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่นๆดังเช่นว่า เกิดภาวะหยุดหายใจขณะกำลังหลับ หายใจไม่สะดวก การต่อว่าดเชื้อที่แพร่ลึกลงไปสู่เนื้อเยื่อรอบๆ
ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่จะนำไปสู่โรคต่างๆตามมา ดังเช่นว่า  ในกลุ่มที่มีเหตุมาจากไวรัส ส่วนมากจะไม่มีภาวะแทรกซ้อน ส่วนคนที่อาการของโรคร่วมกับจับไข้หวัด  ไข้หวัดใหญ่  ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อน ดังเช่นว่า ภูมิแพ้ หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ  ปอดอักเสบ ฯลฯ และในกลุ่มที่เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเชื้อแบคทีเรีย อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้

  • เชื้อบางทีอาจขยายไปยังบริเวณใกล้เคียง ทำให้เป็นหูชั้นกึ่งกลางอักเสบ จมูกอักเสบ ภูมิแพ้ ปอดอักเสบ ฝีที่ทอนซิล
  • เชื้อบางทีอาจเข้ากระแสโลหิตแพร่กระจายไปยังที่ต่างๆ ทำให้เป็นข้ออักเสบประเภทฉับพลัน กระดูกอักเสบเป็นหนอง  เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • นำมาซึ่งปฏิกิริยาภูเขามิต้านทานตัวเอง (autoimmun reaction) กล่าวคือภายหลังจากติดโรคแบคทีเรียประเภทนี้ ร่างกายจะสร้างสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ต่อเชื้อขึ้นมา แล้วไปก่อปฏิกิริยาขัดขวางเยื่อของตัวเอง กระตุ้นให้เกิดโรคแทรกซ้อนร้ายแรง ดังเช่น ไข้รูมาติก (มีการอักเสบของข้อรวมทั้งหัวใจ ถ้าปล่อยให้เป็นเรื้อรัง อาจทำให้กำเนิดโรคลิ้นหัวใจพิการ หัวใจวายได้) แล้วก็ หน่วยไตอักเสบกะทันหัน (มีไข้ บวม เยี่ยวสีแดง อาจจะทำให้เกิดภาวะไตวายได้) โรคแทรกเหล่านี้มักกำเนิดหลังต่อมทอนซิลอักเสบ 1-4 สัปดาห์


สำหรับไข้รูมาติก มีโอกาสเกิดขึ้นราวๆร้อยละ 0.3-3 ของคนที่มิได้รับการดูแลและรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างแม่นยำ แม้กระนั้นทั้งนี้การป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงดังที่กล่าวมาข้างต้นสามารถทำเป็นง่ายๆด้วยการกินยาปฏิชีวนะให้ครบ 10 วัน (ถึงแม้ว่าอาการจะดีขึ้นกว่าเดิมข้างหลังรับประทานยาได้ 2-3 วันไปและตาม)
การติดต่อของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบติดต่อได้เหมือนกันกับในโรคหวัดทั่วไปและก็ในโรคไข้หวัดใหญ่คือ เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของดรคอยู่ในน้ำลายรวมทั้งเสมหะ (รวมทั้งสารคัดหลั่งอื่นๆ) ของคนป่วย และก็จะติดต่อจากการสัมผัสเชื้อโรคดังที่กล่าวถึงมาแล้วจากคนไข้ จากการไอ จาม หายใจ หรือการสัมผัสสารคัดเลือกหลั่งจากจมูกและก็โพรงปากตัวอย่างเช่น น้ำมูก น้ำลายคนป่วย และจากใช้ของใช้ส่วนตัวที่สัมผัสสารคัดหลั่งดังที่กล่าวมาแล้ว
สมุนไพรที่ช่วยปกป้อง/รักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ
ฟ้าทะลายขโมย ชื่อวิทยาศาสตร์ Andropraphis paniculata (Burm.f.) Wall. EX Nees ชื่อพ้อง Justicia paniculata Burm.f. ชื่อตระกูล Acanthaceae สรรพคุณ: หนังสือเรียนยาไทย: มีการใช้ส่วนเหนือดินเก็บก่อนจะมีดอก เพื่อรักษาไข้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ดับพิษร้อน ยับยั้งอักเสบในอาการไอ เจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิล หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ขับเสมหะ ลดบวม แก้ติดเชื้อ ต้นแบบและก็ขนาดวิธีใช้ยา:.ทุเลาลักษณะการเจ็บคอ                   กินทีละ 3-6 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังรับประทานอาหารและก่อนนอน ทุเลาอาการหวัด รับประทานครั้งละ 1.5-3 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังรับประทานอาหารรวมทั้งก่อนนอน  ส่วนประกอบทางเคมี: สารชนิดแลคโตน andrographolide,neoandrographolide,deoxyandrographolide, deoxy-didehydroandrographolide สารกลุ่มฟลาโวน ได้แก่ aroxylin, wagonin, andrographidine A 
จากการเรียนรู้สมรรถนะของสารสกัดจากฟ้าทะลายมิจฉาชีพในผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจส่วนบนไม่ร้ายแรง  223 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปที่กินสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร 200 มิลลิกรัมต่อวัน รวมทั้งอีกกลุ่มรับประทานยาหลอกเป็นระยะเวลา 5 วัน ซึ่งจะวัดผลด้วยการวัดอาการจากเพศผู้เจ็บป่วยเองในด้านต่างๆอาทิเช่น อาการไอ เสลด มีน้ำมูก ปวดหัว จับไข้ เจ็บคอ อาการอ่อนล้าง่าย และปัญหาในการนอน ผลพบว่า อีกทั้ง 2 กลุ่มมีลักษณะดีตั้งแต่เริ่มกระทั่งจบการทดลอง แต่กรุ๊ปที่กินสารสกัดจากฟ้าทะลายมิจฉาชีพได้ผลได้อย่างชัดเจนในช่วงวันที่ 3-5 มากยิ่งกว่ากลุ่มที่รับประทานยาหลอก แม้กระนั้น ยังพบผลกระทบนิดหน่อยในอีกทั้ง 2 กลุ่ม จากการทดลองจึงเชื่อว่าฟ้าทะลายขโมยบางทีอาจช่วยรักษาหรือบรรเทาอาการติดโรคในทางเดินหายใจตอนต้น
โตงเตง ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Physalis angulata  L. ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ : Physalis minima ชื่อสามัญ :   Hogweed, Ground Cherry ชื่อวงศ์ :   SOLANACEAE คุณประโยชน์โทงเทง : แบบเรียนยาไทย ผลรสเปรี้ยวเย็น แก้ต่อมน้ำลายอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้ฝีในคอ แก้อักเสบในคอ แก้ร้อนในอยากกินน้ำ ตำพอกแก้ปวดบวม
ส่วนคุณประโยชน์ที่สำคัญของโทงเทงที่ ใช้รักษาอาการต่อมทอนซิลอักเสบ โดยแพทย์พื้นบ้านนั้นจะใช้ทั้งต้นตำให้แหลกละลายกับเหล้า เอาสำลีชุบเอาน้ำยาใช้อมไว้ข้างแก้ม กลืนน้ำผ่านคอครั้งละนิด แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือที่เรียกว่าต่อมน้ำลายอักเสบ แก้ฝีในคอ ใช้แก้อาการอักเสบในลำคอได้ดิบได้ดี หรือผู้ที่แพ้แอลกอฮอล์ก็ใช้ละลายกับน้ำส้มสายชูแทน ใช้ข้างในแก้ร้อนในหิวน้ำ ใช้ภายนอกแก้ฟกบวมอักเสบทำให้เย็น แล้วก็อีกหนังสือเรียนยาหนึ่งบอกว่าแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ ให้ใช้ต้นนี้ใหม่ๆ(หรืออย่างแห้งก็ใช้ได้) 3 หัว แผ่น ฝักชุบน้ำตาล 2 แผ่น ใส่น้ำ 1 ถ้วย ต้มให้เหลือครึ่งถ้วย รับประทานครั้งเดียวหมด เด็กก็กินต่ำลงตามส่วน จากการดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยร้อยกว่าราย บางคนกิน 4-10 ครั้งก็หาย บางคนรับประทานต่อเนื่องกันถึง 2 เดือนจึงหาย
ปลาไหลเผือก ชื่อวิทยาศาสตร์ :  EURYCOMA LONGIFOLIA Jack. สกุล : SIMAROUBACEAE คุณประโยชน์ทางยา : ราก ต้านโรคมะเร็ง รักษาโรคอัมพาต ช่วยถ่ายน้ำเหลือง ขับพยาธิ แก้ท้องผูก แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้ลักษณะการเจ็บคอ วิธีการใช้ตามตำราไทย : ต่อต้านโรคมะเร็ง ช่วยขับถ่ายน้ำเหลือง ขับพยาธิ แก้อาการท้องผูก แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้ลักษณะการเจ็บคอ นำรากแห้งโดยประมาณ 8-15 กรัม นำมาต้มเอาน้ำดื่มก่อนที่จะรับประทานอาหารทุกตอนเช้าและก็เย็น (2 เวลา)
เอกสารอ้างอิง

  • พรพิมล พฤกษ์ประเสริฐ.(2550). การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน. ใน ประยงค์ เวชวนิชสนอง และวนพร อนันตเสรี. กุมารเวชศาสตร์ทั่วไป (หน้า214-216).หน่วยผลิตตำราคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.ทอนซิลอักเสบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่324.คอลัมน์สารานุภาพทันโรค.เมษายน.2549
  • ศ.พญ.นวลอนงค์ วิศิษฎสุนทร.คออักเสบและตอ่มทอนซิลอกัเสบปัญหาของหนูน้อย.ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล.
  • ทอนซิลอักเสบ-อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์ดอทคอม. http://www.disthai.com/
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2.  “ทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 410-413.
  • วิทยา บุญวรพัฒน์.”โทงเทง” หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.หน้า284.
  • ฟ้าทะลายโจร.ฐานข้อมูลเครื่องยา.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
  • โทงเทง สมุนไพรหยุดการอักเสบในลำคอ.ศูนย์ข้อมูลสมุนไพร.สถาบันวิจัยสมุนไพร.กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.

บันทึกการเข้า