รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: บัวบกเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์เเละสรรพคุณ  (อ่าน 518 ครั้ง)

yulyul

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 20
    • ดูรายละเอียด


บัวบก
ใบบัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่เจริญวัยในแถบอินเดีย แอฟริกา และก็เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใบแล้วก็ลำต้นประยุกต์ใช้เป็นยารักษาโรคตามแพทย์แผนโบราณของอินเดียและจีนมาอย่างนาน ใช้รักษาหลายโรค ตัวอย่างเช่น โรคซิฟิลิส โรคหอบหืด หรือโรคสะเก็ดเงิน รวมทั้งยังนำมาเตรียมอาหารได้อีกด้วย
ใบบัวบก
ใบบัวบกมีสารออกฤทธิ์หลักที่มีประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกายอยู่หลายแบบ ดังเช่น ซาโปนิน (Saponin) หรือไตรเทอร์พีนอยด์ (Triterpenoids) เอเชียติเตียนโคไซด์ (Asiaticoside) กรดทวีปเอเชียตำหนิก (Asiatic Acid) มาเดแคสโซไซด์ (Madecassoside) และก็กรดมาดีคาสสิค (Madecassic Acid) ก็เลยทำให้นำมาใช้ในทางการแพทย์ โดยมั่นใจว่ามีคุณประโยชน์หลายแบบ อาทิเช่น บรรเทาอาการอักเสบ หากใช้กินอาจมีคุณลักษณะช่วยลดความดันโลหิตในหลอดเลือดดำ รวมทั้งประยุกต์ใช้รักษาโรคหรืออาการที่เป็นผลมาจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิตต่างๆเช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ การติดเชื้อที่ระบบทางเท้าปัสสาวะ โรคงูสวัด โรคเรื้อน อหิวาตกโรค โรคบิด โรคเท้าช้าง วัณโรค โรคพยาธิใบไม้ในเลือด ฯลฯ นอกนั้น ยังมีความเห็นกันว่าถ้าใช้ใบบัวบกทาที่ผิวหนังบางทีอาจช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นส่วนสำคัญสำหรับเพื่อการสมานบาดแผล ลดลางเลือนรอยแผลเป็น รวมถึงปัญหาท้องลายที่เกิดขึ้นจากการตั้งท้อง แม้กระนั้นข้อยืนยันหรือหลักฐานทางด้านการแพทย์มีมากน้อยมีมากน้อยแค่ไหนที่จะช่วยยืนยันความเลื่อมใส คุณประโยชน์ และความปลอดภัยของใบบัวบกสำหรับการรักษาโรคพวกนี้
การดูแลและรักษาด้วยใบบัวบกที่บางทีอาจได้ผล
เส้นโลหิตขอด มีการศึกษาชิ้นหนึ่งกล่าวว่าใบบัวบกอาจมีส่วนช่วยบำรุงและก็สร้างสมดุลสำหรับในการเจริญวัยของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissues) เพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นโลหิต ส่งผลต่อความดันในเส้นเลือดฝอยและก็เส้นเลือดขอด ลดอัตราการกรองของเส้นเลือดฝอยโดยแก้ไขการไหลเวียนของเลือด ยิ่งกว่านั้น ยังมีการเล่าเรียนโดยการทบทวนงานศึกษาวิจัยที่เกี่ยวโยง 8 ชิ้นเกี่ยวกับการดูแลและรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบกในผู้เจ็บป่วยที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดเรื้อรัง พบว่าอาการปวดขา ขาหนัก และอาการบวมน้ำบรรเทาลงอย่างมีนัยสำคัญ ถึงสารสกัดจากใบบัวบกบางทีอาจช่วยบรรเทาอาการผู้เจ็บป่วยเส้นเลือดขอดเรื้อรังลงได้ แม้กระนั้นจากงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยกล่าวว่าบทสรุปข้างต้นจะต้องตีความด้วยความระวังเนื่องมาจากข้อจำกัดต่างๆของงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัย และก็ยังจำเป็นจะต้องศึกษาเล่าเรียนเพิ่มเพื่อหาหลักฐานที่มีความถูกต้องชัดเจนและมีคุณภาพมากพอสำหรับเพื่อการประเมินสมรรถนะการดูแลและรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบก
การรักษาด้วยใบบัวบกที่เป็นไปได้ แต่ว่ายังมีหลักฐานเกื้อหนุนไม่เพียงพอ
โรคหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) ใบบัวบกอาจช่วยในการลดจำนวนไขมันในเส้นโลหิตได้ จากการเรียนชิ้นหนึ่งโดยให้อาสาสมัครโรคเส้นโลหิตแดงแข็งที่ไม่แสดงอาการกลุ่มหนึ่งทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกเป็นเวลา 6 เดือน รวมทั้งอีกกรุ๊ปไม่รับประทาน แล้วตรวจหาความหนาแน่นของไขมันหรือพลัค (Plagues) ที่เกาะอยู่ตามเยื่อบุของเส้นเลือด พบว่า ระดับคอเลสเตอรอลของอาสาสมัครทั้ง 2 กรุ๊ปไม่ได้มีความแตกต่างกัน แต่ในกรุ๊ปที่ทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกพบว่า อนุมูลอิสระในเลือดลดลง ปริมาณไขมันหรือพลัคที่เส้นโลหิตแดงใหญ่ที่คอแล้วก็ขาลดลง รวมทั้งลักษณะของพลัคความครึ้มแล้วก็ความยาวก็น้อยลงด้วยเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังไม่เจออาการที่ไม่พึงประสงค์ สามารถทนต่ออาการใกล้กันได้ แล้วก็มีการบันทึกผลของการตรวจเลือดเสมอๆ เหตุเพราะหลักฐานเกื้อหนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อโรคหลอดเลือดแดงแข็งยังไม่พอ จึงจำเป็นต้องศึกษาต่อไป
คุ้มครองปกป้องลิ่มเลือด การกินใบบัวบกบางทีอาจช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดลิ่มเลือดที่ขาซึ่งเกิดจากการขึ้นรถเรือบินเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จากหลักฐานที่ได้รับการพัฒนาเสนอแนะว่าใบบัวบกบางทีอาจช่วยลดของเหลวรวมทั้งเพิ่มการไหลเวียนเลือดในคนที่ขึ้นรถเครื่องบินติดต่อกันนานกว่า 3 ชั่วโมง อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่เด่นชัดว่าการศึกษาชิ้นนี้จะเป็นการลดการสั่งสมของลิ่มเลือด เนื่องจากหลักฐานเกื้อหนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการปกป้องคุ้มครองลิ่มเลือดยังน้อยเกินไป ก็เลยต้องศึกษาต่อไป
กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ในคนป่วยโรคเบาหวาน งานศึกษาวิจัยหนึ่งให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดฝอยจำนวน 50 คน รับประทานสารสกัดจากใบบัวบกซึ่งมีสารไตรเทอร์พีนอยด์เป็นส่วนสำคัญ ขนาด 60 มิลลิกรัม 2 ครั้งต่อวันตรงเวลา 6 เดือน เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอก พบว่าสารไตรเทอร์พีนอยด์ของใบบัวบกมีคุณประโยชน์ต่อการไหลเวียนของโลหิตในเส้นเลือดฝอยของคนเจ็บเบาหวาน แต่หลักฐานส่งเสริมคุณลักษณะของใบบัวบกต่อการไหลเวียนเลือดยังน้อยเกินไป ก็เลยจะต้องศึกษาต่อไป
แผลเบาหวาน มีการทำการค้นคว้าเกี่ยวกับสมรรถนะรวมทั้งผลกระทบของการกินสารสกัดจากใบบัวบกต่อแผลโรคเบาหวาน โดยแบ่งผู้เจ็บป่วยเบาหวานปริมาณ 200 คนออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งกินสารทวีปเอเชียตำหนิโคไซด์ซึ่งเป็นสกัดจากใบบัวบกขนาด 50 มิลลิกรัม และก็อีกกรุ๊ปรับประทานยาหลอกปริมาณ 2 แคปซูลข้างหลังมื้ออาหารวันละ 3 ครั้ง และมีการประมวลผลทุก 7 วัน พบว่าแผลของคนป่วยที่รับประทานสารสกัดจากใบบัวบกมีการหดรั้ง (Wound Contraction) ที่ดีมากกว่าและไม่พบผลข้างเคียง หรือเรียกได้ว่าสารสกัดจากใบบัวบกอาจมีความสามารถสำหรับเพื่อการรักษาแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น และก็สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่เกิดผลข้างๆ แต่เพราะว่าหลักฐานสนับสนุนคุณลักษณะของใบบัวบกต่อการดูแลและรักษาแผลโรคเบาหวานยังไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องศึกษาต่อไป
แผลเป็น สารออกฤทธิ์ของใบบัวบก เช่น เอเชียตำหนิวัวไซด์ กรดเอเชียติเตียนก มาเดแคสโซไซด์ และก็กรดมาดีติดอยู่สสิค เป็นสารช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกายรวมทั้งอาจมีประสิทธิภาพสำหรับการรักษาแผลต่างๆทั้งยังแผลขนาดเล็ก แผลไฟเผา รอยแผลจากโรคสะเก็ดเงินหรือโรคหนังแข็ง รวมถึงรอยแผลแบบนูน ซึ่งจากงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยชิ้นหนึ่งได้ชี้แนะว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกรอบๆผิวหนังหลังจากเย็บแผลแล้ว 2 ครั้งต่อวัน ตลอดนาน 6-8 อาทิตย์ บางทีอาจช่วยลดการเกิดแผลเป็นได้ รวมถึงรอยแผลแบบนูนหรือคีลอยด์ แม้กระนั้นเนื่องจากหลักฐานช่วยเหลือคุณลักษณะของใบบัวบกต่อแผลยังน้อยเกินไป จึงจำต้องศึกษาต่อไป
ท้องลาย จากการมีท้อง ได้มีการวิจัยแนะนำให้ผู้ที่กำลังท้องทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี แล้วก็คอลลาเจน บ่อยๆแต่ละวันในตอน 6 เดือนท้ายที่สุดก่อนที่จะมีการคลอด ซึ่งอาจช่วยปัญหารอยแตกได้ ยิ่งกว่านั้น ยังมีการทดสอบโดยให้หญิงตั้งครรภ์ปริมาณ 100 คน ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี และก็คอลลาเจน-อีลาสติน ไฮโดรไลเซท ทาบริเวณผิวหนังที่มีรอยแตกเปรียบเทียบกับการใช้ยาหลอก พบว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของใบบัวบกอาจจะส่งผลให้เกิดรอยแตกหรือท้องลายน้อยกว่าในกลุ่มที่ใช้ยาหลอก แต่เนื่องจากหลักฐานส่งเสริมคุณลักษณะของใบบัวบกต่อรอยแตกหรือท้องลายยังไม่แน่นอน จึงจำเป็นต้องศึกษาต่อไป
ลดความไม่สาบายใจ การดูแลและรักษาแบบแพทย์แผนจีนมีการนำใบบัวบกมาใช้เพื่อบรรเทาอาการกลัดกลุ้มรวมทั้งความวิตกกังวล ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาทดลองชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับประสิทธิภาพของใบบัวบกสำหรับการลดความรู้สึกกังวล โดยสุ่มให้อาสาสมัครรับประทานใบบัวบกในปริมาณ 12 กรัมหรือกินยาหลอก จากผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าใบบัวบกมีฤทธิ์ต้านทานความวิตก ช่วยลดความตึงเครียด แต่ยังคงจำต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกถัดไปถึงประสิทธิภาพของใบบัวบกสำหรับในการรักษาโรคตื่นตระหนก
โรคและอาการอื่นๆเช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นลมแดด การติดเชื้อทางเท้าเยี่ยว โรคตับอักเสบ โรคดีซ่าน ท้องร่วง อาหารไม่ย่อย ซึ่งยังจึงควรศึกษาวิจัยหาสมรรถนะและความปลอดภัยสำหรับการรักษาถัดไป

ความปลอดภัยสำหรับการกินใบบัวบก
 การใช้สารสกัดจากใบบัวบกทาบริเวณผิวหนังอาจมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่การรับประทานใบบัวบกอาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ผู้ที่กำลังมีครรภ์ หรือคนที่อยู่ในตอนให้นมบุตร เนื่องจากว่ายังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์พอเพียงที่จะส่งเสริมถึงเรื่องความปลอดภัยอีกทั้งต่อเด็ก แม่ หรือลูกในท้อง
การกินใบบัวบกบางทีอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความเสียหายต่อตับ โดยเหตุนั้นคนที่เป็นโรคตับหรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับไม่ควรรับประทานใบบัวบก ด้วยเหตุว่าอาจทำให้อาการต่างๆห่วยแตกลงได้ รวมถึงไม่ควรรับประทานใบบัวบกร่วมกับยาที่ส่งผลต่อตับในกรุ๊ปเหล่านี้ ยกตัวอย่างเช่น พาราเซตามอล อะไม่โอดาโรน คาร์บามาซีปีน ไอโซไนอะสิด ซิมวาสแตว่ากล่าวน ฯลฯ
การรับประทานใบบัวบกในปริมาณมากอาจจะก่อให้รู้สึกง่วงงุนได้มากกว่าธรรมดา หรือถ้ารับประทานร่วมกับยานอนหลับหรือยากังวลลดลง ได้แก่ โคลนาซีแพม ลอราซีแพม ฟิโนบาร์บิทอล แล้วก็โซลพิเดม
ควรหยุดรับประทานใบบัวบกอย่างต่ำ 2 สัปดาห์สำหรับคนที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากบางทีอาจเกิดปฏิกิริยากับยาที่ใช้ในการผ่าตัดแล้วก็อาจจะก่อให้รู้สึกง่วงนอนได้มากขึ้น
ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินใบบัวบก ถ้าอยู่ในตอนการใช้ยาหรืออาหารเสริมจำพวกอื่นๆอยู่เป็นประจำ เพราะเหตุว่าอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่ประสงค์ถ้าเกิดกินใบบัวบกในระหว่างการดูแลและรักษาของผู้ป่วยโรควิตกกังวล ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่หรูหราคอเลสเตอรอลในเลือดสูง คนป่วยอัลไซเมอร์ รวมถึงผู้ที่ใช้ยานอนหลับหรือยาคลายความไม่สบายใจ แล้วก็ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากว่าอาจจะเป็นผลให้กดประสาทมากยิ่งขึ้น http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า