รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคหัวใจขาดเลือด - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 512 ครั้ง)

กาลครั้งหนึ่ง2560

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 120
    • ดูรายละเอียด


โรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease.IHD)

  • โรคหัวใจขาดเลือดเป็นอย่างไร
โรคหัวใจขาดเลือด ( Ischemic Heart Disease) เป็นโรคที่อาจจะบอกได้ว่าพบได้บ่อยในประเทศไทยและก็มีลัษณะทิศทางสูงขึ้นเรื่อยๆแล้วก็เป็นโรคที่เป็นต้นเหตุของการตายชั้นต้นในประเทศที่ปรับปรุงแล้ว
หัวใจปฏิบัติภารกิจราวกับเครื่องสูบน้ำ รอสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะและก็ระบบต่างๆทั่วร่างกาย หัวใจประกอบด้วยกล้ามเนื้อแล้วก็เยื่อที่ต้องการเลือดไปเลี้ยงเช่นเดียวกับอวัยวะส่วนอื่นๆเส้นโลหิตที่นำเลือดไปเลี้ยงหัวใจ ภาษาแพทย์เรียกว่า เส้นเลือดหัวใจ หรือ หลอดเลือดโคโรสตรี (coronary artery) ซึ่งมีอยู่หลายกิ้งก้าน แต่ละกิ่งก้านสาขาจะแยกกันไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจส่วนต่างๆ
แม้กระนั้นถ้าเส้นโลหิตหัวใจกิ้งก้านใดกิ้งก้านหนึ่งมีการตีบ ก็จะก็ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเล็กน้อยขาดเลือดไปเลี้ยง เกิดลักษณะการเจ็บจุกอกรวมทั้งอ่อนแรง เราเรียกว่า โรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease เรียกชื่อย่อว่า IHD) บ้างก็เรียกว่า โรคเส้นโลหิตหัวใจตีบตัน หรืออุดกั้น บ้างก็เรียกว่า โรคหัวใจวัวโรผู้หญิง (coronary heart disease เรียกชื่อย่อว่า CHD)
ด้วยเหตุผลดังกล่าวโรคหัวใจขาดเลือด(Ischemicheart disease, IHD) หรือโรคเส้นโลหิตแดงโคโรผู้หญิง(Coronary artery disease, CAD) จึงเป็น โรคที่มีต้นเหตุเนื่องมาจากเส้นเลือดแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบหรือตัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากไขมันรวมทั้งเยื่อสะสมอยู่ในผนังของเส้นโลหิต ส่งผลให้เยื่อบุผนังหลอดเลือดชั้นในตำแหน่งนั้นหนาตัวขึ้น คนไข้จะมีลักษณะและก็อาการแสดงเมื่อหลอดเลือดแดงนี้ตีบปริมาณร้อยละ50 หรือมากยิ่งกว่าอาการสำคัญที่พบบ่อยตัวอย่างเช่น ลักษณะของการเจ็บเค้นอก ใจสั่น เหงื่อออก เมื่อยล้าขณะออกแรง เป็นลมสลบหรือรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิตฉับพลันได้
โรคหัวใจขาดเลือด เป็นโรคของผู้ใหญ่ตั้งแต่วัยหนุ่มสาวไปจนถึงในคนสูงอายุ โดยเจอได้สูงตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไปในตอนวัยเจริญพันธุ์ พบโรคเส้นโลหิตหัวใจในเพศชายได้สูงกว่าในผู้หญิง แต่ว่าภายหลังวัยหมดระดูถาวรแล้ว ทั้งผู้หญิงรวมทั้งผู้ชายได้โอกาสกำเนิดโรคเส้นโลหิตหัวใจได้ใกล้เคียงกัน

  • ที่มาของโรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจขาดเลือดเป็นโรคที่เกิดขึ้นมาจากหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจตีบหรือตันซึ่งมีสาเหตุมาจากฝาผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัว ( Atherosclerosis ) แล้วก็มีต้นเหตุมาจากการอักเสบ ( inflammation )  ของฝาผนังเส้นเลือดที่เป็นผลมาจากครามพลาด (Plaque) ที่เกิดจากไขมันดังที่กล่าวมาซึ่งข้อมูลในตอนนี้พบว่า เป็นขบวน การสำคัญที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดหลอดเลือดแดงแข็ง สาเหตุเหล่านี้จะส่งผลกระตุ้นให้มีการสะสมของไขมัน ที่ฝาผนังหลอดเลือดส่งผลให้เกิดการตีบของเส้นโลหิตสุดท้าย รวมทั้งเมื่อมีการตีบแคบตั้งแต่ปริมาณร้อยละ70 ของความกว้างของเส้นเลือดขึ้นไปก็จะมีผลให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจน้อยเกินไปกำเนิดอาการแน่นหน้าอกขึ้นมาและซึ่งกำเนิดเหตุเพราะการมีไขมันไปเกาะอยู่ข้างในฝาผนังเส้นเลือด เรียกว่า “ตะกอนท่อเส้นเลือด” (Artherosclerotic plaque) ซึ่งจะเบาๆพอกครึ้มตัวขึ้นทีละเล็กทีละน้อยจนถึงช่องทางสำหรับเดินของเลือดตีบแคบลง เลือดจึงไปเลี้ยงหัวใจได้ลดน้อยลง


ถ้าเกิดปลดปล่อยไว้นานๆขี้ตะกอนท่อเส้นโลหิตที่เกาะอยู่ด้านในผนังหลอดเลือดหัวใจจะมีการฉีกให้ขาดหรือแตกออก เกล็ดเลือดก็จะจับกันจนถึงเปลี่ยนเป็นลิ่มเลือดรวมทั้งอุดกันช่องทางเดินของเลือด ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดอยู่เป็นเวลานานจนเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจตาย ผู้เจ็บป่วยก็เลยเกิดลักษณะของการเจ็บแน่นหน้าอกอย่างหนัก ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินรวมทั้งเป็นโทษถึงชีวิตอย่างฉับพลันได้ เรียกว่า “ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายฉับพลัน” (Acute myocardial information)

  • ลักษณะโรคหัวใจขาดเลือด ในช่วงแรกเมื่อเริ่มเป็นหรืหลอดเลือดยังตีบไม่มากมายคนไข้จะยังไม่แสดงอาการแม้กระนั้นถ้าเกิดหลอดเลือดมีการตีบมากเพิ่มขึ้น


คนเจ็บชอบมีลักษณะอาการเจ็บแน่นหน้าอกเป็นอาการนำซึ่งสำเร็จจากการที่เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอซึ่งอาการนี้เรียกว่า angina pectoris รูปแบบของ angina pectoris อาจจัดประเภทส่วนประกอบได้เป็น 4 ลักษณะอันประกอบไปด้วย

  • ตำแหน่ง รอบๆที่เจ็บแน่นชอบอยู่กึ่งกลางๆหรืออกทางด้านซ้าย มักบอกตำแหน่งที่ชัดเจนมิได้ บางรายอาจมีความรู้สึกปวดร้าวไปที่บริเวณลิ้นปี่ ใต้คาง ฟัน ไหล่ หรือแขนได้โดยยิ่งไปกว่านั้นข้างในของแขน
  • ลักษณะการเจ็บ ลักษณะมักจะรู้สึกหนักๆแน่นๆบีบๆหรืออาจราวกับมีอะไรมากดทับทรวงอก โดยปกติจะเบาๆเพิ่มความรุนแรงขึ้นแล้วต่อจากนั้นจะค่อยๆต่ำลงในบางครั้งอาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย ตัวอย่างเช่น รู้สึกอิดโรย เหงื่อออก อาเจียน มือเท้าเย็นคล้ายจะเป็น ลม
  • ช่วงเวลาที่เจ็บ อาการมักเป็นช่วงๆสั้นๆมักไม่เกิน 10 นาที ส่วนมากจะเป็นนานราวๆ 2 – 5 นาที
  • ปัจจัยกระตุ้นรวมถึงปัจจัยที่ทำให้อาการดียิ่งขึ้น อาการชอบกระตุ้นด้วยการออกแรง อารมณ์เครียด โกรธ อากาศเย็น หลังรับประทานอาหารมื้อหนัก แล้วก็ อาการมักดีขึ้นกว่าเดิมเมื่อได้พัก หรือ ได้ยาขยายหลอดเลือดหัวใจ ( nitrates )


อย่างไรก็ดีคนเจ็บบางรายอาจมิได้มีลักษณะของ angina pectoris ได้แต่ก็ยังถือว่าเป็นอาการที่เกิดจากการขาดเลือด ( ischemic equivalents ) อย่างเช่น อิดโรยหรือปวดแขนเวลาออกแรง
ยิ่งไปกว่านี้ยังมีลักษณะอาการอื่นๆอีกดังเช่นอาการโรคหัวใจล้มเหลว (หัวใจวาย) ดังเช่นว่า เมื่อยล้าง่าย หัวใจเต้นเร็ว บวมตามหน้าแขน/ขา  ความดันเลือดสูง  ไขมันในเลือดสูง  บางรายอาจมีอาการใจหวิว ใจสั่น ชีพจรเต้นเร็วหรือช้ากว่าปกติ บางรายมีลักษณะเหงื่อซึม เป็นลม ตัวเย็น อ้วก คลื่นไส้ ในคนสูงอายุนั้น บางครั้งก็อาจจะไม่พูดถึงลักษณะการเจ็บทรวงอกเลย แต่มีลักษณะอาการอ่อนเพลีย อิดโรยง่าย เหนื่อย รวมทั้งหายใจติดขัดร่วมกับอาการแน่นๆในทรวงอกแค่นั้น หรือรู้สึกอ่อนแรงไม่มีแรง จนกระทั่งหมดสติ อาการอีกอย่างหนึ่งคือ การถึงแก่กรรมอย่างทันทีทันใด ซึ่งชอบกำเนิดใน 2-3 ชั่วโมง ภายหลังจากเริ่มมีอาการ

  • ปัจจัยเสี่ยงที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด


เพศ เป็นที่ทราบกันมานานแล้วว่าเพศชายได้โอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้หญิงซึ่งอยู่ในระยะยังไม่หมดรอบเดือน แต่ว่าภายหลังจากที่หมดรอบเดือนแล้ว ช่องทางเป็นจะเท่ากันในทั้งคู่เพศ
อายุุ แผ่นไขมันจะเกิดขึ้นมากขี้นตามอายุ เพราะฉะนั้นอุบัติการของการเกิดโรคนี้จึงมากขึ้นตามอายุ การพบโรคนี้ในคนที่อายุน้อยกว่า 35 ปีมีได้บ้างแต่ว่าใม่บ่อย
ไขมันในเลือดสูง พบว่าผลรวมของวัวเลสเตอรอลทั้งหมด มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับโรคหัวใจขาดเลือดอีกทั้งในเพศชายรวมทั้งผู้หญิง โดยศึกษาพลเมืองอเมริกัน เป็นเวลา 24 ปี และก็พบว่าพวกที่มีโคเลสเตอรอคอยล ในเลือดสูงจะได้โอกาสเป็นโรคนี้มากยิ่งกว่าพวกที่มีไขมันต่ำถึง 5 เท่า โดยสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงดังกล่าวพบบ่อยในผู้ที่หรูหรา วัวเลสเตอรอล l ในเลือดสูงยิ่งกว่า 200 มิลลิกรัม/ดล. หรือคนที่มี ระดับไตรกลีเซอไรด์สูงกว่า 150 มก./ดล
ความดันเลือดสูง ทั้งยังความดันซิสโตลิครวมทั้งไดแอสโตลิคมีความข้องเกี่ยวกับการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดในตอนหลังทั้งมวล รวมทั้งยิ่งความดันสูงมาก จังหวะที่จะกำเนิดโรคนี้ยิ่งมีมาก โดยเฉพาะคนที่มีความดันโลหิตสูงกว่า 160/95 มม.ปรอท
การสูบยาสูบ ต้นสายปลายเหตุนี้มีความเชื่อมโยงกับการเกิดโรคหัวใจขาดเลือดมากและก็ยังขึ้นกับระยะเวลาทีสูบแล้วก็ ปริมาณบุหรี่ที่สูบด้วย โดยพบว่าสิงห์อมควันจะมีโอกาส เป็นโรคหัวใจขาดเลือด ได้มากกว่า ผู้ที่ไม่ดูดถึง 3 เท่า และก็ถ้าหากมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆร่วมด้วยอีก จังหวะเป็นโรคหัวใจขาดเลือดยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ
บุคคลสถานที่สำหรับทำงานมีความตึงเครียดสูง ผู้มีประวัติโรคหัวใจในครอบครัว ผู้สูงวัย (ผู้ชายมากยิ่งกว่า 55 ปี เพศหญิงมากยิ่งกว่า 65 ปี) โรคอ้วน (Body mass index หรือ BMI/ดรรชนีมวลกายมากยิ่งกว่า30) โรคไตเรื้อรัง บุคคลที่ขาดการออกกำลังกาย มีโรคเครียด


  • กระบวนการรักษาโรคหัวใจขาดเลือด แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคเส้นเลือดหัวใจในเบื้องต้นได้จากการซักประวัติ (ยกตัวอย่างเช่น เรื่องราวสูบบุหรี่ การออกกำลังกาย โรคประจำตัว เรื่องราวเจ็บป่วยในครอบครัว) รวมทั้งอาการที่แสดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลักษณะของการปวดเค้นหรือจุกแน่นรอบๆลิ้นปี่แล้วเจ็บปวดรวดร้าวไปที่คอ ไหล่ ขากรรไกร โดยมีสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงร่วมด้วย (เป็นต้นว่า มีอายุมากมาย ดูดบุหรี่ เครียด อ้วน มีประวัติเป็นโรคโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง) รวมทั้งเมื่อสงสัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ แพทย์จะกระทำตรวจพิเศษอื่นๆเพิ่มอีกดังต่อไปนี้
  • คลื่นไฟฟ้าหัวใจ ( Electrocardiogram: ECG ) เว้นแต่ช่วยวิเคราะห์แล้วบางโอกาสอาจพบความไม่ปกติอื่นๆเช่น ผนังหัวใจหนาหรือหัวใจ เต้นผิดจังหวะ ซึ่งลักษณะต่างๆนี้บางคราวจะบ่งชี้ถึงกลไกของการแน่นหน้าอกและช่วยสำหรับเพื่อการเลือกขั้นตอนการตรวจอื่นๆและก็ครั้งคราวยังช่วยประเมินความเสี่ยงด้วย
  • การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ( echocardiography )คลื่นเสียงความถี่สูงจะให้ข้อมูลในด้านต่างๆของหัวใจ อย่างเช่น การบีบตัวของหัวใจห้องซ้ายความไม่ดีเหมือนปกติสำหรับในการบีบตัวของหัวใจนิดหน่อย ( regional wall motion abnormalities: RWMA )ซึ่งพบได้ทั่วไปในคนเจ็บโรคหัวใจขาดเลือด นอกนั้นการเจอความไม่ปกติบางอย่าง บางทีอาจเป็นต้นเหตุของอาการแน่นหน้าอกที่ไม่ใช่จากโรคหัวใจขาดเลือดได้ ค่าการบีบตัวของหัวใจห้องด้านล่างซ้ายยังเป็นสาระสำคัญที่ใช้ช่วยบ่งบอกถึงความเสี่ยงและการคาดเดาโรคได้อีกด้วย แล้วก็สามารถใช้ประเมินความกว้างของรอบๆที่ขาดเลือดได้
  • Coronary computed tomography angiography (CTA) แล้วก็ coronary calcium CTA และก็ coronary calcium เป็นการตรวจที่ผลการตรวจทั้งสองมีค่า negative predictive value สูงมากมายโดยเฉพาะในคนเจ็บที่มีโอกาสจะเป็นโรคหัวใจขาดเลือดในระดับที่ถือว่าต่ำถึงปานกลาง จึงมีประโยชน์สำหรับการตัดต้นเหตุการแน่นหน้าอกจากเส้นโลหิตหัวใจตีบได้ถ้าเกิดผลอ่านไม่พบมีการตีบของ หลอดเลือด เส้นโลหิตที่มีการแข็งตัวบางทีอาจจะเจอมีการเกาะของแคลเซียมที่เส้นเลือดได้ โดยเหตุนั้น ถ้าหากผลของ coronary calcium ต่ำโอกาสที่อาการแน่นหน้าอกจากเส้นเลือดหัวใจตีบก็จะน้อย ในทางกลับกัน ถ้าเกิดค่าของ coronary calcium สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมากกว่า 400 ( Agatston score> 400 ) จะได้โอกาสกำเนิด อุบัติการณ์ต่างๆทางหัวจิตใจและหลอดเลือดมากเพิ่มขึ้น
  • Cardiac magnetic resonance ( CMR )CMR บางทีอาจช่วยประเมินความผิดแปลกของโครงสร้างหัวใจในด้านต่างๆอาทิเช่น ลิ้นหัวใจ ฝาผนังกันห้องหัวใจ และกล้ามเนื้อหัวใจห้องต่างๆเป็นต้น และก็ ยังช่วยบอกการท างานของห้องหัวใจ ล่างซ้าย ( LVEF ) ได้สิ่งเดียวกัน
  • Electrocardiogram exercise testing หรือ exercise stress test ( EST )เป็นการกระตุ้นด้วยการออกก าลังกายรวมทั้งใช้ ECG ประเมินลักษณะขาดเลือด ซึ่งเป็น การตรวจที่สบายมีใช้กันโดยธรรมดา การออกกำลังบางทีอาจใช้แนวทางวิ่งบนสายพาน (treadmill) หรือ ปั่นรถจักรยานกระแสไฟฟ้า ( Electrically braked cycles ) แล้วมองการเปลี่ยนแปลงของคลื่นกระแสไฟฟ้าหัวใจ ความแปลกที่แสดงว่าน่าจะมีเส้นเลือดหัวใจตีบ ตัวอย่างเช่น มีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หน้าซีด ตัวเย็น ความดันเลือดต่ำขณะที่ทำการทดลอง กลุ่มนี้เป็นต้น


สำหรับเพื่อการเริ่มรักษานั้นนอกจากจะรักษาอาการแล้วคนเจ็บทุกรายควรจะได้รับการแนะนำให้ปรับลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงรวมถึงควบคุมโรคที่จะทำให้โรคหัวใจขาดเลือดเป็นมากขึ้น ได้แก่ การสูบบุหรี่โรคเบาหวาน โรคความดันเลือดสูง กินอาหารที่ไม่เหมาะสม โรคอ้วน ขาดการออก พลังกาย และก็ไขมันในเลือดสูงและสำหรับวิธีการรักษาโรคหัวใจขาดเลือดนั้นมี 2 วิธีเป็นการรักษาด้วยยา ตัวอย่างเช่น ยาขยายเส้นโลหิตหัวใจ ยาลดลักษณะการทำงานของหัวใจ เพื่อหัวใจใช้ออกสิเจนลดน้อยลง ยายับยั้งเกร็ดเลือดเกาะตัว กรณีเป็นความดันโลหิตสูงไม่ดีเหมือนปกติ หรือโรคเบาหวานจำเป็นต้องรักษาร่วมไปด้วย ผู้ที่ระดับไขมันในเลือดสูงแตกต่างจากปกติก็จะได้รับยาเพื่อลดไขมัน ยาขยายหลอดเลือด บางทีอาจทำในรูปยาอมใต้ลิ้น ยาพ่นเข้าในปาก รวมทั้งยาปิดหน้าอก ยาอมใต้ลิ้น รวมทั้งยาพ่นในช่องปาก สามารถออกฤทธิ์ได้ภายใน 2-3 นาที จึงเหมาะสมที่จะพกเอาไว้ในโอกาสฉุกเฉิน ยาเป็นแผ่นปิดหน้าอก ใช้ปิดหน้าอกและก็ที่อื่นๆตามร่างกาย จะออกฤทธิ์ประมาณ 30-45 นาที หลังปิดบนผิวหนัง จะไม่ออกฤทธิ์ในทันทีได้แก่ยาอมใต้ลิ้น การดูแลรักษาด้วยการผ่าตัด ดังเช่นว่า การผ่าตัดทำทางเบี่ยงของเส้นโลหิต ( Coronary Artery Bypass Graft, CABG) มักจะใช้กรรมวิธีผ่าตัดนำเส้นเลือดดำที่ขามาตัดต่อกับเส้นเลือดที่ตัน ทำทางเดินของเลือดใหม่ การรักษาด้วยการถ่างขยายเส้นเลือดด้วยแนวทางต่างๆอาทิเช่น ถ่างขยายด้วยบอลลูน หัวกรอ และก็อาจจะต้องใส่ขดลวดค้ำไว้ เพื่อมิให้หลอดเลือดตีบซ้ำ

  • การติดต่อของโรคหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจขาดเลือดเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบของหลอดเลือดและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของมนุษย์ ซึ่งไม่ถือเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คนหรือจากสัตว์สู่คนแต่อย่างใด
  • การปฏิบัติตนเมื่อป่วยเป็นโรคหัวใจขาดเลือด


  • โรคหัวใจขาดเลือดนี้เมื่อเป็นแล้วมักจะเป็นเรื้อรัง ต้องคอยติดต่อรักษากับแพทย์อย่าได้ขาด และที่สำคัญต้องดูแลตัวเองอย่างจริงจัง ในรายที่เป็นไม่มากถ้ารู้จักดูแลตัวเองได้ถูกต้อง ก็อาจจะหายหรือทุเลาได้
  • ลดอาหารที่มีไขมันสัตว์ กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำตาล ของหวาน กินผักผลไม้ให้มากๆ
  • ควรออกกำลังกายที่ไม่ใช้แรงหักโหม เช่น การเดินเร็ว วิ่งเหยาะๆ ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน โดยควรเพิ่มทีละน้อย และอย่าให้เหนื่อยเกินไป
  • หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการกำเริบ เช่น อย่าทำงานหักโหมเกินไป อย่ากินข้าวอิ่มเกินไป ระวังอย่าให้ท้องผูก งดดื่มชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่ใส่กาเฟอีน ระวังอย่าให้ตื่นเต้นตกใจหรือกระทบกระเทือนจิตใจ อย่าอาบน้ำเย็นหรือถูกอากาศเย็นจัดและควรงดสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด
  • พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเป็นการฉุกเฉินเมื่อมีอาการต่อไปนี้ เจ็บแน่นหน้าอกมาก อาจเจ็บร้าวขึ้นขากรรไกรไปยังหัวไหล่หรือแขน เหนื่อย หายใจขัด ชีพจรเต้นอ่อน เต้นเร็ว เหงื่อออกมาก วิงเวียนจะเป็นลม หยุดหายใจและ/หรือโคม่า
  • หากมีโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน ควรรักษาโรคเหล่านี้ควบคู่ไปด้วยอย่างจริงจัง
  • การป้องกันตนเองจากโรคหัวใจขาดเลือด[/url] [/i]


  • งดการสูบบุหรี่ เพราะสารพิษในบุหรี่จะไปขัดขวางการไหลเวียนของเลือด กระตุ้นให้หัวใจทำงานหนักขึ้น ทำให้ปริมาณของออกซิเจนในเลือดลดลง และทำลายผนังหลอดเลือดอีกด้วย ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดได้
  • งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือคุมปริมาณในการดื่มให้เหมาะสม (ไม่เกินสัปดาห์ละ 14 แก้ว) และไม่ควรดื่มอย่างต่อเนื่อง เพราะจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด
  • กำจัดความเครียด เช่น การเจริญสมาธิ การออกกำลังกาย การฝึกโยคะ การรำมวยจีน
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยเน้นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างหลากหลายและครบ 5 หมู่ เพื่อช่วยควบคุมน้ำหนัก ความดันโลหิต และคอเลสเตอรอล
  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ (BMI -5-23 กิโลกรัม/ตารางเมตร)
  • ควบคุมโรค โรคเบาหวาน ความดันโลหิต ไขมันในเลือดสูง และโรคอ้วนที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจขาดเลือด ให้ได้อย่างจริงจัง
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ ในคนทั่วไปที่ยังไม่มีอาการผิดปกติควรไปพบแพทย์ทั่วไปเพื่อตรวจสุขภาพประจำปีอย่างต่อเนื่อง
  • สมุนไพรที่ช่วยป้องกันโรคหัวใจขาดเลือด


  • พริก จะมีสารแคปไซซินที่ให้ความเผ็ด ช่วยทำให้หลอดเลือดขยาย ละลายลิ่มเลือด ลดการหดตัวของเส้นเลือด ลดการจับกลุ่มของเกล็ดเลือด ยับยั้งการดูดซึมไขมันในเส้นเลือด ส่งผลให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปใช้ได้สะดวก
  • ดอกคำฝอย น้ำมันจากดอกคำฝอยมีฤทธิ์ลดการจับตัวของเกล็ดเลือด ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดความดันเลือดสูง บำรุงเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้มากขึ้น ช่วยป้องกันเส้นเลือดหัวใจตีบได้
  • กระเทียม ในกระเทียมนั้นมีสารอัลลิซินที่ช่วยลดไขมันเลวในเลือดและลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นสาเหตุตัวร้ายของโรคหัวใจ กระเทียมจึงช่วยลดโอกาสการอุดตันไขมันในหลอดเลือด อันทำให้เกิดโรคหัวใจได้ นอกจากนี้กระเทียมมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการแข็งตัวของเลือด ช่วยลดความดันเลือด รวมทั้งเป็นสารต้านการจับตัวเป็นก้อนของเลือดด้วยการทำให้เกล็ดเลือดบางลง จึงป้องกันภาวะหัวใจขาดเลือด
  • ชาเขียว มีสารที่สามารถป้องกันการจับตัวของเกล็ดเลือด แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดไขมันชนิด LDL และเพิ่มไขมัน HDL ซึ่งช่วยป้องกันหลอดเลือดตีบและช่วยให้เลือดแข็งตัวยากขึ้น
  • หอม ในหอมจะมีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยยังยั้งไม่ให้เกล็ดเลือดไปรวมตัวกันจนแข็งตัวแล้วไปอุดตันตามเส้นเลือด ทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจลงไปได้ และยังมีสารเคอร์ซีทินที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระจึงปกป้องเราจากโรคมะเร็งอีกด้วย

    เอกสารอ้างอิง

  • โรคหัวใจขาดเลือดที่มีอาการคงที่. นพ.พงษ์พันธ์ จิตต์ธรรม.ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.
  • Coronary heart disease risk factors.http://www.disthai.com/
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.โรคหัวใจขาดเลือด.นิยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่159.คอลัมน์แนวยา-แจงโรค.กรกฎาคม2535
  • เจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อาการปวดเค้นหัวใจ Angina Dectoris.หาหมอดอทคอม.
  • แนวทางเวชปฏิบัติในการดูแลผุ้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดในประเทศไทย ฉบับปรังปรุงปี 2557สมาคมแพทย์โรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
  • อยากหัวใจแข็งแรงต้องดู!!!9 พืชสมุนไพรพื้นบ้านช่วยบำรุงหัวใจของดีๆที่อยู่ใกล้ตัวคุณรู้แล้วรีบแฃร์ด่วน.LINE TODAY.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก หัวใจแข็งแรงต้องดู+9+พืชสมุนไพรพื้นบ้านช่วยบำรุงหัวใจ+ของดีๆที่อยู่ใกล้ตัวคุณ+รู้แล้วรีบแชร์ด่วน
  • โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่373.คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.พฤษภาคม.2553



Tags : โรคหัวใจขาดเลือด
บันทึกการเข้า