สมุนไพรไคร้น้ำไคร้น้ำ Homonoia riparia Lour.บางถิ่นเรียก ไคร้น้ำ แร่ (จังหวัดตรัง) กะแลแร (มลายู-ยะลา) (มลายู-นราธิวาส) ไคร้ (กึ่งกลาง เหนือ) ไคร้หิน (จังหวัดชุมพร) สี่คราวโค่ เหี่ยที้ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน).
ไม้พุ่ม สูงโดยประมาณ 4 มัธยม เปลือกสีเทา หมดจด กิ่งไม้เป็นเหลี่ยม มีขนสั้นๆ. ใบ ลำพัง เรียงสลับกัน รูปยาวแคบ หรือ ยาวแคบปนรูปหอก กว้าง 1-2.5 ซม. ยาว 7-18 เซนติเมตร ปลายใบและโคนใบแหลม ขอบใบเรียบ หรือ หยักแบบซี่ฟันเล็กๆก้านใบยาว 4-11 มม.
สมุนไพร ดอก ออกเป็นช่อตามง่ามใบ ช่อดอกตั้ง ยาว 3-11 เซนติเมตร ดอกแยกเพศ. ดอกเพศผู้ กลีบรองกลีบดอกกลม แยกเป็น 3 แฉก ไม่มีกลีบ เกสรผู้มากไม่น้อยเลยทีเดียว โคนก้านเกสรเชื่อมชิดกัน ปลายแยกเป็นกิ่งก้านสาขาเยอะมาก มีอับเรณูติดอยู่เป็นกลุ่มกลม. ดอกเพศเมีย ออกเป็นช่อ ยาวราว 1 เซนติเมตร ดอกติดห่างๆกลีบรองกลีบดอกไม้ 5 กลีบ รูปไข่ปลายแหลม ยาว 1.5-2 ซม. ด้านนอกมีขน ไม่มีกลีบ รังไข่กลม มีเส้นผ่านศูนย์กลางโดยประมาณ 2 มม. ท่อรังไข่ 3 อัน ไม่แยกกัน ยาวราวๆ 5 มม. ภายในมี 3 ช่อง. ผล กลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 3-4 มม. มีขน. เมล็ด ออกจะเป็นรูปไข่ กว้างโดยประมาณ 1.5 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 2 มม.
นิเวศน์วิทยา : ขึ้นในที่ลุ่ม ริมน้ำ.
คุณประโยชน์ : ราก น้ำต้มรากรับประทานเป็นยาขับเยี่ยว แก้น้ำเหลืองเสีย ขับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ระบาย แต่ถ้าเกิดใช้มากเกินความจำเป็นจะทำให้อ้วก ต้น น้ำต้มต้นรับประทานเป็นยาขับเหงื่อ ยางต้นรับประทานแก้ไข้มาเลเรีย ใบ และ ผล ตำพอกแก้โรคผิวหนังผื่นคันบางประเภท และให้กินน้ำต้มใบ และก็ผลไปด้วย