รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคโปลิโอ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 599 ครั้ง)

Tawatchai1212

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 92
    • ดูรายละเอียด


โรคโปลิโอ (Poliomyelitis)
โรคโปลิโอเป็นยังไง โรคโปลิโอค้นพบทีแรกเมื่อ คริสต์ศักราช 1840 โดย Jakob Heine ส่วนไวรัสโปลิโอซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคถูกพ้นเจอเมื่อ คริสต์ศักราช 1908 โดย Karl Landsteiner โรคโปลิโอ หรือ ไข้ไขสันหลังอักเสบ  เป็นโรคที่สร้างความทรมาณสาหัสแก่เด็กทั่วทั้งโลก ซึ่งมีผู้ป่วยในสมัยก่อนมากยิ่งกว่า 350,000 รายต่อปี ด้วยเหตุว่านำไปสู่ความพิการ ขา หรือ แขนลีบ รวมทั้งเสียชีวิต ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการตำหนิดเชื้อไวรัสโปลิโอ โดยคนเจ็บส่วนใหญ่มักไม่มีอาการแสดงของโรค ส่วนในกลุ่มคนเจ็บที่มีลักษณะนั้นจำนวนมากจะมีอาการเพียงเล็กน้อยอย่างไม่เจาะจงและก็หายได้เองภายในระยะเวลาไม่กี่วัน แต่จะมีคนไข้เพียงแต่ส่วนน้อยที่จะมีอาการของกล้ามเนื้ออ่อนเพลียรวมทั้งเมื่อผ่านไปหลายๆปีข้างหลังการรักษา ผู้ป่วยที่เคยมีลักษณะอาการกล้ามเนื้ออ่อนเพลียนี้อาจจะมีการเกิดอาการกล้ามอ่อนแรงซ้ำขึ้นมาอีก และก็บางทีอาจเกิดกล้ามฝ่อลีบและเกิดความพิการของข้อตามมาได้ ในตอนนี้โรคนี้ยังไม่มียารักษา แต่ว่ามีวัคซีนที่ใช้คุ้มครองปกป้องโรคได้
โรคโปลิโอ นับเป็นโรคที่มีความหมายมากมายโรคหนึ่ง เพราะเชื้อ เชื้อไวรัสโปลิโอ จะก่อให้มีการอักเสบของไขสันหลังทำให้มีอัมพาตของกล้ามแขนขา ซึ่งในรายที่อาการรุนแรงจะมีผลให้มีความพิการตลอดชีวิต แล้วก็บางรายบางทีอาจถึงเสียชีวิตได้ ในปี พุทธศักราช 2531 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ทุกประเทศร่วมมือกวาดล้างโรคโปลิ โอ ทำให้อัตราการป่วยทั่วทั้งโลกต่ำลงไปมากถึง 99% โดยลดน้อยลงจาก 350,000 ราย (จาก 125 ประเทศทั่วทั้งโลก) ในปี พุทธศักราช 2531 เหลือแค่ 820 รายใน 11 ประเทศในปี พศ. 2550 ซึ่งประ เทศที่ยังเจอโรคมากอยู่เป็น อินเดีย (400 กว่าราย) ประเทศปากีสถาน ไนจีเรีย และอัฟกานิสถาน
ส่วนในประเทศไทยไม่พบคนไข้โรคโปลิโอมาตรงเวลายาวนานหลายปีแล้ว โดยพบรายสุดท้ายในปี พุทธศักราช 2540 ที่ จังหวัด เลย แม้กระนั้นเด็กทุกคนยังคงจำต้องได้เรื่องฉีดรับวัคซีนตามมาตรกาเกลื่อนกลาดวาดล้างโรคโปลิโอร่วมกับนานาประเทศทั้งโลก เพราะว่าโปลิโอเป็นโรคร้ายแรงที่สร้างการสิ้นไปทั้งยังทางด้านร่างกายแล้วก็เศรษฐกิจ รวมทั้งเดี๋ยวนี้แม้ว่า องค์การอนามัยโลก CWHO ได้ประกาศรับรองให้เป็นประเทศที่ปราศจากโรคโปลิโอแล้วเมื่อวันที่ 27 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2557 แต่ประเทศไทยยังที่มีโอกาสเสี่ยงต่อโรคโปลิโออยู่ ด้วยเหตุว่ามีเขตแดนใกล้กับประเทศที่มีการระบาดของโรคโปลิโออย่างพม่าและลาวที่เพิ่งพบเชื้อโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธ์ไปเมื่อปี พ.ศ. 2558
ที่มาของโรคโปลิโอ โรคโปลิโอเป็นผลมาจากเชื้อไวรัสโปลิโอ single-stranded RNA virus ไม่มีเปลือกหุ้มจัดอยู่ใน Family Picornaviridae, Genus Enterovirus มี 3 ทัยป์เป็นทัยป์ 1, 2 แล้วก็ 3 โดยแต่ละประเภทอาจจะเป็นผลให้กำเนิดอัมพาตได้ พบว่า type 1 นำไปสู่อัมพาตรวมทั้งเกิดการระบาดได้บ่อยครั้งกว่าทัยป์อื่นๆแล้วก็เมื่อติดเชื้อโรคประเภทหนึ่งแล้วจะมีภูมิคุ้มกันถาวรเกิดขึ้นเฉพาะต่อทัยป์นั้น ไม่มีภูมิคุ้มกันต่อทัยป์อื่น ดังนั้น ตามทฤษฎีนี้แล้ว คน 1 คน อาจติดเชื้อได้ถึง 3 ครั้ง และแต่ละทัยป์ของเชื้อไวรัสโปลิโอ จะแบ่งย่อยได้อีก 2 สายพันธุ์ เป็น

  • สายพันธุ์รุนแรงก่อโรค (Wild strain) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังรวมทั้งกวาดล้าง โดยตอนนี้ยังพบสายพันธุ์ร้ายแรงนี้ใน 2 ประเทศหมายถึงอัฟกานิสถานและก็ประเทศปากีสถาน
  • สายพันธุ์วัคซีน (Vaccine strain หรือ Sabin strain) เป็นการทำให้เชื้อไวรัสโปลิโออีกทั้ง 3 จำพวกย่อยอ่อนฤทธิ์ลงจนถึงไม่สามารถที่จะนำมาซึ่งโรคได้ แล้วประยุกต์ใช้เป็นวัคซีนชนิดหยด หรือที่เรียกกันว่า OPV (Oral polio vaccine) เพื่อสร้างภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกาย แต่อย่างไรก็ดี เชื้อไวรัสโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนอาจมีความเคลื่อนไหวในระดับโมเลกุลจนกระทั่งสามารถนำไปสู่สายพันธุ์วัคซีนกลายพันธุ์ และก็นำไปสู่โรคโปลิโอได้ ซึ่งการเกิดนี้มักจะเกิดในชุมชนที่หรูหราความครอบคลุมของวัคซีนโปลิโอค่อนข้างต่ำเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน


โดยเชื้อโปลิโอนี้จะอยู่ในไส้ของคนแค่นั้น ไม่มีแหล่งรังโรคอื่นๆเชื้อจะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้ในไส้ของคนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันรวมทั้งอยู่ด้านในลำไส้ 1-2 เดือน เมื่อถูกถ่ายออกมาด้านนอก จะไม่สามารถเพิ่มได้ และก็เชื้อจะอยู่ด้านนอกร่างกายในสภาพแวดล้อมไม่ได้นาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตร้อน อายุครึ่งชีวิตของเชื้อไวรัสโปลิโอ (half life) โดยประมาณ 48 ชั่วโมง
ลักษณะโรคโปลิโอ  เมื่อเชื้อโปลิโอเข้าสู่ร่างกายของผู้ที่ไม่มีภูมิต้านทาน เชื้อไวรัสจะเข้าไปเพิ่มจำนวนในรอบๆ pharynx แล้วก็ไส้ สองสามวันถัดมาก็จะกระจายไปสู่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอที่ต่อมทอนซิล และก็ที่ไส้และไปสู่กระแสโลหิตทำให้มีลักษณะไข้เกิดขึ้น ส่วนน้อยของเชื้อไวรัสจะผ่านจากกระแสโลหิตไปยังไขสันหลังแล้วก็สมองโดยตรง หรือนิดหน่อยบางทีอาจผ่านไปไขสันหลังโดยทางเส้นประสาท เมื่อไวรัสเข้าไปยังไขสันหลังแล้วชอบไปที่ส่วนของไขสันหลังหรือสมองที่ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ เมื่อเซลล์สมองในส่วนที่    ติดเชื้อโรคมีอาการอักเสบมากมายจนกระทั่งถูกทำลายไป กล้ามที่ควบคุมโดยเซลล์ประสาทนั้นก็จะมีอัมพาตและฝ่อไปในที่สุด
         ดังนี้สามารถแบ่งผู้ป่วยโปลิโอตามกรุ๊ปอาการได้เป็น 4 กลุ่มหมายถึง

  • กลุ่มผู้เจ็บป่วยที่ไม่มีอาการ ผู้เจ็บป่วยกลุ่มนี้มีราวๆ 90 – 95% ของผู้ติดโรคโปลิโอทั้งปวง มีความจำเป็นทางด้านระบาดวิทยา ด้วยเหตุว่าเชื้อไวรัสโปลิโอที่เข้าไปจะไปเพิ่มในลำไส้ รวมทั้งขับถ่ายออกมาตรงเวลา 1-2 เดือน นับเป็นแหล่งแพร่โรคที่สำคัญในชุมชน
  • กลุ่มคนป่วยที่มีลักษณะอาการน้อยมาก (Abortive poliomyelitis) หรือที่เรียกว่า abortive case หรือ minor illness ซึ่งจะเจอได้ราวๆ 5-10% ของผู้ติดโรคโปลิโอทั้งผอง ชอบมีอาการไข้ต่ำๆเจ็บคอ อาเจียน ปวดท้อง เบื่อข้าว แล้วก็อ่อนล้า อาการจะเป็นอยู่ 3-4 วัน ก็จะหายเป็นระเบียบโดยไม่มีอาการอัมพาต ซึ่งจะวินิจฉัยโรคแยกจากโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสอื่นไม่ได้
  • กรุ๊ปผู้ป่วยที่มีลักษณะเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อไวรัสโปลิโอ (Nonparalytic poliomyelitis) กลุ่มนี้จะพบได้เพียง 1% ของผู้ติดโรคโปลิโอทั้งผอง จะมีลักษณะเช่นเดียวกับที่เกิดจากเชื้อไวรัสอื่นๆคนไข้จะมีลักษณะคล้าย abortive case แต่ว่าจะตรวจพบคอแข็งกระจ่าง มีอาการปวดศีรษะ ปวดตามกล้ามเนื้อ เมื่อตรวจน้ำไขสันหลังก็จะพบไม่ปกติแบบการตำหนิดเชื้อไวรัส มีเซลล์ขึ้นไม่มากส่วนมากเป็นลิมโฟซัยท์ ระดับน้ำตาลและก็โปรตีนปกติ หรือเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย
  • กรุ๊ปผู้เจ็บป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนล้า (Paralytic poliomyelitis) เป็นอัมพาต กลุ่มนี้พบได้น้อยมากจะมีลักษณะอาการแบ่งได้ 2 ระยะ ระยะแรกคล้ายกับใน abortive case หรือเป็น minor illness เป็นอยู่ 3-4 วัน หายไป 3-4 วัน เริ่มมีไข้กลับมาใหม่ พร้อมด้วยมีลักษณะปวดกล้ามอาจมีการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อก่อนจะมีอัมพาตเกิดขึ้น กล้ามเนื้อจะเริ่มมีอัมพาตรวมทั้งเพิ่มกล้ามเนื้อที่มีอัมพาตอย่างรวดเร็ว ส่วนมากจะกำเนิดเต็มที่ภายใน 48 ชั่วโมง แล้วก็จะไม่ขยายมากขึ้นคราวหลัง 4 วัน เมื่อตรวจตรารีเฟลกซ์บางคราวจะพบว่าหายไปก่อนที่กล้ามจะมีอัมพาตเต็มกำลัง


          ลักษณะของอัมพาตในโรคโปลิโอมักจะเจอที่ขามากกว่าแขนรวมทั้งจะเป็นข้างเดียวมากกว่า 2 ข้าง (asymmetry) มักจะเป็นกล้ามเนื้อต้นขา หรือต้นแขนมากยิ่งกว่าส่วนปลาย เป็นแบบอ่อนเปียก (flaccid) โดยไม่มีความเคลื่อนไหวในระบบความรู้สึก (sensory) ที่พบได้มากเป็นเป็นแบบ spinal form ที่มีอัมพาตของแขน ขา หรือกล้ามลำตัว ในรายที่เป็นมากอาจมีอัมพาตของกล้ามส่วนลำตัวที่ทรวงอกและท้อง ซึ่งมีความหมายสำหรับเพื่อการหายใจ ทำให้หายใจเองมิได้ บางทีอาจจนตายได้หากช่วยไม่ทัน
ปัจจัยเสี่ยงที่จะนำมาซึ่งโรคโปลิโอ โรคโปลิโอพบได้บ่อยได้ในเด็กมากกว่าคนแก่ โดยทั้งเพศชายและก็ผู้หญิงได้โอกาสติดโรคนี้ได้เท่ากัน และก็ได้โอกาสติดเชื้อโปลิโอได้ง่าย แต่มีคนไข้น้อยมากที่จะมีลักษณะกล้ามอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เชื้อไวรัสประเภทนี้จะเจริญเติบโตอยู่ในไส้ เชื้อจึงถูกขับออกจากร่างกายมากับอุจจาระแล้วก็แพร่ไปสู่คนอื่นๆผ่านการกินอาหารหรือดื่มน้ำที่แปดเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของคนป่วย ซึ่งเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการขับถ่ายที่ไม่ถูกความถูกอนามัยและไม่ล้างมือก่อนอาหาร โรคนี้จึงพบได้มากมากมายในประเทศที่ด้อยความเจริญและก็กำลังพัฒนาที่ขาดการดูแลเรื่องสุขอนามัยที่ดี
ทั้งยังผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโปลิโอนั้น จะยิ่งมีความเสี่ยงต่อการต่อว่าดเชื้อยิ่งขึ้นแม้อยู่ในด้านในกลุ่มเสี่ยงดังนี้
           หญิงท้องและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ อย่างเช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี แล้วก็เด็กเล็กซึ่งจะมีความไวต่อการได้รับเชื้อโปลิโอ
           เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโปลิโอหรือเพิ่งจะเกิดการระบาดของโรคเมื่อไม่นานมานี้
           เป็นผู้ดูแลหรืออาศัยอยู่กับผู้ติดโรคโปลิโอ
           ปฏิบัติงานในห้องทดลองที่สัมผัสใกล้ชิดกับเชื้อไวรัส
           ผู้ที่ผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกไป
วิธีการรักษาโรคโปลิโอ หมอจะวินิจฉัยโรคโปลิโอด้วยการไต่ถามอาการจากคนไข้ว่ารู้สึกเจ็บปวดบริเวณหลังและก็คอ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนหรือหายใจหรือไม่ ตรวจสอบปฏิกิริยาสะท้อนกลับของร่างกาย รวมถึงการตรวจทางเรือเหลือง โดยเก็บตัวอย่างในช่วงระยะทันควันและก็ระยะซ่อนเร้นของโรค ตรวจสารภูมิคุ้มกัน IgM หรือ IgG นอกเหนือจากนี้เพื่อรับรองให้มั่นใจอาจมีการตรวจค้นเชื้อไวรัสโปลิโอด้วยการเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากคอ อุจจาระ หรือน้ำหล่อเลี้ยงสมองรวมทั้งไขสันหลังส่งไปเพื่อทำการตรวจทางห้องทดลอง ในกรณีผู้เจ็บป่วยที่มีอาการกล้ามอัมพาตแบบอ่อนเปียก (acute flaccid paralysis : AFP) แพทย์จะดำเนินงานไต่สวนโรค พร้อมกับเก็บอุจจาระส่งตรวจเพื่อ    แยกเชื้อโปลิโอ การวินิจฉัยที่แน่ๆเป็น แยกเชื้อโปลิโอได้จากอุจจาระ รวมทั้งกระทำการตรวจว่าเป็นทัยป์ใดเป็นสายพันธุ์ wild strain หรือ vaccine strain (Sabin strain)
          การเก็บอุจจาระส่งตรวจจะเก็บ 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ต้องเก็บให้เร็วด้านใน 1-2 สัปดาห์ภายหลังที่เจอมีลักษณะ AFP ซึ่งเป็นช่วงๆที่มีจำนวนเชื้อไวรัสในอุจจาระมากยิ่งกว่าระยะอื่นๆการจัดส่งอุจจาระเพื่อส่งตรวจต้องให้อยู่ในอุณหภูมิ 4-8๐ ซ ตลอดระยะเวลา มิฉะนั้นเชื้อโปลิโออาจตายได้ ตอนนี้โรคโปลิโอยังไม่มีวิธีรักษาให้หายสนิท แพทย์สามารถให้การดูแลคนไข้ตามอาการ  แล้วก็ช่วงนี้ก็ยังไม่มียารักษาโรคโปลิโอโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดูแลและรักษาจะเป็นแบบเกื้อกูล ได้แก่ ให้ยาลดไข้ และก็ลดลักษณะของการปวดของกล้าม ในรายที่มีลักษณะอัมพาตของกล้ามแขน ขา วิธีการทำกายภาพ บรรเทาจะช่วยฟื้นฟูความสามารถของกล้ามให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับการรักษาคนไข้กลุ่มอาการหลังกำเนิดโรคโปลิโอ (Post-polio syndrome – PPS) การดูแลและรักษาหลักจะย้ำไปที่แนวทางการทำกายภาพบำบัดมากกว่า ดังเช่นว่า การใส่อุปกรณ์ช่วยยึดลำตัว เครื่องไม้เครื่องมือช่วยสำหรับการเดิน อุปกรณ์ที่ช่วยปกป้องข้อบิดผิดรูปหรืออาจใช้การผ่าตัดช่วย การฝึกหัดพูดแล้วก็ฝึกกลืนในผู้เจ็บป่วยที่มีปัญหา การออกกำลังกายที่ย้ำการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อภายใต้คำเสนอแนะที่ถูกต้องจากแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด การใช้งานเครื่องช่วยหายใจในขณะหลับแม้คนเจ็บมีปัญหาหัวข้อการหยุดหายใจในขณะหลับ แล้วก็การดูแลทางด้านอารมณ์และจิตใจของผู้เจ็บป่วยร่วมด้วย

การปฏิบัติตนเมื่อมีอาการป่วยเป็นโรคโปลิโอ

  • ถ้าได้รับการวิเคราะห์ว่าเป็นโรคโปลิโอไม่ว่ามีอาการอยู่ในกรุ๊ปใด ถ้าเกิดแพทย์ให้กลับบ้านญาติต้องระมัดระวังการแพร่ระบาดสู่บุคคลในบ้าน ด้วยเหตุว่าคนไข้จะสามารถขับเชื้อออกมาทางอุจจาระได้นานถึงราวๆ 3 เดือนหลังติดเชื้อ รวมทั้งถ้าหากผู้เจ็บป่วยมีภาวะภูมิต้านทานต่อต้าน ทานโรคขาดตกบกพร่องด้วยแล้วจะสามารถแพร่เชื้อได้นานถึงโดยประมาณ 1 ปี โดยให้ญาติดูแลประเด็นการขับ ถ่ายของผู้เจ็บป่วยให้ถูกสุขลักษณะ การล้างมือทุกครั้งข้างหลังเข้าห้องอาบน้ำรวมทั้งก่อนจับจับของกินเข้าปาก การกินของกินปรุงสุกใหม่เสมอ การล้างผักผลไม้ให้สะอาดแล้วก็ปอกผลไม้ก่อนกิน แล้วก็ถ้าบุคคลในบ้านใครกันแน่ยังไม่เคยรับวัคซีนโปลิโอ ก็ให้หารือหมอเพื่อรับวัคซีนให้ครบ
  • ให้คนไข้กินอาหารที่มีคุณประโยชน์ครบทั้งยัง 5 กลุ่ม
  • หากผู้ป่วยมีอาการกล้ามอ่อนเปลี้ยเพลียแรงให้พี่น้องช่วยทำกายภาพบำบัดเพื่อผลักดันความสามารถการเคลื่อนไหว แล้วก็เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด
  • พี่น้องควรจะดูแลรวมทั้งเอาใจใส่คนไข้ รวมทั้งดูแลทางด้านสภาวะจิตใจ สถานการณ์ทางอารมณ์ของคนเจ็บแล้วก็ให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยด้วย
  • ญาติควรพาคนไข้ไปพบแพทย์ตามนัดหมายอย่างเคร่งครัด หรือ แม้มีลักษณะไม่ปกติที่เป็นอันตราย ก็ควรพาไปพบหมอโดยด่วน
การปกป้องโรคโปลิโอ

  • โรคโปลิโอสามารถคุ้มครองปกป้องได้ด้วยวัคซีน ซึ่งวัคซีนที่มีใช้ ทั่วทั้งโลกมี 2 จำพวกเป็น
  • วัคซีนโปลิโอชนิดกิน (Oral Poliomyelitis Vaccine: OPV, Sabin) การกวาดล้าง ในประเทศไทย โรคโปลิโอ H T กรุ๊ปโรคติดต่อที่คุ้มครองป้องกันได้ด้วยวัคซีน สำนักโรคติดต่อทั่วๆไป Albert Bruce Sabin M.D. Jonas Edward Salk M.D. เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ (attenuated live oral poliomyelitis vaccine) สายพันธุ์ Sabin คิดค้นโดย Albert Bruce Sabin ชาวอเมริกัน เมื่อปี พ.ศ. 2504 วัคซีนมีเชื้อ ไวรัสโปลิโอ 3 ทัยป์เป็นทัยป์ 1, 2 แล้วก็ 3 ให้วัคซีนโดยการกินเป็นการเลียนแบบการตำหนิดเชื้อ ตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถกระตุ้นภูมิต้านทานที่เยื่อบุคอแล้วก็ลำไส้ของผู้รับวัคซีน และก็สามารถแพร่ระบาด วัคซีนไปกระตุ้นภูมิต้านทานให้กับผู้สัมผัสสนิทสนมได้อีกด้วย เดี๋ยวนี้วัคซีนโปลิโอประเภทรับประทานนี้ถือว่าเป็น วัสดุสำคัญสำหรับการกำจัดโรคโปลิโออย่างยิ่ง เนื่องจากว่าสามารถปกป้องรวมทั้งกำจัดเชื้อโปลิโอสายพันธุ์ ก่อโรคได้อย่างดีเยี่ยม มีราคาถูกรวมทั้งมีวิธีการให้วัคซีนง่าย แต่ว่ามีข้อเสีย คืออาจจะส่งผลให้กำเนิดอาการใกล้กัน คล้ายโรคโปลิโอ (Vaccine Associated Paralytic Polio: VAPP) ซึ่งเกิดขึ้นน้อยมาก ประมาณ 1 ใน 2.7 ล้านโด้ส หรืออาจมีการกลายพันธุ์ (Vaccine Derive Polio Virus: VDPV) จนถึงก่อ โรคได้ในพื้นที่ที่มีความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนต่ำ
  • วัคซีนโปลิโอชนิดฉีด (Inactivated Poliomyelitis Vaccine: IPV, Salk) เป็นวัคซีนที่ทำมาจากเชื้อไวรัสโปลิโอที่ตายแล้ว (kill vaccine) คิดค้นโดย Jonas Edward Salk ชาว อเมริกัน เมื่อปี พ.ศ. 2498 วัคซีนจำพวกนี้ประกอบด้วยเชื้อโปลิโอ 3 ทัยป์ ให้วัคซีนโดยการฉีด


ในปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้วัคซีนโปลิโอในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค โดยให้วัคซีน OPV 5 ครั้ง เมื่ออายุ 2, 4, 6 เดือน 1 ปีครึ่ง รวมทั้ง 4 ปี รวมทั้งให้วัคซีน IPV 1 ครั้ง เมื่ออายุ 4 เดือน

  • คุ้มครองการตำหนิดเชื้อและการแพร่ขยายของเชื้อโปลิโอ ด้วยการกินอาหารและก็กินน้ำสะอาดถูกสุขลักษณะ รวมถึงการขี้ลงส้วมที่ถูกสุขลักษณะทุกหน
  • ตอนหลังเข้าไปคลุกคลีใกล้ชิดคนไข้โรคโปลิโอ หรอเข้าไปดูแลเปลี่ยนผ้าให้แก่คนป่วยควรล้ามือด้วยสบู่ทุกหน
  • เมื่ออยู่ในพื้นที่มีการระบาดของโรคโปลิโอ ควรจะดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงปฏิบัติตามหลักสุขบัญญัติให้เข้มงวด


สมุนไพรที่ใช้รักษา/บรรเทาโรคโปลิโอ เนื่องมาจากโรคโปลิโอเป็นโรคที่ติดต่อจากเชื้อไวรัสที่มีการติดต่อได้ง่าย รวมทั้งในคนไข้ที่มีความรุนแรงของโรคนั้นอาจก่อให้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพได้ ซึ่งในขณะนี้นั้นยังไม่มียาที่ใช้รักษาโรคโปลิโอให้หายได้ รวมถึงยังไม่มีข้อมูลว่ามีสมุนไพรประเภทไหนที่ใช้รักษาหรือทุเลาลักษณะโรคโปลิโอได้เหมือนกัน
เอกสารอ้างอิง

  • การกวาดล้างโรคโปลิโอในประเทศไทย.กลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนสำนักโรคติดต่อทั่วไป.วารสาร ดร.สัมพันธ์.ปีที่ 3.ฉบับที่ 4.เมษายน-พฤษภาคม 2559.หน้า 2-3
  • โปลิโอ.อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์.
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2. “โปลิโอ (Poliomyelitis)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 571-572.
  • Paul JR (1971). A History of Poliomyelitis. Yale studies in the history of science and medicine. New Haven, Conn: Yale University Press. pp. 16– ISBN 0-300-01324-8. http://www.disthai.com/
  • Cohen JI (2004). "Chapter 175: Enteroviruses and Reoviruses". In Kasper DL, Braunwald E, Fauci AS, et al. (eds.). Harrison's Principles of Internal Medicine (16th ed.). McGraw-Hill Professional. p. ISBN 0-07-140235-7.
  • โรคโปลิโอ(Poliomyelitis).ความรู้เรื่องโรคติดต่อ.สำนักโรคติดต่อทั่วไป.กรมควบคุมโรค.กระทรวงสาธารณสุข
  • Ryan KJ, Ray CG (eds.) (2004). "Enteroviruses". Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 535– ISBN 0-8385-8529-9.
  • Jeffrey I. Cohen, enteroviruses and reoviruses, in Harrison’s Principles of Internal Medicine, 15th edition, Braunwald , Fauci, Kasper, Hauser, Longo, Jameson (eds). McGrawHill, 2001
  • โรคโปลิโอ(Polio).สำนักโรคติดต่อทั่วไป.กรมควบคุมโรค.กระทรวงสาธารณสุข.

บันทึกการเข้า