รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ ตะพาบน้ำ  (อ่าน 504 ครั้ง)

แสงจันทร์5555

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 77
    • ดูรายละเอียด
สัตววัตถุ ตะพาบน้ำ
« เมื่อ: ธันวาคม 20, 2017, 09:26:30 AM »


ตะพาบน้ำ
ตะพาบ (mud turtle หรือ soft-shelled turtle) เป็นสัตว์คลานประเภทหนึ่งจัดอยู่ในวงศ์ Trionychidae มีลักษณะเหมือนเหมือนเต่าน้ำจืด ไม่เหมือนกันตรงที่กระดองบน (carapace) แล้วก็กระดองข้างล่าง (pastron) ไม่มีกระดูกเป็นแผ่นใหญ่ๆแม้กระนั้นมีหนังหุ้มห่อแทน มีนิ้วยาว ตีนข้างหน้ามีแผ่นพังผืดกว้าง ใช้สำหรับพุ้ยน้ำ มีเล็บเพียงแต่ ๒-๓เล็บ คอหดในกระดองได้มิด แม้กระนั้นสามารถยืดคอออกได้ยาวมากเมื่อจะงับเหยื่อหรือกัดศัตรู ตะพาบน้ำทุกประเภทเป็นสัตว์น้ำจืดชืด พบมากอยู่ตามห้วย บึง หนอง รวมทั้งตาม แม่น้ำลำคลอง ตะพาบน้ำสามารถขุดรูเป็นโพรงสำหรับอาศัย รวมทั้งยืดคอขึ้นมาหายใจบนผิวน้ำ หรือยืดคอออกไปฮุบกุ้งปลาที่ว่ายน้ำผ่าน โดยที่ตัวไม่ต้องออกมาจากโพรงเมื่อน้ำในบ่อน้ำหนองแห้งลงในหน้าแล้ง ตะพาบจะทำโพรงอยู่ใต้ดินได้นาน จวบจนกระทั่งฝนตกจึงออกมาจากโพรงและก็เริ่มหาสัตว์น้ำต่างๆรับประทานเป็นอาหาร ตะพาบน้ำรับประทานทั้งกุ้งแล้วก็ปลาใหม่ๆและเนื้อสัตว์ที่เน่าเปื่อย สามารถว่ายไปหารับประทานไกลๆสำหรับในการใช้มือจับตะพาบน้ำนั้นจับได้เฉพาะตรงที่ขอบกระดองข้างหน้าของต้นขาหลัง หากจับไม่ถูกตำแหน่งตะพาบน้ำซึ่งมีคอยาวจะยืดคอออกมาแว้งกัดมือได้
ตะพาบน้ำในประเทศไทย
ตะพาบที่เจอในประเทศไทยมีอย่างน้อง ๖ จำพวก เป็น
๑.ตะพาบน้ำปกติ
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amyda cartilaginea (Boddart)
สมุนไพร ชนิดนี้กระดองบนค่อนข้างจะแบน ขอบกระดองอ่อนนิ่ม เมื่อโตเต็มกำลังกระดองบนบางทีอาจยาวได้ถึง ๘๓ เซนติเมตร ขอบข้างหน้าของกระดองบนเป็นปุ่มขรุขระ ขอบกระดองล่างไม่มีสีเด่น ปากค่อนข้างแหลม ที่หนังบนหลังเป็นริ้วเล็กๆนูนขึ้นมาทั่วข้างหลัง ตัวอ่อนมีสีเขียวขี้ม้าปนเทา บางตัวมีจุดเหลืองๆหรือจุดดำๆขอบเหลือง หัวมีจุดเหลืองๆเป็นจุดใหญ่ทางด้านข้าง พอตัวแก่ จุดเหลืองบนข้างหลังมักหายไป จุดที่ศีรษะก็เลือนไป ที่ใต้ท้องของเพศผู้มีสีขาว แต่ที่ใต้ท้องของตัวเมียเป็นสีเทา ตะพาบน้ำประเภทนี้มีมาก พบทั่วๆไปในแม่น้ำลำคลอง หนอง บึง ในภาคกึ่งกลางของเมืองไทย บางทีอาจพบตามสายธารรวมทั้งห้วยที่เชิงเขา ยิ่งไปกว่านี้ยังพบในภาคใต้ของประเทศพม่า ลาว เวียดนาม เขมร มาเลเซีย รวมทั้งตามหมู่เกาะมลายู
๒.ตะพาบน้ำหัวทื่อ หรือ ตะพาบหัวกบ
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pelochelys bibroni Owen
จำพวกนี้กระดองบนค่อนข้างแบน ขอบกระดองอ่อนนิ่ม ขอบข้างหน้าของกระดองบนเรียบ เมื่อโตเต็มกำลังมีขนาดใหญ่ กระดองบนอาจยาวได้ถึง ๑๒๐ ซม. จมูกสั้น หัวออกจะแบนแล้วก็เล็กเมื่อเทียบกับลำตัว ความยาวของกะโหลกหัวใกล้เคียงกับความกว้าง ปากไม่แหลม ขาหน้าสั้น ตีนกว้าง กระดองข้างหลังมีสีเขียวขี้ม้าอมเทามีรูยุบเล็กๆทั่วไป มีจุดเหลืองๆกระจายอยู่ทั่วไป กระดองด้านล่างสีขาว ในประเทศไทยเจออยู่ทางใต้ นอกจากนั้นยังพบที่ประเทศ ลาว เวียดนาม เขมร มาเลเซีย อินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ แล้วก็ภาคใต้ของจีน
๓.ตะพาบข้างหลังลายกะรัง หรือ ตะพาบน้ำม่านลาย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Chitra chitra Gray
ประเภทนี้กระดองบนค่อนข้างแบน ขอบกระดองอ่อนนิ่ม ขอบข้างหน้าของกระดองบนเรียบ เมื่อโตเต็มที่มีขนาดใหญ่ กระดองบนบางทีอาจยาวได้ถึง ๑๒๒ เซนติเมตร เป็นจำพวกที่มีตัวโตที่สุดของเมืองไทยแล้วก็ของโลก จมูกสั้น หัวออกจะแบนรวมทั้งเล็ก ความยาวของกะโหลกหัวเป็น ๒ เท่าของความกว้าง มีลวดลายบนหนังข้างบน เมื่อยังอายุน้อย กระดองบนมีสีเขียวอมเทา มีจุดลายดำเปื้อนๆพอเพียงมีอายุมากยิ่งขึ้น รอบๆคอแล้วก็กระดองบนจะมีลวดลายสีเหลืองหรือสีน้ำตาลราวกับหินกะรังแต่พอสมควรแก่มากมาย ลายสีนี้กลับจางลงไปอีก พบรอบๆที่ลุ่มแม่น้ำแม่กลองในประเทศไทยแถบที่ลุ่มอิระวดีในประเทศเมียนมาร์ ลุ่มแม่น้ำคงคารวมทั้งแม่น้ำสินธุในประเทศประเทศอินเดีย
๔.ตะพาบสันหลังยาว หรือ ตะพาบน้ำแก้มแดง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dogania subplana Geoffrey
จำพวกนี้กระดองบนออกจะแบน ยาว ขอบสองข้างออกจะขนานกัน สีเขียวหม่นปนน้ำตาล ไม่กลมอย่างตะพาบน้ำจำพวกอื่นๆขอบกระดองอ่อนนิ่ม ขอบข้างหน้าของกระดองบนเรียบเมื่อโตเต็มกำลังกระดองบนยาวได้ถึง ๒๖ เซนติเมตร หัวออกจะใหญ่เมื่อเทียบกับลำตัว ปากแหลม กระดองข้างล่างไม่มีจุดสีดำเด่นชัด ที่ข้างคอและแก้มมีสีแดงเรื่อๆเจอได้ตามแหล่งน้ำลำธารบนที่สูงทางภาคตะวันตกและก็ภาคใต้ของเมืองไทยนอกนั้นยังบางทีอาจเจอในประเทศพม่ามาเลเซีย แล้วก็ประเทศฟิลิปปินส์
๕.ตะพาบน้ำไต้หวัน
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pelodiscus sinensis sinensis Wiegmann
จำพวกนี้กระดองบนออกจะแบนขอบกระดองอ่อนนิ่ม ขอบข้างหน้าของกระดองบนเรียบ เมื่อโตเต็มที่กระดองบนยาวได้ถึง ๒๕ เซนติเมตร กระดองบนมีสีเขียวขี้ม้าหรือสีน้ำตาล กระดองด้านล่างมีจุดสีดำแจ่มชัด รวมทั้งมีสีส้มในระยะก่อนวัยเจริญพันธุ์ ที่รอบตามีเส้นเล็กๆเป็นรัศมีเป็นตะพาบน้ำชนิดพื้นบ้านของจีน นำมาเลี้ยงเป็นสัตว์อาสิน เล็กน้อยหลุดมาขยายพันธุ์ในแหล่งน้ำธรรมชาติ
๖.ตะพาบน้ำหับ
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lissemys punctate scutata (Peters)
เป็นตะพาบที่เจอใหม่และมีขนาดเล็กที่สุดของประเทศไทย เมื่อโตสุดกำลังกระดองข้างหลังบางทีอาจยาวได้ถึง  ๑๖  ซม.  กระดองหลังโค้ง นูน สีเขียวหมองหรือสีน้ำตาล  สามารถหับหรือปิดกระดองได้ทั้งหมด พบครั้งแรกรอบๆชายแดนไทยประเทศพม่า แถบจังหวัดตาก  เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้เอง มีจำนวนน้อยแล้วก็หายาก
คุณประโยชน์ทางยา
ตะพาบน้ำที่พบในยาไทยมักหมายความว่าตะพาบธรรมดา แพทย์แผนไทยใช้ดีตะพาบ เป็นเครื่องยา แบบเรียนยาคุณประโยชน์โบราณว่า ดีตะพาบมีรสขม  คาวมีสรรพคุณแก้ไข้สันนิบาต แก้พิษรอยดำ แก้โรคตา  และก็แก้ลมกองละเอียด  (ลมตาลาย   หน้ามืดลายตา) ในหนังสือเรียนพระโอสถพระนารายณ์มียาขนานหนึ่งเข้า “ดีตะพาบ” เป็นเครื่องยาด้วยดังต่อไปนี้น้ำมันภาลาธิไตล ให้เอารากต้นหญ้าขัดหมอน รากขี้เหล็ก รากปะคำไก่ รากปะคำกระบือ รากมัน รากรักขาว รากลำโพงทั้ง ๒ รากชุมเห็ด รากฝักส้มป่อย ขมิ้นอ้อย ขิง ข่า ยาทั้งนี้ควรจะต้มให้ต้ม ควรตำให้ตำ เอาน้ำสิ่งละทนาน   น้ำมันพรรณผักกาด  น้ำมันพิมเสน น้ำมันละหุ่ง น้ำมันงา สิ่งละทนาน หุงให้อาจแต่น้ำมัน แล้วจึงเอา ดีตะพาบน้ำ  ดีงูงูเหลือม พริกหอม พริกหาง พริกล่อน  ฝิ่น  สิ่งละสลึง เทียนทั้งยัง ๕  สิ่งละบาท ๑ บดปรุงลงในน้ำมันไว้ ๓ วัน ก็เลยทาแลนวดแก้พระเส้นอันทพฤกให้หย่อนยาน  แลฟกบวม เป็นขั้วเป็นหน่วยแข็งอยู่นั้นให้ละลายออกสม่ำเสมอแลฯ
พระคู่มือปฐมจินดาร์ให้ยาแก้ซางเด็กขนานหนึ่งที่เขา  “ดีตะพาบน้ำ” เป็นเครื่องยาด้วยดังต่อไปนี้
ขนานหนึ่ง ท่านให้เอาฟันกรามแรด ๑  กล้วยกรามช้าง ๑  งา  นอแรด ๑  เขี้ยวเสือ ๑  เขี้ยวจระเข้  ๑  เขี้ยวหมู  ๑  กระดูกงูทับทาง ๑ โกฏอีกทั้ง  ๕  ขมิ้นอ้อย  ๑ ไพลดีตะพาบน้ำ ๑  ดีงูงูเหลือม ๑ พิมเสน ๑  รวมยา  ๑๘  สิ่งนี้เอาส่วนเท่ากัน ตำเป็นผงบดปั้นแท่งไว้  ละลายน้ำเหล้า กินแก้ทรางทั้งปวง  หาย

Tags : สมุนไพร
บันทึกการเข้า