โรคมะเร็ง (Canaer)- โรคมะเร็งเป็นอย่างไร โรคมะเร็ง คือ โรคที่มีความผิดธรรมดาของเซลล์ในอวัยวะต่างๆของร่างกาย โดยเกิดการเปลี่ยนทางพันธุกรรมของเซลล์ ก่อกำเนิดเป็นเซลล์ของมะเร็งที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วโดยไม่อยู่ภายใต้การควบคุมที่สมควร ผลสรุปเป็น การเกิดเป็นก้อนเนื้อโรคมะเร็งที่เติบโตก่อกวนลักษณะการทำงานของเซลล์ปกติในอวัยวะ นอกนั้นยังสามารถแผ่ขยายแพร่ไปไปยังอวัยวะอื่นได้โดยผ่านระบบกระแสเลือดหรือน้ำเหลืองของพวกเราเป็นตัวน้ำอสุจิ โรคมะเร็งอาจมีไม่เหมือนกันได้มากมาย ตามตำแหน่งของอวัยวะที่เป็นแหล่งกำเนิดของมะเร็ง และชนิดของเยื่อที่อยู่ข้างในอวัยวะนั้นๆโดยอวัยวะที่มีการตรวจพบเซลล์ของโรคมะเร็ง อาทิเช่น โรคมะเร็งตับ มะเร็งปอด มะเร็งเม็ดเลือดขาวมะเร็งสมอง มะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็งไส้ โรคมะเร็งกล่องเสียง โรคมะเร็งผิวหนัง โรคมะเร็งรังไข่ โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม มะเร็งกระเพาะ มะเร็งกระดูก มะเร็งหลอดอาหาร โรคมะเร็งลิ้น มะเร็งช่องปากและก็คอ โรคมะเร็งท่อน้ำดีและก็ถุงน้ำดี โรคมะเร็งหลอดลม มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งตับอ่อน โรคมะเร็งไต โรคมะเร็งไทรอยด์ มะเร็งโพรงมดลูก รวมทั้งโรคมะเร็งพบได้มากในเด็กไทย เรียงจากอันดับแรก 4 ลำดับ อาทิเช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคมะเร็งสมอง รวมทั้งโรคมะเร็งนิวโรบลาสโตมา
- ต้นเหตุของโรคมะเร็ง มีต้นเหตุจากสิ่งแวดล้อมหรือ ด้านนอกร่างกาย ซึ่งเวลานี้เช้าใจกันว่ามะเร็ง ส่วนมาก เกิดจากต้นเหตุเช่น
- สารก่อมะเร็งที่แปดเปื้อนในอาหารและก็เครื่องดื่ม ยกตัวอย่างเช่น สารพิษจาก เชื้อราที่มีชื่อ อัลฟาทอกซิน (Alfatoxin) สารก่อมะเร็งที่เกิดขึ้นมาจากการปิ้ง ปิ้ง พวกไฮโดคาร์บอน (Hydrocarbon) สารเคมีที่ใช้ในวิธีการถนอมอาหาร ชื่อไนโตรซามิน (Nitosamine) สีผสมอาหารที่มาจากสีย้อมผ้า
- ยาสูบ เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง การสูบยาสูบหรือการอยู่ในบริเวณที่มีควันที่เกิดจากบุหรี่ นำมาซึ่งการทำให้เป็นมะเร็ง และโรคระบบฟุตบาทหายใจต่างๆและก็ถึงแก่ชีวิตได้
- แอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก ได้โอกาสเป็นโรคมะเร็งในช่องปาก ลำคอ หลอดอาหาร และกล่องเสียงได้ ยิ่งไปกว่านี้แอลกอฮอล์ยังไปทำลายตับ และก็ได้โอกาสเป็นมะเร็งตับได้
- ฮอร์โมน เพศหญิงที่ใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนควบคุมอาการร้อนวูบวาบ หรืออาการเสื่อมของกระดูก ซึ่งมักจะเกิดในวัยหมดระดู จากการศึกษาเล่าเรียนพบว่า การใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งมดลูก รวมทั้งมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น
- รังสี รังสีเอกซเรย์ที่ใช้สำหรับในการวินิจฉัยโรค เพิ่มอัตราเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ แม้จะมีจำนวนเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าเกิดได้รับรังสีซ้ำๆกันหลายๆครั้ง อาจจะส่งผลให้ได้รับอันตรายได้
- แสงสว่างอุลตร้าไวโอเล็ต แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ หรือจากแหล่งอื่นๆอาจทำลายผิวหนังรวมทั้งนำไปสู่มะเร็งผิวหนังได้ ฉะนั้นควรต้องเลี่ยงการถูกแสงแดดในขณะ 11.00-15.00 น. เนื่องจากว่าเป็นช่วงที่แดดแรงจัด
- เกิดขึ้นจากความแปลกในร่างกาย ซึ่งมีเป็นส่วนน้อย เช่น เด็กที่มีความพิกลพิการ มาแต่ว่า เกิดมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นต้น การมีภูมิต้านทานที่ขาดตกบกพร่องและก็สภาวะ ทุพโภชนาการ เป็นต้นว่า การขาดไวตามินบางชนิด ดังเช่นว่า ไวตามินเอ ซี
รวมทั้งปัจจัยด้านกรรมพันธุ์ โรคมะเร็งบางจำพวก ยกตัวอย่างเช่น มะเร็งเต้านม โรคมะเร็งรังไข่ แล้วก็มะเร็งลำไส้ มีลัษณะทิศทางเกิดขึ้นได้กับบุคคลภายในครอบครัวที่มีประวัติเป็นมะเร็งดังกล่าวสาเหตุของมะเร็งที่สำคัญๆในตอนนี้ อย่างเช่น
- โรคมะเร็งที่ผิวหนัง มูลเหตุมีสาเหตุจากถูกแดดหรือแสงสว่างอุลตราไวโอเลตรวมทั้งมีต้นเหตุที่เกิดจากพวกสารหนู หรือการดูแลและรักษาโดยใช้ยาที่เข้าน้ำมันดิน ทั้งยังยาไทย-จีน ซึ่งน้ำมันดินเป็นส่วนประกอบ สำหรับเล็บแล้วก็ขน ไม่เป็นมะเร็ง
- มะเร็งที่ปอด ต้นเหตุมีสาเหตุจากหายใจกลางอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ มีฝุ่นที่มีสารพวกไฮโดรคาร์บอน เช่น ควันดำจากท่อไอเสียรถยนต์ หรือคราบเขม่าจากโรงงาน สำหรับบุหรี่ มีผลกระตุ้นให้เกิดมะเร็งปอดได้
- โรคมะเร็งที่โพรงปาก มักจะเป็นผลมาจากการระคายเคืองเรื้อรัง ดังเช่น ดื่มเหล้าเพียวๆกินหมาก แล้วรักษาสุขภาพไม่สะอาดด้วย และก็ที่สำคัญคือยาฉุน การบดอาหารแล้วมีการระคาย ตัวอย่างเช่น ฟันเก หรือใส่ฟันปลอมไม่กระชับ ทำให้เป็นแผลเล็กๆจนกว่าเป็นมะเร็งได้
- มะเร็งที่หลอดอาหาร จำนวนมากเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการระคายเรื้อรัง การกินของร้อน อย่างเช่น จิบชา กาแฟร้อนๆ
- โรคมะเร็งที่กระเพาะอาหาร จำนวนมากมีต้นเหตุมาจากสารไนโตรซามีนส์ ดังเช่นว่า รับประทานอาหารพวกโปรตีนหมัก สารที่เข้าดินประสิวที่ใช้ทำให้เนื้อมีสีแดง เนื้อเปื่อย รวมทั้ง ดี.ดี.หน.ซึ่งเมื่อเข้าไปในร่างกายแล้ว มันจะเปลี่ยนเป็นไดเมธิลไนโตรซามีนส์ พวกที่กินผักที่มี ดี.ดี.หน. นอกเหนือจากที่จะตายจาก ดี.ดี.ครั้ง. แล้ว ยังอาจตายจากโรคมะเร็งได้อีกด้วย
- มะเร็งที่ลำไส้เล็ก-ใหญ่ ต้นเหตุคล้ายคลึงกันกับมะเร็งที่กระเพาะอาหาร
- โรคมะเร็งที่เต้านม ต้นเหตุเกิดขึ้นจากเชื้อไวรัส แต่ก่อนมั่นใจว่ามีเหตุมาจากด้านเชื้อชาติและก็การกระทบกระแทกที่เต้านม
- โรคมะเร็งที่ตับ ต้นสายปลายเหตุมีต้นเหตุจากไนโตรซามีนต์ อะฟล่าท็อกสิน และก็จากพยาธิใบไม้ในตับ และจากโรคตับแข็ง
- มะเร็งปากมดลูก มีต้นเหตุมาจากเชื้อไวรัส แล้วก็จากการระคายเคืองเรื้อรัง อย่างเช่น คนที่ออกลูกเสมอๆมีเซ็กส์เสมอๆหรือคนที่เป็นหญิงงามเมือง และก็คนที่ไม่รักษาความสะอาดรอบๆอวัยวะสืบพันธุ์
- มะเร็งของกระเพาะปัสสาวะ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากบุหรี่ สีย้อมผ้าที่ใช้ผสมอาหาร นอกนั้นพวกโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลิวคีเมีย), มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ลิมโฟม่า) ก็เป็นผลมาจากเชื้อไวรัสด้วยเหมือนกัน
- ลักษณะของโรคโรคมะเร็ง สำหรับในทีแรกๆของการเกิดโรคมะเร็งขึ้นในร่างกายนั้นเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีอาการอะไรส่อเค้า หรือบอกให้ผู้ป่วยรู้ได้เลยว่ากำลังเผชิญกับโรคมะเร็งนี้อยู่ ทำให้กว่าที่จะรู้ตัวก็สายเกินแก้ เมื่อเป็นประสักระยะหนึ่ง ผู้ที่มีอาการป่วยเป็นโรคมะเร็งส่วนมากมักจะเริ่มรู้สึกเมื่อยล้าง่าย ไม่อยากอาหาร กินอาหารได้น้อยลง อิ่มเร็ว ซูบผอมซูบ น้ำหนักลด ร่างกายเริ่มมองย่ำแย่ลง ไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่าดังเดิม และเมื่ออยู่ในระยะที่มะเร็งเริ่มลุกลามเยอะขึ้นเรื่อยๆก็จะเริ่มปรากฏอาการอย่างเห็นได้ชัดในตอนนี้ จะรู้สึกปวดและก็ทรมานมากมายก่ายกองตามจุดต่างๆที่เกิดมะเร็งขึ้น ดังนี้จะมีลักษณะมากมายน้อยเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับโรคมะเร็งที่เป็นว่าเป็นโรคมะเร็งประเภทใด ชนิดไหน และการกระจายของเซลล์ของมะเร็งด้านในนั้นไปเบียดบังอวัยวะส่วนใดบ้าง
- ไอมีเสลดคละเคล้าเลือด เป็นลักษณะโรคโรคมะเร็งปอด
- ไอเรื้อรังรวมทั้งมีเสียงแหบ เป็นอาการของโรคโรคมะเร็งกล่องเสียงหรือโรคมะเร็งปอดโดยไม่มีอาการของไข้หวัดหมายถึงจับไข้ มีน้ำมูก และมีเสลดมาก่อนหน้า
- คลำก้อนถึงที่เหมาะเต้านมหรือที่อื่นๆของร่างกายที่ไม่เคยคลำได้มาก่อนเป็นอาการของมะเร็งเต้านมรวมทั้งเร็งอื่น
- ถ่ายอุจจาระทุกข์ยากลำบาก ท้องผูกสลับกับท้องร่วง เป็นอาการของมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีอาการตลอดมากยิ่งกว่า 2 อาทิตย์ ร่วมกับน้ำหนักลด
- มูกหรือเลือดออกทางทวารหนักหรือช่องคลอด เป็นอาการของมะเร็งทางนรีเวช เป็นต้นว่า โรคมะเร็งปากมดลูก หรือ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนไส้ตรง
- เยี่ยวมีเลือดปน บางทีอาจเป็นอาการโรคมะเร็งทางเดินฉี่ อย่างเช่น กระเพาะปัสสาวะต่อมลูกหมาก
- น้ำหนักลดลงโดยไม่มีปัจจัย
- ไข้เรื้อรัง ไข้ที่เป็นมาเป็นเวลายาวนานกว่า 1 อาทิตย์ เป็นอาการของโรคมะเร็งเม็ดเลือดหรือต่อมน้ำเหลือง
- ปวดเรียกตัวหรือที่กระดูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการปวดที่สม่ำเสมอ แล้วก็มีลักษณะปวดเวลากลางคืนเป็นอาการของโรคมะเร็งแพร่ระบาดเข้ากระดูกได้
- หมดแรง ไม่อยากกินอาหาร เป็นอาการของโรคมะเร็งระบบทางเดินอาหาร ดังเช่น กระเพาะลำไส้ใหญ่ ตับอ่อน หรือเป็นเพียงแค่อาการที่เกิดขึ้นมาจากโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ
โดยธรรมดาโรคมะเร็งมี 4 ระยะ ดังเช่น ระยะที่ 1-4 ซึ่ง 4 ระยะ ส่วนโรคมะเร็งระยะศูนย์ (0) ยังไม่จัดเป็นโรคโรคมะเร็งอย่างแท้จริง เพราะว่าเซลล์เพียงแต่มีลักษณะเป็นมะเร็ง แต่ยังไม่มีการรุกราน (Invasive) เข้าเนื้อเยื่อข้างเคียง
- ระยะที่ 1: ก้อนเนื้อหรือแผลโรคมะเร็งมีขนาดเล็ก ยังไม่แพร่กระจาย
- ระยะที่ 2: ก้อนหรือแผลมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามภายในเนื้อเยื่อหรืออวัยวะ
- ระยะที่ 3: ก้อนหรือแผลโรคมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มแพร่กระจายเข้าเนื้อเยื่อหรืออวัยวะใกล้กัน รวมทั้งแพร่กระจายเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เยื่อหรืออวัยวะที่เป็นมะเร็ง
- ระยะที่ 4: ก้อนหรือแผลโรคมะเร็งขนาดโตมากมาย ซึ่งแพร่กระจายขาดทุนเยื่อหรืออวัยวะใกล้กัน กระทั่งทะ ลุ แล้วก็เข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ก้อนมะเร็ง โดยเจอต่อมน้ำเหลืองโตลูบคลำได้ และ/หรือ แพร่เข้ากระแสเลือด หรือสายน้ำเหลือง ไปยังเยื่อ/อวัยวะที่อยู่ไกลออกไป เช่น ปอด ตับ สมอง กระดูก ไขกระดูก ต่อมหมวกไต ต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง ในช่องอก ต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้า
- ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง ที่ สำคัญ มี 2 ข้อ
ข้อ แรก คือ ปัจจัยจากสภาพแวดล้อมภายนอกร่างกาย อย่างเช่น สารก่อมะเร็งที่ปนเปื้อน ในอาหาร อากาศ เครื่องดื่ม ยารักษาโรค เป็นต้น รวมทั้งการได้รับรังสี เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และก็พยาธิบางประเภท
ข้อลำดับที่สอง คือ เป็นต้นว่าปัจจัยภายในร่างกาย ดังเช่นว่า ความเปลี่ยนไปจากปกติทางพันธุกรรม ความบกพร่องของระบบภูมิต้านทาน และภาวการณ์ทุพโภชนา ฯลฯ
โดยเหตุนี้ผู้ที่เสี่ยงต่อการ เป็นโรคโรคมะเร็งเป็นผู้ที่มีความประพฤติดังนี้
คนที่ดูดบุหรี่ ทั้งบุหรี่มวนเอง ซิการ์ กล้องยาสูบ หรือการบดยาสูบ จะเพิ่มการเสี่ยงที่จะกำเนิดเป็นโรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งในโพรงปาก กล่องเสียง โรคมะเร็ง หลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งโรคมะเร็งของตับอ่อน
ผู้ที่ดื่มสุราเสมอๆ สามารถทำให้เกิดตับอักเสบและโรคตับแข็ง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับตามมา นอกเหนือจากนี้ เหล้ายังเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งในช่องปากแล้วก็คอ
คนที่ติดเชื้อโรค ไวรัสบางประเภท เป็นต้นว่า เชื้อไวรัสตับอักเสบจำพวกบีรวมทั้งซี มีความเกี่ยวพันต่อการเกิดโรคตับแข็งและโรคมะเร็งตับ เชื้อไวรัสเอปสไตน์บารร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกหรือมะเร็งต่อมน้ำเหลืองประเภท Burkitt เชื้อไวรัสเอชพีวี (Human Papilloma Virus) เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง หรือ มะเร็งช่องปากและคอ หรือผู้ที่ชอบทานอาหารที่มี สารพิษ ชื่อ อัลฟาทอกสิล ที่พบจากเชื้อราที่แปดเปื้อนในของกินดังเช่นว่า ถั่วลิสงป่น เป็นต้น แม้กินประจำจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งตับ แล้วก็ถ้าหากได้รับ 2 อย่าง ช่องทาง จะเป็นโรคมะเร็งตับเพิ่มมากขึ้น
คนที่กินอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง เต้านม ลำไส้ใหญ่ เยื่อบุมดลูก รวมทั้งต่อมลูกหมาก
ผู้ที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ และกินอาหารที่ใส่ดิน ประสิวเสมอๆ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดีในตับ
คนที่มีภูมิต้านทานขาดตกบกพร่องอันมีเหตุมาจากความแปลกจากพันธุกรรมหรือติดโรคเชื้อไวรัส โรคภูมิคุมกันบกพร่อง จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งของเส้นโลหิต ฯลฯ
ผู้ที่ทานอาหารเค็ม จัด ของกินที่มีส่วนผสมดินประสิวรวมทั้งส่วนไหม้เกรียม ของอาหารเสมอๆจะเสี่ยง ต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะ ของกินรวมทั้งลำไส้ใหญ่
ผู้ที่มีประวัติโรคมะเร็งในครอบครัว อาทิ มะเร็งของเรตินา โรคมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ แล้วก็โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ชนิดที่ เป็นติ่งเนื้อ เป็นต้น
คนที่ผึ่งแดดจัดเป็นประจำจะ เกิดอันตรายจากแสงอาทิตย์ที่ มีปริมาณของแสงสว่างอุลตรา ไวโอเลต ไม่น้อยเลยทีเดียว มีผลทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้
สัญญาณเตือน 7 ประการ ที่บางทีอาจมีความหมายว่าเป็นลักษณะของโรคโรคมะเร็ง มีดังนี้
- มีการเปลี่ยนแปลงสำหรับการอุจจาระ ฉี่ ที่แตกต่างจากปกติ ได้แก่ มีเลือดออก ท้องเสียหรือท้องผูกไม่ดีเหมือนปกติ
- มีแผลเรื้อรังที่ไม่หาย โดยเป็นยาวนานมากกว่า 3 อาทิตย์
- มีเลือดออก หรือมีสารคัดเลือกหลั่งออกมาจากรอบๆช่องต่างๆของร่างกายไม่ปกติ เป็นต้นว่า จุกนม, จมูก, ช่องคลอด ทวารหนัก ฯลฯ
- คลำพบก้อนที่เต้านม หรือที่อื่นๆของร่างกาย
- ท้องขึ้น ของกินไม่ย่อย มีลักษณะอาการเจ็บท้อง กลืนอาหารทุกข์ยากลำบาก เป็นต้น
- ไฝหรือจุดเล็กๆตามร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างเช่น โตขึ้น มีสีผิดปกติหรือมีเลือดออก
- มีลักษณะไอที่เปลี่ยนไปจากปกติ อาทิเช่น ไอปนเลือด ไอเรื้อรัง หรือเสียงแหบ
- กรรมวิธีรักษาโรคมะเร็ง หมอวินิจฉัยโรคโรคมะเร็งได้จาก ความเป็นมาอาการต่างๆของผู้ป่วย การตรวจร่างกาย การตรวจภาพเนื้อเยื่อแล้วก็อวัยวะที่มีลักษณะด้วยเอกซเรย์ หรือ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ เอมอาร์ไอ แต่ว่าที่ให้ผลแน่ๆหมายถึงการตรวจเซลล์จากก้อนเนื้อเพื่อ การตรวจทางเซลล์วิทยา หรือ ตัดชิ้นเนื้อจากก้อนเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
แนวทางรักษาโรคมะเร็ง สำหรับการรักษาโรคโรคมะเร็งนี้ภายหลังจากแพทย์วินิจฉัยอาการของโรคเสร็จแล้ว จะมีการตรวจอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งว่าเซลล์มะเร็งร้ายกระจายไปอยู่ในบริเวณใดของร่างกายบ้าง เมื่อทราบดีแล้วก็จะรักษาไปตามอาการ โดยมะเร็งแต่ละชนิดการรักษาก็อาจจะไม่เหมือนกันออกไปบ้าง แต่ทั้งนี้ก็มีแนวทางที่หมอนิยมรักษากันอยู่ คือ
การผ่าตัด โรคมะเร็งระยะแรกจำนวนมากชอบใช้การผ่าตัดเป็นส่วนมาก ยกตัวอย่างเช่น โรคมะเร็งศรีษะและก็คอ โรคมะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยหมอจะทำการผ่าตัดก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อกำจัดก้อนเนื้อร้ายที่อยู่ในร่างกายเราออกไป แต่วิธีการแบบนี้มิได้สามารถทำรักษาได้กับโรคมะเร็งทุกจำพวก และการผ่าตัดก็ยังไม่แน่ว่าจะหายขาด หรือไม่ เนื่องจากเซลล์ของมะเร็งบางทีอาจยังหลงเหลือหรือหลบอยู่ภายในร่างกาย โดยอาจเป็นเซลล์ของโรคมะเร็งที่กำลังเริ่มจะกำเนิด ทำให้แพทย์ไม่สามารถที่จะทราบหรือมองเห็น เมื่อปล่อยไปสักระยะก็จะกลับไปสู่วังวนเดิม คือเริ่มก่อตัวขยายใหญ่ขึ้น ก็ต้องมาผ่าตัดกันใหม่อีกรอบ แม้กระนั้นส่วนใหญ่กับกรรมวิธีการผ่าตัดนี้แพทย์มักเสนอแนะให้ทำคีโมหรือเคมีบำบัดร่วมด้วย เพื่อเพิ่มช่องทางที่จะช่วยทำให้หายสนิทจากโรคมะเร็งนี้ได้
การใช้รังสีรักษา เป็นการส่องแสงไปยังเซลล์ของโรคมะเร็งในร่างกาย เพื่อทำลายกลุ่มเซลล์ของมะเร็งนั้น ในการเปล่งแสงนี้เป็นการรักษาแบบเฉพาะที่ โดยอาศัยปัจจัยจากชนิดของโรคมะเร็งที่เป็น ช่วงเวลาที่เกิดโรคมะเร็ง ตลอดจนสุขภาพของคนเจ็บเพราะว่าแข็งแรงเพียงพอหรือเปล่า ซึ่งแม้ผู้เจ็บป่วยพร้อมก็จะทำส่องแสงโดยประมาณ 2 – 10 นาที โดยต้องกระทำเปล่งแสงสัปดาห์ละ 5 วัน รวมราว 5 – 8 อาทิตย์ ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของหมอ แม้กระนั้นการดูแลและรักษาด้วยรังสีรักษานี้จะก่อให้เกิดผลใกล้กันขึ้น ได้
เคมีบำบัดรักษา (คีโม) สำหรับวิธีนี้ถือเป็นการรักษาอย่างตรงจุด แก้ที่ต้นเหตุโดยตรงของปัญหา ด้วยเหตุว่าเป็นการให้ยาเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งทั้งหมดทั้งปวงที่อยู่ภายในร่างกาย รวมถึงที่กระจายเข้าไปตามต่อมน้ำเหลืองหรือกระแสเลือดด้วย โดยแพทย์จะนัดหมายมากระทำตรวจร่างกายวัดความดันและกระทำเจาะเลือด ซึ่งถ้าผลของการตรวจร่างกายผ่าน หมอก็จะให้ไปกระทำการให้คีโมซึ่งก็เช่นเดียวกับการให้น้ำเกลือทั่วๆไป เพียงจะต้องนอนคอยหลายชั่วโมงจนกระทั่งตัวยาจะหมด แล้วก็ในระหว่างการให้คีโมนี้ผู้เจ็บป่วยบางบุคคลบางทีอาจเกิดอาการแพ้ได้ ซึ่งอาจรู้สึกเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรืออ้วก แล้วก็ผลข้างเคียงที่ตามมาหลังจากการให้คีโมโดยประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ผมจะเริ่มหล่น รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน เป็นแผลในปาก รวมทั้งจำนวนเม็ดเลือดลดน้อยลงทำให้มีความรู้สึกเมื่อยล้า ตลอดจนอาจรู้สึกหายใจไม่สะดวก มีผื่นขึ้น ท้องผูกถ่ายไม่ออก หรือมีไข้ ฯลฯ แม้กระนั้นการดูแลรักษาด้วยวิธีแบบนี้ก็มีค่ารักษาที่ออกจะแพงเลยรวมทั้งยังต้องทำบ่อย ขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้วินิจฉัยว่าจะต้องทำทั้งผองกี่ครั้งจึงจะหายปกติ
- การติดต่อของโรคมะเร็ง โรคมะเร็งเป็นโรคที่ไม่ติดต่อจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งหรือติดต่อจากสัตว์สู่คน แม้กระนั้นโรคมะเร็งบางจำพวกอาจมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ได้แก่ มะเร็งเต้านม หากมีประวัติบุคคลในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้ สมาชิกข้างในครอบครัวนั้นก็อาจจะมีจังหวะเป็นโรคนี้สูงกว่าคนทั่วๆไปเล็กน้อย
- การกระทำตนเมื่อเป็นโรคโรคมะเร็ง
การดูแลตนเองในเรื่องทั่วไป รักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด เพราะเป็นตอนๆติดเชื้อได้ง่าย พักผ่อนให้เต็มที่ หากอ่อนล้า ควรจะลาหยุดงาน แต่ว่าถ้าเกิดไม่เมื่อยล้า ก็สามารถดำเนินงานได้ แม้กระนั้นควรเป็นงานเบาๆไม่ใช้แรงงาน แล้วก็สมองมากมาย ทำงานบ้านได้ตามกำลัง งดเว้น/เลิก ยาสูบ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
จำกัดเครื่องดื่มคาเฟอีนดังได้กล่าวแล้ว หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่คับแคบเพราะจะติดโรคได้ง่าย ยังคงจะต้อง ดูแล รักษา ควบคุมโรคร่วมอื่นๆโดยตลอดร่วมไปด้วยเสมอกับการรักษาโรคมะเร็ง
รักษาสุขภาพจิต ให้กำลังใจตนเอง และคนรอบข้าง มองโลกในด้านบวกเสมอ เจอหมอตามนัดหมายเสมอ เจอแพทย์ก่อนนัดหมาย เมื่ออาการต่างๆชั่วโคตรลง หรือเกิดความแปลกไม่ถูกไปจากเดิม หรือเมื่อกลุ้มอกกลุ้มใจในอาการ
การดูแลตนเองในเรื่องของกิน เมื่อรับประทานอาหารได้น้อย ให้บากบั่นกินในปริมาณมื้อที่บ่อยครั้งขึ้น รับประทานครั้งน้อยๆแม้กระนั้นเป็นประจำแม้กระนั้นยังจำต้องจำกัดอาหารหวาน แล้วก็ของกินเค็ม เพราะมีผลต่อน้ำตาลในเลือด แล้วก็การทำงานของไต ให้กำลังใจตัวเอง รู้เรื่องว่า อาหารเป็นตัวยาสำคัญยิ่งตัวยาหนึ่ง ของการดูแลและรักษาโรคมะเร็ง ลองเปลี่ยนแปลง จำพวกอาหารให้กินได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ได้แก่ ของกินอ่อน อาหารเหลว แต่ควรจะหลีกเลี่ยงอาหารทอด หรือผัด หรือมีกลิ่นรุนแรง เนื่องจากมักกระตุ้นให้เกิดอาการคลื่นไส้ คลื่นไส้ เตรียมอาหารครั้งละน้อยๆอย่าให้รับประทานเหลือ ด้วยเหตุว่าจะได้เกิดกำลังใจว่ากินหมดทุกมื้อ ควรแจ้งหมอ พยาบาลเมื่อรับประทานมิได้ หรือกินได้น้อย และควรจะเห็นด้วย เมื่อหมอชี้แนะการให้อาหารทางสายให้อาหาร การกินของกินที่มีคุณประโยชน์ครบ 5 กลุ่มเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งของกินโปรตีน (ยกตัวอย่างเช่น เนื้อ นม ไข่ ปลา ตับ) เพราะสำหรับเพื่อการรักษาโรคมะเร็ง ความแข็งแรงของไขกระดูก (เม็ดเลือดต่างๆ) เป็นสิ่งจำเป็นที่สุด เพราะเป็นตัวช่วยให้ร่างกายสนองตอบที่ดีต่อรังสีรักษา และยาเคมีบรรเทา รวมถึงช่วยลดจังหวะติดโรค ซึ่งการต่อว่าดเชื้อในขณะกำลังรักษาโรคโรคมะเร็งมักเป็นการติดโรคที่ร้ายแรง
- การคุ้มครองตนเองจากโรคมะเร็ง วิธีคุ้มครองโรคมะเร็งที่เยี่ยมที่สุดหมายถึงเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง ที่เลี่ยงได้ ยกตัวอย่างเช่น กินอาหารเป็นประโยชน์ครบอีกทั้ง 5 หมู่ทุกวี่ทุกวัน ในปริมาณที่สมควรเป็นไม่ให้อ้วนหรือ ซูบผอม เหลือเกิน โดยจำกัดเนื้อแดง แป้ง น้ำตาล ไขมัน เกลือ แต่เพิ่มผัก ผลไม้ให้มากมายๆแล้วก็เลี่ยงอาหารพวกที่ทำมาจากการปิ้งปิ้งที่มีลักษณะไหม้เกรียม บริหารร่างกายให้เหมาะสมกับสุขภาพ เป็นประจำ รับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งเป็นปัจจุบันนี้
- สมุนไพรที่ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง สมุนไพรตั้งแต่นี้ต่อไปล้วนมีผลการทดสอบที่มีประโยชน์ต่อการดูแลรักษามะเร็ง
ฟ้าทะลายโจร(Andrographis paniculata) ในประเทศอินเดียใช้กันมานานรักษาไทฟอยด์ แก้อักเสบ แก้มาเลเรีย กระตุ้นภูมิคุ้มกัน สารสำคัญคือ andrographolide สามารถยับยั้งเซลล์ของโรคมะเร็งได้หลายอย่าง
บัวบก (Centella asiatica) มีสาร asiaticoside ที่ช่วยทำให้แผลเรื้อรังหายได้เร็วขึ้น เพิ่มภูมิต้านทาน รวมทั้งในบราซิลมีการใช้เพื่อรักษามะเร็งมดลูก
ขมิ้น (Curcuma longa) สารสำคัญเป็น curcumin มีฤทธิ์ต้านการอ็อกสิไดส์และก็ต้านทานการอักเสบที่แรง สามารถทำให้เกิดการถึงแก่กรรมของเซลมะเร็งหลายชนิดเป็นต้นว่า มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะ มะเร็งลำไส้เล็ก มะเร็งรังไข่ และยังมีฤทธิ์ต้านไวรัส แบคทีเรียแล้วก็ราอีกด้วย
ว่านหางจรเข้ (Aloe vera) มีสาร aloe-emodin ที่กระตุ้น macrophage ให้กำจัดเซล์ลมะเร็ง และก็ยังมี acemannan ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ว่านหางจรเข้ช่วยกระตุ้นการเจริญก้าวหน้าของเซลล์ปกติรวมทั้งยั้งการก้าวหน้าของเซลล์มะเร็ง
ทุเรียนเทศ (Anona muricata) สาร acetogenin จากผลทำให้เซลล์มะเร็งตายได้
ดีปลี (Piper longum) มี piperine ซึ่งมีฤทธิ์ต้านทานการอ็อกสิไดส์ in vitro แล้วก็ in vivo จึงเป็นองค์ประกอบของตำรับยารักษาโรคมะเร็งของอายุรเวท
บอระเพ็ด (Tinospora cordifolia) สารสำคัญจากบอระเพ็ดกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยการเพิ่มระดับเม็ดเลือดขาว และก็สามารถลดขนาดเนื้องอกได้ 58.8% เท่ากัน cyclophosphamide
เอกสารอ้างอิง- เอกสารเผยแพร่ทำความรู้จักกับโรคมะเร็งกับเถอะ.มะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย.พิมพ์ครั้งที่ 1.59 หน้า.
- Khuhaprema, T., Srivatanakul, P., Attasara, P., Sriplung, H., Wiangnon,S., and Sumitsawan, Y. (2010). Cancer in Thailand. Volume IV, 2001--2003. National Cancer Institute. Thailand
- สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ.http://www.disthai.com/
- สาเหตุและการป้องกันภัยร้ายจากมะเร็ง.นิตยสารออนไลน์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก.
- ศ.นพ.ไพรัช เทพมงคล.มะเร็ง.นิตยสารหมอชาวบ้าน,เล่มที่30.คอลัมน์โรคน่ารู้.ตุลาคม.2524
- Kushi, L. et al. (2006). American Cancer Society Guidelines on nutrition and physical activity for cancer prevention: reducing the risk of cancer withy food choices and physical activity. CA Cancer J Clin. 56, 254-281.
- ความรู้เรื่องโรคมะเร็ง.หน่วยสารสนเทศมะเร็ง คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
- DeVita, V., Hellman, S., and Rosenberg, S. (2005). Cancer: principles& practice of oncology (7th edition). New York: Lippincott Williams & Wilkins.
- Thomas, R., and Davies, N. (2007). Lifestyle during and after cancer treatment. Clinical Oncology. 19, 616-627.
- Haffty, B., and Wilson, L. (2009). Handbook of radiation oncology: basic principles and clinical protocols. Boston: Jones and Bartlett Publishers
- รศ.ดร.อ้อมบุญ วัลลิสุต.บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน”การใช้สมุนไพรอายุรเวทรักษามะเร็ง”.ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
- Edge, S. et a