รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: 7 สมุนไพรบำรุงสมอง และความจำในผู้สูงอายุ กินทุกวันป้องกันโรคสมองเสื่อม  (อ่าน 540 ครั้ง)

angrynodseo

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 11
    • ดูรายละเอียด


รู้จักสมุนไพรบำรุงสมอง และความจำในผู้สูงอายุ ง่ายๆใกล้ตัว



 
อาการหลงๆลืมๆ เป็นเรื่องปกติที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ โดยอาการที่พบมีตั้งแต่อาการหลงลืมทั่วไป อาการความจำเสื่อม ไปจนถึงโรคสมองเสื่อมเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุทุกเพศ และอาการนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเมื่ออายุมากขึ้น โดยพบสูงถึง 30% ในผู้ที่อายุ 85 ปี ซึ่งโรคสมองเสื่อมนั้น เกิดจากหลายสาเหตุเช่น โรคสมองเสื่อมจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ การดื่มสุราเรื้อรัง ภาวะสมองขาดออกซิ เจน ภาวะเลือดคั่งในสมอง การขาดสารอาหารและภาวะขาดวิตามินบางชนิด เป็นต้น
ดังนั้น การดูแลให้ผู้สูงอายุได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย จึงเป็นเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัว เพื่อป้องกันอาการสมองเสื่อมและช่วยบำบัดอาการในวัยผู้สูงอายุ โดยสารอาหารจำเป็นนั้น สามารถเลือกรับประทานง่ายๆ จากอาหารและสมุนไพรไทยหลายชนิด ดังนี้
อาหารและสมุนไพรบำรุงสมองในผู้สูงอายุ
อาหารและสมุนไพรง่ายๆ ใกล้ตัวที่สามารถปลูกไว้รับประทานเอง หรือ สามารถหาซื้อมารับประทานได้ตามท้องตลาด ที่มีสรรพคุณเป็นทั้งยาและอาหารบำรุงสุขภาพ โดยเฉพาะบำรุงสมองและยังช่วยบำรุงสุขภาพร่างกาย มีดังนี้
 
 



1. กระเทียม ( Garlic) กระเทียมเป็นสมุนไพรที่นำมาใช้ในการประกอบอาหารหลากหลายชนิด คุณสมบัติสำคัญของกระเทียมในการบำรุงสมอง คือ ช่วยกระตุ้นให้สมองสร้างเซโรโทนิน(Serotonin)หรือ ที่เรียกว่าฮอร์โมนแห่งความสงบมากขึ้น ช่วยทำให้เราอารมณ์ดี ลดความเครียดช่วยชะลอความเสื่อมของเซลส์ประสาท ช่วยให้ความจำดี นอกจากนี้ยังช่วยลดระดับโฮโมซีสเทอีน (Homocysteine) หรือที่รู้จักกันว่าเป็นสารทำลายหลอดเลือดแดง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดได้รับ ความเสียหายและเกิดก้อนเลือดอุดตันในหลอดเลือด เมื่อระดับโฮโมซีสเทอีนลดลงโอกาสเสี่ยงในการเกิดภาวะหลอดเลือดในสมองแตก (Brain Stroke)จึงลดลงตาม การรับประทานกระเทียมจะช่วยลดระดับโฮโมซีสเทอีนในเลือดได้ในภาวะการขาดโฟลิก หากรับประทานกระเทียมเป็น ประจำช่วยชะลอการเกิดภาวะแคลเซียมสะสมในหลอดเลือดหัวใจซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หลอดเลือดแดงหัวใจแข็งได้



2. ขมิ้น (Turmeric) หรือ ขมิ้นชัน เป็นสมุนไพรที่นิยมนำมาทำอาหารหลากหลายชนิด รวมทั้งนำมาแต่งกลิ่น และสีของอาหารทั้งคาวและหวาน ขมิ้นอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่มากมาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี และ วิตามินอี แร่ธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส แคลเซียม รวมถึงเกลือแร่มากมาย และที่สำคัญคือ ขมิ้นมีสาระสำคัญที่ช่วยบำรุงสมอง คือ สารเคอร์คูมินอยด์ ทำหน้าที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ป้องกันเซลล์สมองตายจากการขาดเลือด ช่วยลดอาการอักเสบของเนื้อเยื่อสมอง และต้านสารอนุมูลอิสระในเซลล์สมอง จึงสามารถป้องกันโรคสมองเสื่อมได้และลดการอักเสบในเนื้อเยื่อสมองจากพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆได้ เช่น ผู้ที่มีความเครียด มีประวัติดื่มสุรา เป็นต้น




3. กระเพรา หรือ โหระพา (Basil) มีทั้งแบบสีม่วงและสีเขียว มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงหัวใจและสมองและมีคุณสมบัติในการต่อต้านการอักเสบที่มีการป้องกันจากโรคอัลไซเมอร์ ช่วยรักษาอาการปวดศีรษะ และในใบกระเพราหรือใบโหระพา (Basil) ยังมีน้ำมันหอมระเหยที่มีคุณสมบัติช่วยให้จิตใจสงบ มีสมาธิ และช่วยลดอาการซึมเศร้าได้


 
4. สะระแหน่ (Mint) เป็นสมุนไพรที่นิยมนำมาปรุงอาหารมากมายหลายเมนู รวมทั้งนำมาใช้ในการจัดวางได้ทั้งอาหารคาวหวาน เพิ่มความสวยงามและกลิ่นหอม และยังสามารถรับประทานบำรุงสมองและความจำได้ เช่น นำมาจัดวางเพื่อรับประทานดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ หรือ ผสมเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติ และในบ้านเรามีการนำมาปรุงอาหารมากที่สุด คือ อาหารอีสาน เช่น ลาบ ก้อย แกงต่างๆ เพราะ กลิ่นและรสชาติของสะระแหน่นั้น มีความเป็นเอกลักษณ์ คือ หอม เย็น และยังมีการสกัดเอามาทำเป็นส่วนผสมของอาหาร และผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด เช่น ลูกอม ยาสีฟัน เป็นต้น มินต์มีน้ำมันและเมนทอลสูงมากถึง 80-89 เปอร์เซ็นต์ มีสรรพคุณให้กลิ่นหอมเย็นลึก ช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระตุ้นให้เกิดความกระปรี้กระเปร่า ช่วยให้ความจำดีขึ้น



 
5. ผักชีฝรั่ง (Parsley) หรือ พาร์สลี่ย์ มีทั้งแบบ ผักชีฝรั่งใบแบน และใบหยัก โดยผักชีฝรั่งแบบใบหยักจะกลิ่นหอมอ่อนกว่า แบบใบแบน นิยมนำมาตกแต่งอาหารหรือรับประทานเป็นผักเคียงอาหาร โดยในครัวไทยนิยมนำผักชีฝรั่งทั้ง 2 แบบมาใช้ในการดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ ประโยชน์ที่สำคัญนอกจากจะช่วยบำรุงสมองละความจำแล้ว ในใบผักชีฝรั่งอุดมไปด้วย เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) และวิตามินซี มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่น ช่วยต้านการอักเสบในร่างกาย


 
6. แปะก๊วย (Ginkgo) เป็นสมุนไพรบำรุงความจำ และสมองสารที่สกัดได้จากใบแปะก๊วยมีหลายชนิดที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของโลหิตไปสู่สมอง ปลายมือปลายเท้า ซึ่งหากระบบไหลเวียนไม่ดีจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง เพราะเมื่อสมองขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง ย่อมเสื่อมสมรรถภาพและฝ่อไปในที่สุด ส่งผลต่อการทำงานและประสิทธิภาพของสมอง ทำให้เกิดการหลงลืมในผู้สูงอายุ หรือโรคความจำเสื่อม ที่เรียกว่า อัลไซเมอร์ (Alzheimer disease) การรับประทานใบแปะก๊วยจะส่งผลดีต่อการช่วยปกป้องการสูญเสียความทรงจำ รวมทั้งบำรุงความจำ เสริมระบบความคิดได้



7. ใบบัวบก (Asiatic) มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ผักหนอก (ภาคเหนือ)ผักแว่น (ภาคใต้) เป็นต้น ทางภาคอีสานนิยมนำมารับประทานกับลาบ จัดเป็นพืชสมุนไพรที่มี มีกลิ่นฉุน มีรสขมหวาน สารในใบบัวบก มีสารประกอบที่สำคัญหลายชนิด อย่างเช่น บราโมซัยด์ บรามิโนซัยด์ ไตรเตอพีนอยด์ มาดิแคสโซซัยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ และยังมีกรดมาดิแคสซิค วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินเอ วิตามินเค ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม และกรดอะมิโน อย่างเช่น แอสพาเรต กรดกลูตามิก เซรีน ทรีโอนีน อะลานีน ไลซีน ฮีสทีดิน เป็นต้น นอกจากใบบัวบกจะช่วยแก้ช้ำในแล้ว คนจีนถือว่าใบบัวบกมีฤทธิ์เย็นมาก สามารถขับพิษร้อนและการอักเสบทั้งหลายได้ มีฤทธิ์กล่อมประสาท บำรุงสมอง ช่วยเรื่องความจำ บำรุงประสาท และสมอง เพิ่มความสามารถในการจำ หรือสมองเสื่อมได้



8. อบเชย (Cinnamon) อบเชยมีมานานคู่ครัวไทย อบเชยสามารถช่วยทำให้การสลายลิ่มเลือด ขยายหยอดเลือด การไหลเวียนของเลือด และลดไขมันกับความหนืดของเลือดให้ดีขึ้นได้ และอบเชยยังสามารถนำมาใช้รักษาหรือปรับปรุงให้ดีขึ้นของการเกิดลิ่มเลือดและเซลล์สมองฝ่อได้ เพราะสรรพคุณของอบเชยจะช่วยบำรุงสมอง โดยทำหน้าที่กระตุ้นโปรตีนที่จะช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์สมองเกิดการกลายพันธุ์ การทานอบเชยเป็นประจำยังช่วยบำรุงสมองให้แข็งแรง ช่วยกระตุ้นประสาทและลดความเครียดลงได้เป็นอย่างดี
รู้จักสมุนไพรใกล้ตัวที่มีในบ้านเราที่จัดหาง่าย สามารถนำมาใช้ในการปรุง อาหารและนำมาเป็นส่วนผสมของเมนูอาหารสำหรับผู้สูงอายุได้แล้ว ก็อย่าลืมดูแลเอาใจใส่ผู้สูงอายุที่บ้านให้ได้รับสารอาหารที่สำคัญและมีประโยชน์ต่อร่างกายทุกวัน และที่สำคัญ คือ ความรักและความอบอุ่นในครอบครัว จะช่วยไม่ให้ผู้สูงอายุรู้สึกโดดเดี่ยวและมีภาวะซึมเศร้า ไม่มีภาวะมีภาวะเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุและปัจจัยส่งเสริมให้ เกิดภาวะของโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุได้นั่นเอง

อาหารเสริมผู้สูงอายุซีเนียรินา! เราเกิดมาเพื่อดูแลสุขภาพผู้สูงวัย!และวัย 50 ปี
 
[/center]

วัยทองเป็นวัยเริ่มสู่วัยคนวัยชรา จำเป็นจะต้องมีการเตรียมความพร้อมร่างกายเพื่อปรับพฤติกรรมกับการเปลี่ยนแปลง ถั่วเหลืองเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับเพื่อการบำรุงสุขภาพช่วยให้คนที่จะเข้าสู่วัยทองสามารถปรับสมดุลของร่างกายและก็ฟื้นฟูสุขภาพ หลังที่ฮอร์โมนเพศเริ่มน้อยลง ได้ดังนี้
1. ช่วยปรับสภาพของฮอร์โมนเพศในสตรีให้สมดุล ได้แก่ ช่วยลด
ความรู้สึกไม่สบายตัว อาการร้อนวูบวาบในระยะหมดประจำเดือนของสตรี รวมไปถึงอาการหงุดหงิด เหงื่อแตก ช่องคลอดแห้ง อารมณ์แปรปรวน หรือมีอาการทางผิวหนังและเยื่อบุบริเวณช่องคลอดแห้งหรืออักเสบ และช่วยลดอาการผิดปกติของหญิงวัยหมดประจำเดือนได้
2. ช่วยป้องกันการขาดแคลเซียม ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูก ช่วยลดความรุนแรงของโรคกระดูกผุช่วยลดการสลายของกระดูก และป้องกันโรคกระดูกพรุน ในวัยทอง
3. กระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย ช่วยในการเผาผลาญอาหารในกระเพาะอาหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการเผลาผลาญไขมันไม่อิ่มตัว
4. ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียน และ ปวดศรีษะ ตามตำราแพทย์ของจีนระบุว่า ถั่วเหลืองมีฤทธิ์บำรุงม้ามและลมปราณในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง และมีบางการศึกษาระบุว่า การบริโภคถั่วเหลืองเป็นประจำ อาจช่วยลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชาย และมะเร็งเต้านมในเพศหญิงวัยที่ยังมีประจำเดือน
5. ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง เนื่องจากถั่วเหลืองมีธาตุเหล็กสูง โดยการจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้จะต้องรับประทานร่วมกับอาหารชนิดอื่น ๆ เช่น เนื้อสัตว์หรือวิตามินซีจากผลไม้ เป็นต้น

นอกจากวัยทองแล้ว ถั่วเหลืองยังสามารถรับประทานได้ทุกเพศทุกวัย โดยที่จุดเด่นที่สำคัญของถั่วเหลือง คือ ผู้ที่รับประทานถั่วเหลืองอย่างต่อเนื่องนั้น จะสามารถลดความเสี่ยงของการเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังและโรคมะเร็งได้ เช่น ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง และ เส้นใยอาหารจากถั่วเหลือง สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานได้ ช่วยบำบัดและรักษาผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาต เนื่องจากถั่วเหลืองมีสารไอโซฟลาโวน ที่ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายดีขึ้น เป็นต้น
ทราบประโยชน์ของถั่วเหลืองแล้ว อย่าลืมรับประทานถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์ของถั่วเหลืองให้ได้อย่างน้อยวันละ 25 กรัม ก็จะสามารถช่วยลดปัญหาสุขภาพและปรับสมดุลเตรียมพร้อมเข้าสู่วัยทองได้อย่างมั่นใจแน่นอน


สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

 
Line : @longlifebalance
 
Fanpage : https://www.facebook.com/seniorbalance50/
 
Website : https://www.longlifebalance.com/


Tags : สมุนไพรสามัญประจำบ้าน
บันทึกการเข้า