รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ เเรด  (อ่าน 507 ครั้ง)

bilbill2255

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 112
    • ดูรายละเอียด
สัตววัตถุ เเรด
« เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2017, 01:16:17 AM »


เเรด
แรดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกลุ่มหนึ่ง จัดอยู่ในวงศ์ Rhinocerotidae เป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์  ทั่วทั้งโลกมีสัตว์เหล่านี้เหลืออยู่เพียงแค่  ๕  ชนิด สมุนไพร เป็นแรดที่เจอในทวีปเอเชีย  ๓  ชนิดหมายถึงกระซู่ แรดชวา แล้วก็แรดอินเดีย เจอในทวีปแอฟริกา ๒ ชนิดหมายถึงแรดขาวรวมทั้งแรดดำ
ชีววิทยาของแรด
๑.กระซู่
มีชื่อวิทยาสาสตร์ว่า Dicerorhinus sumatrensis (fischer)
มีชื่อสามัญว่า asian two-horned  rhinoceros  หรือ  Sumatran  rhinoceros
เป็นสัตว์กีบคี่ เป็น มีเล็บ  ๓  เล็บ  อีกทั้งเท้าหน้าแล้วก็เท้าหลัง  มี  ๒  นอ  เมื่อโตเมที่มีความสูงที่ไหล่  ๑-๑.ค๐  เมตร  น้ำหนักราว  ๑  ตัน  มีหนังดกรวมทั้งมีขนปกคลุมทั่วตัวโดยยิ่งไปกว่านั้นในตัวที่มีอายุน้อย  ขนนี้จะน้อยลงเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  โดยปกติลำตัวสีเทาเหมือนสีเถ้าหรือสีน้ำตาลเข้ม  ข้างหลังของลำตัวมีรอยพับของหนังเพียงแค่พับเดียวอยู่ที่บริเวณด้านหลังของขาคู่หน้า  กระซู่ทั้งยัง  ๒  เพศมมีนอ  ๒  นอ  นอหน้ายาวราว  ๒๕  เซนติเมตร  ส่วนนอข้างหลังมักยาวไม่เกิน  ๑๐  ซม.  หรือบางทีอาจเป็นเพียงแต่ตุ่มนูนขึ้นมาในตัวเมียกระซู่เป็นสัตว์ที่ป่ายปีนเขาเก่ง  มีประสาทรับกลิ่นดีเยี่ยม  หากินตอนค่ำ รับประทานใบไม้  ก้านไม้  รวมทั้งผลไม้ป่าเป็นของกิน  เหมือนเคยใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว  ยกเว้นในช่วงฤดูสืบพันธุ์  หรือตอนที่ตัวเมียเลี้ยงลูกอ่อน  ตกลูกครั้งละ  ๑  ตัว  ระยะตั้งท้อง  ๗-๘  เดือน  มีอายุยืน  ๓๒  ปี
กระซู่มีเขตผู้กระทำระจายชนิดตั้งแต่เมืองอัสสัมของอินเดีย   รวมทั้งในบังกลาเทศ  เมียนมาร์  ไทย  เวียดนาม  มาเลเซีย  รวมทั้งอินโดนีเซีย  มักอาศัยตามชายป่าสูงที่มีหนามรกทึบ  แต่ว่าลงมาอยู่ในป่าที่ราบต่ำตอนปลายฤดูฝน  ซึ่งมักมีปลักแล้วก็น้ำอยู่ทั่วๆไป  ในปัจจุบันกระซู่จัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน  ๑๕  จำพวกของไทย
๒. แรดชวา  (เขมรเรียกระมาด)
มีชื่อวิทยาศาสตร์  Rhioceros  sondaicus  Desmarest
มีชื่อสามัญว่า  lesser  one-horned  rhinoceros  sinv  Javan  rhinoceros
เป็นสัตว์กีบคี่ เป็น มีเล็บ  ๓  เล็บ  ทั้งยังเท้าหน้าและเท้าหลัง  มีนอเดียว  เมื่อโตเต็มที่มีความสูงที่ไหล่  ๑.๖๐-๑.๘๐  เมตร  น้ำหนักตัว  ๑.๕-๒  ตัน  มีหนังดกและก็มีขนขึ้นห่างๆ ลำตัวสีเทาออกดำ  ข้างหลังของลำตัวมีรอยพับของหนัง  ๓  รอย  ตรงแถวๆศีรษะไหล่  ข้างหลังของขาคู่หน้า  แล้วก็ข้างหน้าของขาคู่หลัง  แรดเพศผู้มีนอเดียว  มีความยาวไม่เกิน  ๒๕  ซม.  ส่วนตัวภรรยานั้นมองเห็นเป็นเพียงแค่ตุ่มนูนขึ้นมา แรดชวาเคยเป็นสัตว์ที่หาเลี้ยงชีพอยู่รวมกันเป็นฝูง  แต่ตอนนี้พบทำมาหากินกระโดดๆ หรืออยู่เป็นคู่ในฤดูสืบพันธุ์  รับประทานใบไม้  กิ่งไม้  รวมทั้งผลไม้ป่าที่หล่นอยู่บนพื้นดินเป็นของกิน  คลอดลูกครั้งลพ  ๑  ตัว  ระยะตั้งท้องนาน  ๑๖  เดือน มีเขตผู้กระทำระจายจำพวกตั้งแต่ในประเทศบังกลาเทศ  ประเทศพม่า  ไทย  เวียดนาม  เขมร  มาเลเซีย  แล้วก็อินโดนีเซีย  พบได้ทั่วไปในป่าดิบชื่นที่มีน้ำสมบูรณ์บริบูรณ์  หรือป่าทึบริมฝั่งสมุทร  ส่วนใหญ่หากินอยู่ตามป่าที่ราบ  ไม่เจออยู่ตามภูเขาสูง  เดี๋ยวนี้แรดชวาจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนประเภทหนึ่งใน  ๑๕  จำพวกของไทย
๓. แรดประเทศอินเดีย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Rhinoceros  unicornis  Linnaeus
มีชื่อสามัญว่า  Indian  rhinoceros
เป็นแรดใหญ่ประเภทนอเดียว  สูงราว  ๒  เมตร  หนัก  ๒-๓  ตัน  ตามตัวมีหนังหนาเหมือนโล่ที่ไหล่  ที่ตะโพก  หนังเป็นปุ่มนูนกลมเห็นได้ชัด  ไม่มีขนมากนักนอกจากที่ขอบหูและปลายหาง  มีหนังพับข้ามข้างหลัง  ๒  แห่ง หมายถึง ที่ข้างหลังของไหล่รวมทั้งที่ข้างหน้าของสะโพก  แต่ไม่มีพับหนังผ่านคอ  หางสั้นอยู่ในหลืบพักของบั้นท้าย  ท้องนานราว  ๑๙  เดือน  อายุยืนราว  ๕๐  ปี  แรดประเทศอินเดียอาศัยอยู่ในป่าลุ่มริมแม่น้ำ  เคยพบได้ทั่วไปในหุบเขาแม่น้ำสินธุ  ที่ราบลุ่มแม่น้ำคงคา  ช่องเขาแม่น้ำพรหมบุตร  รวมทั้งรอบๆเชิงเขาหิมาลัยตั้งแต่ประเทศปากีสถานถึงรัฐอัสสัมประเทศอินเดีย
๔. แรดขาว
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Ceratotherium  simum  Burchell
มีชื่อสามัญว่า  white  rhinoceros  หรือ  square-lipped  rhinoceros
มีขนาดใหญ่กว่าแรดอื่นๆ สูงราว  ๑.๖๐-๒  เมตร  ขนาดวัดจากหัวถึงโคนหาง  ๓.๖๐-๕  เมตร  หนัก  ๒.๓ – ๓  ตัน  มีนอ  ๒  นอ  นอหน้ายาวราว  ๖๐  ซม.  แต่บางตัวนอยาวถึง  ๑.๕๐  เมตร  หัวยาว  ปากกว้าง  หูยาวกว่าแรดดำ  แล้วก็ปลายหูแหลม  หน้าผากลาด  และก็มนกว่าแรดดำ  หัวไหล่นูนเป็นก้อน  ผิวหนังเป็นตุ่มนูนน้อยกว่าแรดดำ  ผิวสีน้ำตาลอมเหลืองหรือสีเขา  ผิวหนังทั่วตัวไม่มีขน  นอกจากขนที่ปลายหูและก็ขนหาง  ริมฝีปากบนมีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมจัตุรัส  แรดประเภทนี้ชอบกินหน้ามากยิ่งกว่าใบไม้  มีหัวยาวเพื่อก้มลงกินหญ้าได้ง่าย  บนไหล่มีโหนกสูง  มีจมูกดี  แต่ว่าตาและก็หูไม่ดี  ถูกใจอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็กๆ ราว  ๔—๕  ตัว  แม้กระนั้นอาจพบได้ถึงฝูงละ  ๑๘  ตัว  ไม่ดุมากแรดขาวเคยอาศัยอยู่รอบๆภาคตะวันตกของทวีปแอฟริกา  รอบๆช่องเขาลุ่มแม่น้ำไนล์  แต่ในตอนนี้ได้สูญพันธุ์ไปจากบริเวณนี้  พบในแอฟริกากึ่งกลางรอบๆทะเลสาบชาดกับแม่น้ำไนล์ขาว  แล้วก็ในแอฟริกาใต้  ทางตอนใต้ของแม่น้ำออเรนจ์ไปทางด้านตะวัยตก  จนถึงภาคทิศตะวันออกของประเทศนามิเบีย  แรดขาวโตถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ  ๗-๑๐  ปี  ตั้งท้องนาน  ๑๘  เดือน  เหมือนเคยคลอดลูกเพียงแต่ตัวเดียว  เมื่ออายุ  ๑ เดือนก็เดินตามแม่ได้แล้ว  อายุ   ๑  สัปดาห์เริ่มรับประทานต้นหญ้า  มีอายุยืน   ๓๐-๔๐  ปี
๖.แรดดำ
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Diceros  bicornis  Linnaeus
มีชื่อสามัญว่า  hook-lipped rhinoceros  หรือ   African  black  rhinoceros
เป็นแรดที่มีรูปร่างใหญ่   งุ่มง่ามหนังดก  สีน้ำตาลอ่อนคละเคล้าเทาหรือเทาแก่   ตามลำตัวไม่มีขน  นอกจากบริเวณใบหูรวมทั้งปลายหาง  ไม่มีต่อมเหงื่อ  ตาเล็ก  ริมฝีปากบนเป็นติ่งหรือจะงอยแหลมบางส่วน  ยืดหดได้  ใช้เหนี่ยวก้านไม้เข้าปากได้  มี  ๒  นอ  นออันใจกว้างและก็ยาวกว่าอันข้างหลัง  หางสั้น  แข็ง  ใบเครื่องทอผ้าลม  ไม่มีทั้งยังฟันตัดและฟันเขี้ยว  เท้ามี  ๓  เล็บ  ขนาดลำตัวยาวราว  ๓.๓๐  เมตร  ความสูงถึงไหล่ราว  ๑.๗๐  เมตร  น้ำหนักราว  ๒  ตัน  ตัวเมียมีเต้านม  ๒  เต้า  เหมือนปกติแรดดำถูกใจอยู่ตัวคนเดียว  จะอยู่เป็นคู่เฉพาะในขณะสืบพันธุ์  ออกหากินค่ำคืน  ชอบหากินตามทุ่งหญ้าและก็รอบๆชายเขา  รังเกียจเข้าไปหาเลี้ยงชีพในป่าลึก  นิสัยดุ  หูและก็จมูกไว  แรดดำโตเป็นหนุ่มสาวพร้อมสืบพันธุ์ได้เมื่อมีอายุราว  ๗  ปี  ตั้งท้องนาน  ๑๕-๑๖  เดือน  ตกลูกครั้งละ  ๑  ตัว  ลูกแรดกินนมแม่อยู่นานราว  ๒  ปี  และก็อยู่กับแม่นาน  ๓-๔  ปี แรดที่พบในบ้านเรามีเพียงแค่  ๒  ประเภทแรก หมายถึง  กระซู่แล้วก็แรดชวา

คุณประโยชน์ทางยา
แพทย์แผนไทยเคยใช้นอแรดเข้ามาเป็นเครื่องยาในยาโบราณหลายขนาน  แต่ว่าในขณะนี้ใช้น้อยลง  เพราะหายากแล้วก็แพงแพง นอแรดเป็นสิ่งแข็งเหมือนเขาสัตว์  ตัน  แตกออกขึ้นมาเหนือจมูกของสัตว์พวกแรด  นอแรดที่ดีต้องมีเปลือกนอกดำไหม้  สีค่อยจางไปที่โคน  กระทั่งเป็นสีเทาอมน้ำตาล  เนื้อในมีสีเทาปนขาว  มีจุดสีเทาดำ  หนังสือเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่า  นอแรดมีกลิ่นหอมยวนใจเย็น  ไม่คาว  มีรสเปรี้ยวเค็มเย็น  มีสรรพคุณแก้ไข้สูง  แก้พิษร้อน  แก้อ้วกเป็นเลือด  แก้ถ่ายเป็นเลือด  เป็นยาระงับประสาท  โดยใช้บดเป็นผงผสมกับน้ำกิน  เป็นยาขมเจริญอาหาร  แก้อาการเกร็งเพื่อเป็นการรักษาสัตว์เหล่านี้ไว้  จึงไม่สมควรใช้หรือเกื้อหนุนให้ใช้  เครื่องยาที่ใช้แทนกันได้คือเขากระบือ  (ควาย)  แม้กระนั้นจะต้องใช้ในจำนวนมากกว่าหลายเท่า

Tags : สมุนไพร
บันทึกการเข้า