รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคเเผลในกระเพาะอาหาร- อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 533 ครั้ง)

กาลครั้งหนึ่ง2560

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 120
    • ดูรายละเอียด


โรคแผลในกระเพาะอาหาร (โรคกระเพาะ)

  • โรคแผลในกระเพาะอาหารเป็นอย่างไร โรคแผลในกระเพาะ (Gastric ulcer) คือ โรคที่มีแผลในกระเพาะหรือลำไส้เล็กส่วนต้น หรือมีการอักเสบของเยื่อกระเพาะอาหาร ผู้ที่เป็นโรคนี้แล้วสามารถรักษาให้หายขาดได้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื้อรัง หรือเป็นนานๆถ้าเกิดไม่รักษาหรือประพฤติตนให้ถูกจะมีอาการเป็นๆหายๆและก็หากปล่อยให้เป็นมาก จะทำให้เกิดโรคแทรก ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้  หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โรคแผลเพ็ปติก (peptic ulcer) ซึ่งอาจเป็นแผลตรงส่วนกระเพาะอาหาร เรียกว่า แผลกระเพาะ ของกิน (gastric ulcer, ย่อว่า GU) หรือแผลตรงส่วนลำไส้เล็กส่วนต้น เรียกว่า แผลลำไส้เล็กส่วนต้น (duodenal ulcer, ย่อว่า DU) ก็ได้
  • ต้นเหตุของโรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคแผลในกระเพาะ มีสาเหตุจากเยื่อเมือกบุภายในทางเดินอาหาร ถูกทำลายโดยน้ำย่อยจากกระเพาะ ชื่อ เปบสิน (Pepsin) ซึ่งเป็นที่มาของชื่อโรคว่า แผลเปบติเตียนค ซึ่งเปบสินเป็นน้ำย่อยโปรตีนสถานที่สำหรับทำงานร่วมกับกรดในกระเพาะอาหาร โดยมีกรดเป็นตัวปลุกฤทธิ์ (Activate)ให้น้ำย่อยนี้มีประสิทธิภาพในการย่อยเพิ่มขึ้น และตอนนี้พบว่ายังมีปัจจัยเสริมอื่นๆที่นำไปสู่โรคได้อีก เช่น การติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobactor Pylori) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ติดต่อโดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่แปดเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของผู้ติดเชื้อโรค โดยแบคทีเรียประเภทนี้ มีรูปร่างเป็นเกลียวและก็มีหาง มีความคงทนกรดสูงเนื่องจากว่าสามารถสร้างสารที่เป็นด่างออกมาเจือจางกรดที่อยู่ บริเวณตัวมัน  ทำให้สามารถอาศัยอยู่ในชั้นผิวเคลือบด้านในกระเพาะได้ เชื้อนี้เมื่อไปสู่ร่างกายจะเข้าไปฝังตัวอยู่ใต้เยื่อบุกระเพาะ ฝาผนังกระเพาะก็เลยอ่อนแอลงรวมทั้งมีความทนทานต่อกรดลดลง ทำให้กระเพาะอาหารรวมทั้งไส้ส่วนต้นเกิดแผลได้ง่าย


การใช้ยาต่อต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ (non steroidal anti inflammatory drugs, ย่อว่า NSAIDs) อย่างเช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน อินโดเมทาสิน ทุ่งนาโพรเซน ไพร็อกซิแคม ไดวัวลฟีแนก เป็นต้น ซึ่งนิยมใช้เป็นยาแก้ปวดข้อ ปวด เอ็นหรือกล้ามเนื้อ ปวดเมนส์ รวมทั้ง ใช้แก้ปวดแก้ไข้ทั่วๆไป แม้ใช้ติดต่อกันนานๆมักจะทำให้เกิดแผลเพ็ปติก บางทีอาจร้ายแรงถึงกับขนาดเลือดออก (คลื่นไส้เป็นเลือด อึดำ) หรือกระเพาะไส้เป็นแผลทะลุได้ กระเพาะถูกกระตุ้นให้มีกรดมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่ากระตุ้นของปลายประสาท เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากความตึงเครียด ไม่สบายใจแล้วก็อารมณ์ การดื่มแอลกอฮอล์ ดังเช่นว่า เหล้า เบียร์สด ยาดอง การดื่มกาแฟ การสูบยาสูบ  การกินของกินไม่ตรงเวลา  มีอุปนิสัยการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกจำเป็นต้อง อย่างเช่น การทานอาหารอย่างเร่งด่วน กินไม่เป็นเวลาหรือไม่กินอาหารบางมื้อ ฯลฯ

  • ลักษณะโรคแผลในกระเพาะ ปวดท้อง ลักษณะของการเกิดอาการเจ็บท้องที่สำคัญ คือ ปวดเรื้อรังมานาน เป็นๆหายๆเป็นเดือนหรือเป็นปี  ปวดหรือจุกแน่นท้องรอบๆใต้ลิ้นปี่ หรือ หน้าท้องตอนบน เป็นอาการที่พบได้ทั่วไปที่สุด มักเป็นเวลาท้องว่า หรือเวลาหิว อาการก็เลยเป็นเฉพาะบางช่วงเวลาของวัน  ลักษณะของการปวดแน่นท้อง มักจะทุเลาได้ด้วยของกินหรือยาลดกรด  อาการปวด มักจะเป็นๆหายๆโดยมีช่วงเว้นที่ปลอดอาการออกจะนาน เป็นต้นว่า ปวดอยู่ 1-2 อาทิตย์ แล้วหายไปหลายเดือนจึงกลับมาปวดอีก  ปวดแน่นท้องตอนกลางดึกหลังจากที่หลับไปแล้ว  แม้จะมีลักษณะอาการเรื้อรังเป็นปี สุขภาพโดยปกติจะไม่ทรุดโทรม โรคแผลกระเพาะอาหารจะไม่กลายเป็นมะเร็ง แม้จะเป็นๆหายๆอยู่นานกี่ปีก็ตาม นอกจากจะเป็นแผลจำพวกที่เกิดขึ้นจากโรคมะเร็งของกระเพาะอาหารตั้งแต่ตอนแรกเริ่มโดยตรง  จุดเสียด แน่นท้อง ท้องขึ้น ท้องขึ้นท้องเฟ้อ ท้องอืด เรอลม มีลมในท้อง ร้อนในท้อง อ้วกอาเจียน  อื่นๆที่เจอได้หมายถึงไม่อยากอาหาร


ซูบผอมลง สภาวะไส้ตัน จากแผลนำมาซึ่งพังผืด จึงทำให้ฟุตบาทในกระเพาะรวมทั้ง/หรือลำไส้เล็กตีบแคบลง ซึ่งอาการเป็น ปวดท้องรุนแรง ร่วมกับอาเจียน โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร รวมทั้งดื่มน้ำ และไม่สามารถผายลมได้
                ภาวะแทรกซ้อน  เลือดออกมาจากแผลในกระเพาะ พบมากที่สุด คนไข้จะมีอ้วกเป็นเลือด ถ่ายดำเหลว หรือหน้ามืด เวียนหัว เป็นลมเป็นแล้ง  กระเพาะอาหารทะลุ ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บท้องช่วงบนทันควันร้ายแรง พุงแข็งตึง กดเจ็บมากมาย  กระเพาะอุดตัน คนไข้จะกินได้น้อย อิ่มเร็ว มีอาเจียนหลังอาหารดูเหมือนจะทุกมื้อ ไม่อยากอาหาร น้ำหนักลดน้อยลง

  • สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคแผลในกระเพาะ ปัจจัยเสี่ยงของโรคกระเพาะอาหาร คือ 1. การรับประทานอาหารต่างๆได้แด่ การรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา การทานอาหารรสจัด ดังเช่นว่า เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด 2.การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลผสมหรือน้ำอัดลม รวมทั้ง ชา กาแฟ 3.การสูบบุหรี่ 4.การรับประทานยาต่อต้านการอักเสบ ในกรุ๊ป NSAIDs ติดต่อกันเป็นเวลานาน 5.การติดเชื้อแบคทีเรียเฮลิโด แบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobactor Pylori) ที่ปนเปื้อนมากับอาหารหรือน้ำดื่ม
  • กระบวนการรักษาโรคแผลในกระเพาะ แพทย์วินิจฉัยโรคแผลเปบตำหนิคได้จาก เรื่องราวอาการ การตรวจร่างกาย หรือการตรวจภาพกระเพาะแล้วก็ช่องท้องด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ แม้กระนั้นการตรวจที่ได้ผลแน่ นอน คือ การส่องกล้องตรวจกระเพาะอาหาร และลำไส้ ร่วมกับการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา แล้วก็อาจมีการตรวจอื่นๆเพิ่มเติม ดังนี้ขึ้นอยู่กับอาการคนไข้รวมทั้งดุลพินิจของแพทย์ ดังเช่นว่า การตรวจหาสารบางประเภทในอุจจาระซึ่งสร้างโดยเชื้อ เอชไพโลไร หรือการตรวจสารบางจำพวกที่เชื้อนี้สร้างรวมทั้งร่างกายกำจัดออกทางการหายใจ การให้ยารักษา (ในกรณีไม่ติดโรคแบคทีเรีย Helicobactor Pylori) โดยรับประทานยาอย่างถูกต้อง คือจำต้องกินยาให้บ่อย กินยาให้ครบตามจำนวน แล้วก็ช่วงเวลา ที่หมอสั่งยารักษาโรคกระเพาะ จำนวนมากจำเป็นต้องใช้เวลาโดยประมาณขั้นต่ำ 4-6 อาทิตย์ แผลก็เลยจะหาย ดังนั้นภายหลังกินยา ถ้าอาการห้ามหยุดยา จะต้องรับประทานยาต่อกระทั่งครบ และแพทย์แน่ใจว่าแผลหายแล้ว จึงจะ ลดยาหรือหยุดยาวได้

การให้ยารักษาในกรณีตรวจเจอเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะให้การรักษาโดยมีสูตรยา 3-4 ชนิดร่วมกัน กินนาน 1-2 อาทิตย์ สูตรยาส่วนมากเป็นยาปฏิชีวนะร่วมกับยาลดกรด เพื่อรักษาแผลแล้วก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะ ผู้เจ็บป่วยควรได้รับการตรวจค้นเชื้อซ้ำหลังจากได้รับประทานยาปฏิชีวนะครบแล้ว โดยอาจเป็นการตรวจโดยการส่องกล้องกระเพาะอาหารอีกรอบเพื่อทำพิสูจน์ ชิ้นเนื้อซ้ำ หรือทดลองโดยการรับประทานยาสำหรับทดลองเชื้อแบคทีเรียโดยตรง และวัดสารที่ถูกปล่อยออกมาทางลมหายใจ
การผ่าตัด ซึ่งในตอนนี้ มียาที่รักษาโรคกระเพาะอาหารอย่างยอดเยี่ยมจำนวนมากหากให้การรักษาที่ถูกต้อง ก็ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดสำหรับในการผ่าตัดอาจส่งผลให้เป็นกรณีที่กำเนิดโรคแทรกซ้อน ดังเช่น เลือดออกในกระเพาะและลำไส้เล็ก โดยไม่อาจจะทำให้หยุด                เลือดออกได้          แผลกระเพาะและลำไส้เล็กเกิดการทะลุ        กระเพาะอาหารมีการอุดตัน

  • การติดต่อของโรคแผลในกระเพาะ โรคแผลในกระเพาะ ไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คน
  • การปฏิบัติตนเมื่อเป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร ควรจะรำลึกไว้เสมอว่า โรคแผลกระเพาะเป็นโรคเรื้อรัง เป็นๆหายๆมักไม่หายขาดตลอดชีพ ผู้ป่วยควรต้องได้รับยารักษาติดต่อกันเป็นเวลานาน ข้างหลังได้รับยา อาการปวดจะหายไปก่อน ใน 3-7 วัน แต่แผลจะยังไม่หาย ส่วนใหญ่ใช้เวลาถึง 4-8 อาทิตย์ แผลก็เลยหาย เมื่อหายแล้ว จะกลับมาเป็นใหม่ได้อีกหากไม่ระวังกระทำตนให้ถูกต้อง เช่น  ทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย และก็กินอาหารที่สะอาดปรุงสุกใหม่ๆ กินอาหารตรงตรงเวลาทุกมื้อ  ทานอาหารปริมาณน้อยๆแต่กินให้บ่อยครั้งมื้อ ไม่สมควรกินจนถึงอิ่มมากในแต่ละมื้อ  เลี่ยงของกินเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เครื่องดื่มแอลกฮอลล์ งดเว้นดูดบุหรี่  งดเว้นการใช้ยาแก้ปวด แอสไพริน และยาแก้โรคกระดูกแล้วก็ข้ออักเสบทุกประเภท รวมถึงยาชุดต่างๆความเครียดลดลง กลุ้มอกกลุ้มใจ พักให้พอเพียง กินยาลดกรด หรือยารักษาแผลกระเพาะอาหารต่อเนื่องกันอย่างน้อย 4-8 อาทิตย์ หรือดังที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด ถ้ามีลักษณะอาการของภาวะแทรกซ้อน ต้องรีบไปพบแพทย์ ควรบริหารร่างกายให้สุขภาพดี
  • การปกป้องคุ้มครองตนเองจากโรคแผลในกระเพาะอาหาร รักษาสุขลักษณะ เพื่อลดช่องทางติดเชื้อต่างๆโดย เฉพาะการใช้ช้อนกลาง และก็การล้างมือเสมอๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้างหลังเข้าห้องอาบน้ำ และก็ก่อนที่จะรับประทานอาหาร เมื่อมีลักษณะปวดท้องรอบๆลิ้นปี่เป็นประจำเป็นๆหายๆหรือเรื้อรัง อาการกำเริบหลังดูแลตนเองในเบื้องต้น ควรพบหมอเสมอ เพื่อการวินิจฉัยหามูลเหตุและก็ให้การรักษาแต่ว่าเนิ่นๆก่อนโรคขยายเป็นแผลเปบตำหนิค หรืออาจเป็นลักษณะโรคโรคมะเร็งกระเพาะได้ หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่ จำเป็นต้อง โดยยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มยาต้านอักเสบ ที่ไม่ใช่สตีรอยด์ที่ใช้แก้ปวดข้อปวดเส้นเอ็นรวมทั้งกล้ามเนื้อ และยาอื่นๆที่เป็นเหตุกระตุ้นให้โรคกำเริบเสิบสาน รับประทานอาหารสุก อย่าทานอาหารดิบๆสุกๆหรือมีแมลงวันตอม เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อเอชไพโรไล เลี่ยงการกินเหล้า เบียร์ กาแฟ ยาดอง และก็งดเว้นสูบบุหรี่ พักให้มากเพียงพอ ทำจิตใจให้เบิกบานบรรเทาเครียดกังวล และไม่รำคาญเจ้าอารมณ์
  • สมุนไพรที่สามารถช่วยบรรเทา/รักษาโรคแผลในกระเพาะได้ ขมิ้นชัน ในขมิ้นชันจะมีสารชื่อ เคอคิวมินอยด์ เป็นตัวปกป้องการเกิดแผลในกระเพาะ ลดการอักเสบ ทั้งยังยังช่วยกระตุ้นการขับน้ำดี ทำให้ระบบการย่อยอาหารดียิ่งขึ้น จึงช่วยคลายความจุกเสียด รวมทั้งสารเคอคิวมินอยด์ ยังไปกระตุ้นร่างกายให้หลั่งสารเคลือบกระเพาะจึงช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารให้ วิธีการใช้ เพียงแต่นำเหง้าของขมิ้นชันมาล้างให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆผึ่งแดดโดยประมาณ 1 – 2 วันแล้วบดให้รอบคอบ ผสมกับน้ำผึ้งรับประทานเป็นลูกกลอน กินครั้งละ 500 มิลลิกรัม หลังอาหารแล้วก็ก่อนนอน 4 เวลา ว่านหางจระเข้  ว่านหางจระเข้เป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติสำหรับการรักษาโรคกระเพาะ ช่วยสำหรับเพื่อการรักษารอยแผลในกระเพาะแล้วก็ล้างพิษ  โดยให้ใช้ใบสดที่พึ่งเอาออกมาจากต้น ล้างน้ำให้สะอาดแล้วปอกเปลือกให้เหลือแต่วุ้นใสๆแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆกินทุกเมื่อเชื่อวัน ก่อนรับประทานอาหาร กระเจี๊ยบเขียว เป็นผักสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ ด้วยเหตุว่าในฝักกระเจี๊ยบนั้นจะมีสารชนิดหนึ่งชื่อว่า แพ็คติเตียนน และคัม ที่จะช่วยเคลือบแผลในกระเพาะรวมทั้งลำไส้ วิธีการใช้ เพียงแค่นำมาลวกแล้วกินทุกวันตรงเวลาต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์ แผลในกระเพาะอาหารก็จะดียิ่งขึ้นเพราะว่ามูกลื่นๆในผลของกระเจี๊ยบเขียวช่วยฉาบแผลในกระเพาะได้
เอกสารอ้างอิง

  • โรคกระเพาะอาหาร.หน่วยโรคทางเดินอาหารฯ.สาขาวิชาอายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.โรคกระเพาะ.นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่ 288 .คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.เมษายน.2546
  • ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร.โรคกระเพาะอาหาร.ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล
  • สุรเกียรต์ อาชานานุภาพ,(2543).ตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป.(พิมพ์ครั้งที่ 2).กรุงเทพฯ:อุษาการพิมพ์.
  • แผลเปปติค(Pept:c ulcer)/แผลในกระเพาะอาหาร(Gastric ulcer)http://www.disthai.com/
  • วันทนีย์ เกรียงสินยศ,(2548).กินอย่างไรเมื่อเป็นโรคกระเพาะ.หมอชาวบ้าน.(ปีที่ 26 ฉบับที่ 311หน้า52-54).
  • El-Omer E, Penman I, Ardill JE, McColl KE. A substantial proportion of non-ulcer dyspepsia patients have the same abnormality of acid secretion as duodenal ulcer patients. Gut 1995;36:534-8.
  • พิศาล ไม้เรียง.(2536).โรคทางเดินอาหาร การวินิจฉัยและการรักษา.(พิมพ์ครั้งที่ 2).ขอนแก่น:โรงพิมพืคลังนานาวิทยา.
  • กลุ่มวิจัยโรคกระเพาะอาหาร.สมาคมแพทย์ระบบทางเดินแห่งประเทศไทย.แนวทางเวชปฏิบัติในการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยดิสเปปเซียและผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพลอไร ในประเทศไทย พ.ศ.2553.สำนักพิมพ์กรุงเทพเวชสาร,2010.
  • เฟื่องเพชร เกียรติเสรี.(2541).โรคระบบทางเดินอาหาร.(พิมพ์ครั้งที่1).กรุงเทพฯ:เรือนแก้ว การพิมพ์.


คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : โรคหัวใจขาดเลือด
บันทึกการเข้า